เหรียญกลมใหญ่ และ รัฐธรรมนูญฉบับใหม่
โดย..”หนึ่งลมหายใจ”
รู้สึกแปลก ๆ ที่ระยะนี้ไปไหนเห็นมีแต่คนห้อยเหรียญกลม ๆ ใหญ่ ๆ ไว้ที่คอทั้งชาย หญิง วัยรุ่น ทั้งแก่และไม่แก่ บางคนไม่ได้ห้อยแค่เหรียญเดียวแต่มีมาเป็นพวงทีเดียว ไม่หนักคอกันบ้างหรือ บางทีก็น่าเห็นใจเพราะเรากำลังอยู่ในช่วงที่บ้านเมืองขาดความมั่นคง ผู้คนเลยต้องหาที่พึ่งพิง
แต่ที่พึ่งพิงของคนไทยส่วนใหญ่เวลานี้ไม่ใช่เรื่องที่อยู่ภายในตนเอง แต่เป็นเรื่องของภายนอก คนไทยคุ้นเคยกับที่พึ่งที่เป็นรูปธรรมภายนอกมากกว่า มากกว่าที่จะพึ่งพาความมั่นคงภายในตนเอง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยากว่าเหตุใดเหรียญกลม ๆ ใหญ่ ๆ จึงกลายเป็นกระแสแฟชั่นเครื่องรางของขลังสุดฮิตในเวลานี้ นั่นคงไม่แตกต่างจากความต้องการให้มีการบัญญัติคำว่า ‘พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ’ ของพระสงฆ์ที่กำลังมีการชุมนุมเรียกร้องให้มีข้อความนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ด้วยความเกรงว่าพุทธศาสนากำลังถูกภาครัฐมองข้าม หรือไม่ก็เกรงว่าพุทธศาสนากำลังจะถูกกลืนกินหรืออาจสูญหายไปในอนาคตด้วยเหตุปัจจัยบางประการ การมีคำว่า ‘พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ’ ในรัฐธรรมนูญจะช่วยให้พุทธศาสนายังคงอยู่อย่างมั่นคง ไม่มีใครไปทำร้ายหรือทำให้สูญหายไป การมีคำ ๆ นี้จะช่วยให้เราอุ่นใจได้
แต่การคิดเช่นนี้ก็คงไม่แตกต่างจากการเอาวัตถุเป็นตัวตั้งเหมือนกับที่คนไทยยึดถือเอาเหรียญกลม ๆ ใหญ่ ๆ เป็นสรณะในเวลานี้ ด้วยเหตุเพราะเรารู้สึกว่าคนไทยไม่ค่อยปฏิบัติตามคำสั่งสอนในพุทธศาสนา คนไทยไม่ค่อยมีธรรมะ คนไทยไม่เข้าวัดกันแล้ว เราจึงใช้โอกาสนี้เพื่อเรียกร้องให้มีข้อความในรัฐธรรมนูญเพื่อต้องการความมั่นคงบางอย่าง
ทั้งคนไทยและพระสงฆ์อาจกำลังตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน คือต้องการอะไรบางอย่างเป็นเครื่องรับประกันความมั่นคง แต่เป็นไปได้ไหมว่าความมั่นคงแท้จริงแล้วไม่ได้อยู่ภายนอก แต่มันแอบซ่อนอยู่ภายใน
ถ้าเราสามารถที่จะสอนให้ชาวไทยพุทธรู้จักวิถีแห่งสติ, สอนให้พวกเขารู้จักวิถีแห่งการใช้ชีวิตอย่างมีความสุขและความตระหนักรู้, สอนให้พวกเขารู้จักการใช้ชีวิตอย่างรู้คุณค่าในชีวิตตนเองและมองเห็นคุณค่าชีวิตของคนอื่น ๆ ที่แตกต่างออกไป ไม่ว่าเขาคนนั้นจะเป็นเพศชาย เพศหญิง หรือเพศอื่น ๆ ไม่ว่าเขาคนนั้นจะนับถือศาสนาใด เป็นคนเชื้อชาติไหน เป็นคนผิวสีอะไรหรือพูดภาษาอะไรก็ตาม และถ้าเราจะสามารถสอนให้ชาวไทยพุทธรู้สึกได้ว่าพวกเขาก็มีส่วนร่วมในพระรัตนตรัยด้วย เท่านี้ก็ถือว่าเรากำลังเพาะปลูกต้นไม้ชื่อ พุทธศาสนา ให้เติบโตภายในใจของผู้คนแล้ว และนั่นเองความมั่นคงภายนอกจะมีหรือไม่ จะมีเหรียญกลม ๆ ไว้ห้อยคอหรือไม่อาจไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไป
ความเกรงกลัวดังกล่าวข้างต้นเป็นความเกรงกลัวที่เกิดมีขึ้นมาอย่างสลับซับซ้อน เมื่อเราไม่สามารถสื่อให้ชาวพุทธหรือเยาวชนรุ่นใหม่ได้รู้สึกสนุกหรือมีศรัทธาไปกับศาสนาได้ เมื่อนั้นพวกเขาก็จะเริ่มเบื่อหน่ายศาสนา บ่อยครั้งเองที่เราทำศาสนาให้กลายเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อ เมื่อศาสนากลายเป็นเรื่องยากและน่าเบื่อคนรุ่นใหม่ก็ไม่ให้ความสนใจ เมื่อคนรุ่นใหม่ไม่ให้ความสนใจเมื่อนั้นศาสนาก็กลายเป็นเรื่องนอกสายตา ครั้นเมื่อศาสนากลายเป็นเรื่องนอกสายตาเราก็พยายามมิให้ศาสนาสูญหายไปจากสังคมด้วยการพยายามใช้กลไกลทางภาครัฐเข้ามาช่วยเพื่อให้ศาสนามีตัวตนอยู่ต่อไป
ซึ่งในที่สุดการออกมาใช้กลไกลทางภาครัฐเข้าช่วยก็กลายเป็นเรื่องปลายเหตุ เช่นเดียวกับการที่คนไทยศรัทธาในเหรียญกลม ๆ มากกว่าการเข้าถึงตัวคำสอนที่แท้จริง
พุทธศาสนาก็เหมือนกับสิ่งอื่น ๆ ในโลกใบนี้ มีเกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะปรินิพพาน พระพุทธองค์ได้ฝากพระพุทธศาสนาไว้กับพุทธบริษัท ๔ คือ ภิกษุ ภิกษุณี อุบาสก อุบาสิกา แต่เวลานี้เราขาดภิกษุณี ทำให้พุทธบริษัทไม่ครบองค์ ๔ และเราก็ไม่คิดค้นหาวิธีที่จะทำให้พุทธบริษัทกลับมาครบองค์ดังเดิม เพื่อพุทธบริษัท ๔ จะได้กลับมาอุปถัมภ์สนับสนุนกิจการพระศาสนาให้เจริญสืบต่อไป เมื่อพุทธบริษัท ๔ ไม่ครบองค์ซึ่งเป็นปัจจัยภายใน แต่เรากลับหันไปพึ่งพิงปัจจัยภายนอกคือการเรียกร้องให้มีการบัญญัติข้อความในรัฐธรรมนูญ จึงดูเหมือนว่าเรามุ่งไปที่เหตุปัจจัยภายนอกมากกว่าเหตุปัจจัยภายใน เพราะพระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับพุทธบริษัท ๔ พระองค์มิได้ฝากศาสนาไว้กับกฎหมายบ้านเมือง หรือพระองค์มิได้ฝากศาสนาไว้กับเหรียญตราสัญลักษณ์บางอย่าง พระพุทธเจ้าฝากศาสนาไว้กับคณะบุคคลากรที่มีชีวิตจิตใจ
ทุกวันนี้งานเผยแผ่ศาสนาเป็นงานที่หนัก การที่เรามีบุคลากรเพียงพระภิกษุเท่านั้นจึงไม่เพียงพอและไม่สมดุล เราควรแบ่งเบางานศาสนาที่กำลังหนักอึ้งนี้ให้เบาแรงลงด้วยการยกฐานะการบวชของสตรีขึ้นมาเพื่อนักบวชหญิงจะได้เข้ามามีส่วนรวมในการเผยแผ่ศาสนา ขณะเดียวกันเราควรมีพัฒนาการในการถ่ายทอดธรรมะให้สมสมัย ทำอย่างไรให้การสื่อธรรมะไม่ใช่สิ่งที่ยากและน่าเบื่อซึ่งข้อนี้เราอาจจะต้องเรียนรู้จากเพื่อนนิกายอื่น ๆ ว่าพวกเขามีเทคนิคอย่างไรในการสื่อธรรมะไม่ให้น่าเบื่อ
อาจเป็นเรื่องเร่งด่วนถ้าเราจะอาศัยปัจจัยภายนอกมาทำให้พุทธศาสนามั่นคงโดยมองข้ามปัจจัยภายใน ว่าแท้จริงแล้วเราควรหันกลับมาทำพุทธบริษัทให้ครบ ๔ แล้วเรียนรู้การสื่อธรรมะจากเรื่องยากและน่าเบื่อให้กลายเป็นเรื่องง่ายและน่าสนใจ ซึ่งเป็นเรื่องที่สามารถทำได้ทันที
เมื่อนั้นชาวพุทธในเมืองไทยจำนวน ๙๕ เปอร์เซ็นต์ จะไม่เป็นเพียงแค่ชาวพุทธในบัตรประชาชนเท่านั้น แต่จะเป็นชาวพุทธที่มีศรัทธาและรักพุทธศาสนามากกว่าเก่า เมื่อนั้นเราคงไม่จำเป็นต้องออกมาเรียกร้องให้มีการบัญญัญติคำว่า พุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ จากภาครัฐ เพราะสิ่งสำคัญมากกว่าอื่นใดก็คือทำอย่างไรให้คนไทยพุทธเข้าใจศาสนาพุทธ และรักศาสนาพุทธมากกว่าที่เป็นอยู่
ถ้าเรามีคำบัญญัติดังกล่าวในรัฐธรรมนูญแต่คนไทยพุทธก็ยังใช้ชีวิตอย่างสิ้นเปลือง ไม่ได้เข้าใจพุทธศาสนา ไม่ได้รักพุทธศาสนา การบัญญัติข้อความดังกล่าวก็คงเป็นได้แค่ข้อความธรรมดา ๆ ข้อความหนึ่งเท่านั้นเอง.
ไม่มีความเห็น