บทที่ 5 Knowledge Transfer (การถ่ายทอดองค์ความรู้)


เพจนี้เป็นการแปลและสรุปเนื้อหามาจากในหนังสือ Knowledge Management ครับ

กลยุทธ์การถ่ายทอดองค์ความรู้
      วิธีการที่น่าเชื่อถือมากที่สุดในการถ่ายทอดความรู้คือการเอาอย่าง หรือพยายามเลียนแบบ โดยปกติแล้วยังไม่มีโครงสร้างการถ่ายทอดความรู้ต่อการประสบความสำเร็จของบริษัท  ซึ่งมีวิธีการต่างๆ จำนวนมากในการถ่ายทอดความรู้ 

สภากาแฟและห้องสำหรับแลกเปลี่ยน
การแลกเปลี่ยนพูดคุยที่สภากาแฟถือเป็นโอกาสในการถ่ายทอดความรู้ ซึ่งลักษณะของการจัดการนั้นสันนิษฐานกันว่า สังคมของสภากาแฟเป็นสังคมที่ใช้เวลาโดยเปล่าประโยชน์ โดยที่การสนทนาในสภากาแฟส่วนใหญ่มุ่งความสนใจในเรื่องงานเท่านั้น

     การแลกเปลี่ยนพูดคุยความรู้ในสภากาแฟจะอยู่ในลักษณะที่ว่าใครชอบก็ซื้อไป ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร โดยจะอยู่ในรูปแบบของปัญหาธุรกิจต่างๆ ที่เกิดขึ้นหรือการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ  ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีที่เกิดขึ้นทำให้เกิดการสร้างสรรค์ความคิดใหม่ๆหรือแก้ไขปัญหาเก่าๆ ที่ยังไม่มีทางออก

The Culture of Knowledge Transfer
     ปัจจัยด้านวัฒนธรรมการหลายอย่างที่ยับยั้งการแลกเปลี่ยนความรู้ เราเรียกว่า ความแตกร้าว เพราะการที่ชะลอ หรือสงวนการแลกเปลี่ยนความรู้เหมือนกับการโดนกัดเซาะของความรู้ ซึ่งจะทำให้องค์การไม่สามารถแข่งขันได้ ซึ่งวิธีแก้ไขก็มีหลายอย่างเช่น
ถ้าไม่มีความเชื่อมั่นต่อกัน ก็ต้องสร้างความสัมพันธ์
ถ้ามีวัฒนธรรมที่แตกต่าง ก็สร้างการเรียนรู้ การอภิปราย การสร้างทีม เป็นต้น
     บางทีการส่งต่อความรู้จะทำได้ก็ต่อเมื่ออยู่กันหลายคน อย่างโครงการทำคลองเชื่อมต่ออ่าวบอสตันกับ โครงการคลองเชื่อมต่อที่นิวซีแลนด์ ที่มีลักษณะเหมือนกัน ทั้ง 2 ทีผู้สร้างได้มีการแลกเปลี่ยนความรู้กัน โดยที่ทีมหนึ่งเป็นผู้ถ่ายทอดความรู้ให้ ทั้งเทคโนโลยีต่าง ๆ เทคนิคในการบริหารทรัพยากรที่ใช้สร้าง
     บางทีการแก้ปัญหายาก ๆ ก็สามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการส่งต่อข้อมูลจากนคที่รู้จริง จากการเคยแก้ปัญหามาก่อนด้วยคำพูดง่าย ๆ ที่ไม่สลับซับซ้อน

สถานะของผู้รู้
     ผู้คนตัดสินข้อมูลและความรู้ที่พวกเขาได้รับ โดยให้ระดับความสำคัญบนพื้นฐานของใครคือให้ข้อมูลกับพวกเขา องค์กรที่ปฏิเสธความจริงข้อนี้มักจะได้รับความผิดหวังโดยผลลัพธ์ของการถ่ายทอดความรู้เป็น เรื่องธรรมดาที่ตัวอย่างเช่น สำหรับองค์กรส่งวิศวกรฝึกงานไปสัมมนา เพระบริษัทสามารถจะสำรองงานไว้ได้ งานของพวกเขาไม่ได้สำคัญเท่างานของวิศวกรหลัก  ซึ่งไม่สามารถปลีกเวลาจากโครงการสำคัญได้ วิศวกรรุ่นน้องมักจะกลับมาจากการประชุมและพูดว่าพวกเราเรียนรู้สิ่งนี้ เราคิดว่าบริษัทจะได้รับผลประโยชน์ ถ้าเราเปลี่ยนแปลงกระบวนการในแนวทางต่อไปนี้ แต่มีน้อยคนนักที่จะรับฟังพวกเขา แม้ว่ามันจะถูกหรือผิดก็ตาม ความรู้ที่พวกเขานำกลับมามักจะได้รับการปฏิเสธ เช่นกับเหตุผลที่เค้าได้รับคัดเลือกไปประชุม พวกเขาไม่ได้รับการยอมรับเทียบเท่ากับระดับพนักงานสำคัญ ปัญหาเดียวกันเกิดขึ้นกับ MCC คอมพิวเตอร์ค้นพบ consortium ในออสติน หลายๆ บริษัทส่งพนักงานที่ไม่มีประสิทธิภาพในฐานะผู้ได้รับการมอบหมายเพราะพวกเขายังสามารถพัฒนาได้ ไม่เพียงแต่พวกเขาจะเสียสละเทียบเท่ากับพวกนักค้นคว้าที่เป็นระดับสูง เพื่อไปค้นคว้าแต่พวกเขายังไร้ประสิทธิภาพเทียบได้กับเพียงแค่ผู้ส่งข้อมูลเท่านั้น
     การตอบสนองของประธานบริษัทเป็นตัวอย่างที่ดีของการตัดสินใจ โดยภาพลักษณ์ชื่อเสียงซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องเลวร้ายเสมอไปพวกเราต่างก็ทำลักษณะเดียวกัน ภาพลักษณ์มีความสำคัญพี่พวกเราใช้ในการประเมินข้อมูลต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาพวกเรามีเวลาจำกัดที่จะมองทุกอย่างอย่างรอบคอบ ดังนั้นพวกเราจึงคิดว่าสถานะของข้อมูลมีความสำคัญบนพื้นฐานของผู้ส่ง กล่าวได้ว่า “ฉันรู้ว่า susan เป็นคนฉลาด และเธอก็เคยให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในอดีตดังนั้นเราจึงให้ความสำคัญกับข้อมูลของเธอ” แต่บางครั้ง พวกเราอาจจะผิดก็ได้ถ้าเราตัดสินใจโดยพื้นฐานของสถานะมากกว่าผลงานในอดีต

การถ่ายย้ายโอน = การสื่อสาร+การดูด (และการใช้)
     การถ่ายโอนองค์ความรู้ประกอบด้วย 2 การกระทำ คือ การสื่อสาร (ส่ง และนำเสนอองค์ความรู้ไปยังผู้รับ) และการดูดโดยบุคคลหรือกลุ่ม ถ้าองค์ความรู้ไม่ใช่การถูกดูด มันจะไม่เกิดการถ่ายโอนเคลื่อนย้าย เป้าหมายของการโยกย้ายองค์ความรู้คือการพิสูจน์ความสามารถขององค์กรในการทำสิ่งต่างๆ และเนื่องจากการเพิ่มมูลค่าของมัน อย่างไรก็ตามการสื่อสาร และการดูดทั้งสองอย่างไม่มีการใช้คุณค่า ถ้าองค์ความรู้ใหม่ไม่สามารถนำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หรือเกิดการพัฒนาของบางแนวความคิด ถ้ามันสามารถนำไปสู่พฤติกรรมใหม่ มันก็ยุติธรรมสำหรับบางคนที่จะเข้าใจ และดูดซับองค์ความรู้ แต่ไม่สามารถนำไปใช้ได้หลากหลายตามแต่เหตุผล ไม่นับถือ และไว้วางใจ แหล่งที่มาขององค์ความรู้เป็นสิ่งสำคัญ Pride ดื้อดึง ขาดซึ่งเวลา ขาดซึ่งโอกาส กลัวความเสี่ยง (ในบริษัทจะลงโทษคนที่ทำผิด) ส่วนตัวจะอ้างอิงบนว่าเรารู้อะไร และเราจะทำมันอย่างไร ถ้าบางคนเข้ามา และพูดว่า ทางของฉันในการทำสิ่งนี้ที่ดีที่สุดมากกว่าที่คุณได้ทำมาในอดีต 5 ปี เราชอบที่จะต่อต้าน เหมือนกับ Kanouse และ Jacoby พวกเขามีเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อว่าพฤติกรรมที่เปลี่ยนเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ยาก ในองค์ความรู้ของ Wellsprings คุณ Dorothy Leonard-Barton พูดเกี่ยวกับทักษะลายมือชื่อ เธอกำหนดเป็นความสามารถโดยบุคคลที่กำหนดขึ้นเอง ผู้คนผูกพันกับทักษะ ความรู้สึกทางประสาทของพวกเขาในเรื่องของความสามารถ และความเป็นอยู่ในที่ทำงานอยู่ที่การใช้ของพวกเขา พวกเขาต่อต้านทุกนวัตกรรม ซึ่งอาจจะร้องขอให้พวกเขาละทิ้งทักษะลายมือชื่อของพวกเขา การต่อต้านการเปลี่ยนแปลงคือกำลัง ผู้คนมากมายในสหรัฐอเมริกามีข้อมูลทุกอย่าง พวกเขาต้องการเกี่ยวกับความอันตรายของโรคอ้วนในการลดความอ้วนของพวกเขา ในบางเวลา ประชาชนสหรัฐอเมริกามีน้ำหนักเกินมิได้ขาด และยอดขายของอาหาร Junk food ก็เติบโตขึ้น เป็นการรู้แต่ไม่มีการปฏิบัติ

ความรวดเร็วและความเข้มข้นในการถ่ายถอดความรู้
     ความรู้ที่ดีต้องมีการกระจายอย่างรวดเร็วและทั่วถึงภายในองค์กร ต้องเป็นข้อมูลที่ง่ายและสะดวกในการติดต่อสื่อสาร ความเข้มข้นของข้อมูลบางครั้งก็ทำให้ยากที่จะสื่อสารได้

A case in Point  : 3M
     บริษัท 3M เป็นบริษัทที่ขายผลิตภัณฑ์ที่มีความหลากหลายกว่า 60,000 ผลิตภัณฑ์   กว่า 30%  ของรายได้มาจากผลิตภัณฑ์ที่มีอายุน้อยกว่า 4 ปี  ปีที่แล้ว 3M  ผลิตสินค้ากว่า 400 ชนิด   โดย CEO Livio DeSimone มีเป้าหมายที่จะให้รายได้ 10% ของบริษัทมาจากผลิตภัณฑ์ที่มีอายุน้อยกว่าปี 1997
     การพัฒนานวัตกรรมเป็นไปได้ยากหากปราศจากการถ่ายโอนองค์ความรู้ที่ได้ผล   การโอนถ่ายความรู้จากแนวความคิดไปยังตัวสินค้ามีความจำเป็นอย่างยิ่ง
     ในการประชุมและงานแสดงสินค้าได้ให้เวลาและพื้นที่สำหรับนักวิจัยของ 3M  เพื่อที่จะพบและเเลกเปลี่ยนองค์ความรู้    คณะกรรมการด้านเทคนิคส่งผู้นำด้านแลบของ 3M   มาประชุมกันอย่างน้อยเดือนละครั้งเพื่อ Share idea ต่อกัน  โดยทางกลุ่มมักจะใช้เวลาด้วยกันอย่างน้อยปีละ 3 วัน
     ในบทนี้เราพยายามที่จะถกกันถึงเรื่องการถ่ายโอนความรู้  บ่อยครั้งที่การถ่ายโอนความรู้มีขีดจำกัด  เช่น แนวคิดเกี่ยวกับการปรับปรุงการเข้าถึงข้อมูล  , electronic  communication  , ที่รองรับเอกสาร
 ธุรกิจจำเป็นที่ต้องแสดงทั้งด้านที่ยากและนุ่มนวลในด้านการถ่ายโอนความรู้  แต่ในวัฒนธรรมธุรกิจตะวันตกนั้น  มักจะมีค่อนข้างน้อยที่จะเป็นไปอย่างนุ่มนวล

^_^

 

หมายเลขบันทึก: 113149เขียนเมื่อ 20 กรกฎาคม 2007 19:54 น. ()แก้ไขเมื่อ 20 มิถุนายน 2012 16:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (1)

สวัสดีค่ะ

P

ทางตะวันตก คุณต้องขวนขวายมากค่ะ ต้องสู้มาก กว่าจะได้ความรู้มา

แต่เมื่อได้มาแล้ว จะภูมิใจมากๆ ไม่ค่อยมีใครมาป้อนให้ใครหรอกค่ะ

คนเรียนปริญญาโท ส่วนใหญ่ ทำงานด้วย เรียนด้วยทั้งนั้น หาเงินเรียนเอง ดังนั้น ห้องสมุด หรือห้องคอม เปิดกัน 2 4ช . ม.เลย

แต่ในวัฒนธรรมธุรกิจตะวันตกนั้น  มักจะมีค่อนข้างน้อยที่จะเป็นไปอย่างนุ่มนวล

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท