เรื่องเล่า...เร้า (อารมณ์)


เรารู้ๆกันอยู่แล้วว่า "เรื่องเล่าเร้าพลัง"มันมีอานุภาพมากเพียงใดสำหรับวงการจัดการความรู้โดยเฉพาะการเล่าเฉพาะด้าน "บวก"เพื่อดึงพลังด้านบวกออกมาให้และใช้เป็นแรงผลักดันให้เกิดผลด้านบวก

เรื่องที่กำลังจะเล่านี้ก็เป็นการตอกย้ำอานุภาพของมันที่ประสบพบ

เจอด้วยตัวเอง แต่ไฉนพลังของเรื่องเล่าด้านบวกนั้นจึงเกือบจะทำให้เราหลงผิดคิดเดินทาง"ชั่ว" เสียนี่

เรื่องมันมีอยู่ว่าเมื่อสัปดาห์ก่อนมีโอกาสได้ไปร่วมกิจกรรมและ

สังเกตการณ์กิจกรรมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ของกลุ่มผู้ติดยาเสพติดใน"บ้านอุ่นไอรัก" สถาบันธัญญารักษ์ซึ่งพวกเขากำลังร่วมกันทำกิจกรรมเพื่อลด ละ เลิก เสพ มันตอนหนึ่งของกิจกรรมผู้เข้าบำบัด ได้กล่าวถึงพิษของยาเสพติดติดไปแล้วสภาพตัวเองเป็นเหมือนศพ เดินได้ ไม่ได้เสพก็ทุรนทุรายมีเงินก็เอาไปซื้อมันหมด บางคนเสพแทนข้าว ร่างกายทรุดโทรมสุขภาพจิตย่ำแย่ (ทุกคนผลัดกันเล่าด้านลบของยาเสพติด)จนทำให้เรารู้สึกเห็นภาพตามว่า แหม..มันแย่ขนาดนี้แล้วไปเสพมันทำไมซึ่งก่อนหน้านี้ก็พอมีความรู้เดิมอยู่ว่าพิษ ภัยของยาเสพติดมันเป็นอย่างไร แต่ได้ฟังครั้งนี้เป็นการฟังจากผู้เสพติดจริงก็เอาหละรู้สึกแย่กับยาเสพติดกันไป ...

    หลังจากนั้นผ่านไปประมาณ ไม่ถึง๑ สัปดาห์ก็มีโอกาสได้ดูรายการหนึ่งทางช่อง ๕ (จำชื่อรายการไม่ค่อยได้สมองเริ่มเสื่อม แต่ไม่ใช่เพราะยาเสพติด)ได้นำประสบการณ์ของชายคนหนึ่ง (ถ้าจำไม่ผิดชื่อในวงการทีวีเขาเรียกกันว่า  "ปืด แบคแคต" ถ้าผิดก็ขออภัยค่ะ)ที่เคยติดยาเสพติด งอมแงมจนถึงขั้นติดคุกติดตารางอยู่หลายปีมาเล่าประสบการณ์ที่ผ่านมาเป็นอุทาหรณ์สอนใจ

ผู้คิดเสพยาและค้ายา 

     ตอนหนึ่งของการเล่าประการณ์ พิธีกรถามว่ายาเสพติดรู้ว่ามันไม่ดีแล้วเสพทำไม เขาตอบว่า"ตอนนั้นผมทำกิจกรรมของมหาลัยด้วยเสพไปบางครั้งก็ไปรับน้องบางครั้งก็ไปทำกิจกรรม เสพแล้วมันโล่งเลยสมองแล่น คิดโน่นคิดนี่อะไรที่เคยคิดไม่ออก็โลดแล่น สบาย มันเกิดจิตนาการน่ะแล้วผลงานของเขาก็เป็นที่ยอมรับจากเพื่อนพ้องน้องพี่น่ะ...ตัดมาบางตอนแค่นี้...(เล่าด้านบวกซะงั้น)

       ...ส่วนเราเองเมื่อได้ฟังอย่างนี้ก็คิดทันทีว่า ...อู้ยยมันดีอย่างนี้เลยเหรอ..อยากลองถึงขั้นไปถามคนข้างๆว่า ถ้าลอง ๑ ครั้งแล้วจะติดไหมแถมยังคิดในใจต่อว่านี่ถ้าฉันใช้มันฉันคงเขียนงานได้ดี ได้ไวหรือบางครั้งจะได้ลืมเรื่องที่ฉันไม่อยากรับรู้ไม่อยากใส่ใจได้อีกด้วย...นี่คือสิ่งที่ฉันกำลังคล้อยตามเรื่องเล่าด้านบวกของสิ่งชั่วร้ายมันทำให้ฉันรู้สึก

"อยากทำตาม"

จากนั้นก็ิคิดต่อไปว่า...แต่จะดีไหมหนอ...อนาคตฉันจะติดจนงอมไหม ถ้าใช้ครั้งเดียวแล้วติดเลยหล่ะชีวิตอาจจะเหมือนที่ไปเห็นมาที่ธัญญารักก็ได้ (เริ่มมี ซูเปอร์อีโก้)

ไม่สงสัยเลยทำไมวัยรุ่นสมัยนี้ถึงมีสถิติการเสพยาเสพติดสูงขึ้นอย่าง

น่าตกใจแถมยังมีแนวโน้มที่ผู้เริ่มเสพจะมีอายุน้อยลงเรื่อยๆอีก 

สุดท้ายก็หยุดความคิดลงและคิดต่อไปว่า

 

นี่เองคือพลังของเรื่องเล่าที่มันเร้าพลังที่สคส.พยายามส่งเสริมให้หน่วยงาน

นำไปใช้เพื่อต่อยอดสิ่งดีๆร่วมกัน แต่ถ้านำไปใ้ช้ในหมู่คนที่ไม่ประสงค์ดีก็สามารถต่อยอดมวลพลังของหมู่คนไม่ประสงค์ดีได้มากพอๆกัน

หากแต่ผู้ฟังต้องมีวิจารณญาณ มีสติมีวุฒิภาวะ และมีพลังและความคิดด้านบวกอยู่ในตนเป็นพื้นฐานสังคมก็คงจะพัฒนาไปแต่ในทางที่ดีได้ 

หมายเลขบันทึก: 106017เขียนเมื่อ 25 มิถุนายน 2007 02:13 น. ()แก้ไขเมื่อ 23 มิถุนายน 2012 08:27 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

ตามมาอ่าน เพราะชอบใจรูปที่ถ่ายกับวิวะรรมชาติสวยๆครับ อ่านแล้วจึงรู้ว่าความคิดสวยด้วย

เรื่องเล่าที่มีพลัง มีสองด้าน คือด้านลบกับด้านบวก

ด้านลบจูงใจให้อยากทำ

ด้านบวกจูงใจให้หนีห่าง

สังคมเราต้องการเรื่องเล่าที่เร้าพลังให้คนทำความดี หนีความชั่วมากขึ้นครับ

P
พิชัย กรรณกุลสุนทร
เมื่อ พ. 27 มิ.ย. 2550 @ 11:04 จาก 202.69.140.6 ลบ [305004]

ตามมาอ่าน เพราะชอบใจรูปที่ถ่ายกับวิวะรรมชาติสวยๆครับ อ่านแล้วจึงรู้ว่าความคิดสวยด้วย

เรื่องเล่าที่มีพลัง มีสองด้าน คือด้านลบกับด้านบวก

ด้านลบจูงใจให้อยากทำ

ด้านบวกจูงใจให้หนีห่าง

สังคมเราต้องการเรื่องเล่าที่เร้าพลังให้คนทำความดี หนีความชั่วมากขึ้นครับ

ขอบพระคุณค่ะอาจารย์ ที่อุตส่าห์ตามมาอ่าน ภาพนี้ถ่ายที่สถานธรรมวัดผาซ่อนแก้ว จ.เพชรบูรณ์ค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท