ช่วงนี้ไปไหนมาไหน ก็เจอแต่ประโยคที่บอกว่า "สมบูรณ์ขึ้นรึเปล่า" "อ้วนขึ้นใช่มั้ยเนี่ย" และอีกหลากหลายคำถามที่มีความหมายไปในทางเดียวกันว่า รูปร่างของเรากำลังเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่อง เมื่อมีความคนทักหลายๆ คนเข้าก็เลยต้องมาส่องกระจกพิจารณาตัวเองอย่างถี่ถ้วน แล้วก็คิดอย่างเป็นตรรก(ของตัวเอง) ว่า นี่คงเป็นเวรเป็นกรรมของชั้นที่เกิดมาอยู่ในสังคมที่ผู้หญิงผอมบางถูกยกย่องว่างาม ถ้าชั้นไปเกิดในที่อื่นหรือเมื่อยุคสมัยที่นิยมสตรีร่างท้วม ป่านนี้ชั้นคงสวยกว่าใครไปแล้ว
ในเมื่อสตรีอ้วนไม่ถูกยอมรับในสังคมทุกวันนี้ สิ่งที่ดีที่สุดที่ควรทำคือ ต้องรีบทำรูปร่างให้ผอมบางแบบพิมพ์นิยมโดยด่วน แล้วก็หาวิธีที่จะลดความอ้วนให้ได้ ศึกษาวิธีต่างๆ ทั้งตามหนังสือ ในอินเตอร์เน็ต และจากการโฆษณาของสถาบันต่างๆ จากการศึกษาเรื่องเหล่านี้ ชั้นก็พบว่ามันไม่ได้ทำให้ชั้นผอมลงเลย แต่กลับเจอความจริงของการลดความอ้วนที่ไม่สำเร็จของบรรดาสาวๆ แทน
หลักการลดความอ้วนที่ถูกต้องตามหลักโภชนาการคือ คุณกินไปเท่าไหร่ คุณจะต้องเผาผลาญพลังงานให้ได้เท่านั้น(Take in = Take out) ง่ายๆ คือ ถ้าสมมุติคุณทานอาหารไป 1 กิโลกรัม หลังจากที่ร่างกายของคุณนำอาหารไปใช้ประโยชน์ในร่างกายเรียบร้อยซึ่งอาจใช้ประมาณ ครึ่งกิโลกรัม แล้วยังมีสิ่งตกค้างอยู่ในร่างกายคุณอีกครึ่งกิโลกรัม ซึ่งครึ่งกิโลหลังนี่ มันจะกลายไปเป็นไขมันเกาะอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คุณก็ต้องหาวิธีที่จะทำให้ไอ้ครึ่งกิโลหมดไป วิธีการง่ายแสนง่ายคือ การออกกำลังกาย ง่ายๆ ไม่มีอะไรซับซ้อน แต่ทำไมการลดความอ้วนถึงเป็นสิ่งที่ยากแสนเข็ญของสาวๆ ก็เพราะว่าสาวๆเหล่านี้ไม่เคยคิดถึงวิธีการลดความอ้วนโดยการออกกำลังกายให้ร่างกายใช้พลังงานไม่ให้มันตกค้างอยู่ในร่างกายเลย สิ่งที่พบเห็นทุกวันนี้คือ 80 เปอร์เซ็นของการโฆษณาการลดน้ำหนัก คือ การกินยาลดความอ้วน การใช้ไฟฟ้าจี้ตามจุดไขมัน การใช้เจลละลายไขมัน การไปนวด ไปตี จุดที่ไขมันมันสะสม ซึ่งสิ่งเหล่านี้มันห่างไกลความผอมโดยสิ้นเชิง แล้วอาจจะสงสัยว่าเมื่อลดความอ้วนสามารถทำได้โดยการออกกำลังกายแล้วทำไมไม่ทำกันล่ะ คำตอบง่ายคือ ก็ออกกำลังกายน่ะมันเหนื่อยน่ะสิ สู้กินยาไม่ได้ 10 วินาทีก็เสร็จ
สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันคิดถึงระบบการคิด (Thinking mode)ของคนไทยเรา ที่ว่าคนไทยเราชอบอะไรที่มันง่ายๆ ไม่ซับซ้อนไม่ยุ่งยากท่าจะจริง ระบบการคิดเรื่องลดความอ้วนโดยวิธีการอื่นที่ไม่ใช่ออกกำลังกาย ก็เหมือนกับการที่คนอยากรวยโดยการถูกหวย รอที่จะแต่งงานกับคนรวยๆ อยากประสบผลสำเร็จในสิ่งต่างๆ โดยการบนบานกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ระบบการคิดแบบนี้มันฝังแน่นอยู่ในจิตใจเราแล้วถ่ายทอดออกมาตาม บทละคร และนิยาย ต่างๆ ซึ่งเป็นการย้ำเตือนให้สลัดความคิดแบบนี้ไปไม่พ้นสักที
ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เราจะต้องปรับเปลี่ยนระบบการคิดของเราใหม่
แอนอยากอ้วนขึ้นค่ะพี่ ตอนนี้ผอมมากเลย เพราะเรียน+ทำงานไปด้วย น้ำหนักลดไปเกือบ 6 กิโลกรัม ไม่ชอบเลย
แต่แปลกนะมีแต่คนทักว่า
"หุ่นดีจังเลย ไปทำอะไรมา"
"ทำไม่ผอมจัง บอกเคล็ดลับบ้างดิ"
"อิจฉาจัง"
....................................
เฮ้อ นี่ถ้าบอกว่าทานอาหารวันละ 4-5 มื้อจะมีคนเชื่อมั๊ยเนี่ย