ดร.อุทัย อันพิมพ์
ดร. อุทัย ดร.อุทัย อันพิมพ์ อันพิมพ์

ปลูกว่านไล่ปอบ


ว่านไฟ หรือไพล เป็นสมุนไพรที่ใช้กันมานานตั้งแต่บรรพบุรุษ สรรพคุณมากมายทั้งในเรื่องของการรักษาทางวิทยาศาสตร์ และไสยศาสตร์

ว่าน...จากคำบอกเล่า และจากการทบทวนวรรณกรรมพบว่า...ว่านนั้นมีมากมาย หลากหลายชนิด และคนเฒ่าคนแก่ได้ปลูกกันมาอันยาวนาน...ซึ่งว่านเกือบทุกชนิดกล่าวขานกันว่ามีประโยชน์เกือบทุกชนิด แต่การนำมาใช้ประโยชน์ก็จะแตกต่างกันออกไป บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นสมุนไพรในการบำบัดรักษาโรคชนิดต่างๆ บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นอาหาร บ้างก็ถูกนำมาใช้เป็นเครื่องสำอาง ความสวยความงาม แม้กระทั่งในทางไสยศาสตร์ก็ไม่อาจยกเว้นได้ มีว่านมากมายหลายชนิดที่ได้ถูกนำมาใช้ในการขับไล่ผีสางนางไม้ โดยเฉพาะว่านไฟนั้นก็ไม่อาจละเว้น เนื่องจากเป็นว่านที่สามารถนำมาใช้ในการขับไล่ผีปอบ อย่างได้ผลมาแล้วชนิดนับครั้งไม่ถ้วน

สืบเนื่องจากที่มหาชีวาลัยอีสาน โดยท่านครูบาสุทธินันท์ ปรัชญพฤทธิ์ ได้เชิญอาจารย์ สมพิศ ไม้เรียง ผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร จากกรมวิชาการเกษตร มาบรรยาย และสาธิตการผลิต การปลูกพืชสมุนไพร ให้กับพี่น้องเกษตรกร จากจังหวัดมหาสารคามกว่า 50 คน ตามโครงการฝึกอบรม และการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ในเรื่องของการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ตามนโยบายของรัฐบาล สำหรับรุ่นนี้เป็นรุ่นที่ 10 ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างราบรื่น แต่แฝงไว้ด้วยความเข้มข้น สมุนไพรที่เราแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในครั้งนี้ มีมากมายหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ว่านหอม กระชายดำ แต่ชนิดที่ผมมีความประทับใจมากที่สุดก็คือว่านไฟ เนื่องจากว่าเป็นว่านที่มีประโยชน์อย่างมหันต์ เพราะว่านอกจากประโยชน์ในแง่ของวิทยาศาสตร์แล้วยังสามารถใช้ใด้ในแง่ของไสยศาสตร์ได้อีกด้วยนะครับ

แต่ก่อนอื่นเรามาดูด้านวิทยาศาสตร์กันก่อนนะครับว่า จริงๆ แล้ว ที่บอกว่าว่านไฟที่เราเรียกๆ กันอยู่นี้ภาษาสากลเขาเรียกกันอย่างไร และประโยชน์เป็นเช่นไร ผมจึงใคร่ขอเล่าสู่กันฟังดังนี้นะครับ

ว่านไฟนั้นมีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Zingiber cassumunar Roxb. อยู่ในวงศ์ ZINGIBERACEAE มีชื่อเรียกกันไปต่างๆ นานา ว่าปูลอย ปูเลย (ภาคเหนือ) ว่านไฟ ไพล(ภาคกลาง) ว่านไฟ (อีสาน) ซึ่งมีคุณสมบัติ คือ เป็นไม้ลงหัว มีเหง้าใหญ่ เนื้อสีเหลือง กลิ่นหอม ใบเรียวยาว ปลายแหลม ดอกออกรวมกันเป็นช่อ อยู่บนก้านช่อดอกที่แทงจากเหง้า

การขยายพันธุ์ สามารถทำได้โดยใช้เหง้าปลูก ชอบดินเหนียวปนทราย ระบายน้ำดี แสงแดดพอควร ซึ่งมีสรรพคุณในการ แก้ฟก บวม เคล็ด ยอก ขับลม ท้องเดิน และช่วยขับระดู เหง้าไพล มีน้ำมันหอมระเหย (Essential oil) 0.5-0.9% และมีสารประเภทโมโนเทอร์ปีนอยด์ และเฟนนิลบิวทานอยด์ จากการทดลอง พบว่า มีฤทธิ์ลดอาการอักเสบ ปวดบวม และมีผลเป็นยาชาเฉพาะที่ และจากรายงานพบว่า ไพลเป็นสมุนไพร ที่ไม่มีพิษเฉียบพลัน แต่สำหรับในแง่ไสยศาสตร์นั้น มีคนเขาบอกว่าเป็นอย่างนี้ครับ...

ฝึกปฏิบัติการปลูกพืชสมุนไพร

แต่ก่อนอื่นต้องขอเรียนเน้นย้ำว่า...ในด้านไสยศาสตร์ อาจารย์สมพิศ ไม้เรียงท่านบอกว่าไม่แน่ใจนะครับว่าด้านไสยศาสตร์นั้นเขาใช้ว่านไฟไปทำอะไร แต่จากการสอบถามพ่อผู้ใหญ่บ้าน แผง แห่งอำเภอพยัคฆภูมิสัย หนึ่งในผู้เข้ารับการฝึกอบรมและการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ท่านบอกว่า ในสมัยโบราณผู้เฒ่าผู้แก่ได้นำว่านไฟมาขับไล่ผีปอบที่มาเข้าร่างของคนเรา โดยเฉพาะผู้หญิง โดยหมอผี หรือหมอธรรมก็จะใช้ลำต้นของว่านไฟไปตี และใช้หัวไปถูตามจุดต่างๆ เพื่อขับไล่ผีให้ออกไปจากตัวเรา  ถามว่า ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น...

คงต้องขอเรียนอย่างนี้ครับว่าจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองก็ดี เคยเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วเช่นกันครับ เป็นดังที่พ่อแผงกล่าวเช่นกัน เพราะรายไหนรายนั้นเมื่อผีปอบโดนว่านไฟจิ้ม หรือตี เป็นว่าปอบวิ่งหนีกระเจิงทุกทีไป แต่เหตุผลลึกๆใครตอบได้ช่วยทีเถอะครับ

ยังต้องมีคำถามต่อท้ายอีกเช่นเดิมครับว่า...สุดท้ายว่านไฟมันเกี่ยวข้องกับเกษตรประณีตอย่างไร คงต้องขอเรียนอย่างนี้ครับว่า การปลูกว่านไฟในแปลงเกษตรประณีตนั้นเป็นการผสมผสานการปลูกพืชทั้งระบบ สำหรับการนำมาใช้ประโยชน์ในครัวเรือน ญาติมิตร หรือจนกระทั่งการขายอันจะนำมาซึ่งรายได้ในประการต่อมา นับว่าเป็นการใช้พื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด จึงนับได้ว่าเป็นการเรียนรู้ อย่างไม่หยุดยั้ง

ขอบคุณครับ

 อุทัย อันพิมพ์

30 มิถุนายน 2550

หมายเลขบันทึก: 107711เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2007 23:47 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 23:56 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (5)
  • ตามมาอ่าน
  • ข้อมูลดีจังเลยครับ
  • อยากดูรูปด้วยครับผม
  • ขอบคุณครับ
- ขอบคุณมากครับอาจารย์ขจิต ที่มาให้กำลังใจ - กรุณารอสักครู่ครับ เนื่องจากตอนนี้กำลัง...งง...กับระบบคำสั่งใน Blog ใหม่อยู่ครับ

ว่านไพลไล่ปอบได้เพราะว่านไพลสามารถข่มว่านโพงได้

ต้นกำเนิดปอบจริงๆมาจากว่านโพง คนสมัยโบราณเห็นผีลอยไปลอยมาแถวว่านโพง จึงคิดวิธีเอาผีในว่านโพงมาใช้ โดยการสังเกตว่าผีในว่านโพงชอบกินกบเขียด เลยมีการเอาอาหารสดเช่น ซากกบเขียด ไข่เป็ดไข่ไก่ เนื้อหมู เนื้อวัว เลือดมาเซ่น ทำให้วิญญาณในว่านโพงแข็งแรงขึ้นมากๆ จนกระทั่งสามารถนำไปใช้งานได้ก็จะเสกคาถาควบคุมกำกับไว้ และให้ผรโพงคอยทำงานตามที่สั่งเช่น เฝ้าบ้าน ไล่ผีอื่น แต่ในตอนหลังมีการเรียกวิญญาณผีโพงไปใช้ในงานอื่นเช่น ส่งไปทำให้ศัตรูเจ็บป่วยหรือตาย การส่งของเข้าร่างกายคน. พอเจ้าของตายไปแล้วผีโพงก็ไม่มีคนเลี้ยง จึงต้องหาคนเลี้ยงคนใหม่ ก็จะไปอยู่กับคนที่ใช้คาถาอาคมคนใหม่ แต่เมื่อผีโพงแก่มากขึ้นก็จะมีฤทธิ์มากขึ้นจนคนเลี้ยงคุมไม่ได้และมักจะแฝงเข้าร่างคนเลี้ยงเพื่อกินเลือดเนื้อและอวัยวะภายใน จนตาย และสามารถแฝงไปกับลูกหลานของคนเลี้ยงโดยอาศัยความสัมพันธ์สายเลือดได้

แต่ว่านโพงเป็นว่านเย็นจึงแพ้ทางว่านร้อน อย่างว่านไพลมาตั้งแต่เริ่มต้น. แม้เวลาจะผ่านมาหลายร้อยปี แต่ผีปอบที่เกิดจากว่านโพงก็ยังแพ้ความร้อนและกลิ่นจากว่านไฟอยู่เช่นเดิม เป็นการแพ้ทางโดยธรรมชาติ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท