วันนี้ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์มาได้ก็เย็นแล้ว เปลี่ยนจากหน้าจอคอมที่สว่างจ้ามาเป็นหนังสือเย็นๆตาพร้อมกับการเปลี่ยนอิริยาบท ก็ช่วยให้ผ่อนคลายสายตาลงได้บ้าง..ก่อนที่จะต้องผจญกับหน้าจอต่อไป
อ่าน ถอดรหัสภูมิปัญญา จากหนังสือปรัชญาชีวิต คิดนอกกรอบ ของ ดร.เสรี พงศ์พิศ หลายท่านก็คงได้อ่านมาแล้ว แต่ที่สนใจเอามาอ่านใหม่รอบนี้ เพราะไปเจอผลิตภัณฑ์ OTOP ก็เข้าใจว่ามันน่าเชื่อมโยงมาจากภูมิปัญญาไทยในท้องถิ่นนั้นๆ ดร.เสรี ท่านเขียนตรงนี้ไว้น่าอ่านมาก ตอนหนึ่งว่า..ถ้าอยากรู้ว่าภูมิปัญญาไทย ภูมิปัญญาท้องถิ่นมีอะไรดีจึงทำให้คนอยู่เย็นเป็นสุขได้ในอดีตก็ต้องหาทางสืบค้นให้ได้ ต้องหาเครื่องมือมาถอดรหัสภูมิปัญญา สืบค้นหาตรรกะของคนโบราณ หาฐานคิดของคนในอดีตซึ่งตั้งอยู่บนโลกทัศน์ชีวทัศน์อีกแบบหนึ่ง ซึ่งแตกต่างไปจากคนในสังคมวันนี้ที่ถูกครอบงำด้วยความอยาก ความโลภในวิถีทันสมัยของสังคมบ้าบริโภคและลัทธิบูชาเงิน
ภูมิปัญญาไทยเป็นศาสตร์และศิลป์ของการดำเนินชีวิต เป็นปรัชญาชีวิตที่ต้องสืบค้นให้เข้าใจ "องค์รวม" ของปรัชญานี้ ไม่ยึดติดอยู่กับ"เทคโนโลยีชาวบ้าน" ผลงานบางชิ้นบางอันที่ถูกเด็ดยอดออกมาจากภูมิปัญญามาเป็นโอทอปที่อาจดูโรแมนติก แต่ถูกดึงมารับใช้สังคมบริโภค สูญเสีย "วิญญาณ" ของภูมิปัญญาไป วิญญาณของโอทอปซึ่งมาจากภูมิปัญญาท้องถิ่นจะสัมผัสได้ต่อเมื่อคนวันนี้มีเครื่องมือเข้าถึงภูมิปัญญา ถ่อมตนลงไปยืนอยู่ที่จุดเดียวกับชาวบ้านคนโบราณ เพื่อจะได้มองเห็นภาพเดียวกัน .....จะได้ไม่เห็นเหมือนตาบอดคลำช้าง ไม่รู้ว่าช้างทั้งตัวเป็นอย่างไร...ดร.เสรี เขียนไว้ว่า ถอดรหัสภูมิปัญญา หมายถึง การตีความให้ได้ความหมายอันลุ่มลึกของภูมิปัญยา ทำให้เข้าใจ "วิญญาณ" และสารัตถะที่แท้จริง ไม่ยึดติดรูปแบบแต่รับเอา "จิตวิญญาณ" (spirit) "คุณค่า" มาประยุต์ให้สมสมัยโดยไม่ละเลยองค์รวม......และสุดท้ายกล่าวว่า เครื่องมือที่ดีที่สุดเริ่มต้นที่ใจ เพราะ "ใจมาปัญญาเกิด" ถ้าใจไม่เปิดรับก็รับอะไรไม่ได้ เหตุผลอย่างเดียวอธิบายเรื่องภูมิปัญญาไม่ได้ เพราะภูมิปัญญาเป็นอะไรที่ใหญ่กว่าเหตุผลมากนัก.
ผู้เขียนเอง..คิดว่าผลิตภัณฑ์ OTOP ที่ออกมา..น่าจะถอดรหัสค้นหา "จิตวิญญาณและคุณค่า" มากกว่าจะเป็นของฝากอย่างฉาบฉวยนะคะ ..ภูมิปัญญาไทยช่วยให้คนอยู่ดีกินดีและอยู่เย็นเป็นสุข
ตรงใจมากเลยครับ กับสิ่งที่นำเสนอ ในประเด็น OTOP "จิตวิญญาณและคุณค่า มากกว่าจะเป็นของฝากอย่างฉาบฉวย" สำหรับผมแล้ว ยังคิดเลยเถิดไปว่า ตอนเราเร่งส่งเสริมกันโดยภาครัฐเข้าร่วมด้วยช่วยนำนั้น ใช้กรอบคิดอะไรไปนำ "กำไรสูงสุด หยุดคุยเรื่องอุดมการณ์ชุมชน" หรือ "กำไรแต่พอดี แต่รักสามัคคีกันในชุมชนสิสำคัญกว่า" ลองทบทวนดี ๆ แล้วจะทราบว่าผลลัพธ์ (Outcome) ที่ออกมานี้ ก็เพราะ กรอบคิดที่ใส่เข้าไป (Input) คืออะไรแน่
ลปรร.กันนะครับ ไม่ทราบหลุดแถวไปมากไหม
เพิ่มคุณค่า และมูลค่า