บทความนี้ขออนุญาตนำคมความคิดของท่าน ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก ซึ่งท่านได้นำเสนอไว้ในหนังสือที่ชื่อว่า สิทธิมนุษยชนไทยในกระแสโลก โดยมีใจความตอนหนึ่งที่มีคุณค่าต่อการเรียนรู้อย่างยิ่ง สาระสำคัญมีอยู่ว่า
“…ชุมชนท้องถิ่นทุกหนทุกแห่งย่อมมีวิถีชีวิตและวัฒนธรรมประเพณี เป็นอัตลักษณ์ตนเองด้วยกันทั้งนั้น หากแต่ว่า ชุมชน ที่พูดถึงกัน ณ ที่นี้ เป็นเรื่องของชุมชนหรือประชาคมอันมีลักษณะเฉพาะตัวซึ่งวิถีชีวิตและวัฒนธรรมสัมพันธ์เชื่อมโยงโดยตรงอยู่กับการดำรงอยู่และบูรณภาพของทรัพยากรและธรรมชาติแวดล้อม นั่นก็คือ ทรัพยากรธรรมชาติในบริบทนิเวศของภูมิภาคป่าเขตร้อนของโลก คุณค่าความสำคัญของป่าเขตร้อน จึงเป็นแหล่งทรัพยากรความหลากหลายทางชีวภาพอันหนาแน่นอุดมสมบูรณ์ ฉะนั้นจึงเป็นแหล่งกระจุกตัวของมวลพันธุ์พืช พันธุ์สัตว์และจุลินทรีย์ ที่สำคัญและจำเป็นอย่างยิ่งต่อชีวิตมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นในด้านอาหาร ยารักษาโรค ที่อยู่อาศัย เครื่องนุ่งห่ม …”
“… ผืนแผ่นดินไทยประกอบเป็นส่วนหนึ่งของภูมิภาคป่าเขตร้อน ประเทศไทยจึงอยู่ในใจกลางสภาพภูมิศาสตร์ที่หลากหลายเอื้ออำนวยต่อการเจริญเติบโตของสิ่งมีชีวิต สัมพันธ์เชื่อมโยงกันตั้งแต่อาณาบริเวณแถบชายฝั่งทะเลขึ้นไปสู่ที่ราบ ลุ่มแม่น้ำและภูเขาที่มีความสูงหลากหลายจากระดับน้ำทะเล ทั้งหมดประกอบกันเป็นแหล่งก่อเกิดของป่าและพันธุ์พืชสัตว์นานาชนิด…คุณค่าความสำคัญของ ฐานทรัพยากรป่าเขตร้อน ซึ่งประเทศไทยเราประกอบเป็นส่วนหนึ่ง จึงอยู่ในฐานะเป็นฐานต้นทุนชีวิตแห่งมวลมนุษยชาติ…”
ด้วยคมความคิดของท่านอาจารย์ ผมเห็นว่า ในความผูกพันระหว่างคนกับทรัพยากรธรรมชาติ ได้นำไปสู่การรับรู้และเรียนรู้ของผู้คนที่จะพึ่งพาทรัพยากรธรรมชาติในการให้ได้มาซึ่งปัจจัยที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เมื่อผู้คนได้เรียนรู้จากป่า ป่าจึงเป็นทั้งครูและคำสอนที่ยิ่งใหญ่และทรงคุณค่าของมวลมนุษยชาติ
ดังนั้นสถานการณ์ของโลก ที่เป็นปัญหาส่งผลกระทบต่อความเป็นอยู่ของมนุษย์ ดังเช่นภาวะโลกร้อน สาเหตุส่วนหนึ่งจึงน่าจะเกิดจากการที่มนุษย์ได้ลบหลู่บุญคุณครูพร้อมกับไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครูที่ชื่อว่า ป่า ใช่หรือไม่ อย่างไร เชิญทุกท่านได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้