ขอต่อจากบันทึกเมื่อวานครับ ในระหว่างการประชุมเพื่อเตรียมการจัดกระบวนการให้กับทางคณะกายภาพบำบัด เมื่อทางคณะกรรมการได้ตกลงเลือก ท่านอาจารย์กิติมา ฉันทพานิชย์ อดีตคณบดีคณะกายภาพบำบัด เป็นผู้เล่าเรื่องเปิดเวที ให้กับกลุ่มในวันที่ ๑๘ กรกฎาคม ๒๕๕๐ จึงได้มีการไปเตรียมการและซักซ้อมความเข้าใจกับท่านอาจารย์ก่อน
พอไปทาบทามท่านก็บอกว่าไม่น่าจะเป็นท่านที่มีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจให้นักศึกษาติดตาม แต่ทางกรรมการบอกว่า สาเหตุที่เลือกท่านเพราะได้รับความเห็นจากนักศึกษา ว่าท่านเป็นอาจารย์ที่มีนักศึกษาอยากเรียนด้วนมาก และมีเทคนิคการสอนที่น่าสนใจ ท่านจึงตกลงที่จะยอมเป็นผู้เล่าเรื่องเปิดเวทีให้กับการจัดกิจกรรมในวันนั้น
ความจริงกว่าจะอธิบายที่มาที่ไปก็ใช้เวลานานพอสมควร เพราะท่านก็เรียกว่ามีการทำ BAR ของท่านเหมือนกัน เพราะท่านถามที่มาที่ไป วิธีการที่เราจะดำเนินการจัดกระบวนการต่างๆ เรียกได้ว่าต้องเอาให้รู้เรื่องเลยว่าต้องการอะไร ทำให้ระหว่างที่เราพูดคุย และพยายามทาบทามบวกกับอธิบายกระบวนการต่างๆ ท่านอาจารย์ก็ได้ให้ความเห็นและให้คำแนะนำในการจัดกระบวนการว่า การจัดการความรู้ทำอย่างไรจึงจะประสบความสำเร็จ จึงอยากบันทึกไว้แลกเปลี่ยนดังนี้ครับ
- สิ่งแรกท่านบอกว่าต้องทำให้ผู้ที่เข้าร่วมเปิดใจ อยากให้ความรู้ และกล้าให้ความเห็นหรือวิจารณ์ผู้อื่น เพราะคนเราต้องมีกระจกส่องจึงจะทำให้เติบโตและเรียนรู้ได้ และสิ่งสำคัญคือ ต้องเปิดใจยอมรับคำวิจารณ์เหล่านั้น เพื่อนำมาพัฒนาตนเองอีกด้วย
ท่านยกตัวอย่างด้วยครับว่าตอนที่ท่านเป็นคณบดี ท่านบอกว่าจะใช้ตนเองเป็นเหยื่อ เพื่อให้คนอื่นให้ความเห็นและวิจารณ์งานของท่าน ท่านบอกว่าหากคณบดียอมให้คนอื่นวิจารณ์และยอมรับความคิดเห็นเหล่านั้นแล้ว คนอื่นก็จะกล้าพูดให้ความเห็นซึ่งกันและกัน แล้วจะทำให้องค์กรเกิดการเรียนรู้และไม่ยึดติดตัวตนของตนเอง ท่านย้ำว่าหากไม่มีการวิจารณ์ผลงานของตนเองโดยผู้อื่น เราก็ไม่ทราบจุดที่ควรปรับปรุงและพัฒนางานของเรา และจะไม่เกิดการเรียนรู้ซึ่งสำคัญมากสำหรับคนที่มีอาชีพครู
ท่านยังเหล่าว่าทางคณะกายภาพบำบัดจะมีการประชุมอาจารย์ตอนสิ้นปีการศึกษา เพื่อเป็นเวทีให้อาจารย์มาแสดงผลงานของตนเอง โดยจะมีการนำเอกสารประกบการสอนต่างๆ มาแสดงให้กับอาจารย์ในคณะได้ทราบ อธิบายผลที่ต้องการให้เกิดขึ้นกับนักศึกษา เพื่อที่จะได้ช่วยกันให้คำแนะนำและปรับปรุงผลงาน รวมทั้งให้ข้อเสนอแนะเพื่อที่จะได้พัฒนานักศึกษาในคณะไปพร้อมๆกัน
จึงทำให้ได้ข้อคิดในประเด็นที่สองตามมาคือ ต้องจัดบรรยากาศให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้วย ดังนั้นหากต้องการจัดกิจกรรมให้มีการให้ความเห็นและเสนอแนะอย่างสร้างสรรค์ ก็ต้องมีผู้ที่สร้างบรรยากาศและคอยกระตุ้น ท่านเล่าว่าท่านใช้วิธีพาไปเลี้ยงอาหาร พออิ่มท้องก็จึงให้เริ่มพูด และท่านเองอีกนั้นแหล่ะที่จะคอยกระตุ้นให้เกิดการเสนอแนะและให้ความเห็นกัน
ส่วนประเด็นสุดท้ายที่ท่านฝากไว้คือ ต้องทำให้ผู้บริหารเข้าใจและเห็นความสำคัญของการจัดการความรู้ เพราะการจัดการความรู้จะเป็นเครื่องมืออย่างดีในการพัฒนาความรู้ความสามารถของครูได้ดี ตัวหนึ่งทีเดียว
วันนั้นเป็นการพูดคุยที่มีคุณค่ามากครับ เพราะได้เห็นตัวอย่างที่ดีของคุณเอื้อที่ทำบทบาทของคุณอำนวยในตัวอีกด้วย
ผมเองคิดว่าอาจารย์ในคณะกายภาพบำบัดคงมีเทคนิคการจัดการความรู้ที่คณะกายภาพทำไว้โดยไม่รู้ตัวอย่างแน่นอน คงต้องตามไปดูและจะเชิญชวนให้อาจารย์นำมาเล่าไว้ใน G2Kเพื่อไว้แลกเปลี่ยนกันต่อไปครับ
สวัสดีครับท่านอาจารย์มณฑล
ต้องชื่นชมท่านอาจารย์กิติมา ที่เข้าใจถึงแก่นของการจัดการความรู้ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ที่ว่า
ซึ่งผมว่าเป็นเรื่องที่ยากมาก โดยเฉพาะเวลาที่มีจำกัด 3 ชั่วโมง
ขอบคุณครับ คุณแจ็ค
เวลา ๓ ชั่วโมงที่ว่ายากก็ต้องพยายามครับ แต่สิ่งสำคัญคือ เวลาของการแลกเปลี่ยนที่จะเกิดขึ้นตามมา ก็ควรให้มีทั้ง ๓ ประเด็นนี้ด้วยจึงจะประสบความสำเร็จ ซึ่งคงจะยากกว่า ๓ ชั่วโมงสั้นๆมากทีเดียว
ขอบคุณที่ติดตามครับ
สวัสดีครับอาจารย์
อ่านตอนแรกไม่มั่นใจ คิดว่าเป็นบันทึกเก่า "กิจกรรมบำบัด" ที่อาจารย์เคยไปเป็นวิทยากร
แต่พอลงไปดูวันที่ และอ่านอย่างละเอียด ชัดเจนครับว่าเป็น คณะกายภาพบำบัด
วันนี้ไปร่วมงาน ประชุมภาคีราชการ มีคุณดนัย Extern ไปนำเสนอการเอา KM ไปใช้ในบริษัท เลยนึกถึงอาจารย์แว๊บขึ้นมา พอดีมาอ่านเจอบันทึก คิดว่าในเร็วๆ นี้อาจารย์คงมีเรื่องมาเล่าสู่กันฟังแน่ๆ เลย
อยากมาเล่าเมื่อไรบอกด้วยนะครับ