KMITL-IT : เรียนรู้จาก KMITL-IT (1)


  เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน ที่ผ่านมาผมได้เดินทางไปเป็นวิทยากรที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ผมทราบข้อมูลเบื้องต้นว่าบุคลากรที่เข้าร่วมอบรม KM เป็นบุคลากรสายสนับสนุนประมาณ 40 กว่าคน

   เนื่องจากผมเดินทางไปคนเดียว ส่วนหนึ่งเชื่อมั่นว่าผู้เข้าร่วมอบรมมีศักยภาพ ก่อนไปผมจึงได้บันทึกใน Blog เพื่อหาขวัญใจชาว IT จำนวน 4 คน ผมดูจากผลโหวตในบันทึกแล้วยังไม่สามารถสรุปได้ เพราะผมไม่รู้จักทุกคน จึงให้คุณเก๋ฝ่ายบุคคลช่วยสรุปขวัญใจให้ผม 4 คน โดยแจ้งผ่านทางโทรศัพท์

     ผมเดินทางจากพิษณุโลกไปถึงสนามบินดอนเมือง เจอคุณออต พนักขับรถรออยู่ ผมจำได้เนื่องจากเห็นรูปคุณออตในเว็บไซด์ ผมไปถึงสนามบินดอนเมือง เวลาประมาณ 8 โมงเศษ ตอนแรกคิดว่าการเดินทางจากสนามบินดอนเมืองไปที่สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง คงใช่เวลาไม่มาก แต่ผิดคาด พนักงานขับรถ คุณออต แจ้งผมใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษ ทำให้เสียเวลาเป็นชั่วโมง ระหว่างทางผมได้เรียนรู้ข้อมูลของคณะฯ จากคุณออต

     กำหนดการที่วางไว้ คือเริ่มเวลา 9.00 น. คุณเก๋ ช่วยปรับกำหนดการให้เป็น 10 โมง ต้องเรียนรู้เพื่อแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าในการดำเนินการ คุณเก๋มาคอยต้อนรับผม และพาไปที่ห้องบรรยาย ผมสังเกตจากบรรยากาศของผู้เข้าร่วมอบรมดูแล้วเป็นแบบเรียบง่ายไม่มีพิธีรีตองมากนัก หลังจากที่คุณเก๋ได้แนะนำประวัติส่วนตัวผมแล้ว ทางเลขานุการคณะได้กล่าวต้อนรับ ผมเริ่มจากการมอบหนังสือการจัดการความรู้ ฉบับมือใหม่ ของดร.ประพนธ์ และหนังสือการจัดการความรู้ ฉบับนักปฏิบัติ ของศ.นพ.วิจารณ์ ให้กับขวัญใจชาว IT ความจริงตั้งใจจะซื้อของฝากจากพิษณุโลกไปให้ แต่บอกกับผู้เข้าร่วมอบรมว่า หลังจากที่ผมกลับไปพิษณุโลกจะส่งของฝากตามมาให้อีกครั้งหนึ่งครับ

         ตอนที่ขวัญใจแต่ละคนออกมา ทำให้ผมทราบว่าขวัญใจที่ถูกเลือกมาทั้งหมด 4 คน เป็นผู้ชายหมด เหตุผลเพราะว่าผู้หญิงมีมากกว่าผู้ชายหรือเปล่าไม่ทราบนะครับ

          เพื่อไม่ให้เสียเวลาผมเริ่มจากการบรรยายเกริ่นนำเกี่ยวกับการจัดการความรู้ให้ผู้เข้าร่วมอบรมทราบ ความจริงผมแบ่งเนื้อหาออกเป็น 2 ส่วนใหญ่ คือ ความรู้จากตำรา KM กับความรู้จากประสบการณ์ของผม โดยผมเริ่มจากยิงคำถามแรกไปก่อนว่า ต้องการทำ KM ไปเพื่ออะไร หลังจากบรรยายไปได้สักระยะหนึ่ง ได้พักเบรค ความจริงผมตั้งใจจะให้ทุกคนนำอาหารว่างมาทานในห้อง แต่ไม่สะดวก  มองจากเวลาจะบรรยายต่อ ดูแล้วเวลาไม่พอแน่ จึงเริ่มทำ Workshop โดยเรียก ขวัญใจมาที่หน้าห้อง และแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 กลุ่ม โดยนับ 1 ถึง 3 เมื่อแบ่งกลุ่มเสร็จ ก็ให้แต่ละกลุ่มเลือกขวัญใจ

 

 



         เมื่อแบ่งกลุ่มเรียบร้อย ผมให้สมาชิกในกลุ่มเลือกจับคู่กับสมาชิกกลุ่มอื่น และเมื่อแต่ละคนจับคู่ได้แล้ว ผมให้แต่ละคู่แยกย้ายไปอยู่มุมใดของห้องก็ได้ โดยไม่ให้แต่ละคู่อยู่ใกล้กัน จะได้มีสมาธิในการพูดคุยกันได้อย่างสะดวก หลังจากนั้นผมให้ทุกคนหลับตา และให้ทุกคนผ่อนคลายและปล่อยวางเรื่องต่าง ๆ ให้นึกถึงสิ่งที่เราภาคภูมิใจในการแก้ไขปัญหาจากงานประจำของเราได้สำเร็จ  เพื่อเล่าให้กับเพื่อนสนิทของเราฟัง ผมนำบทสวดแผ่เมตตาให้กับทุกคน โดยให้ทุกคนเปล่งเสียงตามผม และเมื่อแผ่เมตตาเสร็จให้ทุกคนลืมตา

        พอทุกคนลืมตา ผมแจกกระดาษให้กับทุกคน และให้แต่ละคู่คุยกันว่าจะให้ใครเป็นคนเล่าเรื่องก่อน เมื่อเริ่มเล่าก็ให้อีกคนเป็นผู้จด โดยกระดาษที่ผมแจกให้จะมีหัวข้อให้จดดังนี้

  • กลุ่มที่
  • ชื่อผู้เล่า
  • ชื่อเรื่องเล่า
  • เรื่องเล่าพอสังเขป
  • ปัจจัยสู่ความสำเร็จ

 

 

      ผมให้เวลา 20 นาทีในการเล่าเรื่องของแต่ละคู่ เมื่อหมดเวลาก็ให้ทุกคนเข้ากลุ่มเดิมที่แบ่งกันตอนแรก โดยให้ขวัญใจทำหน้าที่เป็นคุณอำนวย ให้ทุกคนนำเรื่องจากที่เราไปฟังและจดบันทึกมา เล่าให้เพื่อนในวงฟัง เมื่อทุกคนเล่ากันครบ ก็ให้ทุกคนช่วยกันโหวตว่าเรื่องของใครที่เราไปฟังและจดบันทึกมาเป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุด โดยผู้ที่จะออกไปเล่าเรื่องที่ดีที่สุด คือ เจ้าของเรื่องเล่านั้น ซึ่งเจ้าของเรื่องเล่าก็จะไม่รู้ตัวว่าเรื่องของตัวเองได้รับเลือกให้เป็นเรื่องเล่าที่ดีที่สุดครับ

       เป็นเทคนิคหนึ่งที่ผมใช้ที่คณะเทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นที่แรกครับ

บอย สหเวช
 19 มิ.ย. 50
      

หมายเลขบันทึก: 104646เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 20:38 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:05 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (9)

1. สิ่งที่คาดหวังจากการเรียนรู้เรื่องKMในครั้งนี้คือ

     ได้รับประสบการณ์ใหม่เพราะไม่เคยได้รับ  

      การอบรมหัวข้อนี้มาก่อน อยากหาคำตอบให้กับ

      ตัวเองว่าความสำเร็จในสิ่งที่เราคาดหวังไว้

 

2. ได้อะไรมากกว่าที่คาดหวังไว้คือ การมีส่วนร่วมใน

     การทำกิจกรรมร่วมกันในหมู่คณะ และการแลก

    เปลี่ยนความรู้สึกที่อยู่ในใจเราให้กับเพื่อนได้พูดคุย

    ในสิ่งที่เกิดขึ้นกับเรา ไม่ว่าจะเป็นความภาคภูมิใจ

     ในตัวเองและเรื่องของเพื่อนที่เล่าให้ฟัง

3. น้อยกว่าที่คาดหวัง คือเวลาจำกัดทำให้ข้อมูลที่

    เตรียมมากับเวลาไม่เพียงพอต่อความตั้งใจในการ

    นำเสนอข้อมูลให้กับทุกคนที่เข้าร่วมสัมมนาได้นำ

    ไปใช้ในการทำงานจริง

4.สิ่งที่นำไปปฏิบัติหลังอบรม คือ การได้เข้าใจจิตใจ

   คนอื่นและรุ้จักการทำงานเป็นทีมมากขึ้น พร้อมจะ

   เป็นผู้ฟังที่ดี แล้วนำความรู้ในการอบรมครั้งนี้ไป

   ใช้ให้เท่าที่จะทำได้คะ

ขอขอบคุณบอย มากค่ะ ที่มาให้ความรู้กับพวกเรา

ขอส่ง AAR นะค่ะ

1. คำถามแรกสิ่งที่คาดหวังจากการอบรม KM

 หวังว่าจะได้นำความรู้ และวิธีปฏิบัติในการจัดการความรู้ มาปรับใช้กับงานที่ปฏิบัติได้


         2. คำถามที่สอง : สิ่งที่เกินความคาดหวังจาการอบรม KM

- ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการแชร์ประสบการณ์ของเพื่อนร่วมงานซึ่งบางเรื่อง เราไม่เคยทราบมาก่อน รู้สึกดีค่ะ  

-ไม่เคยทราบว่ามี เว็บไซด์ gotoknow ด้วย มีประโยชน์ดีค่ะ


         3. คำถามที่สาม :  สิ่งที่น้อยกว่าความคาดหวังจากการอบรม KM

 เนื่องจากเวลามีจำกัด ทำให้อธิบายรายละเอียดบางเรื่อง เช่น web gotoknow ยังไม่ชัดเจนเท่าที่ควร


         4. คำถามที่สี่ : สิ่งที่จะนำไปปฏิบัติหลังจากการอบรม KM

มี blog เป็นของตัวเองแล้วค่ะ แล้วจะพยายามทำบันทึกของตัวเองค่ะ

 

ดีใจที่ได้เข้าร่วมกิจกรรมค่ะ

1. คำถามแรกสิ่งที่คาดหวังจากการอบรม KM

ไม่ได้คาดหวังอะไรเลยค่ะ

2. คำถามที่สอง : สิ่งที่เกินความคาดหวังจาการอบรม KM

เอาเป็นว่า สิ่งที่ได้มากกว่า คือ ดีใจที่ได้ร่วมแบ่งปันเรื่องราวดีๆ กับคนอื่นๆ

3. คำถามที่สาม :  สิ่งที่น้อยกว่าความคาดหวังจากการอบรม KM

คือ อยากฟังการนำ KM ไปใช้ในการประกันคุณภาพค่ะ จัดอีกรอบได้มั้ยค่ะ

4. คำถามที่สี่ : สิ่งที่จะนำไปปฏิบัติหลังจากการอบรม KM

คงไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงมาก จากสิ่งที่ทำอยู่

  • ขอบคุณ
    P คุณแหม่ม
  • P คุณเก๋
  • และคุณ ponruedee

    ครับที่ช่วยทำ AAR ให้ อยากเห็นผู้เข้าร่วมอบรมท่าน ๆ อื่นช่วยทำให้ด้วยครับ เป็นการเรียนรู้หลังทำกิจกรรมเสร็จครับ
  • ทำในบันทึกของตัวเองก็ได้ครับ (เพิ่มบันทึกใหม่)
ก่อนส่งการบ้านขอบอกว่า ขนมของฝากจากพิษณุโลก อร่อยมากคะ น้องเก๋แจกจ่ายให้ได้ชิมกันทั่วหน้าแล้ว ^_^

ส่งการบ้านค่ะ

1. สิ่งที่คาดหวังจากการอบรม KM

ขอเรียนตามตรงนะคะว่าตอนแรกก็ไม่ได้คาดหวังอะไรจากการอบรมค่ะ เพราะรู้สึกว่าอบรมมาหลายครั้งแล้วแต่ ความรู้ความเข้าใจเกียวกับ KM ก็ยังไม่ได้นำมาปฏิบัติจริงๆ จังๆ ค่ะ

2. สิ่งที่เกินความคาดหวัง คือ ทำให้มีความรู้เพิ่มขึ้นค่ะ เข้าใจเพิ่มขึ้น และยังทำให้สามารถสร้าง blog ได้ด้วย ทำให้รู้ว่า KM มันไม่เยอะ ไม่ยุ่งยากอย่างที่คิดทำให้คุณค่าขอ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้กันเพิ่มมากขึ้นค่ะ แต่ เข้าใจว่าคนเราทุกคนต้องเปิดใจกันก่อนที่จะมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันค่ะ

3. สิ่งที่น้อยกว่าความคาดหวัง รู้สึกว่า เรามีเวลาน้อยเกินไปนะคะ แฮ่ะ น่าจะจัดสักสองวัน วันแรกก็บรรยาย วันที่สองค่อย Workshop และ lab

4. สิ่งที่นำไปปฏิบัติ

ตอนนี้ก็ยังเหมือนเดิมค่ะ หลังจากอบรมมาแล้วก็ ได้รับความรู้ สามารถบันทึกความรู้ ใน blog แต่ว่า ยังไม่ได้ทำอะไรเพิ่มเติมจากวันที่อบรมเลยค่ะ แต่อยากจะทำให้มันเป็นงานประจำ (เป็นส่วนหนึ่งของงานประจำ) เพราะว่า คิดว่า KM เป็นอะไรที่มีประโยชน์อย่างมาก และอยากที่จะรวบรวมประสบการณ์ที่เคยทำงานไว้แต่อย่างชิ้นแต่ละอย่างทั้งในส่วนที่ประสบความสำเร็จและไม่ประสบผลสำเร็จไว้ให้คนรุ่นหลังๆ ได้ศึกษาหาความรู้ และสามารถที่จะพัฒนาให้มันดีขึ้น ค่ะ

*** แล้วจะนำความรู้ที่ได้จากคุณบอยไปปฏิบัติค่ะ :-)

1) สิ่งที่คาดหวังจากการอบรม KM

เดิมทียังหาคำจำกัดความไม่ได้กับคำว่า KM ซึ่งคณะก็เคยจัดอบรมเกี่ยวกับ KM มาหลายครั้ง ก็พยายามปะติดปะต่อหาความหมาย และก็คาดหวังจากการอบรมครั้งนี้ว่าน่าจะได้ความหมายและคำจำกัดความสักที

2) สิ่งที่เกินความคาดหวัง

ได้เข้าใจเกี่ยวกับคำว่า KM มากขึ้น เมื่อได้รู้จักการทำ blog

3) สิ่งที่น้อยกว่าความคาดหวัง

คงไม่มีอะไรคะ

4) สิ่งที่จะนำไปปฏิบัติหลังจากการอบรม

คงนำเอาความรู้ที่ได้ไปปรับใช้ต่อไปคะ

  • ขอบคุณ คุณพิจิตรา และ เด็กดอยครับ ที่ร่วมทำ AAR
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท