เจ้าหญิงป่วน ณ ปัตตานี
เด็กหญิง ประเสริฐ (أُخْتٌ صَغِيْرَةٌ ) รัศมีแห่งดวงตา เจ้าหญิงป่วน ณ ปัตตานี

อันตรายจากการคุลวะฮฺ(อยู่เพียงลำพัง)ระหว่างสตรีกับบุรุษ


ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงมีบัญญัติห้ามการคุลวะฮฺ เพื่อเป็นการป้องกันสตรีจากการถูกครหานินทาและเพื่อปกป้องเกียรติของนางให้คงอยู่ตลอดไป
รู้กันหรือไม่ว่า
เด็กผู้หญิงถูกข่มขืนเฉลี่ยวันละ 12 คน
30% ของผู้ที่ถูกข่มขืน อายุต่ำกว่า 20 ปี
24.7% มีสถานภาพเป็นนิสิต นักศึกษา
71% ของสถานที่เกิดเหตุ คือ บ้าน
ในแต่ละวันมีทารกถูกทิ้งวันละ 8 คน
ในแต่ละปีวัยรุ่นทำแท้งกว่า 3 แสนราย
8 เท่าของผู้หญิงเสี่ยงต่อการติดเอดส์มากกว่าผู้ชาย
13.3% ผู้ติดเชื้อ HIV อายุ 15-24 ปี
28.7% เป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
53.36% วัยรุ่นมีโอกาสที่จะเสียตัว
38.98% เห็นว่าไม่เสียหายที่จะเสียตัวในวันนี้
แล้วรู้หรือไม่ว่าการลวนลามทางเพศส่วนใหญ่ เกิดขึ้นจากเหตุการณ์เล็กๆ ที่ทุกคนเห็นเป็นเรื่องธรรมดา อย่างการแซวกันไปมา สุดท้ายอาจลงเอยด้วยการขืนใจ และใช้ความรุนแรง
อย่างนี้ยังจะบอกว่าเป็นเรื่องไกลตัวอีกหรือ
ที่มา : ข้อมูลจาก http://www.eotoday.com/sexmustsay_2004

คำสอนของอิสลาม

อันตรายจากการคุลวะฮฺ(อยู่เพียงลำพัง)ระหว่างสตรีกับบุรุษ

การที่อิสลามมีบัญญัติห้ามมิให้อยู่ร่วมกันเพียงลำพังในที่ลับตาคน(คุลวะฮฺ)ระหว่างสตรีกับบุรุษเพศที่เป็นอัจญ์นะบี (ที่แปลกหน้าและแต่งงานกันได้)นั้น เนื่องเพราะมีเป้าประสงค์ที่จะยับยั้งและป้องกันช่องโหว่ที่จะก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่พึงปรารถนาและไม่ดีงามต่างๆต่อตัวสตรี เกียรติ และครอบครัวของนาง เพราะการอยู่ร่วมกันเพียงลำพังในที่ลับตาคนและบรรยากาศที่เอื้ออำนวยและไม่ปลอดภัยจากฟิตนะฮฺระหว่างทั้งสองฝ่าย เป็นการเอื้อโอกาสให้กระทำความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ เพราะบุรุษจะเป็นคนที่หวั่นไหวง่ายและอ่อนแอที่สุด(ไม่สามารถยับยั้งและบังคับใจตนเอง) เมื่อยามที่ได้อยู่ร่วมกับสตรีเพียงลำพังสองต่อสอง เช่นเดียวกับสภาพของสตรี

นบี ศ็อลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม กล่าวว่า

مَا تَرَكْتُ بَعْدِي فِتْنَةً أَضَرَّ عَلَى الرِّجَالِ مِنْ النِّسَاءِ

"ฉันไม่ได้จากสิ่งใดที่เป็นฟิตนะฮฺหลังจากฉัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อบรรดาบุรุษเพศมากไปยิ่งกว่าฟิตนะฮฺที่เกิดจากบรรดาสตรี" (อัลบุคอรีย์,กิตาบอัลหัจญ์, หะดีษที่ 4706, มุสลิม, หิตาบอัซซิกร วัดดุอาอฺ มัตเตาบะฮฺ วัลอิสติฆฟารฺ, หะดีษที่ 4923, 4924)

ด้วยเหตุนี้อิสลามจึงมีบัญญัติห้ามการคุลวะฮฺ เพื่อเป็นการป้องกันสตรีจากการถูกครหานินทาและเพื่อปกป้องเกียรติของนางให้คงอยู่ตลอดไป

หุก่มของการ"คุลวะฮฺ"

อิหม่ามอัชเชากานีย์ กล่าวว่า "การคุลวะฮฺหรือการอยู่ร่วมกันเพียงลำพังระหว่างสตรีและบุรุษอัจญ์นะบี เป็นสิ่งต้องห้าม(หะรอม)อย่างเป็นเอกฉันท์ เนื่องเพราะมีระบุในหะดีษว่า ทุกครั้งที่มีการอยู่ร่วมกันเพียงลำพังสองต่อสองระหว่างสตรีกับบุรุษ มารร้ายชัยฏอนก็จะมาร่วมเป็นบุคคลที่สามเสมอ และการมาอยู่ร่วมกันของชัยฏอนจะก่อให้เกิดสิ่งที่ไม่ดีงามและการกระทำที่เป็นบาปและต้องห้าม" (อัชเชากานีย์,นัยลุลเอาฏอร, 6/120)

อิหม่ามอันนะวะวีย์ กล่าวว่า "ส่วนการอยู่เพียงลำพังระหว่างบุรุษกับสตรีอัจญ์นะบีโดยปราศจากบุคคลที่สามร่วมอยู่ด้วย เป็นสิ่งที่ต้องห้าม(หะรอม)อย่างเป็นเอกฉันท์ในหมู่อุละมาอ์ เช่นเดียวกัน ถ้าหากว่าบุคคลที่สามที่ร่วมอยู่ด้วยเป็นบุคคลที่ไม่เป็นที่น่าละอายของทั้งสองฝ่าย เนื่องจากอายุยังน้อยเป็นต้น และการห้ามดังกล่าวครอบคลุมการคุลวะฮฺหรือการอยู่เพียงลำพังระหว่างสตรีกับบุรุษในทุกๆที่ ไม่ว่าจะเป็นที่สาธารณะหรือที่เฉพาะส่วนบุคคล หรือไม่ว่าจะอยู่ในสภาพการนั่ง หรือยืน หรืออยู่ระหว่างการเดินทาง ไม่ว่าจะใกล้ หรือไกลก็ตาม (อันนะวะวีย์, ชัรหฺเศาะหีหฺมุสลิม 9/109)

ลักษณะและรูปแบบต่างๆของการคุลวะฮฺ

1. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของสตรีกับคู่หมั้นและการออกนอกบ้านกับเขาก่อนที่จะมีการแต่งงานกันอย่างเป็นทางการ

2. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของสตรีกับพนักงานขับรถแท็กซี่ หรือไม่พนักงานขับรถส่วนตัวหรือรถส่วนกลาง

3. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของนางพยาบาลหรือนางแพทย์กับบุรุษอัจญ์นะบี ไม่ว่าเขาจะเป็นนายพยาบาลหรือนายแพทย์ หรือบุคคลทั้วไปก็ตาม

4. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของนายแพทย์กับคนไข้ที่เป็นสตรีโดยปราศจากมะหฺร็อม(ญาติผู้ใกล้ชิดของสตรี)

5. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของอาจารย์ที่ปรึกษากับนักศึกษาสตรี ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านการให้คำปรึกษาก็ตาม

6. การอยู่ร่วมกันลำพังของบุรุษกับคนใช้สตรีภายในบ้าน

7. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของหญิงวัยชรากับบุรุษอัจญ์นะบี

8. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของสตรีกับลูกชายของลุงหรืออา(ลูกพี่ลูกน้อง) หรือพี่ชายและน้องชายของสามี

9. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของสตรีกับพนักงานตัดเสื้อชาย

10. การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังของสตรีกับพนักงานขายของภายในร้านโดยปราศจากมะหฺร็อม

11.การอยู่ร่วมกันเพียงลำพังในห้องทำงานที่มิดชิดและเป็นการส่วนตัวระหว่างหัวหน้าชายกับเลขาสตรีหรือทางกลับกัน หรือระหว่างพนักงานด้วยกัน ฯลฯ

ข้อมูลจาก : http://www.iqraonline.org

71% ของสถานที่เกิดเหตุ คือ บ้าน

 

คำสำคัญ (Tags): #สตรี
หมายเลขบันทึก: 100894เขียนเมื่อ 5 มิถุนายน 2007 11:16 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 กุมภาพันธ์ 2012 18:53 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท