การสร้างวัฒนธรรมเรื่องพฤติกรรมความปลอดภัยในองค์การ


How to do Safety Culture in Organization?

       เมื่อเร็วๆ นี้ดิฉันได้รับการแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในทีมผู้นำเกี่ยวกับการสร้างวัฒนธรรมเรื่องพฤติกรรมความปลอดภัยในองค์การ ซึ่งจะต้องทำการศึกษาถึงพฤติกรรมของบุคลากรในที่ทำงาน และวิเคราะห์ถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดความไม่ปลอดภัย หลังจากนั้นจึงคิดหาทางแก้ไขปัญหา หรือพฤติกรรมเหล่านั้น นอกจากนี้ยังต้องทำการรณรงค์ให้บุคลากรในบริษัทตระหนักในเรื่องความปลอดภัยในการทำงานอยู่เสมอ และต้องทำให้เสมือนเป็นหนึ่งในวัฒนธรรมขององค์การด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ดิฉันคิดว่ายากมาก (ถ้าให้ทำด้วยตนเองเพียงลำพัง) ซึ่งถ้าทำคนเดียวก็คงเป็นไปไม่ได้ แผนกของดิฉัน (Supply Chian Management) จึงเริ่มต้นด้วยการตั้งทีมผู้นำขึ้นมาก่อน ประกอบด้วยผู้นำ 13 คน และผู้สังเกตุการณ์ 17 คน ซึ่งมาจากหน่วยงานต่างๆ ของแผนก SCM เท่าที่ดูรายชื่อผู้นำทั้งหมด ส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย 90 เปอร์เซ็นต์ ที่เหลือ 10 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้หญิง และทุกคนล้วนเป็นผู้มีประสบการณ์การทำงานมานานมากๆๆๆๆๆ ยกเว้นดิฉันซึ่งเป็นผู้หญิง และไม่ค่อยได้คลุกคลีกับการทำงานนอกสำนักงานมากนัก เพราะจะนั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์เป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นดิฉันคิดว่าตนเองน่าจะเป็นคนที่ไม่ค่อยมีความรู้ในเรื่องพฤติกรรมความปลอดภัยในการทำงานซักเท่าไร แต่ดิฉันคิดว่าทุกคนสามารถเรียนรู้กันได้ถ้าไม่ท้อและมีความพยายามมุ่งมั่นที่จะเรียนรู้ และดิฉันก็มีความพร้อมในการเริ่มต้นเรียนรู้เสมอ............

          โครงการนี้เริ่มต้นด้วยการ Train ผู้นำ ซึ่งมี 3 หลักสูตร หลักสูตรละ 3 วัน และดิฉันต้องเข้า Train หลักสูตรที่ 1 ในวันที่ 12-14 กรกฎาคม 2550 (พฤ-ส) ติดวันเสาร์ 1 วัน ทำให้ต้องขาดเรียนไปตั้ง สองวิชา คือวิชา KM and Logistics อดได้คะแนน Participation จากอาจารย์แน่ๆ โดยเฉพาะวิชา KM ซึ่งเป็นวิชาที่ต้องพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้ระหว่างเพื่อนๆ นักศึกษา MBA และอาจารย์ผู้สอนด้วย ซึ่งอาจารย์จะเป็นผู้ที่เลือกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งให้มาเป็นผู้นำในการพูดในแต่ละสัปดาห์ เพราะฉะนั้น อาจารย์ ธวัชชัย ปิยะวัฒน์ ขา ในวันเสาร์ที่ 14 กรกฎาคม อาจารย์กรุณาให้กลุ่มอื่นๆ เป็นผู้นำในการพูดก่อนนะคะ เพราะวันนั้นดิฉันมาเรียนไม่ได้จริงๆ และ ขอขอบคุณในความกรุณาล่วงหน้าด้วยค่ะ

         ถ้าไม่จำเป็นดิฉันไม่ค่อยอยากจะขาดเรียนเท่าไร เพราะกลัวว่าอาจารย์จะสั่งงาน และเรียนตามเพื่อนๆ ไม่ทันด้วย ดิฉันก็บ่นกับพี่สาวคนหนึ่งที่บริษัทว่า การ Train ในหลักสูตรแรกทำให้ดิฉันต้องขาดเรียนไปตั้ง 2 วิชา แต่มีประโยคๆ หนึ่งที่ดิฉันประทับใจกับคำพูดของพี่สาวคนนั้นมากว่า "ไม่เป็นไรหรอก คิดซะว่า 2 วิชาที่ขาดเรียนไป ก็ได้เพื่อนใหม่ที่มาจาก กทม. ที่มา Train ด้วยกันเพิ่มอีกคน (ในหลักสูตรนี้มีผู้หญิง 2 คนรวมตัวข้าพเจ้าด้วย) และยังได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาอีก ถือว่าคุ้มกันแหละ" คิดไปคิดมาก็เริ่มจะเห็นด้วยเหมือนกันเนอะ :) วันนี้คงต้องเท่านี้ก่อน ไว้ดิฉันได้เข้า Train หลักสูตรที่ว่านี้เมื่อไหร่ ค่อยมาเล่าสู่กันฟังอีกครั้งว่าเป็นอย่างไรนะคะ......

         

หมายเลขบันทึก: 106473เขียนเมื่อ 26 มิถุนายน 2007 14:45 น. ()แก้ไขเมื่อ 15 มิถุนายน 2012 12:21 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

   สวัสดีค่ะ

    การไป Train คงมีอะไร ๆ สนุก ๆ แน่นอนค่ะ ถึงแม้จะไม่ได้เข้าเรียน ก็ไปพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับเพื่อน ๆ ได้ค่ะ เพราะ KM เรียนได้ตลอดเวลาอยู่แล้วคะ  :)

ขอบคุณสำหรับความคิดเห็นค่ะน้องมะปราง พี่ก็คิดเช่นนั้นเหมือนกัน แต่ว่าวันที่พี่ต้องขาดเรียนวิชา KMคะแนน participation ต้องหายไปแน่ๆ เลย

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท