วันที่ 25 มิถุนายน 2550
เวทีที่ 1. เวทีเสวนาชุมชนบ้านท่าไร่ หมู่ที่ 1 ตำบลท่าไร่ ณ ศาลาอเนกประสงค์โรงเรียนราษฎรเจริญ โดยได้รับการเอื้ออำนวย จากผู้อำนวยการโรงเรียนราษฎรเจริญ
ผู้ใหญ่สำราญ ขวัญมณี ได้กล่าวต้อนรับสมาชิกที่เข้าร่วมโครงการด้วยความชื่นชมและภูมิใจ ที่ชาวชุมชนบ้านท่าไร่ให้ความร่วมมือร่วมใจกันมาพบกันในวันนี้ประชุม เสวนาเพื่อวางแผนการขับเคลื่อนชุมชนบ้านท่าไร่ให้พัฒนาเท่าเยมกับ ชุมชนอื่น และได้ถือโอกาสชี้แจงวัตถุประสงค์ของโครงการ ว่า ให้ทุกคนมาช่วย กันวางแผนการขับเคลื่อนชุมชน บ้านท่าไร่ให้ ้้พัฒนา ไปสู่ชุมชนที่ พอมี พอกินซึ่งก็จะมีชีวิตที่อยู่ดี มีสุข หรือเป็นชุมชน เป็นชุมชน ที่อยู่อย่าง พอเพียงตามแนวพระราชดำริของในหลวง
ดิฉันครูอาสาสมัครฯของศูนย์ศึกษานอกโรงเรียนอำเภอเมืองก็ได้นำกระบวนการ เพื่อกระตุ้นให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการส่งเสริมความเข้มแข็งของ อย่างสมบูรณ์และยั่งยืน ได้เกิดแนวคิดในกิจกรรมที่ทำอยู่ ในวิถีชีวิต ของชุมชนบ้านท่าไร่ โดยให
้
คุณโยธิน กาละกาญจน์ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ทำนามาตลอด ออกมา เล่า เรื่องการทำนาที่เคยประสบความสำเร็จ และล้มเหลว ท่านบอกว่า ทำนาข้าวมาตั้งแต่สมัยปู่ ย่า ตา ยาย จนปัจจุบันก็ยังทำอยู่ เมื่อคิดย้อนหลังกลับไปสมัยก่อนต้นในการทำนาข้าวน้อยมากเมื่อหัก ลบต้นทุนในการทำก็พอจะมีผลกำไรบ้างแถบยังมีข้าวเหลือกินตลอด ปีทีเดียวซึ่งแตกต่างจากต้อนนี้มากทีเดียวการทำนาในปัจจุบันต้องลง สูงมากจึงทำในขาดทุนเกือบทุกปีและกลุ่มที่ทำนาข้าวทุกคนที่เข้าร่วม ในวันนี้ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเป็นอย่างที่ลุงโยธิน เล่าจริง
และได้ให้สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการแบ่งกลุ่มกันแลกเปลี่ยนเรียนกัน ว่า สิ่งที่ทำอยู่ในชุมชนบ้านท่าไร่มีอะไรบ้าง แบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่ม
1. กลุ่มปลูกพืชผัก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านท่าไร่และกลุ่มบนดอนสงวน
2. กลุ่มทำปุ๋ยชีวภาพ
ซึ่งในแต่ละกลุ่มก็ได้บอกถึง ปัญหา ความล้มเหลว ความสำเร็จ ผลประโยชน์
1. กลุ่มปลูกพืชผัก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มบ้านสระยศและกลุ่มดอนสงวน นำเสนอโดย คุณชูศรี โอทอง ผักที่ปลูกเหมือนกันทั้ง 2 กลุ่ม แตงกาว ถั่วพู มะละกอ พริกขี้หนู ฝักเขียว มะเขือ แต่พื้นที่ในการใช้ปลูกแตกต่างกันเล็กน้อยโดยเฉพาะกลุ่มบ้านดอนสงวนพื้นที่เป็นท้องท่าเพราะเมื่อก่อนพื้นที่ตรงนั้นเป็นที่ลุ่ม ได้นำดินจากที่อื่นมาถมเมื่อฝนตกจะทำให้อมน้ำไว้มากจึงทำให้มีผล กระทบต่อรากของพืชผักที่ปลูกมากทีเดียวัญหาของพืชผัก ที่ปลูกของ บ้านสระยศและกลุ่มดอนสงวน โรคต่าง ๆ เช่น พริก ทำให้เป็นกุ้งแห้ง มะเขือโรครากเน่า ซึ่งจากปัญหาดัง กล่าวทำให้นำไปสู่ความล้มเหลว ในอาชีพการปลูกพืชผัก ส่วนพืชผักที่ทำรายได้ให้กับชุมชนบ้านสระยศ และกลุ่มดอนสงวน มีฝักเขียว ถั่วพู และมะละกอ ซึ่งกลุ่มปลูก พืชผัก ทั้ง 2กลุ่มบอกว่าอาชีพนี้เป็นอาชีพี่สามารถ พยุงความอยู่รอดให้ กับพวกเขาตลอดมาส่วนทำนาก็เพื่อหวังว่าให้ข้าวสารกินไม่ต้องซื้อ และเลี้ยงปลา เป็ด ไก่ไว้กิน เหลือจากกินขายและลดการ ใช้ปุ๋ยเคมีหันมาใช้ ปุ๋ยหมัก แทนเพื่อลดต้นทุนในการปลูกลงได้ส่วนหนึ่ง
สรุปว่าที่นำเสนอมาข้างต้น มีทั้งลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และการออมอยู่ในตัวของมันปะปนอยู่แล้วค่ะ
คุณพรรษา ดาษนิกร พัฒนาชุมชนองค์การบริหารส่วนตำบลท่าไร่เพิ่มเติมเกี่ยวปัญหาโรค ต่าง ๆที่มีผลกระทบต่อพืชว่าควรจะปรึกษากับหน่วยงาน ที่มีความ รู้ ความสามารถในเรื่องพืชผัก คือเกษตรประจำตำบลหรืออาจจะไปแลก เปลี่ยนเรียนกับกลุ่มอื่นที่เขาประสบความสำเร็จก็ได้แถบยังเสนอแนะ ให้ปรับเปลี่ยนพืชผักที่ปลูก เช่นถั่วพลูมีโรคน้อยควรขยายพื้นที่ จะปลูก ให้มากลดพืชผักที่มีโรคมากให้เหลือน้อยลง
ส่วนคุณลุงน้าว อดีตผู้ใหญ่ ได้เสนอแนะให้กับกลุ่มบ้านดอนสงวนที่ประสบปัญหาโรครากเน่าเนื่อง จากพื้นที่เป็นท้องท่า/ลุ่ม บอกว่า เวลาปลูกพืชผักควรจะยกเป็นร่อง ให้สูงกว่าพื้นที่ปกติหรือยกเป็นคุกขึ้นก่อนนั้นเอง
2. กลุ่มคนรักดิน (กลุ่มป๋ยหมักชีวภาพ) นำเสนอโดย
ที่กลุ่มคนรักดินก็ปลูกพืชผักด้วยประสบปัญหาเรื่องดินแข็งกระด่างจึง ได้จุดประกายให้เกิดแนวคิดในการทำปุ๋ยหมักชีวภาพขึ้นมาเพื่อฟื้นฟูู สภาพหน้าดินให้กลับมาสมบูรณ์ และอีกประเด็นคือสามารถ สร้างราย ได้ให้กับชุมชนอีกทางหนึ่งเหลือจากใช้เองก็จะนำไปขายให้กับชุมชน อื่นส่วนประเด็นสุดสามารถลดต้นทุนในการปลูกพืชผักได้มากทีเดียว จากที่ใช้เฉพาะปุ๋ยเคมีล้วน ๆซึ่งราคาแพงมากหันมา ใช้ปุ๋ยหมัก ที่ทำ เองใช้เอง แถบยังทำให้เงินหมุนเวียน อยู่ในชุมชนบ้านท่าไร่ อีกด้วย และพืชผักที่ ปลูกก็จะลดสารพิษจากปุ๋ยเคมีได้ในระดับหนึ่ง ทางกลุ่มนี้ยังบอกว่าวัสดุที่นำมาทำปุ๋ยหมักเน้นวัตถุดิบที่มีอยู่ใน ชุมชน เช่นผักกระเฉด ผักบุ้ง ผักตบชวา ฯลฯ ขี้วัว ขี้หมู หาซื้อได้จาก ในท้องถิ่นและจะนัดสมาชิกที่ทำปุ๋ยหมักมาทำทุกวันเสาร์ ของทุกเดือน เพราะสมาชิกจะมีเวลาว่างในวันหยุดกัน เป็นส่วนใหญ่ ่และกลุ่มนี้ยัง มีแนวคิดใหม่ที่จะทำต่อไปคือทำปุ๋ยหมักน้ำ และทำฮอร์โมน เพื่อเร่งใบ ดอกอีกถ้าหากมีโอกาส
ครูสุธาสินี เลขจิตร ครูศูนย์การเรียนชุมชนตำบลบางจากได้เพิ่มเติมเรื่องการทำบัญชีของ กลุ่มโดยเสนอแนะว่า ถ้าทางกลุ่มนี้มีปัญหาเรื่องการ ทำบัญชี ให้ประสาน ไปยังกลุ่มปุ๋ยหมักตำลบางจาก ได้เพื่อจะได้แลก เปลี่ยน เรียนรู้ กับกลุ่มปุ๋ยหมักตำบลบางจากได้ และการสร้างเครือข่ายระหว่าง กลุ่มบางจากกับกลุ่มบ้านท่าไร่เกี่ยวกับเรื่องของวัสดุต่าง ๆที่ใช้ทำปุ๋ย ถ้าหากทางกลุ่มบ้านท่าไร่ขาดก็สามารถไปขอซื้อจากกลุ่มบ้านบางจาก ได้
ดิฉันให้สมาชิกทั้ง 3 กลุ่มไปทำการบ้านโยทบทวน กิจกรรม ในวิถีชีวิต ให้ทำทันทีและฝึกตั้งความคาดหวัง ในอาชีพของ ตนเอง ไว้อย่างไรและนำมาแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันในเวทีที่ 2 ตาม กำหนดการ
ปิดเวทีการประชุมโดยคุณลุงน้าว อดีตผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 1 ท่านได้ฝากแนวคิดไว้ว่าถ้าทุกคนในชุมชนบ้านท่าไร่อยู่อย่างพอเพียง ตามแนวคิดของในหลวงก็สมารถมีความสุขได้คือสุขแบบพอเพียงนั้นเอง
ไม่มีความเห็น