นิสิตหมอฟัน ปี1 เค้าเรียนอะไรกันน้า........


                 สวัสดีค่า วันนี้มีเรื่องสุขใจที่อยากนำมาแบ่งปันกับทุกท่านจังคะ

                 ทุกท่านพอจะทราบกันบ้างไหมคะว่า นิสิตทันตแพทย์ ชั้นปีที่ 1 ม.นเรศวร เค้าเรียนอะไรกันบ้าง....... เนื้อหาที่ต้องร่ำเรียนคงไม่แตกต่างจากที่อื่นมากนักคะ โดยชั้นปีที่ 1 (ของ ม.นเรศวร) มีรายวิชาคณะที่ต้องเรียนกันอยู่ 1 รายวิชาคะ รายวิชาดังกล่าว คือ "ทันตกรรมชุมชน 1 "

                 "ทันตกรรมชุมชน 1 " รายวิชาหนึ่งเดียวของคณะที่พวกเด็กๆ ชั้นปีที่ 1 ต้องเรียนนี้ มุ่งเน้นให้นิสิตได้

เริ่มต้นศึกษาเรียนรู้ ทำความเข้าใจคน และชุมชนในทัศนะของชุมชนเอง เพื่อเป็นพื้นฐานการปฏิบัติงานในชุมชนที่ยุ่งยากและซับซ้อนมากขึ้นต่อไป โดยเนื้อหาที่สอนประกอบไปด้วย

  • เทคนิคการสนทนา
  • การสื่อสาร
  • การทำงานเป็นทีม
  • เทคนิคการศึกษาชุมชน
  • จรรยาบรรณวิชาชีพ

                    หลังจากจบหัวข้อ Lecture  3 หัวข้อแรก ไปแล้วนั้น พี่ๆ น้องๆ อาจารย์ประจำสาขาวิชาทันตกรรมชุมชน ม.นเรศวร (ตอนนี้เกือบ Full team คะ) ต่างก็ช่วยกันระดมสมองและเล็งเห็นกันว่าอยากให้นิสิตได้ลองนำความรู้ที่ได้จากภาคทฤษฎีมาลองปฏิบัติดู

                    ตรงนี้แหละคะที่สนุกและท้าทายมาก เพราะว่า แล้วเราจะทำอย่างไรที่จะรวมเนื้อหาทั้ง 3 หัวข้อที่เป็นทฤษฎีล้วนๆ มาให้นิสิตได้ลองทำจริง

                   หลังจากประชุมพูดคุยกันหลายครั้งอยู่พอควร และด้วยตัวผู้เขียนเป็นผู้รับผิดชอบรายวิชานี้จึงเป็นหน้าที่หลักที่จะต้องเป็นผู้นำเสนอไอเดียต่อพี่ๆ น้องๆ คะ

                  สิ่งที่นำเสนอและผ่านการกลั่นกรอง ชี้แนะ และร่วมกันสกัดแก่นที่ต้องการให้นิสิตได้ ก็คือ

  • เราจะทำการแบ่งกลุ่มนิสิตเป็น 7 กลุ่ม (นิสิตชั้นปีที่ 1 มี 94 คน กลุ่มละ 13 - 14 คน คะ) โดยงานที่มอบหมาย คือ แต่ละกลุ่มจะได้บทความ 2-3 บทความ/กลุ่ม โดยที่มีเนื้อหาที่แตกต่างกันในแต่ละกลุ่ม  ให้นิสิตช่วยกัน ทำงานเป็นทีม โดยอ่าน ตีความ บทความที่ได้ว่าเกี่ยวข้องกับอะไร แล้วทำการนำเสนอถ่ายทอดสิ่งที่ตัวเองเข้าใจเพื่อฝึกในเรื่อง การสื่อสาร และ การสนทนาโดยผ่านสื่อรูปแบบต่างๆ ที่เหมาะสม   
  • ประเด็นต่อมา คือ พี่ๆ น้องๆ อาจารย์ ต่างช่วยกันคิดว่า นอกจากสิ่งที่เป็นเนื้อหาวิชาการที่เราต้องการให้นิสิตได้เรียนรู้แล้วยังต้องการ สอดแทรกในเรื่องของแนวคิด วิธีคิด คุณธรรม จริยธรรม เข้าไปด้วย ดังนั้น สิ่งนี้จึงกลายมาเป็น Theme หลัก ใน หัวข้อของบทความที่เราตั้งใจจะให้นิสิตผ่านการเรียนรู้ด้วยตัวเอง โดยแฝงการขัดเกลาและการแนะนำจาก อาจารย์ ที่ปรึกษาประจำกลุ่ม และคาดหวังว่านิสิตที่อยู่ในแต่ละกลุ่มจะซึมซับเรื่องของ แนวคิด วิธีคิด คุณธรรม จริยธรรม ดังกล่าวได้ดียิ่งขึ้น ถ้าผ่านการศึกษาค้นคว้าด้วยตัวเอง อีกทั้ง วัตถุประสงค์ที่แฝงอยู่ในการให้นิสิตนำเสนอ คือ การให้เพื่อนเป็นผู้สอนเพื่อน ให้นิสิตสอนและเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันในเรื่องที่เป็นแนวคิด
  • สำหรับหัวข้อที่ต้องการให้นิสิตได้เรียนรู้ ประกอบไปด้วย

             - คุณค่าของเวลา (การตรงต่อเวลา การใช้เวลาให้คุ้มค่า)

             - ความเพียร ความมานะอดทน

             - การเห็นคุณค่าของคน (การไม่ตัดสินคนจากภายนอก)

             - การคิดสร้างสรรค์ การคิดนอกกรอบ

             - การคิดหรือทัศนคติเชิงบวก

             - การวางตัวในสังคม (การแต่งกาย)

             - การรู้ซึ้งพระคุณของพ่อแม่

                   หลังจากให้เวลาในการศึกษาค้นคว้า และพูดคุยกับ อ.ที่ปรึกษาประจำกลุ่ม เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็ถึงวันนำเสนอผลงานครั้งแรกของพวกเค้าคะ............

                   สิ่งที่ตัวเองได้เห็นและได้ยินมา คือ น้องๆ เค้าใส่ใจสนใจกับงานครั้งแรกนี้มากๆ คะ (ทั้งๆ ที่รายวิชานี้เพียง 1 หน่วยกิต เท่านั้น) ว่างเป็นทำงานชุมชนตลอด ไม่ถ่ายวีดีโอ ก็ตามสัมภาษณ์คนนู้คนนี้ไปทั่ว

                  แล้วผลที่ออกมางั้นหรอคะ โอ้โห!!! เกินคาดทั้งปวงคะ เด็กสมัยนี้เก่งนะคะ ใช้เทคโนโลยีกันค่อนข้างคล่องและชำนาญดีที่เดียว ทั้งตัดต่อวีดีโอ แทรกลูกเล่นทั้งกราฟฟิก เสียงเพลง การใช้เทคนิคผสมผสานในการนำเสนอ อีกทั้งที่เน้นไม่น้อยไปกว่ากันก็คือ การแสดงละคร ที่น้องๆ เค้าทำได้สนุกน่าดู ไม่แตกต่างกับนักแสดงมืออาชีพ เลยคะ...................

                 การนำเสนอของนิสิตบางกลุ่มซึ้งและจับใจ อาจารย์ ที่นั่งดูทางด้านหลัง มากเสียจน อาจารย์ หลายท่านถึงกับน้ำตาซึมเลยที่เดียว 

                แล้วสิ่งที่ต้องการให้เค้าได้ซึมซับในเรื่อง แนวคิด วิธีคิด คุณธรรม จริยธรรม หละคะ...... สำหรับตัวเอง พอใจเป็นอย่างยิ่งคะ เราคงพูดไม่ได้เต็มปากว่านิสิตเค้าได้เรียนรู้และซึมซับทั้ง 94 คน หรือเปล่า แต่จากที่พูดคุยและฟังแนวคิดเวลาที่นิสิตตอบและพูดคุยกันภายหลังการนำเสนอ ก็พอใจแล้วคะ (ไม่จำเป็นต้องเข้าใจหรือเอาไปใช้ ณ ตอนนี้เลยก็ได้คะ แต่อย่างน้อยเค้าก็คงมีภูมิบางอย่างในการที่จะเลือกหรือไม่เลือก ที่จะคิดหรือที่จะทำเรื่องบางเรื่องคะ)

                ภูมิใจกับนิสิตของตัวเองจังคะ เค้าแสดงให้เห็นทั้งความตั้งใจ ความสามารถ และการเรียนรู้ที่ผ่านจากการศึกษาค้นคว้าเพิ่มเติมด้วยตัวเองได้ดีเหลือเกิน

                สุขใจในสิ่งที่พบและสัมผัสมาคะ เลยอยากเอามาแบ่งปันและอดอวดลูกศิษย์ตัวเองไม่ได้คะ ว่าเค้า "เก่งจริงๆๆ"

                สำหรับแนวการเรียนการสอนในรายวิชานี้ในปีถัดๆ ไป ก็คงจะปรับปรุงและพัฒนาต่อไปคะ ท่านผู้อ่านท่านไหนมีประเด็นที่อยากแลกเปลี่ยนก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งนะคะ ต้องการหลากหลายแนวทางเพื่อปรับปรุงและพัฒนาต่อไปคะ..............

 

หมายเลขบันทึก: 112657เขียนเมื่อ 19 กรกฎาคม 2007 01:15 น. ()แก้ไขเมื่อ 9 พฤษภาคม 2012 05:22 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (8)
  • ดีค่ะ
  • อ่านแล้วรู้สึกดี
  • ถึงแม้จะหน่วยกิตน้อย
  • แต่อาจเรียนแล้วมีความสุขไงค่ะ

ขอบคุณ คุณ สายลมที่หวังดี นะคะ ที่เข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็น

แต่ก็ไม่แน่ใจเหมือนกันนะคะว่าน้องๆ นิสิตเค้าจะสุขหรือทุกข์กันแน่ที่เรียนรายวิชานี้ เพราะ การทำงานที่ค่อนข้างหนัก บวกกับเวลาที่มีอยู่อย่างจำกัด

นิสิตในกลุ่มที่ อ.รับผิดชอบดูแล ก็ถึงกับน้ำตาซึมเลยคะ (ไม่ใช่ว่า อ.ประจำกลุ่ม โหด/ดุ นะคะ...) แต่เค้าบอกว่าค่อนข้างเหนื่อยและกลัวว่ามันจะออกมาไม่ดี แต่น้องๆ เค้าคงลืมคิดกันไปนะคะว่า ไม่จำเป็นต้องดีเลิศที่สุด มีขาดตกบกพร่องไปบ้างก็ได้ นั่นแหละถึงจะเรียกว่า การเรียนรู้ แต่สิ่งที่ อ. คนนี้อยากเห็น คือ ความตั้งใจ ใส่ใจ ในการเรียนรู้เรื่องต่างๆ ซึ่งน้องๆ เค้าก็ได้พิสูจน์ให้ อ. ได้เห็นแล้วคะ..... (อดปลื้มไม่ได้อีกครั้ง.....)

ปล. ลืมเล่าไปเลยคะว่า ในการนำเสนอนั้น ทางสาขาวิชาได้รับเกียรติจาก อ.ทพ.วุฒิกุล ธนากาญจนภักดี (อาจารย์สาขาวิชาทันตกรรมสำหรับเด็ก) มาช่วยในการ Comments และเสนอแนะแนวคิดต่างๆ ที่ดีมาก กับน้องๆ นิสิตด้วยคะ ต้องขอขอบพระคุณอาจารย์ต้อม ย่างสูง มา ณ โอกาสนี้ด้วยนะคะ.....

ยังจำตอนเรียนได้

ทันตกรรมชุมชน 1  เป็นวิชาคณะตัวแรกที่เรียน ตอนนั้นตื่นเต้น สนุกมาก เป็นวิชาที่ให้เราได้แสดงความคิดเห็นได้เต็มที่ ไม่เหมือนวิชาอื่นที่ต้องท่องจำเพื่อไปทำข้อสอบ

       มีความสุขที่ได้เรียนวิชานี้มากค่ะ คิดว่าสิ่งที่ท่านอาจารย์ทุกท่านได้สอนและปลูกฝังไว้จะทำให้พวกเราเป็นทันตแพทย์ที่ดีได้ในอนาคต

       ความผิดพลาดต่างๆที่เกิดขึ้นหรืออาจจะเกิดขึ้นในอนาคตของพวกเรา หวังว่าจะสามารถนำแนวคิด วิธีคิด ในการเรียนวิชานี้พร้อมทั้งคุณธรรม จริยธรรม ที่พร้อมจะถูกขัดเกลา(จากอาจารย์) มาแก้ไข ปรับปรุงเพื่อเป็นคนดีของสังคมต่อไปได้ค่ะ

 

 

ดีใจมากที่ได้ยินอย่างนี้คะ และยินดีมากคะที่ทำให้นิสิตมีความสุขที่ได้เรียนวิชานี้นะคะ

แต่ทั้งหลายทั้งปวงแล้ว อาจารย์คงเป็นได้เพียงผู้แนะแนวทางต่างๆ ให้นิสิตคะ และคงต้องเป็นที่ตัวนิสิตเองนะคะที่จะต้องเป็นผู้เลือกคิด เลือกเชื่อ และเลือกที่จะปฏิบัติตัวคะ.....

ปล.ดีใจและยินดีคะ ที่ร่วมแสดงความคิดเห็นเข้ามาคะ

 

เอาใจช่วยนะครับ...

มีอะไรที่ช่วยได้ ก็ติดต่อมานะครับ

มีประสบการณ์ล่าสุดมาฝากค่ะ บ้านของยุอยู่ใน ชุมชนค่ะ มีประธานชุมชนและกรรมการ หนึ่งในนั้นไม่ขอบอกตำแหน่งหรือเอ่ยนามนะคะแต่เค้าเป็นคนดีมากคนนึงที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เจอ เค้าขยันทำงานมาก ซื่อสัตย์ ทำอะไรโปร่งใสมาตลอด ทุกเย็นเค้าจะมายืนรดนำต้นไม้ที่เทศบาลให้มาปลูก วันเวลาผ่านไปเป็นปี วันนึงตัวแทนของเทศบาลมาที่ชุมชนและฝากเงินมาให้กรรมการคนหนึ่งเป็นของขวัญวันเกิด เค้าเป็นฝ่ายบัญชี และเป็นคนไข้ของยุด้วยค่ะ แต่ฝากมากับคนดีที่พูดถึงในตอนแรก ปรากฎว่าคนดีคนนั้นให้มาแค่ครึ่งนึง แล้วมาทราบกันที่หลัง เค้าเอาเรื่องแบบกัดไม่ปล่อยเลยค่ะ(หมายถึงคนที่ให้เงินมาน่ะค่ะ) ทุกคนในชุมชนก็แทบจะรู้เรื่องกันหมด สิ่งที่ยุคิดก็คือข้อแรก เค้าอาจจะไม่ได้เป็นคนดีอย่างที่เห็นแต่แรกหรือข้อสอง เค้าคงพึ่งจะเปลี่ยนด้วยหน้าที่ที่ได้รับ ด้วยสภาพแวดล้อม ซึ่งใจจริงยุคิดว่าเป็นข้อสองมากกว่าค่ะเพราะรู้สึกได้ว่าเค้าเริ่มเปลี่ยนไปทีละน้อย เคยได้ยินว่าอำนาจและเงินสามารถเปลี่ยนคนได้ก็พึ่งเคยเห็นและทำให้นึกถึงอาจารย์ที่คณะมากค่ะ มันยากนะคะที่จะแก้ไขเรื่องแบบนี้ได้แต่สิ่งนึงที่ยุศรัทธาก็คือในเรื่องของการถูกปลูกฝัง ก็ไม่เคยคิดหรอกค่ะว่ามันจะช่วยได้มากจนได้มาเรียนคณะนี้ รู้สึกว่าทุกอย่างไม่ใช่แค่ที่อาจารย์สอนแต่ทุกอย่างที่ยุเห็นในสิ่งที่อาจารย์เป็น มันซึมเข้ามาในตัวเองมากขึ้นทุกวันอย่างรู้ตัว สิ่งที่อยากจะบอกก็คือยุและเด็กๆทุกคนต้องการอาจารย์ที่คอยปลูกฝังเรื่องแบบนี้ทุกวันใน 6 ปีนี้เพื่อให้ทุกอย่างมันซึมเข้าไปให้ได้มากที่สุด พอหลังจากจบไปแล้วจะได้มีภูมิต้านทานต่อสภาพแวดล้อมและสังคมข้างนอกค่ะ

ขอขอบคุณ อ.ทพ. ณัฐวุธ แก้วสุทธา มากนะคะ ที่เข้ามาอ่าน และขออนุญาติรบกวนไว้ล่วงหน้าเลยแล้วกันคะ......

ยินดีอย่างยิ่งจ๊ะ ศรัณยุ อ. ไม่แน่ใจว่าจะใช่ หมอ คนเดียวกันกับที่ อ. กำลังคิดถึงอยู่หรือเปล่าหนอ..... แต่ก็ดีใจและยินดีมากนะจ๊ะที่ร่วมแสดงความคิดเห็นและเอาประสบการณ์มาแลกเปลี่ยนกัน

สิ่งที่ อ. อยากให้ หมอ คิดในอีกแง่หนึ่งด้วยนะว่า สิ่งที่ หมอ ได้ยินมามันก็เป็นแค่คำบอกเล่าเท่านั้น เราไม่รู้ว่าความจริงแท้มันคืออะไร แต่การที่เราตัดสินเค้าไปแล้ว โดยฟังจากความข้างเดียวอาจจะไม่ค่อยยุติธรรมกับเค้าสักเท่าไรนักนะจ๊ะ คำพิพากษาจากคนในชุมชนที่ตีหน้าว่าเค้าเลว ว่าเค้าชั่ว มันก็เหมือนเป็นการฆ่าเค้าทางอ้อมแล้วนะ เราแน่ใจแค่ไหนกับการจะใช้กฎของสังคมนี้มาขีดและชี้ตีตราว่าเค้าผิด...... เรื่องอย่างนี้ละเอียดอ่อนนะจ๊ะ.....

อีกประเด็นที่ อ. อยากบอกย้ำพวก หมอ มากเหลือเกินว่า มันคงจะดีกว่านี้มากถ้าพวก หมอ ที่เป็นลูกศิษย์ของ อ. จะยึดมั่นและรู้อยู่แก่ใจตัวเองว่าอะไร คือ สิ่งที่ดีที่ควรทำ และไม่เอนเอียงไปทำในสิ่งที่ไม่ดี โดยมีข้ออ้างแค่ว่าก็คนอื่นเค้าก็ยังทำ หรือข้อแก้ตัวอื่นๆ........ เลือกที่จะยึดมั่นในสิ่งดีและที่สำคัญต้องเลือกที่จะทำมันด้วยนะจ๊ะ....

สุดท้าย อ. ก็ยังย้ำเหมือนเดิมนะจ๊ะว่าถึง อ. จะแนะนำ ปลูกฝัง ย้ำเตือน ในเรื่องพวกนี้มากแค่ไหน แต่คนที่จะเลือกที่จะเชื่อหรือเลือกที่จะทำก็คือตัวพวก หมอ เองนะจ๊ะ....

ขอบใจ หมอศรัณยุ มากนะจ๊ะที่มาแลกเปลี่ยน ยินดีมากจ๊ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท