Knowledge Management ศาสตร์แห่งการประยุกต์


โดย ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์


โดย ดร.ตวงอัฐ ชัยกิจโกสีย์ : แนวคิดของศาสตร์ด้าน KM นั้นมิใช่เรื่องใหม่ หากแต่เป็นสิ่งลึก ๆ ที่ฝังรากอยู่ในจิตใจของผู้ประกอบการ หรือผู้นำในองค์กรต่าง ๆ มานับแต่อดีต ผู้เขียนลองยกตัวอย่างง่าย ๆ ที่ใกล้ตัวผู้อ่านทุกท่านมากที่สุด ซึ่งก็ได้แก่ศิลปะไทย ทุกท่านคงทราบกันดีว่า การที่ประเทศไทยมีจุดแข็งแกร่งในเรื่องของงานศิลปกรรมที่หาชาติใดในโลกมาเปรียบเทียบได้ยากนั้น มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นภายในชั่วระยะเวลาสั้น ๆ แต่เป็นการสั่งสมและถ่ายทอดประสบการณ์จากช่างรุ่นหนึ่งไปสู่รุ่นหนึ่งต่อเนื่องกันมาหลายร้อยปี มีทั้งการถ่ายทอดโดยการศึกษาเล่าเรียนในทางตรง เช่น อาจารย์สั่งสอนศิษย์ และการศึกษาทางอ้อม เช่น การศึกษางานศิลปกรรมจากผลงานการสร้างของคนรุ่นเก่าก่อน ในขณะเดียวกันสิ่งที่เป็นจุดบกพร่องหลาย ๆ ประการในงานศิลปะก็อาจได้รับการพัฒนาแก้ไขโดยช่างในรุ่นต่อ ๆ มา ซึ่งอาจจะเป็นด้วยความก้าวหน้าทางด้านงานช่าง หรือการได้รับเทคนิคใหม่ ๆ จากการคบค้าสมาคมกับต่างชาติในยุคต่อ ๆ มาก็ดี

สิ่งเหล่านี้ แท้จริงแล้วก็คือแนวทางในลักษณะของ KM ด้วยกันทั้งสิ้น จึงสามารถสรุปได้ง่าย ๆ ว่า KM นั้นเป็นเรื่องของกระบวนการจัดเก็บ ถ่ายทอด เลือกสรร และพัฒนาข้อมูลความรู้ต่างๆ นั่นเอง ซึ่งเมื่อเทคโนโลยีข่าวสารข้อมูลมีการพัฒนาอย่างก้าวหน้ามาจนถึงปัจจุบัน มนุษย์จึงได้อาศัยศักยภาพของเทคโนโลยีใหม่ ๆ เหล่านี้เป็นตัวกลางในการจัดการบริหารองค์ความรู้ต่าง ๆ จนกลายเป็นศาสตร์ที่ปัจจุบันได้รับความสนใจจากผู้คนทั่วโลกมากอีกแขนงหนึ่ง และมีความสำคัญมากจนถึงกับมีการเปิดการเรียนการสอนในระดับปริญญาเอกกันในหลาย ๆ ประเทศ รวมทั้งในประเทศไทย

หากลองพิจารณาถึงอารยธรรมในยุคโบราณของหลาย ๆ ประเทศที่สาบสูญไป และปัจจุบันไม่มีลูกหลานของประเทศนั้น ๆ สามารถพัฒนาตนเองให้มีความชำนาญเทียบเท่ากับบรรพบุรุษของตนเองได้ ปัจจัยสำคัญย่อมเกิดจากการขาดความต่อเนื่องในการถ่ายทอดและรักษาองค์ความรู้นั้นไว้ได้ ซึ่งอาจเป็นเพราะภาวะสงคราม, ภัยธรรมชาติ หรือหายนะใด ๆ ก็ตาม แต่สิ่งที่เป็นมูลเหตุสำคัญที่สุดย่อมเป็นเรื่องระหว่างบุคคล อาจเป็นเพราะผู้ทรงความรู้ไม่ต้องการถ่ายทอดเคล็ดลับในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับผู้อื่น, การขาดสื่อกลางที่มีประสิทธิภาพในการเก็บรักษาข้อมูล, ความไม่เอาใจใส่ของผู้รับการถ่ายทอดความรู้นั้น ฯลฯ จะเห็นว่าหากมีแนวทางในการเก็บรักษาองค์ความรู้ไว้ได้อย่างเป็นระบบ แม้จะมีปัญหาในเรื่องของบุคคลอยู่บ้างแม้ในยุคสมัยใด องค์ความรู้ที่สำคัญหลาย ๆ ประการก็คงจะไม่สูญหายไปดังเช่นที่เป็นมาในอดีต โดย km เป็นศาสตร์แขนงใหม่ที่เริ่มก่อตัวขึ้นในช่วงเวลา 2-3 ปีที่ผ่านมา ถือเป็นอีกหนึ่งวิถีทางของการประยุกต์ใช้เครือข่ายสื่อสารข้อมูล โดยร่วมกันกับการออกแบบระบบฐานข้อมูล (Database Management) อันเป็นหัวใจสำคัญอีกประการหนึ่งของโลกยุคไซเบอร์สเปซ ศาสตร์แขนงนี้มีสาระสำคัญในเรื่องของแนวคิด (Concept) และวิธีการจัดการ (Management) ในการบริหารฐานข้อมูลที่เก็บรวบรวมข่าวสาร ความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลต่าง ๆ โดยมีการเชื่อมโยงองค์ความรู้เหล่านี้ในลักษณะใดลักษณะหนึ่งที่สามารถนำกลับมาอ้างอิง หรือพัฒนาให้เป็นองค์ความรู้ที่มีรายละเอียดมากขึ้น มีความถูกต้อง เชื่อถือได้มากขึ้น เพื่อใช้เป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง ถือเป็นพัฒนาการอีกขั้นหนึ่งของสังคมมนุษย์กับเทคโนโลยีข่าวสารข้อมูล ศาสตร์ดังกล่าวมีชื่อว่า Knowledge Management เรียกย่อ ๆ ว่า KM

หมายเลขบันทึก: 113774เขียนเมื่อ 23 กรกฎาคม 2007 13:56 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:35 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท