ศิลปะ (4)
จัดอย่างไร ได้กับนักเรียน
ในตอนที่ 3 ที่ผ่านมา ผมได้เล่าถึงวิธีการจัดหลักสูตรการสอนวิชาพื้นฐานศิลปะในภาพรวม 3 แบบ ไปแล้วนะครับ คำถามอยู่ตรงที่ว่า จัดแบบนั้นแล้ว นักเรียนเขาได้อะไร แบบใดดีที่สุด เหมาะสมกับสภาพสังคมในยุคปัจจุบัน ผมขอเล่าเรื่องนี้ต่อกันเลยนะครับ
จัดแบบที่ 1. จัดหลักสูตรแบบภาพรวม มีครบทั้ง 6 มาตรฐาน 3 สาระของศิลปะ เรียนรู้จากครูคนเดียว ใช้วิธีการสอนที่หลากหลาย นักเรียนเป็นสำคัญ มีการเชื่อมโยงกันใน 3 สาระของศิลปะอย่างชัดเจน วิธีนี้เป็นการมองศิลปะในภาพกว้าง ถ้าเป็นตัวผม ขอใช้วิธีนี้ ผมเป็นครูที่เรียนจบมาทางจิตรกรรม และศิลปศึกษา ในสาระ ทัศนธาตุ, องค์ประกอบศิลป์ (หลักการต่าง ๆ , และผลงานทางศิลปะ) ไม่มีปัญหา ผมจัดการเรียนรู้ได้ ส่วนดนตรีไทย ผมพอได้ ฝึกหัดเล่นเครื่องดนตรีไทยมา 3-4 อย่าง ก็แค่ให้เด็กเขาเรียนรู้จากแหล่งเรียนรู้ใกล้ตัวก็ได้ ดนตรีสากล ผมพอได้ (ไม่เก่ง) จัดการเรียนรู้แบบใช้สื่อการเรียนรู้ช่วยครู ส่วนการร้องเพลง อันนี้ได้มากหน่อย เราสามารถแนะนำนักเรียนได้ดีก็เน้นที่ตัวครูบ้าง มาถึงนาฏศิลป์ ก็จัดการเรียนรู้แบบกว้าง ๆ ให้นักเรียนสามารถบอกได้ เล่าเรื่อง อธิบายได้ เรื่องของนาฏยศัพท์ ผมเคยเล่น ลิเก มาหลายปี พอจำได้บ้าง แต่อาจไม่แม่นเท่าครูนาฏศิลป์ ก็ใช้สื่อแหล่งเรียนรู้ช่วย ส่วนในเรื่องของเพลงพื้นบ้าน ผมเอาตัวผมเป็นสื่อนำเสนอความรู้ได้เลย เมื่อเด็ก ๆ ได้เรียนรู้หลักการทั่วๆ ไปแล้ว ก็มากำหนด ให้นักเรียนได้พิจารราตนเองว่า มีความสนใจในผลงานศิลปะด้านใดในแขนงต่างๆ ได้แก่ ผลงานศิลปะล้ำค่าแขนงจิตรกรรม ประติมากรรม สถาปัตยกรรม วรรณกรรม ดนตรี และนาฏศิลป์ (เพลงพื้นบ้าน) ก็ให้นักเรียนศึกษาเป็นพิเศษ เรียนรู้ให้สูงกว่าบอกได้ นั้นหมายถึงจะต้องปฏิบัติได้ด้วย (เพียง 1 อย่างก็พอ) ให้นักเรียนวางแผน สร้างสรรค์ผลงานศิลปะตามความสนใจ 1 อย่าง ลงมือปฏิบัติโดยการทำตามขั้นตอนจนมีความสามารถทำได้ดี นำความสามารถมาเสนอแก่เพื่อนกลุ่มเล็ก 2-3 คน (บอกหลักการ แสดงความสามารถให้ดู) ประเมินผลความสามารถ นักเรียนเจ้าของผลงานนำไปปรับปรุง และนำความสามารถมาเสนอต่อ ครูและเพื่อน ๆ ที่หน้าชั้นเรียน นักเรียนทุกคนรับรู้และร่วมกันประเมินผลให้เพื่อน นักเรียนก็จะได้เห็นของจริงจากเพื่อน 40 คนก็ 40 ผลงาน น่าสนใจนะครับ ครูก็ไม่ต้องเป็นสำคัญมาก
จัดแบบที่ 2 จัดแบบแยกออกเป็นสาระ สาระละ 1 ปี คือ ม.1 เรียนศิลปะ เน้นทัศนศิลป์ ม.2 เรียนศิลปะ เน้นดนตรี และ ม.3 เรียนศิลปะเน้นนาฏศิลป์ ครูสอนเป็นทีม 2 คน (ทีมแบบสอนด้วยกัน 2 คน มิใช่แบ่งชั่วโมงกันสอน) รูปแบบนี้ยังพอมองเห็นการเชื่อมโยงบ้างที่มีครู 2 คน ประสานงานกันในการร่วมมือกันจัดกิจกรรมการเรียนรู้ศิลปะ แต่ถ้ามองภาพใหญ่ เป็นการเรียนวิชาเฉพาะ มิใช่วิชาศิลปะ พูดได้เลยว่า เรียนวิชาทัศนศิลป์ เรียนวิชาดนตรี และเรียนวิชานาฏศิลป์ จุดที่บ่งบอกถึงความผิดปกติจะอยู่ที่ครูผู้สอน จะสอนเน้นที่การปฏิบัติ เพราะครูเก่งด้านนี้ ตรงจุดนี้จึงทำให้วิชาพื้นฐานวิชานี้ กลายเป็นการเรียนวิชาเพิ่มเติมแอบแฝงไปเสีย แม้ว่าจะใช้ครูถึง 2-3 คน แต่เชื่อได้ว่า คงมิใช่ครูที่ถนัดวาดภาพ ครูที่ถนัดดนตรี ครูที่ถนัดนาฏศิลป์ มาอยู่ทีมเดียวกัน เพราะถ้าเป็นอย่างนั้น การบูรณาการจะเกิดขึ้นได้ในทันที เป็นการบูรณาการศิลปะใน 3 สาระ และ 6 มาตรฐาน แต่ถ้าทีมงานเป็นครูที่ถนัดด้านเดียวกันมา ก็ไม่เกิดการเรียนรู้ศิลปะที่มุ่งไปสู่สุนทรียะ คงได้แต่ฝึกทักษะตามที่ครูถนัด ถามว่าแล้วได้อะไร ก็ตอบว่า ได้ฝึก ได้ลงมือทำ ได้แสดงออก แต่ในวันนี้ ในพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 มุ่งเน้นความสำคัญทั้งด้านความรู้ ความคิด ความสารถ คุณธรรม กระบวนการเรียนรู้ และความรับผิดชอบต่อสังคม โดยยึดผู้เรียนเป็นสำคัญ จะเห็นได้ว่าการเรียนรู้ที่จะครบองค์รวมได้ จะต้องมีการเชื่อมโยงกันหลายสาระ จึงจะเดินไปถึงจุดหมายปลายทางได้
การจัดแบบที่ 3 จัดแบบแยกออกเป็นสาระ สาระละ 1 ปี คือ ม.1 เรียนศิลปะ เน้นทัศนศิลป์ ม.2 เรียนศิลปะ เน้นดนตรี และ ม.3 เรียนศิลปะ เน้นนาฏศิลป์ ใช้ครูสอนคนเดียว (ใครถนัดศิลปะด้านใดก็ให้สอนด้านนั้น) แบบนี้มีปรากฏในหลักสูตรสถานศึกษา ลองค้นหาได้ทางอินเทอร์เน็ท มองดูว่าคล้ายๆ กันกับรูปแบบที่ 2 ที่ผมได้พบมา แต่ถ้ามองลึกลงไปในตอนท้ายจะพบว่า นี่คือวิชาเพิ่มเติมที่แฝงมาในคำว่าวิชาพื้นฐานโดยแท้ ๆ เลย เพราะใช้ครู 1 คน สอนศิลปะตามที่ครูถนัด 1 ปี (ครูเป็นสำคัญมาก) ครูผู้สอนน่าที่จะลืมไปว่า วิชาพื้นฐานนักเรียนจะต้องเรียนรู้ได้ทุกคน ถึงแม้ว่าจะต้องใช้เวลาสั้น ยาวไม่เท่ากันก็ตาม เพราะบุคคลย่อมมีความแตกต่างกัน แล้วใครจะเป็นผู้บอกพวกเขาให้เชื่อได้ว่า หลักสูตรใหม่นี่ดีกว่าหลักสูตรเก่า เพราะเด็กเขาได้มีโอกาสเท่าเทียมกัน ในการพัฒนาร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม มิใช่พัฒนาเฉพาะความรู้แต่เพียงอย่างเดียว
จึงทำให้ยังมีครูที่เฝ้าแต่จะพูดว่า “สอนไม่ทัน เวลาไม่พอขอเวลาเพิ่ม” แต่ว่าจะสอนใครไม่ได้บอก นักเรียนชื่อว่าอะไรยังเรียนรู้ไม่ทันไม่ได้บอก บอกแต่เพียงว่า “สอนไม่ทัน” ตกลงเขาคนนั้นกำลังพัฒนานักเรียนทั้งห้อง (ทำได้ยากมาก) หรือเขากำลังทบทวนความรู้ของตนเองอยู่ครับ เพราะการจัดการเรียนรู้ในปัจจุบันเขาพัฒนานักเรียนเป็นรายบุคคลกันแล้ว จะต้องให้นักเรียนได้เรียนรู้และสรุปเป็นองค์รวมได้เอง มิใช่ครูอ่านจากตำราให้จบเล่ม แล้วภาคภูมิใจว่าสอนจบแล้ว (เหมือนตอนที่ผมเป็นครูใหม่ ๆ ) วันนี้หลักสูตรเปลี่ยนไปแล้ว ครูได้ปรับเปลี่ยนวิธีการสอนตามวิธีการของหลักสูตรในปัจจุบันหรือยัง
ผมคงไม่อาจที่นำเอาวิธีการจัดการเรียนรู้ ตามหลักสูตรของสถานศึกษาต่าง ๆ มาวิเคราะห์ได้ เพราะเป็นเรื่องของคณะกรรมการในแต่ละสถานศึกษา และผมคงมิบังอาจที่จะชี้ได้ว่า การจัดทำหลักสูตรการสอนวิชาพื้นฐานศิลปะ แบบใดดีที่สุด เพราะมีเงื่อนไขที่ตัวครู (วิชาเอกที่เรียนมา) แต่ผมขอชี้ประเด็นให้เห็นว่า เหตุผลที่การจัดการศึกษา การจัดการเรียนรู้มันสับสน ไม่แน่นอนเป็นเพราะอะไร เป็นเพราะครูไม่เข้าใจ หรือว่า เป็นเพราะหลักสูตรเปิดกว้างเสียจนครูตีความเข้าข้างตนเองได้หมด หรือเป็นเพราะว่า ไม่มีผู้ตรวจสอบติดตามความถูกต้อง เหมาะสม และที่สำคัญที่สุด ณ วันนี้ ครูศิลปะ ได้ทำความเข้าใจในจุดเน้น กระบวนการจัดการเรียนรู้ หลักการ จุดหมาย โครงสร้างของหลักสูตร ตลอดจน สาระและมาตรฐานการเรียนรู้ที่ครูเอง จะต้องนำไปจัดกับนักเรียนที่ท่านรับผิดชอบกันอย่างถูกต้อง และมีความเข้าใจอย่างครบถ้วนดีแล้วหรือยัง
ยังไม่ช้าเกินไปที่จะหันกลับไปเปิดเอกสาร หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐานพุทธศักราช 2544 เอกสารแนวทางการจัดทำหลักสูตรสถานศึกษา 2545 เพื่อทบทวนบทบาทของครูว่าที่วุ่นวายสับสนอยู่ในขณะนี้ เป็นเพราะหลักสูตรแกนกลาง หรือหลักสูตรสถานศึกษา หรือเพราะความเข้าใจของเรา หรือเป็นเพราะการแปลความเข้าข้างตนเอง เรายังคงปรับเปลี่ยนวิธีการได้ เพราะหลักสูตรสถานศึกษา เอื้ออำนวยให้มีการจัดการที่ยืดหยุ่นได้
นอกจากตัวครูแล้ว ยังมีแหล่งเรียนรู้ในท้องถิ่นอีกมากมายที่ยังไม่ได้ถูกนำเอามาใช้ การปรับปรุงจึงเป็นการปรับเพื่อให้เข้าที่ สู่ความถูกต้องสมเจตนารมณ์ของพระราชบัญญัติการศึกษาชาติ ครับ นักเรียนจะได้พัฒนาร่างกาย จิตใจ สติปัญญา ความรู้ และคุณธรรม ไปพร้อม ๆ กัน จนได้เป็นบุคคลที่สมบูรณ์ในอนาคตต่อไป
(ติดตามต่อ ในตอนที่ (5) บูรณาการได้จริงหรือ / ชำเลือง มณีวงษ์)
สวัสดีค่ะ..อาจารย์..ชำเลือง
ขอบคุณค่ะ..ครูอ้อย
สวัสดี ครับ ครูอ้อย (สิริพร กุ่ยกระโทก)
· ขอบคุณที่เข้ามาเยี่ยม
· ขอบคุณในคำแนะนำที่บอกมา
· อาจเป็นเพราะ อายุมากขึ้นนะ (ตาก็ไม่ค่อยเห็น)
· เดี๋ยวจะเข้าไปขำ ๆ ๆ กับน้อง ๆ 555555555
ชำเลือง มณีวงษ์