องค์กรคือส่วนหนึ่งของชีวิต ... องค์กรอัจฉริยะ (รึเปล่า)


“ถ้าเราจะทำงานกับใครสักคนหนึ่ง เราต้อง ..รักในตัวสถานที่ ...รักในตัวองค์กร ...รักในตัวผู้บริหาร ...และต้องซื่อสัตย์ในการทำงานด้วย ...เราต้องซึมซาบตัวเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับองค์กรก่อน แล้วค่อยต่อยอดไป จึงจะรู้ว่าองค์กรเราเป็นอย่างไร”

            เมื่อเช้านี้  ใน weekly meeting  อ.ประพนธ์ ให้ดูวิดีโอ เรื่อง Reveal the Secret   ทำให้นึกถึงการไขปริศนารหัสชีวิต ที่ลึกลับ ซับซ้อน  ต้องคอยกระตุกเงื่อนปม ไม่ให้พันกัน จนชีวิตยุ่งเหยิง เหมือนแห ยิ่งแก้ เหมือนยิ่งพันกันอิลุงตุงนัง  แล้วก็ย้อนไปถึงเรื่อง social intelligence  เรื่อง postitive thinking  ที่พวกเราเคยได้อ่านแล้วนำมาตีความกัน

           “ถ้าเราจะทำงานกับใครสักคนหนึ่ง  เราต้อง ..รักในตัวสถานที่ ...รักในตัวองค์กร ...รักในตัวผู้บริหาร ...และต้องซื่อสัตย์ในการทำงานด้วย ...เราต้องซึมซาบตัวเราให้เป็นหนึ่งเดียวกับองค์กรก่อน แล้วค่อยต่อยอดไป จึงจะรู้ว่าองค์กรเราเป็นอย่างไร”

           สาวน้อยหน้าใสวัยละอ่อนคนหนึ่ง ทำหน้าที่ประชาสัมพันธ์โรงพยาบาล เล่าถึงเจตนารมณ์ในการทำงานให้ฟัง

           เธอบอกว่า อาชีพนี้ถูกคาดหวังเยอะ แล้วยิ่งเป็นโรงพยาบาลเปิดใหม่ ทำอย่างไรให้เป็นที่รู้จัก นี่คือความคาดหวังของผู้ใหญ่ เราต้องพิจารณาว่า แม้ว่าเราเป็นลูกจ้างคนหนึ่ง แต่จะทำอย่างไรให้ซึมซับกับองค์กร องค์กรคือส่วนหนึ่งของชีวิตเรา

           "อันดับแรก  ต้องเข้าใจองค์กร  ต้องรักองค์กรจริงๆ  ไม่งั้นเราไม่รู้เลยว่าองค์กรเราเป็นอย่างไร  มีอะไรบ้าง  ต้องอดทน  ถ้าไม่รักองค์กรทำงานไม่ได้  ไม่ว่าคุณจะโดนตำหนิ  คุณก็ต้องอดทน  คือเราต้องศึกษาองค์กรก่อนที่จะมาทำงาน  เพราะตัวองค์กรมันเคลื่อนที่ไม่ได้

            แต่ตัวคนคือเรา จะต้องทำงาน และเป็นตัวเคลื่อนไปหาบุคคลที่เกี่ยวข้องต่าง ๆ  แล้วเราไม่รู้อะไรในองค์กรเลยก็จบ  ถ้าคุณไม่รักในอาชีพนี้  ไม่รักในตัวองค์กร  คุณอย่ามาทำ  ให้โอกาสคนอื่นเขาไปทำเถอะ”

            เธอยอมรับว่า  ตัวเองเป็นคนค่อนข้างบ้าอุดมการณ์เหมือนกัน และเมื่อจะทำงานที่ไหน  ก็ศึกษามากพอสมควร  และเมื่อทำงานแล้วก็เต็มที่  อย่างที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลเอกชน  ซึ่งยังไม่ค่อยมีคนรู้จักมากนัก   งานช่วงแรกจึงหนักในการประชาสัมพันธ์   แต่ในอนาคต เธอกล่าวว่า โรงพยาบาลนี้จะกลายเป็นส่วนหนึ่งของผู้คนในยุคที่ต้องฝ่าคลื่นเศรษฐกิจตลอดเวลา  และจะต้องปวดเศียรเวียนเกล้าเมื่อโลกนี้ไม่ได้ดั่งใจนึก  เมื่อถึงเวลานั้นคนจะหันมาปรึกษากับผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาลนี้มากขึ้น

             สาวน้อยเล่าถึงเหตุผลที่มาทำงานที่นี่อีกอย่างคือ

             “เพราะเป็นโรงพยาบาลใกล้บ้าน เดินทางสะดวก  อาชีพนี้เป็นอาชีพที่ชอบ  ด้วยความรู้สึกว่า ประชาสัมพันธ์มีอะไรซ่อนอยู่เยอะ อย่างเช่น ประชาสัมพันธ์ในทัศนะของคนอื่น คือสวย แต่ความจริงแล้ว สวย ก็ต้องอดทน งานประชาสัมพันธ์ไม่ใช่เรื่องง่าย การที่เราจะติดต่องานกับใครสักคน เราต้องคุยกับเขาให้ตรงกับคอนเซปต์ แล้วเอางานนี้ไปเสนอกับทางผู้ใหญ่อีกทีหนึ่ง"

             “เช่นการทำพรีเซ้นท์ออกมาสักตัวหนึ่ง เราต้องใส่อะไรลงไปในรายละเอียดบ้าง อย่างเช่น ตัวอักษร 1 ตัวก็มีความหมาย   จริง ๆ ต้องเป็นคนช่างสังเกต

              และที่สำคัญคือ ต้องอดทน ต้องเข้าใจว่า งานที่ทำไม่จบลงง่าย ๆ   งานแผ่นพับประชาสัมพันธ์ 1 ชิ้นกว่าจะออกมาได้ใช้เวลา 1 เดือน  เราต้องดูทั้งรูปแบบ ทั้งตัวบทความ ต้องดูทั้งว่าตัวสะกดผิดถูกหรือเปล่า แล้วต้องเอาไปให้อาจารย์หมอตรวจอีกทีว่า โอเคไหม แล้วจึงสั่งพิมพ์”

              สำหรับเวลางาน เธอเล่าว่า ต้องมาตั้งแต่ 7 โมงเช้า แต่กลับหลังสุด โดยปกติงานเริ่ม 8.30 น. เลิก 17.00 น. และถ้ามีงานแถลงข่าว เราก็ต้องมาดูงานแต่เช้าและเลิกห้าทุ่มครึ่ง

              “คือหน้าที่เราต้องรักษาภาพลักษณ์ของโรงพยาบาล   เพราะเราเป็นเหมือนหน้าต่างให้โรงพยาบาล   ใครจะไปจะมา ก็ต้องเจอกับตัวบุคคลคือประชาสัมพันธ์ก่อน  ประชาสัมพันธ์เป็นเหมือนตัวบอกว่าโรงพยาบาลนี้เป็นอย่างไร เวลาคนที่มาเห็นพนักงานเป็นอย่างไร เขาก็มองว่าบริษัทจะเป็นอย่างนั้น“

              นั่นทำให้เธอดูไม่เหมือนประชาสัมพันธ์ทั่วไป  ที่มุ่งจะให้คนสนใจในสิ่งที่บริษัทนั้นนำเสนออย่างเดียว  หากแต่เธอยังเป็นตัวแทนของหมอ พยาบาล ของเจ้าหน้าที่ทุกคน ที่มีความอบอุ่นในการพูดคุย โดยไม่จำเป็นจะต้องมาทำการรักษาเสมอไป เพราะโรงพยาบาลแห่งนี้โดยคอนเซปต์ก็คืออบอุ่นเหมือนบ้าน ไม่ได้ดูแลว่าคุณคือคนป่วย แต่ให้คำปรึกษาเหมือนกับเพื่อนที่ต้องการคนปรับทุกข์มากกว่า

             ส่วนเป้าหมายในชีวิต เธอบอกว่า

             “ทำงานวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากัน และถ้าจะขอบคุณ ก็ต้องขอบคุณที่นี่ที่ให้อะไรมาก ถึงมากที่สุด”

             ช่างเป็นคำกล่าวที่สรุปได้เหมือนกับคนที่ลงเรือลำเดียวกับชาว สคส. เลย
 

คำสำคัญ (Tags): #expression#limelight
หมายเลขบันทึก: 103093เขียนเมื่อ 13 มิถุนายน 2007 20:24 น. ()แก้ไขเมื่อ 6 กันยายน 2013 18:04 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (3)

สวัสดีค่ะ

  • มาแอบกอดนิ่งๆ...ซึมซับความอบอุ่น
  • คุณแกบ  สบายดีตามอัตภาพนะคะ
  • ประทับใจกับประโยคนี้ค่ะ... “ทำงานวันนี้ให้ดีที่สุด อนาคตข้างหน้าค่อยว่ากัน และถ้าจะขอบคุณ ก็ต้องขอบคุณที่นี่ที่ให้อะไรมาก ถึงมากที่สุด”
  • เพราะสิ่งที่เราทำในวันนี้บ่งบอกถึงอนาคตของเราเอง...ทำดีได้ดี...และขอบคุณทุกเวลาทุกนาที  ทุกสถานที่แลทุกคน.....
  • ปล.  คิดถึงนะคะ  สภาพดินฟ้าอากาศจะเป็นอย่างไร  ก็ดูแลร่างกายและจิตใจให้ร่าเริงเสมอ
  • รัก...

แอ๊ดค่ะ

สวัสดีค่ะ พี่แอ๊ด

           ยังคิดถึงพี่ เมื่อคราพบกันวันที่ 5 มิย อยู่เลย เหมือนเพิ่งผ่านไปเมื่อวาน  พี่สบายดีนะคะ  คลื่นลมสงบ  เครื่องเดินเรียบดีนะคะ  รักษาสุขภาพด้วยค่ะ เพราะฝนก็ตก  ทะเลก็มีลมแรง  แต่น่านฟ้าเปิดค่ะ

สวัสดีค่ะพี่แกบ

หนูได้อ่านบทความแล้ว รู้สึกประทับใจมาก ค่ะ ตอนนี้ หนูจะย้ายไปอยู่ประชาสัมพันธ์ ของ รพ.แล้วหล่ะ ค่ะ แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหนเพราะไม่ได้จบทางด้านนี้โดยตรง อยากขอความรบกวน พี่แกบ แนะนำหน่อยนะค่ะ

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท