วิถีชนบท


วิถียั่งยืน

เช้าวันใหม่ อากาศสดชื่น ลมพัดมาอ่อนๆ หอมกลิ่นดอกข้าวที่โชยมาจากชายทุ่ง หอมกลิ่นดอกหญ้า(วัชพืชบางชนิด) เสียงนกกางเขนผิวปากร้องเพลงคลาสสิคVivaldi นกอีแพรดบินโฉบไปมาอยู่ใกล้ๆ หวังจะมาร่วมวงด้วย เจ้านกกางเขนคงจะรู้สึกรำคาญ เพราะรู้ว่าอีแพรดไม่ประสาเรื่องเพลง ก็ขับไล่ไสส่งไปให้พ้นๆ  เจ้ากาเหว่ามาตั้งแต่ฟ้ายังไม่แจ้งนัก เกาะบ้านนี่ร้องเรียกให้ลุงสุกตื่น แล้วโบยบินไปเกาะกิ่งไม้บ้านโน้น ร้องเรียกให้ผู้คนตื่นนอนมาสูดอากาศยามเช้าที่สดชื่นและชุ่มชื่น นกบางตัวก็พาลูกออกหัดบินถลาหาอาหาร แม่จิกแมลงมาได้ก็หันไปป้อนใส่ปากลูก นกเอี้ยงที่เคยเลี้ยงควายเฒ่า บัดนี้ควายเฒ่าไม่มีให้เลี้ยงแล้ว นกเอี้ยงก็เลยต้องเกาะกลุ่มกันไปหากิน โดยเฉพาะชอบมาหากินใกล้ๆบ้านมีสวนกล้วย กล้วยที่สุกคาต้นยังไม่ทันไปดู พวกมันแอบมาจิกกล้วยสุกกิน กินๆไปชักจะเบื่อ ก็บินไปหา ตะขบ ลูกไทร ลูกปาล์ม พริก มะเขือ พอมันกินอิ่มจะพากันไปเกาะหลังคาบ้านหรือไม่ก็สายไฟฟ้าสูงๆ เพื่อรับแสงแดด  สายมากๆ อากาศเริ่มร้อน อีแพรดต้องแวะเวียนมาแถวๆจานรองกระถางที่ว่างๆไม่มีกระถางและมีน้ำอยู่ครึ่งๆกลางๆ ลงจานมุดน้ำไซร้ขนทำความสะอาด

               เช้าเดินไปนาขุดดินป้องคันนาเสริม คันที่ทรุดไปก็ตักดินเสริมแต่งขึ้นมา คันนาที่คดๆ มีสันคันดินขึ้นปูดโปนก็ตักออกให้เรียบราบ สายมากแดดจัดจ้า ฟ้าใส เมฆจางกระจัดกระจายขาวโพลนไปทั่วท้องฟ้าสีคราม ลมที่พัดเอี่อยๆเมื่อตอนเช้าก็ชักจะแผ่วเบา น้ำที่เอาไปกินลิตรครึ่งก็หมดเสียแล้ว คงจะต้องกลับเข้าบ้านพักเหนื่อยซะที เดินกลับก็แวะเก็บมะเขือพวง(นกมันปลูกไว้ริมนา) เก็บผักบุ้งริมนา ยอดตำลึงริมรั้ว เอามาต้มจิ้มน้ำพริกปลาป่น ปลาช้อนที่ดักรอบไว้ได้2-3ตัวเขื่องๆ ก็พอจะเอามาต้ม(ต้มที่ว่านี้ก็คือ การต้มที่ใส่ข่า ตระใคร้ ใบมะกรูด ปรุงรสด้วยน้ำปลา มะขามเปียก) มะเขือ ตำลึง ที่ได้มาก็แบ่งคนสวนข้างบ้านและปลาอีกหนึ่งตัว กินเฉพาะที่เราพอจะกินอิ่มมื้อสองมื้อ พรุ่งนี้ค่อยหาเอาใหม่หรือบางทีเพื่อนบ้านก็จะเอามาแบ่งให้ อาหารทุกมื้อจะมีผลไม้ประจำคือกล้วยสุก หน้าแล้งก็จะมีมะม่วง ขนุน กระท้อน ลูกหว้า มะตูม มะเฟือง

               เมื่อหลายปีก่อนหมอบอกว่าห้ามกินยอดผักและผักใบเขียว ปลาไม่มีเกล็ด อีกเยอะแยะที่ห้าม เพราะเป็นโรคเก้าท์ ตั้งแต่ไปทำนา ต้องเดินตีนเปล่า(ไม่ใส่รองเท้า) ลงย่ำไถนา รู้สึกได้ว่ากินที่หมอห้ามนั้นไม่ปวดจี๊ดๆตามข้อแล้ว แต่ก่อนนี้เป็นหวัดเกือบทุกเดือนบางทีเป็นมากถึงกับต้องไปนอนโรงพยาบาล 4-5ปีมานี่ไม่เคยต้องกินยาแก้หวัด ยาแก้ปวด ถ้าถูกผึ้ง แตน ต่อ ต่อยก็จะใช้ใบเสลดพังพอนตัวผู้ขยี้ทาถูแล้วกิน6-7ใบ อาการปวดก็หายไป(เคยโดนแตน17ตัว ต่อย มือแขน หน้า คอ) มีแต่ปัญหาฟันมันร่วงหล่นไปหลายซี่ ปัญหาสายตามันฝ้าฟางมองดูอะไรๆหรือผู้คน ไกลเกิน20-30ม. จะพร่ามัวจำหน้าตาไม่ได้ ลูกๆก็ให้ไปตรวจสุขภาพประจำปีบ้าง แต่เราไม่ชอบไปโรงพยาบาลกลัวหมอว่า แล้วก็จะให้หยุดนั่นทำนี่ เราคิดว่าการนวดฝ่าเท้าด้วยการเดินตีนเปล่ามาหลายปี ช่วยให้ร่างกายแข็งแรงมากขึ้นกว่าเก่ามากทีเดียว

คำสำคัญ (Tags): #สมถะ
หมายเลขบันทึก: 102320เขียนเมื่อ 10 มิถุนายน 2007 21:22 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:58 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (2)

สวัสดีครับคุณลุงสุก

นับเป็นวิถีไทยที่ทรงคุณค่าที่ควรจดจำของแท้เลยครับ ตอนผมเป็นเด็กยังได้มีโอกาสพบเห็นภาพที่คุณลุงเล่ามา ไม่ว่าจะเป็นเก็บผักริมรั้ว ต้มยำ/ข่าปลาช่อนใส่กระทิ เดินเท้าเปล่า (นวดฝ่าเท้าแบบไม่เสียเงินของคนสมัยก่อน)

 

สวัสดีค่ะคุณลุงสุก

อ่านเรื่องของคุณลุงแล้วรู้สึกว่าสบายใจจังค่ะ ขอบคุณนะคะที่นำเรื่องดีๆ มาฝากค่ะ..

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท