เราหมู่มวลมนุษยชาติ


กฎแห่งอนิจจัง

 สองสัปดาห์ที่ผ่านมาวนเวียนอยู่กับการทุบหญ้า(ขยายเนื้อนาออกไปอีกประมาณหนึ่งไร่ หญ้าหนาแน่นมากไถด้วยผานไม่ได้ จึงต้องใช้วิธีทุบด้วยลูกทุบซึ่งคล้ายๆท่อเหล็กใหญ่ๆมีหนามๆ) ทุบหญ้ามาทั้งสัปดาห์แล้ว หญ้ายังไม่เน่าส่วนมากเป็นหญ้าชันกาดและหญ้าขน ซึ่งเหนียวและแข็งมาก เน่าเปื่อยยากกว่าหญ้าอื่นๆ พวก กก หนวดปลาดุก ผักปอดนา เน่าเปื่อยง่าย ทุบจนน้ำเลนขึ้นมากลบหญ้า ทำให้ใบหญ้าไม่ได้รับแสงแดด มันก็จะตายในที่สุด

แต่สองสัปดาห์แล้วยังไม่ได้ลงผานไถสักที นาส่วนขยายประมาณหนึ่งไร่นี้ตั้งใจไว้ว่าจะทำเป็นนาขยายเมล็ดพันธุ์ ซึ่งต้องการการดูแลเป็นพิเศษ เช่นการควบคุมวัชพืช ปริมาณการให้น้ำ ปริมาณการให้ปุ๋ย ตลอดจนวิธีการเก็บเกี่ยวซึ่งจะใช้รถเกี่ยวทั่วๆไปลงมาเก็บเกี่ยวไม่ได้ เพราะรถจะนำพาเมล็ดพันธุ์อื่นจากที่อื่นมาปะปน ต้องใช้วิธีเก็บเกี่ยวด้วยเคียวแยกมาตากแดด เก็บในที่ที่เฉพาะมิดชิด นี่เป็นวิธีการป้องกันการปะปน แต่วิธีการป้องกันการกลายพันธุ์ต้องดูช่วงเวลาและพันธุ์ข้าวของช่วงการเพาะปลูกนาใกล้เคียงด้วย เพราะถ้าไม่คำนวณระยะเวลาการออกดอกออกรวง  ละอองเกษรมันจะปลิวลอยลมมาผสมกับพันธุ์ข้าวของเรา ทำให้เกิดการกลายพันธุ์ได้

 กว่าจะได้ข้าวสักรวง ต้องเหน็ดเหนื่อยและใช้ความพยายาม ความหมั่นเพียรอย่างต่อเนื่อง ยิ่งถ้าเป็นการทำนาแบบไร้สารเคมี(นาชีวภาพ) จะต้องใช้ความเพียรพยายามอย่างหนัก ฉะนั้นชาวนาภาคกลางส่วนใหญ่จะไม่ค่อยทำนาชีวภาพ แต่ชาวนาอิสานที่ปลูกข้าวหอมมะลิ105 ส่วนมากเขาก็ทำนาชีวภาพกันมาก เพราะลดต้นทุน เรื่องปุ๋ยได้มาก นาอิสานส่วนใหญ่เป็นนาดินทราย น้ำระบายได้ง่าย หน่วยราชการและองค์กรระดับหมู่บ้านชุมชนเองก็พัฒนาหันมาใช้ปุ๋ยชีวภาพ เพราะนาแต่ละเจ้าไม่ใหญ่มากนัก ผลผลิตก็พอสมควร ราคาขายข้าวเปลือกก็ดี ปัจจุบันราคาเกวียนละหนึ่งหมื่นบาท

สมมติว่า ชาวนาเขามีนา 10ไร่ ผลผลิต55% = 10 x 55 /100 = 5.5 เกวียน x 10,000 = 55,000 /12เดือน = 4,583บาท ซึ่งถ้าลุงสุกปลูกข้าวหอมมะลิ105ที่ภาคกลาง ก็จะได้ผลผลิตไม่ต่างกัน แต่ความหอม ความเหนียวนุ่ม(คุณภาพ)ต่างกัน ราคาจึงต่างกันด้วย ราคาที่ขายได้ที่โรงสีภาคกลางได้ราคาเกวียนละ สูงสุดไม่เกินหกพันบาท เป็นราคาเดียวกับข้าวปรัง ในพื้นที่ภาคกลางจึงไม่มีใครปลูกข้าวหอมมะลิ105 สำหรับคนที่ไม่ชอบข้าวหอม แต่ชอบข้าวร่วน ก็มีมากมายหลายชนิด เช่น ข้าวเสาไห้ ข้าวขาวตาแห้ง ฯลฯ

 ไม่ว่าจะอาชีพอะไร ล้วนแล้วแต่ทำมาหากินเพื่อดำรงชีพกันทั้งสิ้น เราทุกๆ คนก็คงอยากจะร่ำรวยเหมือนกันหมด จึงเกิดการดิ้นรนกระเสือกกระสนหารายได้เพิ่ม จนเป็นเเหตุให้เกิดการแก่งแย่ง ชิงไหวชิงพริบ เอารัดเอาเปรียบ คนที่มีมากกว่า แข็งแรงกว่า ก็จะเป็นผู้ชนะในที่สุด คนที่อ่อนแอก็จะพ่ายแพ้ตกเป็นเบี้ยล่าง คอยรับใช้ ประจบประแจง ยกยอปอปั้น ยกย่องคนที่มีอำนาจให้เป็นนาย แต่ลืมคิดถึงกฏแห่งอนิจจัง ทุกสิ่งล้วนไม่จีรังยั่งยืน คุณธรรมเท่านั้นที่จะจรรโลงโลกนี้ให้ร่มเย็น ทุกๆชีวิตต้องพึ่งพาอาศัยกัน ยึดมั่นในคุณธรรมไว้ เพื่อความอยู่รอดของเราหมู่มวลมนุษยชาติ เรามวลมนุษยชาติ

คำสำคัญ (Tags): #คุณธรรม
หมายเลขบันทึก: 107688เขียนเมื่อ 30 มิถุนายน 2007 21:31 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:16 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท