มุสลิมไม่มีเหลี่ยม


จำเป็นที่จะต้องรู้
มุสลิมไม่มีเหลี่ยม โดย อ.มุรีด ทิมะเสน ต้องยอมรับว่าในช่วงนี้เรื่องการเมืองในบ้านเมืองของเรานั้นกำลังเข้มข้นและดุเดือดขึ้นทุกวัน อีกทั้งการเมืองดังกล่าวไม่ห่างไกลจากวิถีชีวิตของมุสลิมมากสักเท่าใด บางครั้งเกิดขึ้นกับมุสลิมเอง หรือสังคมมุสลิมโดยตรงก็ว่าได้ เราในฐานะที่เป็นประชาชนชาวไทย พูดง่ายๆ ว่าเป็นคนไทยคนหนึ่ง จะต่างกันตรงที่เรานับถือศาสนาอิสลามเท่านั้น ซึ่งผู้เขียนตั้งใจอยู่หลายครั้งแล้วคราวที่จะเขียนเกี่ยวกับการเมืองสักเล็กน้อย โดยเฉพาะการเมืองที่เกี่ยวกับมุสลิมโดยตรง หรือโดยอ้อมก็ตาม ครั้งนี้จึงสบโอกาสได้เจียดเวลาเพื่อนำเสนอที่ต้องตั้งใจไว้ แม้ว่าจะเป็นบทความที่ไม่ยาวมากนัก หากเราย้อนกลับไปในวันที่ 28 เมษายน 2547 เป็นวันแห่งความทรงจำที่มุสลิมจำเป็นจะต้องบันทึกไว้ที่เพดานสมองของมุสลิมก็ว่าได้ นั่นคือ มุสลิมถูกสังหารเสียชีวิตประมาณร้อยกว่าศพ ที่มาที่ไปผู้เขียนไม่ขอนำเสนอ เพราะมีเนื้อหาเป็นจำนวนมาก แต่ผู้เขียนขอนำเสนอในบางแง่มุม ซึ่งเป็นแง่มุมที่ไม่ค่อยถูกเปิดเผยต่อสาธารณชนสักเท่าใด นั่นคือแง่มุมที่อธรรมต่อพี่น้องมุสลิมของเรา โดยหามีมุสลิมคนใด หรือองค์กร,สถาบันมุสลิมใดที่เรียกร้องความเป็นธรรมดังกล่าว โดยปล่อยให้ความอธรรมถูกฝังไปพร้อมกับซากศพของมุสลิม ซึ่งเขาเองก็ยังไม่ทราบเลยว่าสาเหตุใดเขาจึงถูกสังหาร จากรายงานของคณะกรรมสิทธิ์มนุษยชนแห่งชาติ บันทึกจากปากคำให้การของผู้ที่เห็นเหตุการณ์ระบุว่า “ผู้เสียชีวิตในร้านอาหารสวยนะ ส่วนใหญ่ที่พบนั้น ก่อนหน้าเสียชีวิตได้ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ 30 คนควบคุมตัวไว้ได้แล้ว โดยให้ยกมือยอมแพ้ ยืนบนถนนแล้วค่อยๆ ผลักดันให้ถอยไปในร้านอาหารสวนนะ และต่อมาก็ทราบว่าถูกยิงเสียชีวิตในร้านอาหารสวนนะ” (หนังสือ “วิพากษ์ทักษิณ” เขียนโดยบุญธรรม อาจหาญ หน้า 82) “ลองย้อนกลับไปยังจุดสงสัยของผมว่า ทำไมผู้ที่ตายทั้งที่มัสยิดกรือเซะจังหวัดปัตตานีและที่ร้านอาหารสวยนะ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา ส่วนใหญ่จึงถูกยิงที่หัวใจไม่ก็กลางหลัง? ถ้าหากกลุ่มผู้ตายยิงต่อสู้กับเจ้าหน้าที่จริงๆ กระสุนน่าจะไปโดนส่วนอื่นเช่นแขนขาบ้าง แต่นี่ทำไมมันแม่นจังยิงถูกแต่หัวกับกลางหลัง” (หนังสือ “วิพากษ์ทักษิณ” เขียนโดยบุญธรรม อาจหาญ หน้า 83) ผู้อ่านมุสลิมอ่านบทความข้างต้นแล้วรู้สึกอย่างไรบ้าง? บทความข้างต้นผู้เขียนคัดมาจากหนังสือ “วิพากษ์ทักษิณ” ซึ่งผู้เขียนหนังสือเล่มดังกล่าวก็ไม่ใช่มุสลิม แต่เขาก็เขียนบทความอย่างตรงไปตรงมา ทั้งนี้เพื่อให้ความจริงปรากฏ และทำให้พี่น้องชาวไทยหูตาสว่างต่อข่าวสารที่ถูกนำเสนออย่างบิดเบือน และสร้างความเข้าใจผิด กระทั่งผู้คนทั้งหลายเข้าใจว่า พี่น้องมุสลิมของเราคือพวกโจรแบ่งแยกดินแดน หรือผู้ก่อการร้ายนั่นเอง นัยความเป็นจริงข่าวสารที่ถูกนำเสนอออกมานั้นไม่ให้ความยุติธรรมกับมุสลิมสักเท่าใด การนำเสนอข่าวสารในบ้านเรามักจะตัดสิน หรือพิพากษาไปแล้วว่า มุสลิมคือผู้ก่อความวุ่นวายในแก่สามจังหวัดภาคใต้ แต่นัยความเป็นจริงพี่น้องมุสลิมภาคใต้ต่างรู้ดีว่าอะไรเกิดขึ้น ณ หมู่บ้าน หรือชุมชนของพวกเขา ด้วยสาเหตุที่พวกเขาไม่มีสื่อ พวกเขาไม่มีกระบอกเสียงที่จะชี้แจงความจริง หรือหากพวกเขาชี้แจง พวกเขาก็จะถูกคุกคามอย่างต่อเนื่อง และทุกรูปแบบ ฉะนั้นในเหตุการณ์ของกรือเซะนั้นเป็นเสมือนการเชือดไก่ให้ลิงดูเท่านั้นเอง เพื่อทำให้ผู้ที่คิดจะต่อกรกับรัฐบาลเกิดหวาดกลัว แล้วเลิกคิดไปในที่สุด อันที่จริงความรุนแรงในเหตุการณ์ที่กรือเซะนั้น ฝ่ายรัฐบาลนั่นแหละที่ต้องการจะทวีความรุนแรงให้เกิดขึ้น ดั่งที่ประจักษ์กับสายตาของพี่น้องมุสลิมโดยทั่วไปอยู่แล้ว อนึ่ง คราบเลือดของมุสลิมร้อยศพที่กรือเซะยังไม่จางหายไปจากพี่น้องมุสลิมของเรา เหตุการณ์การเสียชีวิตของพี่น้องมุสลิมประมาณ 85 ศพก็เกิดขึ้นอีก เป็นการเกิดที่ซ้ำซาก และเป็นการย้ำรอยเดิมนั่นคือมุสลิมตายด้วยน้ำมือของผู้รักษากฎหมายบ้านเมือง และผู้ที่ได้ชื่อว่าเป็นรั้วของชาตินั่นเอง ซึ่งในวันที่ 25 ตุลาคม 2547 ได้มีเหตุการณ์ชุมนุมประท้วงที่หน้าสถานีตำรวจภูธร อำเภอตากใบ จังหวัดนราธิวาส เพื่อเรียกร้อยให้ตำรวจปล่อยตัวเจ้าหน้าที่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ) 6 คน ที่ถูกจับอันเนื่องจากนำอาวุธปืนไปมอบให้พวกก่อการร้าย เพราะโดนข่มขู่เอาชีวิต จึงสร้างเรื่องว่าถูกปล้นปืน แต่แท้จริงคือนำปืนหลวงไปให้พวกก่อการร้ายจึงถูกจับในฐานแจ้งความเท็จ (หนังสือ “วิพากษ์ทักษิณ” หน้า 84) แต่ในวันนั้นกลับกลายเป็นวันแห่งความเศร้าโศกเสียใจของพี่น้องมุสลิม เพราะพี่น้องมุสลิมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรนั้น บางส่วนกลับต้องเสียชีวิต เนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ และทหารทำเกินกว่าเหตุ โดยสลายผู้ประท้วงเยี่ยงพวกเขาเป็นสัตว์เดียรัจฉาน กล่าวคือนำพี่น้องมุสลิมขึ้นรถจีเอ็มซีโดยให้นอนคว่ำหน้าวางเรียงซ้อนกันจนทำให้มีพี่น้องมุสลิมชีวิตเป็นจำนวนมาก ดังปรากฏในข้อความที่ว่า “คนที่นอนคว่าหน้าอยู่แถวล่างสุด (ถูกคนทับอยู่ 3-4 ชั้น) เมื่อใกล้ตาย ขาดอากาศหายใจ กล้ามเนื้อถูกกดทับทำลาย ร้องขอความช่วยเหลือ ก็ถูกทหารที่ควบคุมไปกับรถขึ้นไปเหยียบด้านบน และใช้พานท้ายปืนตี พร้อมกับพูดว่า “จะได้ให้พวกมึงรู้ว่า นรกมีจริง” (หนังสือ “ความจริงที่ตากใบ” โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หน้า 4) อีกข้อความหนึ่ง “สภาพร่างกาย ถูกกดทับจนกล้ามเนื้อถูกทำลาย บวม เขียว เซลล์กล้ามเนื้อที่ถูกทำลายเข้ากระแสเลือด ส่งผลให้ไตวาย บางรายอาการสาหัส ต้องฟอกเลือดในโรงพยาบาลที่สงขลา บางรายมีร่องรอยบาดแผล ถูกยิงที่ขา ที่หน้าท้อง ที่แก้มทะลุปาก ลิ้นขาด ที่บริเวณลำตัวอื่นๆ บางรายถูกซ้อม ถูกแตะเข้าที่เบ้าตา แขนขาหัก ฯลฯ” (หนังสือ “ความจริงที่ตากใบ” โดย ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง หน้า 5) ผู้เขียนรู้สึกเจ็บแค้นอย่างบอกไม่ถูกที่ได้รับรู้ข้อมูลข้างต้น ดูเหมือนว่าที่มุสลิมถูกอธรรม ถูกกดขี่ข่มเหงคงไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด เว้นแต่เรามีความเชื่อ ความศรัทธา และการปฏิบัติที่แตกต่างกับประชาชาติอื่นอย่างสิ้นเชิง แต่แม้ว่าเราจะถูกกดขี่อย่างไรเราก็ต้องยืนหยัดต่อสู้ต่อไป เราจะต้องต่อสู้อย่างสุดความสามารถเพื่อให้สิทธิของมุสลิมกลับคืนมา และทำให้ความยุติธรรมกลับคืนมาสู่พี่น้องมุสลิมของเรา ซึ่งเรามีสิทธิอันชอบธรรมที่จะเรียกร้องสิทธิของเราได้อย่างเสรี อีกทั้งมุสลิมเป็นคนตรงไปตรงมา มุสลิมไม่มีเหลี่ยมเหมือนผู้นำบางคน มุสลิมเปิดเผยถึงเจตนารมณ์อันแน่วแน่ต่อการประกาศจุดยืนเรียกร้องสิทธิความเป็นธรรมของตนเอง นี่ผู้เขียนยังมิได้กล่าวถึงคดีทนายสมชาย หรือมุสลิมที่ถูกอุ้มทางภาคใต้ หรือกรณีอื่นๆ อีก หากนำมาพูดรวมกัน ผู้เขียนเชื่อว่าจะต้องเป็นตราบาปสำหรับผู้อธรรมเหล่านั้นอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่อผู้เขียนกล่าวมาถึงตรงนี้ ก็ปรารถนาให้มุสลิมมีสติเสียที เลิกสนับสนุนผู้ที่สร้างความเสียหายให้พี่น้องมุสลิมของเราเสียที เลิกเป็นหัวคะแนนให้แก่พรรคการเมืองที่สร้างแต่ความอธรรมไม่หยุดหย่อนให้แก่พี่น้องมุสลิมของเราเสียที จากนั้นก็มาสนับสนุนและส่งเสริมจริยธรรมอิสลามให้สูงส่ง อีกทั้งกระตุ้นให้มุสลิมกลับมาเรียกร้อนสิทธิของตนเองที่ถูกริดรอนสิทธิ์ของเราไปจนหมด และกระตุ้นองค์กรมุสลิมที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับสังคมมุสลิมให้องค์กร และสถานบันเหล่านั้นทำกิจกรรมเพื่ออิสลามอย่างเต็มรูปแบบ และทำให้พวกเขาเป็นองค์กรที่นำหน้าประกาศจุดยืนเรียกร้องความยุติธรรมกลับคืนสู่พี่น้องมุสลิมของเราเสียทีเถิด. (วัสสลาม)
คำสำคัญ (Tags): #แด่ศาสนาที่รัก
หมายเลขบันทึก: 114033เขียนเมื่อ 24 กรกฎาคม 2007 10:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:36 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท