วัยรุ่นไม่มีปัญหา


ช่วงอายุประมาณ 14 - 15 ปีหรือตอนที่เรียนอยู่ประมาณ ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 - 3.นั้นน่าจะเป็นช่วงที่ทุกคนมีความประทับใจในบทเริ่มต้นของการเป็นวัยรุ่นของตนเองทั้งสิ้น เพราะเมื่อไรที่คุยกันถึง ความเป็นวัยรุ่น เรามักจะคุยทบทวนถึงชีวิตช่วงนี้กันได้อย่างไม่รู้เบื่อ เช่น เราสนุกที่จะคุยกันถึงเรื่องการแอบกินขนมในชั้นเรียน, การแอบคุยกันในเวลาที่ครูสอน, การแอบเขียนจดหมายวิจารณ์ครูหรือเพื่อนในชั้นแล้วส่งต่อให้เพื่อนร่วมก๊วนอ่าน , การแอบเอากระดาษปาหัวเพื่อนที่นั่งข้างหน้าห้อง, การแอบอ่านหนังสือการ์ตูนหรือนวนิยายในชั้นเรียน เป็นต้น 

มีหลายเรื่องที่เราคิดว่าเป็นเรื่องโก้เก๋ และไม่ได้สำนึกว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง เช่น ผู้เขียนเองระหว่างที่เรียนหนังสืออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 และ3 (สมัยนี้เรียกชั้น มอ. 2 และ มอ. 3 )ที่โรงเรียนสตรีประจำจังหวัดแห่งหนึ่งจำได้ว่าตนเองเป็นคนที่ดื้อเงียบ ต่อต้านกฎระเบียบของโรงเรียนและชอบทำอะไรแผลงๆอยู่เหมือนกัน เช่น ใส่กางเกงขาสั้นขับรถมอเตอร์ไซค์ซ้อนกันสี่คน 

ในขณะที่ทางโรงเรียนห้ามนักเรียนขับรถมอเตอร์ไซค์และห้ามใส่กางเกงขาสั้น, ปีนออกไปที่ระเบียงตึกชั้นที่ 3 เพื่อเอารองเท้าของตนเองและเพื่อนๆไปผูกโชว์ไว้ที่หน้าต่าง, ออกจากบ้านไปโรงเรียนแต่เช้าแต่ยังไม่เข้าไปในโรงเรียนจนกระทั่งเริ่มชั้นเรียนจึงเดินเข้าไป ถ้ารอดพ้นสายตาครูฝ่ายปกครองได้จะรู้สึกว่าตนเองเก่ง หากถูกจับได้ก็ไม่อายกลับรู้สึกโก้ที่ถูกทำโทษหน้าเสาธงทั้งที่ครูท่านหวังจะประจานให้หลาบจำ ต่อต้านครูและการเรียนการสอนบางวิชาแบบหัวชนฝาโดยเฉพาะครูที่ชอบออกคำสั่งแต่จะพอใจที่จะเชื่อฟังครูที่อ่อนโยนและรับฟัง ฯลฯ 

ชีวิตช่วงนั้นคิดไปก็เห็นใจแม่เหมือนกันที่ต้องเทียวไปมาพบอาจารย์ใหญ่และครูฝ่ายปกครองอยู่บ่อยๆ 

พอผ่านขึ้นไปเรียนชั้น มัธยมศึกษาปีที่ 4 -. 6 ความรู้สึกนึกคิดและการกระทำก็เปลี่ยนไปความ “ซ่า“ เริ่มลดลง เริ่มมีเหตุผลต่อความชอบหรือไม่ชอบ เริ่มยั้งคิด เริ่มถามตนเองถึงเหตุผลของการกระทำว่าเราจะทำอย่างนั้นทำไม ทำแล้วได้อะไรขึ้นมาและเกิดประโยชน์แก่ชีวิตของเราหรือไม่อย่างไร พร้อมทั้งจะกวาดสายตามองออกไปในสังคมที่ใกล้ตัวและไกลออกไปเพื่อหากรอบและบรรทัดฐานให้กับชีวิตแทนที่จะยึดตนเองเป็นศูนย์กลาง 

ชีวิตในช่วงมัธยมศึกษาตอนปลายค่อนข้างเป็นตัวของตัวเองไม่ค่อยติดเพื่อนและเพื่อนก็ไม่ค่อยติดเราเพราะเพื่อนชวนไปไหนก็ไม่ค่อยไปชอบอ่านหนังสือมากกว่าในขณะที่ตอนเรียนอยู่มัธยมศึกษาตอนต้นนั้นจะมีเพื่อนฝูงมากไปไหนมาไหนจะไปกันแบบยกโขยง คุยกันเสียงดังแม้จะอยู่ไม่ห่างกัน ชอบทำเสียงหรือแสดงท่าทางเรียกร้องความสนใจจากคนรอบข้าง ยิ่งถูกมอง ยิ่งพอใจ แต่เมื่อโตขึ้นจะเริ่มสนใจความรู้สึกของคนอื่นโดยจะคำนึงถึงคำว่าเหมาะสมหรือไม่เหมาะสมด้วย

แม้ว่าจะยังมีอาการแบบดันทุรังและต่อต้านอยู่บ้างแต่ก็ไม่ถึงขนาดที่ว่าบอกซ้ายจะไปขวาหรือบอกขวาจะไปซ้าย อาจจะเป็นเพราะชีวิตที่ได้กำหนดเป้าหมายไว้ที่การศึกษาทำให้ “ได้คิด“ และลดพฤติกรรมที่จะขัดขวางความสำเร็จในชีวิตลงไปได้มากจนถึงมากที่สุด 

นอกจากเริ่มอยู่ในร่องในรอยของกฎระเบียบแล้วยังชอบร่วมกิจกรรมของโรงเรียนอีกด้วย เช่น ร่วมเล่นละครเวที อาสาแต่งเสภาเพื่อให้เพื่อนขับในงานพิธีต่างๆหรือแม้แต่การเป็นประธานเชียร์ในงานกีฬาสี เป็นต้น

บทบาทชีวิตตอนเป็นวัยรุ่นที่แบ่งออกเป็นสามช่วงคือช่วงวัยแรกรุ่นที่อยู่ในช่วงอายุระหว่างประมาณ 11-14 ปี ช่วงกลางคือระหว่างอายุประมาณ 15-18 ปี และช่วงปลายที่อยู่ในช่วงอายุระหว่างประมาณ 18-20 ปี นั้น มีพัฒนาการเป็นขั้นเป็นตอนตามลำดับทั้งทางด้านร่างกาย อารมณ์ สังคมและสติปัญญา

เริ่มตั้งแต่มีการเปลี่ยนแปลงทางด้านร่างกายภายนอกที่ปรากฎให้เห็นลักษณะทางเพศที่เด่นชัดขึ้น ที่เรียกว่า “เริ่มแตกเนื้อหนุ่มเนื้อสาว “ เช่น ฝ่ายชายเริ่มมีเสียงแตกห้าว เห็นลูกกระเดือกชัดขึ้น มีหนวด มีขนตามรักแร้ ตามตัวและอวัยวะเพศ เป็นต้น ส่วนฝ่ายหญิงหน้าอกจะเริ่มขยาย เริ่มมีทรวดทรวงองค์เอว เริ่มมีขนที่รักแร้และอวัยวะเพศและมีประจำเดือน เป็นต้น ส่วนลักษณะเด่นอื่นๆหากจะกล่าวเป็นข้อๆจะได้ดังนี้

1.มีอารมณ์เปราะบาง เปลี่ยนแปลงง่าย หงุดหงิด หวั่นไหว หุนหันพลันแล่น ยึดถือความคิดของตนเป็นใหญ่

2.บางทีสับสนระหว่างความต้องการพึ่งพาผู้อื่นกับความต้องการเป็นตัวของตัวเอง

3. ศูนย์กลางความสนใจจะแปรเปลี่ยนจากครอบครัวสู่สังคมภายนอกครอบครัวมากขึ้น โดยจะหันเข้าหากลุ่มเพื่อนแทนผู้ใหญ่ในครอบครัว ดังนั้นจะเห็นว่ากลุ่มเพื่อนจะมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมของวัยรุ่นค่อนข้างสูงประกอบกับความต้องการเป็นที่ยอมรับซึ่งเป็นอีกส่วนหนึ่งที่ผลักดันให้วัยรุ่นสนใจในสิ่งที่เพื่อนสนใจหรือสนใจสิ่งที่เป็นกระแสสังคมในขณะนั้น ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกาย การกิน การฟังเพลง หรือวิถีชีวิตอื่นๆ

4.ใส่ใจในรูปร่างหน้าตาของตนเองมากขึ้น ให้ความสำคัญต่อการแต่งกายและหน้าตา เป็นพิเศษ

5.แสวงหาเอกลักษณ์ของตัวเองโดยมองหาต้นแบบจากบุคคลในครอบครัวหรือจากบุคคลที่มีบทบาทโดดเด่นในสังคม เช่น ดารา นักร้อง นักแสดง เป็นต้น วัยรุ่นอาจจะดึงลักษณะเด่นของแต่ละบุคคลที่เขาประทับใจออกมาแแล้วนำมาสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นใหม่ก็ได้

6.ต้องการให้ตนเองเป็นที่ยอมรับในขณะที่ตนเองรีรอที่จะยอมรับผู้อื่น หรือบางทีก็เรียนรู้ที่จะยอมรับผู้อื่นเพื่อให้ผู้อื่นยอมรับตนยอมรับ

7.สนใจเรื่องเพศ สนใจเพศตรงข้าม แต่บางทีอาจจะแสดงท่าทีเมินเฉยและต่อต้าน รวมทั้งไม่กล้าแสดงออกหรือหาความรู้เรื่องนี้ (ทั้งที่ความจริงสนใจใคร่รู้ค่อนข้างมาก)

8.อารมณ์แปรปรวน เปราะบาง ฉุนเฉียวง่าย อ่อนไหว โดยมักสุดโต่งไปทางใดทางหนึ่งไม่ว่าจะเป็นรักหรือชัง มักหาจุดกึ่งกลางไม่ได้

9.ไม่ชอบการออกคำสั่งบังคับหรือการจู้จี้จุกจิก

10.ชอบคุยโทรศัพท์นานๆ 

ฯลฯ

การดำเนินชีวิตของวัยรุ่นในแต่ละวันเปรียบเสมือนการทำแบบฝึกหัดแต่ละบทเพื่อการก้าวไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพในวันพรุ่งนี้ “วัยรุ่น“ ต้องการความรัก ความเข้าใจจากสังคมรอบข้างเช่นเดียวกับเด็กเล็กๆหรือคนวัยอื่นๆเพียงแต่ขอให้เป็นการให้ความรักบนพื้นฐานของความเข้าใจที่ปราศจากการบังคับและครอบงำ หากแต่ให้อยู่บนความจริงใจ และความมีเหตุผล ไม่มากไปไม่น้อยไป วัยรุ่นมีลักษณะเด่นอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ความสดใสร่าเริง การมีความฝันและจินตนาการที่กว้างไกล ความมีพลังและความมุ่งมั่น ความกล้าคิดกล้าตัดสินใจ หรือแม้แต่ความรู้จักเสียสละ รู้จักแบ่งปันและสนใจต่อสังคมนั้นวัยรุ่นก็มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมไม่แพ้ใคร 

วันนี้จึงไม่เห็นว่าวัยรุ่นมีปัญหาอะไร หากย้อนรำลึกถึงวันที่เราเคยเป็นวัยรุ่นจะยิ่งย้ำให้เราเข้าใจว่าวันนี้ วัยรุ่นไม่มีปัญหาอะไรจริง ๆ 

สรวงธร  นาวาผล 

หมายเลขบันทึก: 109313เขียนเมื่อ 7 กรกฎาคม 2007 13:10 น. ()แก้ไขเมื่อ 18 เมษายน 2012 06:28 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

เมื่อได้อ่านแล้วก็ทำให้รู้สึกได้ถึงตอนที่เป็นวัยรุ่นเหมือนกัน คิดถึงเรื่องที่ตัวเองเคยได้ทำลงไปในสิ่งที่ไม่ดี ก็อยากจะกลับไปเป็นเช่นนั้นอีกคลา เพื่อที่จะได้แก้ไขในเรื่องที่มันแย่ๆ ให้ดี

         เป็นห่วงน้องจังตอนนี้เรียนอยู่ ม.3 กลัวน้องจะเดินทางผิดจัง

เห็นด้วยค่ะ  ทุกคนก็ต้องเป็นวัยรุ่นมาก่อน  แต่ว่าหากมีข้อมูลเพียงพอที่จะตัดสินใจเวลาจะทำอะไรมันก็จะผิดพลาดได้น้อยกว่า 

 

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท