บทสุดท้าย ของการสัมมนาคือ AAR

KMทำให้รู้จักค่าของคน เดิมฟังความเห็นลูกน้องแบบผ่านๆต่อไปนี้ต้องรับฟังและสกัดแก่นความรู้จากเขา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี ขอชื่นชมวิธีนี้

เช้าวันที่2จึงเริ่มเข้าห้องประชุม09.00น.เพราะต้องช่วยกันแบ่งกลุ่มย่อยๆ เอาประด็นความสำเร็จจากเรื่องเล่าของแต่ละกลุ่มมารวมกัน  แล้วก็จัดลำดับแต่ละองค์ประกอบ  ส่วนที่เหลือก็แบ่งกันไปพุดคุยบทบาทของ FA และ NOTE ที่ควรและไม่ควรทำ หลังจากนั้นก็มานำเสนอ  ช่วยกันเติมเต็มในหลายสิ่ง และที่ใช้เวลามากๆก็คือตอนที่นำเสนอปัจจัยความสำเร็จ จัดลำดับ   มาเป็นธารปัญญา  และตารางอิสรภาพ  ในที่สุดก็จบลงแบบงงๆ เพราะท่านมาเร็วเกินไป  อย่าเพิ่งไปสนใจเครื่องมือนี้เลย  ลองเอาแนวทาง KM ไปใช้ในงานของท่านก่อน  ถ้ามาถูกทางแล้ว  อย่างอื่นก็ไม่ยากแล้ว อันนี้เราพูดเอง เพราะมีประสบการณ์มาก่อนแล้ว     ท่านเสธนาธิการอยู่ด้วยตลอดในวันนั้น ต้องขอชื่นชมท่านCKOเป็นอย่างยิ่ง   สังเกตุว่าหลายๆคนเริ่มเหนื่อย เราก็เริ่มพายืดเหยียดกล้ามเนื้อกัน  ดูจากภาพก็แล้วกัน ว่าใครยืดหยุ่นตัวได้ดี            ถ้าจะไม่พูดถึงวันงานเลี้ยงสังสรรค์(เย็นวันที่2) ก็คงไม่ได้ เพราะประทับใจมากๆเลยคะ  นายทหารทุกคนร้องเพลงได้ไพเราะมาก เราเองยังถูกเชิญให้ร้องเพลงเป็นครั้งที่2 ด้วยspirit ที่มีอยู่ ก็เลยต้องออกไป (ที่จริงท่านเสธขอร้องเพลงคู่แต่เราไม่กล้า บอกท่านว่าร้องไม่เป็น เลยบอกน้องปลาให้ร้องแทน ซึ่งก็ไม่ผิดหวัง ร้องได้ไพเราะมาก หลังจากนั้นท่านเสธก็เดินทางกลีบ กทม. ในคืนนั้น)ก็ต้องบอกว่าใช้ไม่ได้ แต่มีเทคนิคดี คือดึงอ.เบญรงค์ไปร้องเพลงคู่  ซึ่งก็ช่วยทำให้เสียงของเราไม่ล่มก่อนเพลงจบ  อ้อ มีเรื่องขำๆ เมื่อเสธกลับไป  อ.กุ้ง นั่งร่วมโต๊ะด้วย บอกว่ากินไม่อิ่ม ต้องไปเอาอาหารมากินต่อ    ท่านรองเสธ เป็นspy สังเกตุการณ์แต่ละกลุ่ม  <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">วันนี้เป็นวันสุดท้ายแล้ว เมื่อวานเลิกเย็นและมีงานเลี้ยงสังสรรค์ วันแลกเปลี่ยนเรียนรู้  งานเลิก4ทุ่มกว่าๆ  และเราก็ติดที่จะตื่นเช้าๆมาวิ่งออกกำลังกายได้2วันเลย  มีเพื่อนร่วมวิ่งด้วย คือ อ.จำนงค์  ไม่น่าเชื่อว่าท่านช่างแข็งแรงอะไรอย่างนี้ วันแรกเราวิ่งรอบๆที่พัก 1รอบ ประมาณว่า2 กิโลกว่าๆเกือบ3แหละ  พอวันที่2 ขอลองวิ่ง2รอบ( จะลองดูว่าอ.จำนงค์จะไหวไหม  ปรากฎว่าอ.จำนงค์นะไหว  เราเองก็ไหวนะ แต่ก็เหนื่อย สนุกดี )  วิ่งต่อเนื่องไม่มีเหนื่อยหอบ นี่แหละคนที่ฟิตอย่างแท้จริง  แถมมีหน้าตาอ่อนกว่าอายุจริงมากๆ </p> และในวันสุดท้าย  บทสรุปที่ต้องการเห็นคือภาพความจริง <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">รวมทั้งบรรยากาศที่อยากให้เกิดในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้   hilight ของวันนี้คือการทำ AAR ที่ต้องการให้ทุกคนได้พูด </p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                               *   ท่านมีความคาดหวังก่อนมาอย่างไร</p><p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal">                                * ท่านได้สิ่งที่คาดหวังหรือไม่ มีสิ่งใดที่ได้มากหรือได้น้อยกว่าที่หวัง</p>                                 *ท่านจะนำสิ่งที่ได้ไปทำอะไร <p style="margin: 0cm 0cm 0pt" class="MsoNormal"> </p><p>ขออนุญาตนำมาถ่ายทอดทุกคำพูดนะคะ </p><p> อ.ประเสริฐ      ก่อนเข้ามาสัมมนา ไม่รู้ว่า KM คืออะไร ยังมองภาพไม่ชัด พอมาแล้วก็ได้รู้จัก KM  ก็มาทบทวนดูว่างานที่เราทำอยู่บางงานก็เป็น KM อยู่บ้าง แต่ยังไม่เป็นรูปแบบชัดเจน คิดว่าเป็นเครื่องมือที่ทำให้เราสามารถเอาไปใช้ได้  วัฒนธรรมคนไทยไม่ชอบถูกบังคับ ไม่ชอบเปลี่ยนแปลงอะไร  แต่ถ้าใช้ KM จะง่ายขึ้นอ.ธนภัตร์        ไม่รู้ว่า KM คืออะไร  ได้เข้ามารู้ว่า KM เป็นการมาแลกเปลี่ยน มาเปิดเผยกันในเรื่องต่างจะเป็นเรื่องงานหรือเรื่องอื่นๆ มาดูว่าเขาทำสำเร็จได้อย่างไร รู้เรื่องคนอื่น ข้อดีทำให้เราเข้าใจคนอื่น  ครั้งแรกคิดว่าคงไม่เท่าไรนะ    แต่ก็พบว่า KM เป็นกลยุทธ์ทางจิตวิทยา ถึงแม้เรามารวมกันหลายหน่วยงาน  ก็สามารถนำสิ่งที่เรียนรู้วันนี้ไปปรับปรุงในหน่วยงาน </p><p>อ.เบญจรงค์      ตอนแรกที่มาสัมมนา คาดว่าจะเป็นวิชาการ  แต่พอมาฟังบรรยาย เข้าจริงๆ กลับไม่ใช่  ตัวผมเองคิดว่ารับได้ไม่ถึง100  ก็มีหลับบ้าง ง่วงบ้าง  เข้าใจหลักกว้างๆ  คงไม่ได้เอาไปทำ แต่จะมอบหมายให้ลูกน้องทำ   ที่ได้มากคือเรื่องตารางอิสรภาพ  การประเมินตัวเอง  การคิดคะแนน  มาดูว่าเราขาดอะไร  ต้องพัฒนาอะไร </p><p>อ.จันทนา         ที่เข้ามาเพราะว่ามีชื่อเป็นกรรมการ KM เพิ่งย้ายมาอยู่ กสอ. ยังไม่ครบปี ถ้าเราไม่เรียนรู้เลยก็จะ ไม่รู้เรื่อง  พอรู้ว่า สอส. จัด ก็กลัวว่าวิชาการเยอะ ๆ และกังวลว่าจะเป็นวิชาการมากไปไหม กลัวเครียด เพราะวิชาการจัดมาก  มาดีหรือไม่มาดี ลังเล  แต่พอมาแล้วก็ได้รับความรู้เยอะ  เมื่อก่อนมีไฟเยอะ  แต่ตอนนี้ไฟมอด  พอเข้ามาพูดคุยกันวันนี้เริ่มมีจุดไฟในตัวได้บ้าง   ผอ.วิริยะ คะ  หากมีอะไรให้ช่วยก็เรียกนะคะ </p><p>อ.วิมลรัตน์         ได้เข้าสัมมนาครั้งนี้เป็นครั้งที่2  ตอนครั้งแรกเป็นสิ่งใหม่ๆแปลกๆ เริ่มคุ้นเคยขึ้น  คาดหวังว่าจะได้รับความมั่นใจในตัวเองมากขึ้นกว่านี้และผู้บังคับบัญชาเตรียมตั้งให้เป็นวิทยากร   คิดว่าได้ในสิ่งที่ตั้งใจ  และได้เพิ่ม คิดว่าได้ความรู้มากขึ้นกว่าเดิม แต่พอ ได้ลองเป็น FA ก็รู้ว่าตัวเองยังทำได้ไม่ดีแต่ก็ทำให้มั่นใจมากขึ้น </p><p>อ.ธงชัย           ก่อนมารู้เรื่องKM แบบสับสน  แต่เมื่อได้เข้าอบรมครั้งนี้ทำให้ผมรู้  ตอนนี้สับสนน้อยลง คือรู้จักคุณค่าของคนเป็น Hilight   เดิมก็ฟังความคิดเห็นลูกน้องแบบผ่านๆ  ต่อไปนี้ต้องสกัดความรู้จากเขา ผมว่าเป็นสิ่งที่ดี  ต้องขอชื่นชมวิธีนี้มาก ระดับล่างๆควรจะรับฟัง  สิ่งสำคัญคือ ทำอย่างไรให้ผู้บังคับบัญชาฟังเรา  น่าสนใจมาก  แต่บางครั้งผู้บังคับบัญชาบางท่านทุบโต๊ะ  พูดว่าทุกอย่างดีทั้งนั้นแหละ แต่ผมจะเอาอย่างนี้     KM ให้แนวคิดนะ  ต่อไปนี้จะมีช่องทางเล็กๆที่จะให้ผู้บังคับบัญชาฟังเราบ้าง </p><p>อ.วรวุฒิ         ก่อนมาผมแอนตี้ พวกเครื่องมือหลายๆตัวเช่น ISO  TQM  QC   และคิดว่า KM คงเหมือนกัน  จะดูว่าวิทยากรจะทำให้ผมยอมรับไดมั้ย  และผมก็ยอมรับ KM เพราะทำให้ตรงกับใจผมคือ ทำให้พัฒนาคน วิธีที่แยบยลกับเนื้องานคือ ดึงมาจากตัวเขา แล้วย้อนลงไปสู่ตัวเขา ผมว่ามันดีมาก สิ่งที่ได้วันนี้ ทำให้ผมคิดโครงการได้ 2 โครงการที่จะทำ KM ในหน่วยงาน1.โครงการปฏิบัติกับราชการที่มีความสามารถสูงในทีมสหประชาชาติ  (คนที่ถูกส่งไปต่างแดน) “แลกเปลี่ยนเรียนรู้ประสบการณ์ในต่างแดน” โดยจะเริ่มให้พี่ๆเขียน เพราะถ้าจะให้มาพูดกันอย่างนี้คง ยาก ก็จะใช้วิธีให้เขียนมาก่อน แล้วผมก็จะจัดบอร์ดติดรูปคนเล่าเรื่อง   ตัวผมเองชอบไปคุยกับพี่ๆที่ไปต่างแดน 2.ทำกับ นร. ที่ประสบความสำเร็จในการเรียนอันดับ1-10  โดยผมจะถามเขาว่า  “อยากแบ่งปันสิ่งดีๆให้กับเพื่อนมั้ย”  ถ้าเขาอยาก  ผมก็จะให้เขาเข้ากลุ่มมาแลกเปลี่ยนกัน</p><p> อ.ไพทูรย์        ครั้งแรกที่ได้ยินว่าต้องมาอบรม KM ก็ไม่รู้ว่าคืออะไร  สุดท้ายได้มารู้จัก คณอำนวย  คุณลิขิต  คุณกิจ    ปกติที่ทำงานมีแต่คุณกิจ    จะนำ KMไปใช้โดยดูสถานการณ์ ต้องสังเกตจากน้องๆก่อนว่าจะสอดแทรกได้มั้ย    แล้วอาจจะทำแบบ อ.วรวุฒิ ว่าไว้ </p><p>อ.ยุทธศักดิ์   ตรงที่มาครั้งนี้ผม request  เลย  เพราะศึกษา KM มาบ้าง  อ่านแล้วเหมือนพายเรือในแม่น้ำหรือบึง  เรารู้ว่ามันมีประโยชน์กับหน่วยงานถ้าเราทำในหน่วยงาน  แต่พอมาอบรมวันี้ผมว่ามันเปลี่ยนไป  ทำให้ผมรู้ว่าแตกต่างจากสิ่งที่เรารู้มามากๆ  ตอนนี้ผมณุ้สึกว่าเหมือนพายเรือในมหาสมุทร  มันยิ่งกว่าที่เราคิดมากๆๆเลย   ถ้าเราไม่ได้ลองทำวันนี้จะไม่รู้วิธีแก้ปัญหาเลย  จุดประกายความคิดในฐานะผอ.  เราน่าจะมีการขับเคลื่อนอะไร  ถ้าไม่มี trick ตรงนี้ </p><p>อ.อัมพร     พอได้ทราบว่าจะมา  ก็สนใจเล็กน้อย เพราะผมตั้งเป้าไว้ว่าเห็นสิ่งไหนจะเอาไปให้หมดจะเก็บเกี่ยวไปให้หมด เพราะผมมีความโลภ  วันแรกเห็นปลาทู   รู้เรื่อง model ปลาทูได้ตามเป้า วันที่สองได้เรื่องการทำกลุ่ม  วันที่สามได้ตารางอิสรภาพ   สิ่งใดที่ผมไม่รู้ผมจะซักถาม จนมาเจอตารางอิสรภาพก็ถามจนอาจารย์คิดว่าจะตอบคนนี้อย่างไรดี เจอกราฟธารปัญญาก็สนใจอีก  ทฤษฎี benmark ผมก็อ่านมา แต่ไม่เหมือน  ครั้งนี้เป็นองค์ความรู้ใหม่ที่คล้ายๆแต่ไม่เหมือน  ผมอ่านหนัวสือมาเยอะ  แต่พอมาอบรมครั้งนี้รู้ว่ามันเป็นสิ่งใหม่  ได้รู้เรื่องคุณ FA  คุณลิขิต  คิดว่าคราวหน้าคงได้ความรู้จากอาจารย์เพิ่ม และหวังว่ากองทัพอากาศคงได้รับความกรุณาเพิ่มเติมอีก </p><p> อ.ประสิทธิ์  ผมมีโอกาสเข้ามาอบรมKM ครั้งนี้เป็นครั้งที่2 ความคาดหวังตอนแรกคิดว่าคงได้เหมือนเดิม  แต่สิ่งที่ได้รับคือได้เพิ่มเติม ปะติดปะต่อกันระหว่างครั้งแรก   เพราะโดนคนซัก  และรู้เรื่องเกี่ยวกับการทำแผนกลยุทธ์   คิดว่าจะนำไปใช้คือการเขียนโปรแกรม สนใจด้านบล็อกเกอร์  เขียนโปรแกรม รร.ผู้ฝูง  ผมสนใจด้านIT เคยขอ gotoknow  แต่เขายังไม่ให้  ผมจะพัฒนาโปรแกรมขึ้นมาให้คนใน กองทัพอากาศ เข้ามาแลกเปลี่ยนกัน   ถ้าสอส.ต้องการทีม KM ก็ยินดีครับ </p><p> อ.สมพร   แรกๆไม่รู้ว่าจะได้มาอบรมเรื่องอะไร  จนกระทั่งมาโดยไม่รู้จุดหมายเคยฟังครั้งแรกที่ กทม.  จากไม่เคยคาดว่าจะได้อะไร   จนมาถึงวันนี้ได้เข้ามาจนเริ่มซึมซับว่ามันมีอะไร  หนึ่งนาทีมีฮา แต่ตอนนี้หนึ่งนาทีไม่มีฮาแล้ว  หน่วยงานการเงินที่คิดว่าไม่ได้ทำ KM ก็รู้ว่าเราคิดผิด  เราเริ่มทำไปแล้วแต่เราไม่รู้  ต่อไปนี้จะเริ่มพัฒนาอย่างจริงจัง  ต้องทำให้ดีกว่านี้  หน่วยงาน ยส. ที่พาผมมาที่นี่คงต้องสานงานต่อ  ซึ่งผมคิดว่ามันมีประโยชน์มาก ผมขอฝากท่านตรงนี้ทำต่อนะครับ </p><p>อ.วิริยะ       จากการรับรู้ KM ภายใต้เงา กพร.  ซึ่งเป็นตัวเล็กๆที่หลบอยู่ในส่วนของ กพร.  ตอนแรกที่ทำคือทำตามตัวชี้วัดที่เขาให้ทำมา  แต่เมื่อมาสัมมนาครั้งนี้ คิดว่าจะขยาย CoP เพื่อให้องค์กรสู่ LO ต่อไป รายละเอียดปลีกย่อย จะเอารายละเอียดที่ได้วันนี้ไปใช้กับหน่วยงาน </p><p> อ.ทวนทอง      เคยได้ฟังบรรยายเรื่อง KM ที่หอสมุด ทอ. มาครั้งหนึ่ง ยังไม่รู้ว่าคืออะไร  แต่จากภาษาไทย คิดว่าเป็นการจัดการความรู้  แล้วจะเอาไปจัดการอย่างไรล่ะ   ก่อนมาไม่ได้คาดหวังอะไรมาก  คิดว่ารู้เท่าที่รู้  แต่พอมาแล้ว มาทำกลุ่มก็มองภาพออก ก็รู้ว่าเราจะชักชวนเพื่อนมาร่วมทำกันอย่างไร  เนื่องจากศูนย์ภาษาเป็นหน่วยบริการให้ความรู้กับ นร.  ถ้าเราเอาตรงนี้ไปพัฒนาคนของเรา ก็จะทำให้ นรของเรา.ได้ประโยชน์เพิ่มสมกับที่กองทัพอากาศตั้งใจไว้ </p><p>อ.วิเชียร          เดิมไม่รู้   KM เลย ถูกให้มาอบรมแทน เดิมก็ไม่คาดหวังอะไร  เล่าเรื่องก็ไม่เป็น ตอนหลังมาพลิกนิดหนึ่งเมื่อได้ฟังเพื่อนๆเล่า ก็รู้สึกเนื้อเต้นเหมือนกัน ที่ถูกซักถาม  แต่พอมาแล้วทำให้รู้เรื่องเยอะมาก ได้ประโยชน์มากคิดว่าเป็นสิ่งที่ดี จะนำไปพัฒนาแผนกธุระการ ได้พูดคุยกันว่าจะทำแบบ buddy ลองให้เสนอแนะ พูดคุย ดูซิว่าคุณเป็นพนักงานอย่างไร  ค่อยๆทำไปจะดูว่าอะไรจะทำได้ง่ายที่สุด ดูว่าจะเอาหัวปลาเรื่องอะไร ในสิ่งที่จะทำได้ก่อน </p><p>อ.พิชัย  ก่อนมาผมรู้สึกภูมิใจที่ได้มาสัมมนาครั้งนี้  ก่อนหน้านี้ผมอยู่กับCKO (อยู่หน้าห้อง)ผมเป็นคนหยิบหนังสือให้ท่านอยู่เรื่อยๆ   ผมหวังว่าจะได้รับความรู้  เปิดใจเต็มที่ ทำตัวเป็นแก้วน้ำที่ว่างเปล่า รอรับ จะนำไปใช้ให้เกิดประโยชน์  ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราก่อน </p><p>อ.ปรีดา    ได้มาอบรมครั้งนี้เป็นครั้งที่2   ครั้งแรกที่เข้าอบรม ตั้งแต่เริ่มต้นจนถึงจบ ผมยังไม่รู้ว่า KM คืออะไร  ตำราได้มาก็ไม่เคยอ่าน มองอะไรเป็น module อ่านแต่สารบัญ   จนวันนี้ อ.จำนงค์ให้ผมมา  พอมาถึง วันที่ อ.จากจุฬา มาบรรยายได้ภาพกว้างๆ มันคืออะไร   วันนี้และวันนั้นได้ภาพไม่แตกต่างกันภาพรวม KM ต้องเกิดจากความคิดของคนปฎิบัติ ทุกคนทำได้ เสียดาย รร.ผู้ฝูง  ที่ถูกตัด ช.ม วิจารณ์ไป  คาดหวังว่า อ.จุ๋ม จะจัดเวลาเพิ่มชึ้น  อ.ประสิทธิ์คุยกับผมจะทำ KM ใน รร.ผู้ฝูง อ.สิรินธร    รู้จักKM จากหนังสือ   รู้หลักการ  แต่รู้ไม่มาก  ไม่รู้วิธีการที่จะทำ  เป็นความกรุณาของ สส. ที่ให้โค้วต้าเรามา  คาดหวังว่าน่าจะได้รู้อะไรเพิ่มขึ้น  คิดว่าได้มาก  มากกว่าที่คาด  ทำให้มีคำถามต่อไป ถามเกิน รู้แล้วสงสัยต่อ อยากรู้จุดหมายปลายทาง จึงมีคำถามอยู่เรื่อย เหมือนคนใจร้อน  คิดว่าจะเรียนปรึกษา อ.ทั้ง3ท่านอีกในครั้งต่อไป </p><p> อ.แมน    ความคาดหวังของผู้บังคับบัญชาอยู่ที่เรา   ผมในฐานะ KMของสอส. ได้ไปดูงานมาหลายที่ผู้บังคับบัญชาบอกว่าทำอย่างไรก็ชั่ง คุณต้องมีแผน  อ้อ ได้แล้วการเขียนแผนจากกรมนามัย  ต้องมี share and learn  อย่างน้อยก็มีกรมอนามัยเป็นต้นแบบ ได้ทราบประสบการณ์การพัฒนาหน่วยงาน เราริเริ่มหน่วยงานเราก่อนเลย  เพราะอย่างไรก็ตามก็ต้องถูกบังคับอยู่แล้ว  ลองทำปก่อน ลองผิดลองถูกไป ไม่แปลก รู้ก่อนกองทพอากาศจะได้ไม่ช๊อค  เราบินเร็วอยู่แล้ว </p><p>อ.  เดชา                     เคยมีการบรรยาย KM มาครั้งหนึ่งที่กอง  ผมไม่ได้ถูกเชิญไป  นึกว่าไม่เกี่ยวกับเรา  แต่มาวันนี้ ผมรู้ว่า KM เกี่ยวกับทุกคนแม้กับกิจวัตรประจำวันเช่นการจะเดินทางไปไหน ขึ้นรถเมล์สายอะไร ก็คงต้องสอบถามคนที่เขาเคยไปมาก่อน ยิ่งหน่วยงานผมเป็นหน่วยที่ทำการฝึก </p><p> อ.วิเขียร           คิดว่าการเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเป็นสิ่งที่ไม่ขาดทุน  พอได้มาถึงรู้ว่า KM เป็นเรื่องการแบ่งปันความรู้ในเรื่องประสบการณ์  ได้มากกว่า เป้าหมาย  เพราะได้รู้การเป็น FA </p><p>อ.อำนาจ          ความคาดหวัง ผมตั้งใจมากที่จะเข้าสัมมนาครั้งนี้ แต่ก็ไม่รู้จัก KM มาก่อนเลย ผมต้องศึกษาเอกสารก่อน  แต่ก็ยังไม่ได้อ่านเลย พอมาวันนี้ได้รู้แล้ว  คงเอาไปพูดคุยกับคนที่อยู่ในหน่วยงาน จะเขียนเป็นคู่มือเป็นเอกสารออกมา ทำหน้าที่เป็นทั้ง FA และ NOTE</p><p> อ.จำนงค์         ได้รับมอบหมายให้อำนวยความสะดวกเพื่อจัดสัมมนาครั้งนี้  KMครั้งนี้ประสบผลสำเร็จ  ตอนที่เข้าอบรมที่ รร. ผู้ฝูงยังไม่สำเร็จครบหมด แค่เล่าเรื่อง แล้วจะเอาไปทำอะไรต่อ  ยังเหลือที่หางปลา ไป share อย่างไร  ต้องจัดเก็บความรู้เพื่อถ่ายทอดให้คนอื่นได้รู้ เข้าถึงอย่างไร  เหมือนคนกินข้าวไม่อิ่ม   ผมส่งทีมวานมา4คน เราต้องรวมตัวในแต่ละส่วน ให้มันเป็นภาพใหญ่ของ สอส. ในตำรามีอยู่แล้ว explicit  วันนี้ทำให้ผมเห็นภาพ  ได้คุยกับ อ.สุชาดาที่จะต้องบรรยายความรู้ให้ นร.รู้เรื่องKM ทำอย่างไรจึงจะเป็นบทบาทอาจารย์ที่มีคุณภาพ  มีแนวความคิดที่จะให้ นร.นำ tacit k. ของเขามาถ่ายทอดรุ่นต่อไป </p><p> อ.แหว่ว           คาดหวังใน2ส่วน  ส่วนแรกในฐานะผู้จัด อยากให้ผู้เข้าสัมมนาได้รับความรู้ครั้งนี้  ได้เห็นคุณศรีวิภาในงาน สคส. ที่ไบเทค จึงรู้ว่าคนนี้แหละที่รู้จริง  พวกเราน่าจะนำสิ่งดีๆที่ได้รับวันี้ไปใช้ประโยชน์    และได้ยินจากท่านพูดวันนี้ก็รู้สึกดีใจ   ในส่วนคณะกรรมการ KM ของทอ. ซึ่งมีหน่วยงานหลายหน่วยใหญ่มาก  แต่ถ้าเราขับเคลื่อนไปในส่วนเล็กๆก่อน ก็จะสำเร็จ  ก็คงต้องขอความร่วมมือจากพวกเราทุกคน </p><p>รองเสธ           ตอนแรกที่ถูกอ.ตุ๊ก  ให้มาเป็นหัวหน้าทีม  จริงๆแล้วผมไม่น่าจะได้มา เพราะไม่มีใครอยู่ที่ทำงานเลย   แต่ผมตั้งใจที่จะมาเพราะผมอยู่ฝ่ายเสธ ต้องมาทำความเข้าใจว่า KM คืออะไร ทำอย่างไร ให้ได้ เพื่อจะไปตอบคำถามผู้บังคับบัญชา     พอมาแล้วได้เกินความคาดหมาย เพราะสามารถเสนอแนะได้ ที่ทำงานมี trick อะไรบ้าง คิดว่าสิ่งที่จะเสนอแนผู้บังคับบัญชา คือจะจัดทีม KM นำร่องของ สส. แล้วแหละ  จากเพื่อนๆที่เข้ามาสัมมนาครั้งนี้ </p><p>อ.สุชาดา       เป็นคณะกรรมการ กพร. กองทัพอากาศอยู่ด้วย  ก็ศึกษา KM ตอนแรกที่เข้ารับการอบรมเป็นสาระวิชาการมาก พวก blue print for chang  และถูกกำหนดว่าต้องตั้ง CoP  6 CoP ก่อน  ตั้งเสร็จต้องมี ไฟเดอร์ทีม  คุณแหละต้องไปเอา  เตรียมทีมKM  ตอนนั้นไม่เห็นภาพเลยและไม่รู้ว่าทำไมต้องเอาดับเพลิงมาเกี่ยว   ไม่สามารถจะลุกมาทำอะไรได้เลย   อ่านหนังสือมากเลย เป็นศัพท์ทางเนื้อหาล้วนๆ    ก็พบว่าวิทยากรชุดนี้ท่านมาคลี่คลายความสงสัยครั้งนี้ทั้งปวง  KM    วันนี้มั่นใจสูง    ทำไมกพร.พูดว่าKM จะทำให้ยุทธศาสตร์สัมฤทธิ์ผล  และblue print  KM จะช่วยได้   วันนี้มั่นใจสูงมาก มันเนียนเข้ากับเนื้องาน โดยเราไม่ต้องเรียกมันว่า KM เปลี่ยนวิธีการนี้ซะ ให้มีการบันทึก เข้าถึงง่าย  ก็รู้แล้วว่าจะเอาไปทำอะไรโดยมีท่านวิทยกรทั้ง3เป็นแบบในใจ    ในฐานะที่รับผิดชอบโครงการ รู้สึกประทับใจโดยเฉพาะมีเครือข่าย ไม่เคยสังสรรค์ค์กันละเอียดอย่างนี้เลย  จะไม่ทิ้งพวกท่านเลยเราอาจจะมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้ทาง e-mail  กัน ถึงแม้จะไม่ได้เจอกันแบบนี้ </p><p>อ.จันทิรา   เคยมีโอกาสไปทำ KM ที่ รร.ผู้ฝูงมาก่อน  ก็จะรู้สึกเกร็งน้อยลง   ได้รู้จักพวกท่านมากขึ้น  ได้เรียนรู้วัฒนธรรมองค์กรของกองทัพอากาศ  ได้เรียนรู้ความเป็นเพื่อนเป็นกันเอง  สิ่งที่ได้รับวันนี้ที่ได้มา share กันวันนี้ จะได้นำความรู้วันนี้ไปพัฒนาหน่วยงานอื่นต่อไป </p><p>อ.อัญชิษฐา     ก่อนมาไม่ได้คาดหวังอะไร คิดว่าเป็นผู้เข้าร่วมสัมมนาชุดเดิม รร.ผู้ฝูง  คงต้องการฝึกการทำกลุ่มและสามารถเรียนรู้เครื่องมืออื่นๆอีกของKM  พอได้เข้ามาร่วมครั้งนี้ก็ทำให้ความรู้สึกเดิมๆที่มีต่อทหารอากาศเปลี่ยนไป เดิมที่รู้สึกว่าทหารดื่มเหล้า   </p>