เมื่อวงเวียนชีวิตหมุนครบรอบ ... ขอบคุณจริงๆ


เบญจเพส คงไม่ใช่เพียงปีที่ หมอดูจะบอกว่าโชคร้าย ... แต่ผมว่า มันเป็นปีที่เราจะต้อง มี "สติ" มากๆ มากกว่า เพราะความทรงจำในอดีต จะดีหรือร้าย คนในอดีต จะดีหรือร้าย หรือกรรมในอดีต จะดีหรือร้าย คงเวียนย้อนกลับมา ... มิใช่เพียงให้เราชดใช้วิบาก แต่ให้เราเรียนรู้จากมันมากกว่า ...
ช่วงนี้เป็นช่วงแปลกๆ สงสัยจะเข้าเบญจเพส (25ปี)  กลายเป็นช่วงเวลาที่ เรื่องราวเก่าๆย้อนกลับมา มีเรื่องราวมากมายเตือนความจำให้ย้อนนึกไปถึงครั้งอดีต ทั้งคนต่างๆ สถานที่ และกิจกรรมต่างๆ  ไม่รู้ว่าเป็นปรากฎการณ์ของเบญจเพสหรือเปล่า
ปรากฎการณ์นี้เริ่มขึ้น เมื่อเราเรียนจบ คนเก่าๆ อย่างคุณต้าร์ ที่ตอนนี้ทำกลุ่ม Y-ACT ก็ผ่านกลับเข้ามาเจอกัน จากนั้นก็เริ่มพบเจอพี่ๆที่เคยเจอกันตอนสมัยม.5 เพื่อนเก่าสมัยเรียน แฟนเก่าแฟนแก่ คนที่เคยผูกพัน หมุนวนกลับเข้ามาพบเจอ ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เจอหน้ากันก็ใน MSN ไม่โดยบางเอิญตามทาง ก็โดยบังเอิญตามงานต่างๆ ที่เริ่มเห็นชัดขึ้นเรื่อยๆ ถึงเรื่องวงเวียนนี้ ก็คือ หญิงสาวคนแรกที่ผมเหลียวมอง ที่ไม่เจอกันมา 13 ปีก็ได้มาเจอกัน โดยบังเอิญ และเราก็หาทางจนพบเจอหน้าเค้าจนได้ ....ได้กลับไปเลี้ยงรุ่นราชินี เจอเพื่อนเก่าแก่ที่ไม่ได้เจอกันมานานแสนนาน ตอนนั้นก็ยังไม่คิดอะไร จนกระทั่ง เมื่อเสารอาทิตย์ที่ผ่านมา
22-24 มิย. นี่ ผมไปสมมนาเพื่อเตรียมโครงการ เยาวชนพันทาง (www.1000tang.net) ที่ อ.บ้านฉาง จ.ระยอง เป็นค่าย YMCA  ผมมาค่าย YMCA ครั้งแรกตอนอยู่ ป.4 และเป็นครั้งเดียวที่มาด้วย เป็นครั้งแรกที่ผมออกค่าย ตลอดชีวิตนี้ ... เป็นการเปิดประตูสู่กิจกรรมสำหรับผม การเรียนรู้ตนเอง มีวินัยและความพยายามอดทน ครั้งแรกๆในชีวิตที่จำได้ ก็เกิดขึ้นในค่ายนี้ ความภูมิใจที่ทำอะไรสำเร็จครั้งแรกสุด ก็คงจะในค่ายนี้ ... พี่โป้ง ที่ผมเพิ่งเจอในโครงการ เยาวชน1000ทาง นี่ก็เป็นพี่เลี้ยงในปีที่ผมไปด้วย แต่ผมไม่เคยรู้จักหรือไม่ก็จำไม่ได้นี่ล่ะ
และครั้งนี้ ที่สัมมนา พี่ๆจากภาคต่างๆก็เข้ามาร่วมด้วย เป็นกลุ่มที่ทำงานเยาวชนมาแต่เดิม ... ซึ่งพี่ๆเหล่านี้ แทบทุกคน เคยเห็นผมตอนยังตัวเล็กๆผอมๆอยู่ (เอ...อาจจะผอมยังเดียว) นั่นล่ะ ... และพวกเขานี่แหละ ที่ทำให้ผมได้ตั้งคำถามกับตัวเองในคราวนั้น ....
คราวที่ว่านี่ เกิดขึ้นตอน ม.5 ขึ้น ม.6 เพื่อนผมชื่อ เอกราช ซาบูร์ แกทำกิจกรรมเรื่องสิทธิเด็กมานาน ในระดับระหว่างประเทศ ทีนี้ แกไปประชุมที่เวียดนาม เขาเลยขอให้ผมไปประชุมที่สุรินทร์ให้ ซึ่งครั้งนั้น ผมก็ได้เจอพี่ๆเหล่านี้ล่ะ ตอนนั้นผมไปกับเพื่อนผู้หญิงอีกคน เราสองคนเป็นเด็กเพียงสองคนที่เรียนอยู่ในโรงเรียน พี่ๆที่เหลือ เป็นพี่จากชุมชน ที่ตัวเขาเองก็มีปัญหา เลยรวมตัวเพื่อแก้ปัญหาของตน ... ถ้าเทียบกันตอนนั้น เราสบายกว่ามาก แต่นั่นก็ทำให้ผมตั้งคำถามกับตัวเองว่า
"... ทำไมเราไม่เคยรู้เรื่องนี้เลยนะ ถ้าเรารู้ เพื่อนๆเรารู้ เราอาจจะช่วยอะไรเค้าได้มากกว่านี้ก็ได้"  ... เรามีโอกาสมากกว่าพวกพี่ๆเค้าตั้งเยอะ เราควรจะทำประโยชน์ให้สังคมมากๆนะ
ประกอบกับว่า ตอนนั้นเหมือนเรามีโอกาส เหยียบสองโลกเลย ทั้งในระบบการศึกษา และ NGOs เลยยิ่งทำให้รู้สึกว่าเป็นพันธกิจของตัวเองเลยล่ะที่จะต้องหาทางทำประโยชน์กับสังคมให้ได้ และทางนึงที่เราคิดว่าดี คือ เชื่อมโลกทั้งสองโลกนี้เข้าด้วยกัน เพื่อให้พี่ๆที่ทำงานมีกำลังมาช่วย และให้น้องๆในระบบมีโอกาสเห็นโลกกว้าง และเรียนร้ในมุมที่แตกต่างจากในห้องเรียน เรียนรู้ในโลกแห่งความจริง ที่อาจจะลำบากยากแค้นกว่าที่ที่น้องเค้าอยู่มากนั้ก ซึ่งก็น่าจะกระตุ้นจิตสาธารณะให้น้องๆเค้าได้ 
นับแต่วันนั้น ใจผมก็คิด ตั้งคำถาม หมกมุ่นกับการพยายามหาวิธีการเหล่านั้น โจทย์ที่สำคัญก็คือเรื่องของการทำให้ "สังคมดีขึ้น" ... มันนำผมไปสู่สิ่งต่างๆมากมาย คำตอบหลายอย่าง การค้นหาเพิ่มเติมอีกมากมาย .. บทเรียนร้อยแปด ... ผมเลือกคณะเศรษฐศาสตร์ ก็เพราะเห็นว่ามันจะเป็นนโยบายที่กระทบคนหมู่มาก ผมทำกิจกรรมในมหาวิทยาลัยก็เพื่อทดลองว่า วิธีการหรือแนวคิดที่เราคิดว่า Work มันจะ Work จริงๆหรือเปล่า ... ผมเลือกเป็น อาจารย์ เพราะคิดว่า เราจะได้ประสิทธิประสาทวิชา และสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆอีกมาก ...เรายังร่วมทำโครงการภาคประชาชน (เยาวชน) อยู่ ก็เพื่อให้เกิดตามฝันข้างต้น  ... และเลือกไปเรียนสาขา MA Development Economics ก็เพื่อจะต่อเอกสารขานี้และกลับมาเป็นอาจารย์ต่อไป และสร้างประโยชน์ให้ประเทศต่อ
ในวันนั้นผมเห็นภาพเหล่านี้ชัดมาก ชัดมาจนถึงวันนี้ ผมจึงใช้โอกาสในคืนสุดท้ายของการสัมมนาขอบคุณพี่ๆทุกๆคน ... เพราะผมคิดว่า พี่ๆเขา เป็นปัจจัยที่ผม "ตั้งคำถาม" จนผมเรียนรู้ และมาเป็นผมในวันนี้ ไม่ว่าผมจะจบมาเป็นดอคเตอร์ ศาสตราจารย์ ประสบความสำเร็จในชีวิต หรือ ต่ำต้อย เป็นคนธรรมดา ... ผมก็จะไมเคยลืมว่า พี่ๆทุกๆคนตรงนั้นเป็นครูของผม
"ครูที่สุดยอด มิใช่แค่ บอกให้ฟัง เอาใจใส่ แต่ต้อง "สร้างแรงบันดาลใจ" ด้วย " ....
และพี่เหล่านี้ล่ะ ที่สร้างแรงบันดาลใจ (โจทย์ในชีวิตให้ผม) ..... ซึ่งเป็นโจทย์ที่ใหญ่มาก และมีอิทธิพลชักนำพาชีวิตผมมาจนวันนี้
ผมขอใช้โอกาสนี้ ขอบคุณทุกๆคน ที่ผมคงไม่มีโอกาสกล่าวได้หมดในที่นี้
  • ... แต่อย่างน้อยก็ขอขอบคุณ คุณพ่อ คุณแม่ คุณยาย คุณป้า คุณน้า ที่เลี้ยงผมและหล่อหลอมให้ผมมีฐานกำลังสติปัญญา และอารมณ์ในการรับกับทุกๆสิ่ง
  • ... คุณครูสอนวิทยาศาสตร์ตอนม.2 โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย (ชือ ธวัชชัย หรือเปล่าก็ไม่รู้) ที่สอนให้ผมรู้ว่า ผิดเป็นครู ไม่เสียหาย ถ้ากลัวผิดก็โง่อยู่อย่างนั้น 
  • ... ขอบคุณ อ.สุขะชัย ศุภศิริ โรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ที่สอนให้ผมยึดมั่นในการทำดี เปลี่ยนโลกจากการเปลี่ยนแปลงตนเอง
  • ...ขอบคุณ อ.ชัยวัฒน์ ถิระพันธุ์ ที่ทำให้ผมเจอโลกที่แตกต่าง และรู้สึกได้ถึงการถ่ายทอดอุดมการณ์จากอ.ปรีดีมาถึงอาจารย์ และผมรู้สึกลึกๆว่ามันได้ส่งมาถึงผมด้วย
  • ...ขอบคุณพี่ต๊ะ (กิจการ) ที่เป็นกัลยาณมิตรที่ทำให้ผมเข้าถึงสิ่งที่ลึกซึ้งอย่างเช่น พระธรรมคำสอนในศาสนา และที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ทำให้ผมสนุกกับการคิด และยังคงชอบเรียนรู้กับการคิดมาจนปัจจุบัน ซึ่งเป็นประโยชน์สุดๆ
...ขอบคุณ อ.คณะเศรษศาสตร์ ทุกๆคน โดยเฉพาะ
  • .....อ.ปัทมาวดี ที่ทำให้ผมเห็นมุมมองที่แตกต่างเกี่ยวกับโลกและคนอื่น และเป็น Mentor ของผมในเชิงวิชาการอย่างแท้จริง และเป็ฯเพื่อนร่วมงานเกี่ยวกับกิจกรรมนักศึกษาที่แท้ของผมจริงๆครับ
  • .....อ.สมบูรณ์ ศิริประชัย ที่ทำให้ผมรู้สึกเหมือนล้ำหน้า ไปยืนอยู่ใกล้ๆพรมแดนความรู้ทางเศรษฐศาสตร์ก่อนเพื่อน พร้อมทั้ง shift วิธีการเรียนของผม,
  • .....ขอบคุณ และขอโทษ อ.รังสรรค์ ธนะพรพันธุ์ ที่เป็นผู้ดำรงอยู่ในพรหมจรรย์ทางวิชาการ สืบทอดแนวปฏิบัติและศีลธรรมอันดีของอ.ป๋วย ส่งทอดสู่อ.และนักศึกษารุ่นต่อๆมา และเป็นสุดยอดนักวิชาการเศรษฐศาสตร์แห่งยุคท่านหนึ่ง ... ขอโทษอาจารย์ครับ ที่ผมอาจทำให้อาจารย์ผิดหวัง ด้วยการส่งงานช้ามาก ... และทำให้อาจารย์เสียความเชื่อใจไปครับ
  • .....อ.เยาวเรศ ทับพันธุ์ ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนแม่ของนักศึกษาทุกๆคน และเป็น Mentor ของผม ในเชิงจิตวิญญาณของการเป็นครูอาจารย์ ผมเรียนรู้จากอาจารย์มากครับ
  • ...ขอบคุณน้ำทิพ เอ๊ะ ป้าแอม น้ำฝน คุณพิม(JC) คุณบี(AC) คุณปอนด์(LA) คุณแชท(SW) ผมดีใจที่ได้เจอทุกๆคนในชาตินี้ โชคดีจริงๆที่เจอเพื่อนร่วมอุดมการณ์ และทำให้เราเรียนรู้แง่มุมที่แตกต่าง ของการมีเพื่อน
  • ...ขอบคุณ แจน ที่เป็นเพื่อนในยามยาก ในกลุ่มก1 และ กน. เสมอมา ถ้าเราทำผิดไปก็ขอโทษด้วยนะ
  • ...ขอบคุณน้องแต๋ม ... (น้องนกด้วยนะ) ที่ร่วมทำงานเชิงความคิดกันมา และถามคำถาม หรือทำอะไรซักอย่างให้พี่ต้องสั่งสอนอยู่เรื่อย ซึ่งดีมาก เพราะพี่ก็ได้ประมวลผลและเรียนรู้ไปด้วย เหมือน สาวกของพี่จริงๆแฮะ ... แต่อยากให้รู้ว่า ในการทำงานตลอดมา ทั้งคู่เป็นเพื่อนแท้มากๆ
  • ...ขอบคุณ พี่เป็ด ธรรมพล ศรีสุวรรณ  ... ผมได้เรียนรู้เรื่องราวมากมาย เกี่ยวกับ ชีวิต ความรู้สึก จิตวิญญาณ และเส้นทางต่อไปถึงหนทางของการข้ามไปสู่อีกฝั่งหนึ่งของชีวิต  ทำให้ผมเป็นผมในวันนี ที่มีความรู้สึกและจัดการกับมันได้ เป็นแบบอย่างให้ผมพูดและอธิบายอย่างรู้เรื่อง สอนให้ผมทำงานกับน้องและเพื่อน อย่างเป็น "น้องและเพื่อน" จริงๆ มิใช่แค่คนทำงาน
  • ...ป๊ะเย๊ะ ..แห่งบ้านแหลม ที่เป็นครูทำให้ผมยึดมั่น และมั่นใจในเส้นทางแห่งคุณธรรม และการอยู่ในศาสนา
  • ...ขอบคุณน้องๆ Blackbox พี่ๆ yiy และเพื่อนพ้องน้องพี่ item (รวมถึงเพื่อนพี่น้องในวงพัฒนาเยาวชน) ที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์และลุยด้วยกันมาตลอด ผมอ่นใจมากเมื่อได้อยู่กับทุกๆคน
  • ...ขอบคุณ เพื่อนผู้หญิง และแฟนก่อนหน้านี้ทุกๆคนในชีวิต ที่ทำให้ผมเข้าใจและเรียนรู้วิธีการปฏิสัมพันธ์และแสดงความรู้สึกกับคนรอบข้าง  และที่สำคัญคือ ทำให้ผมได้เรียนรู้ เรื่องกฎแห่งกรรม อันเป็นความรู้สำคัญของการดำรงชีวิตอยู่อย่างไม่เบียดเบียนคนอื่น ทั้งทางกายและความรู้สึก
  • ...ขอบคุณ ทุกๆคนที่ไม่ได้กล่าวถึง และทำให้ผมเก็บเกี่ยวสิ่งละอันพันละน้อย และหวังว่าผมคงทำให้ทุกๆคนได้ตั้งคำถามกับตัวเองและเกิดการเรียนรู้ด้วยเช่นกัน
และท้ายที่สุด ซึ่งสำคัญมากๆ สำหรับผมคอื ขอบคุณ น้องฝ้าย  แฟนของผมในวันนี้ ที่ทำให้ผมมีแรงเดินต่อมาในช่วงที่สับสนวุ่นวายอ่อนแรงและท้อถอย ผมอาจจะไม่ได้อยู่เคียงข้างเธอในบางครั้ง หรืองานยุ่งจนมีเวลาให้น้อยเกินไป ผมขอโทษจริงๆ แต่ผมย้อนกลับมานึกในวันนี้ว่า ถ้าเกิดไม่มีน้องฝ้าย ชีวิตคงแปลกไปมาก และคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้แน่นอน พี่ได้เรียนรู้อะไรจากแง่คิดของฝ้ายเยอะมากเกินกว่าที่ฝ้ายจะรู้ ... และพี่หวังว่า พี่จะได้ช่วยฝ้ายเช่นเดียวกัน ในการยืนอยู่ตรงนั้นด้วยกันตอนฝ้ายสับสน และทำให้ฝ้ายค้นพบเสียทีว่าตนเองจะเดินไปทางไหน
เบญจเพส คงไม่ใช่เพียงปีที่ หมอดูจะบอกว่าโชคร้าย ... แต่ผมว่า มันเป็นปีที่เราจะต้อง มี "สติ" มากๆ มากกว่า เพราะความทรงจำในอดีต จะดีหรือร้าย คนในอดีต จะดีหรือร้าย หรือกรรมในอดีต จะดีหรือร้าย คงเวียนย้อนกลับมา ... มิใช่เพียงให้เราชดใช้วิบาก แต่ให้เราเรียนรู้จากมันมากกว่า ...
สำหรับผมแล้ว บทเรียนจากการครบรอบ 25 ปี นั้น ทำให้ผมซึ้งและตระหนักรู้หลายอย่างมาก อย่างน้อยก็คือ ทำให้ผมรู้สึกซาบซึ้งในคนทุกๆคน ที่ทำให้ผมมาถึงวันนี้ ยิ่งเรียนรู้ ยิ่งรู้สึกถ่อมตน และรู้ว่าเราไม่ได้เก่งมาแต่เกิด แต่เป็นเพราะเหตุปัจจัย ผู้คนต่างๆ ต่างหาก เราจึงเป็นคนเช่นนี้ อะไรที่ไม่ดี เราเรียนรู้แก้ไข อะไรที่ดี ก็เรียนรู้และพัฒนาต่อไป
ถ้าไม่มีทุกคน ผมคงไม่มีวันนี้ ...  ขอบคุณจริงๆ
คำสำคัญ (Tags): #ชีวิต#เบญจเพส
หมายเลขบันทึก: 107295เขียนเมื่อ 29 มิถุนายน 2007 15:59 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 19:14 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท