<p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">หนุ่มน้อย( อายุ11 ปี) เพิ่งย้ายมารักษาที่สถาบันบำราศนราดูรเมื่อ เดือนที่ผ่านมา ได้พูดคุยกับป้าหน่อยทุกครั้งที่มา จนเริ่มคุ้นหน้าตากันแล้ว หนุ่มน้อยเริ่มมีคำถาม</p> <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"></p> <p> “ป้าหน่อยครับ..ผมขอถามอะไรหน่อยได้ไหมครับ”</p>
“ได้ซิครับ”
“มียาที่ทำให้แก้มไม่เหี่ยวไหมครับ”(เด็กใช้มือลูบแก้มตัวเองและยิ้มอย่างเขินๆ)
ดิฉันยิ้ม แต่ในใจกำลังคิดหาคำตอบว่าจะตอบเด็กอย่างไรดีเพื่อไม่ให้เด็กหมดหวังและขาดกำลังใจ(การที่เด็กแก้มตอบนั้นเกิดจากผลข้างเคียงของยา ARV คือ d4T ) เมื่อหาคำตอบในใจได้แล้วจึงถามเด็กว่า
“หนูคิดว่า ลูก ควรมีหน้าตาเหมือนใคร”
“พ่อแม่ หรือ บางคนก็เหมือนปู่ย่า ตายาย”
“ถูกต้อง หนูเคยเห็นหน้าปู่ไหม”
“ไม่เคยครับ”
(เข้าล๊อคป้าหน่อยเลย)“นั่นซินะ ป้าเดาว่าหนูอาจจะหน้าเหมือนปู่ของหนูก็ได้ หนูเคยได้ยินคำว่ากรรมพันธุ์ไหม”
“เคยครับ”
“ดูป้าหน่อยซิ ป้าหน่อยมีกรามใหญ่เหมือนพ่อของป้าหน่อยเห็นไหม” (ใช้มือจับที่กรามของตัวเองให้เด็กเห็น) “ถ้าปู่ของหนูเป็นคนไม่มีแก้มหรือแก้มตอบ หนูเหมือนปู่หนูก็เลยมีแก้มตอบ”“หนูถามป้าว่า...มียาที่ทำให้แก้มไม่เหี่ยวไหม ยาไม่มี มีวิธีเดียวคือทำศัลยกรรม ป้าหน่อยก็เคยคิดที่จะไปให้หมอตัดกรามที่มันเหลี่ยมๆออก เพราะอยากจะสวย อย่างหนูจะต้องฉีดสารตัวหนึ่งเข้าไปที่แก้ม แก้มจึงจะหายตอบ แต่ค่าทำศัลยกรรมหรือฉีดแก้มแพงมากเป็นหมื่น เชียวนะ”
“ โอ้..โห” (เด็กทำเสียงอุทาน) “ หนูคิดว่าเราควรจะนำเงินไปใช้ประโยชน์อย่างอื่นที่จำเป็นดีกว่าไหม เช่น ซื้อชุดนักเรียน รองเท้า ค่ารถไปโรงเรียน ”
เด็กพยักหน้า
“ป้าเสียดายเงิน...เพราะกว่าจะได้เงินมาเราก็ต้องทำงาน จึงเปลี่ยนใจไม่อยากไปตัดกรามแล้วเพราะไม่ใช่สิ่งสำคัญหรือจำเป็นของชีวิตเรา อย่างหนูสิ่งที่จำเป็นและสำคัญสำหรับตัวเราเองคืออะไรครับ”
“ยา”
“แล้วยาที่เรากินอยู่ทุกๆวัน..ช่วยให้เราเป็นยังไง..”
“แข็งแรง”
“ถูกต้องนะครับ”
เด็กหัวเราะ กล่าวขอบคุณและเดินออกจากห้องป้าหน่อยไป ด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส
ยังมีเด็กอีกหลายคนที่กินยา d4T แล้วแก้มตอบถูกเพื่อนล้อว่า”ไอ้แก่” เดี๋ยวนี้ทั้งคุณหมอและพยาบาลรวมทั้งป้าหน่อย จึงต้องช่วยกันสังเกตถ้าเด็กดูแล้วเริ่มจะมีแก้มตอบ..คุณหมอก็จะเปลี่ยนยาให้เลย
</span>
ปัญหาที่หนักอกสำหรับหมอและพยาบาลเพราะแก้มเหี่ยวแล้วยากที่จะเหมือนเดิม ขณะนี้เท่าที่หมอเจอที่เป็นมากๆประมาณ 5-6 ราย บางครั้งทำได้แค่เพียงปลอบใจให้เด็กคลายความกังวล ความเศร้าหมองได้แค่ชั่วคราว ยิ่งในรายเด็กผู้หญิงที่กำลังเป็นสาว ยิ่งหน้าเห็นใจ บางรายมีปัญหาที่โรงเรียนถูกเพื่อนล้อว่า "ไอ้แก่" ฟังแล้วหดหู่ ทำให้เด็กไม่อยากไปโรงเรียน ตอนนี้ที่ทำได้เวลาตรวจทุกครั้งต้องถามเด็กและผู้ใกล้ชิดว่าแก้มยังเหมือนเดิมหรือไม่ เคยคิดที่จะถ่ายรูปไว้เปรียบเทียบแต่กลัวจะละเมิดสิทธิผู้ป่วย และเคยคิดเล่นๆกับทีมที่ดูแลว่าเราน่าจะให้ยา steroid เด็กดูนะจะได้แก้มป่อง แต่ทำไม่ได้เพราะ side effect ของยาก็น่ากลัวและไม่ได้เป็นมาตรฐานการรักษา
พ.รุจนี