“คนไม่มีสัญญาณ” ไม่ใช่ “คนไม่มีวิญญาณ” หากเป็นคนที่ไม่มีวิญญาณ ในความหมายที่เรารับรู้กันคือ การเป็นคนที่ไม่มีรู้ร้อนรู้หนาว ไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไร หรือคนที่ทำอะไรลวก ๆ พอให้พ้น ๆ ไม่ใคร่รับผิดชอบ ประมาณนั้น
แต่ที่จะกล่าวว่า “คนไม่มีสัญญาณ” จะหมายถึง การที่ทุกวันนี้เราติดโทรศัพท์ไม่เป็นระบบโทรศัพท์บ้าน ก็ต้องเป็นโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเมื่อผมเข้าบ้านไปแล้ว ทั้งโทรศัพท์บ้าน และโทรศัพท์มือถือ ไม่ว่าของค่ายใดจะไม่มีสัญญาณ ทำให้ไม่สามารถติดต่ออะไรได้เลย และใครก็ติดต่อมาไม่ได้ แรก ๆ ผมก็รู้สึกถึงความไม่คล่องตัวนี้ว่าเป็นอุปสรรคเช่นกัน แต่เมื่อเวลาผ่านไป กลับรู้สึกดีมากกว่า เพราะช่วงเวลานั้นจะสงบ มีสมาธิ เป็นอย่างมาก ยามเมื่อขับรถออกจากบ้านห่างออกมาสัก 6 ก.ม. ก็จะเริ่มได้ยินเสียงสัญญาณข้อความที่ถูกฝากไว้เข้ามาระบบเครื่อง ผมจะเปิดอ่านก็ต่อเมื่อจอดรถก่อนจะเลี้ยวออกถนนสายเอเชีย (เพชรเกษม) หากไม่ด่วนก็จะโทรกลับเมื่อถึงที่ทำงาน หรือถึงจุดหมายแล้ว
การทำตัวเป็นคนไม่มีสัญญาณเสียบ้างในแต่ละวันในยุคนี้ ผมเริ่มมองเห็นประโยชน์อยู่มาก แต่ก็ยอมรับว่ายังตัดขาดเสียทีเดียวไม่ได้ ฉะนั้นที่บ้านใกล้ ๆ กัน เขาได้ยกเสาสัญญาณแล้วต่อสายตรงเข้ามาที่มือถือ ก็ใช้ได้แต่ใช้เพียงเครื่องนั้น แต่จากมือถือก็เป็นตั้งโต๊ะ เพราะต้องต่อสาย เครื่องนี้แหละที่หากว่ามีธุระด่วนจริง ๆ ก็สามารถโทรเข้ามาแจ้งข่าวได้ ซึ่งโดยปกติจะขอเจ้าของเครื่องเขาไว้ว่า ขอให้พ่อ หรือน้องสาวที่บ้าน หรือคุณครูที่โรงเรียนของน้องเดม สามารถโทรเข้ามาได้ยามฉุกเฉินจริง ๆ ทั้งนี้ทั้งพ่อ น้องสาว และคุณครูของน้องเดม ได้ลองโทรหาเบอร์ที่ใช้ปกติก่อนแล้ว
ท่านจะลองทำตัวเป็นคนไม่มีสัญญาณบ้างก็จะดีไปอีกแบบนึงนะครับ ได้ทั้งความสงบ และได้สมาธิ ครับ