อนุทิน 155538


แสวง แสงดาวเหนือ
เขียนเมื่อ

อันที่จริงก็เป็นคนตื่นเช้า ตื่นเช้าได้อย่างสบาย ๆ ตื่นเช้าทุกวัน ตื่นเช้ามานานแล้ว เดี๋ยวนี้ราวตีสามครึ่งถึงตีสี่ นาฬิกาชีวภาพก็ทำงาน เสียก็แต่ว่าความขี้เกียจทำให้เดินกลับมาทิ้งตัวลงบนที่นอนอ่อนนุ่มในห้องนอนที่ยังเย็นฉ่ำด้วยอากาศที่ถูกปรับอุณหภูมิ การตื่นเช้าเป็นสิ่งดี เป็นคุณธรรมที่ถูกพร่ำสอนมาจากรุ่นปู่ย่าตายาย ทำให้คนนอนตื่นสายดูจะเป็นคนขี้เกียจ เพราะเมื่อก่อนทุกคนต้องตื่นมาหุงหาอาหาร เพื่อเตรียมตัวไปทำไร่ไถนาหรือค้าขาย กระนั้นการพูดว่าให้ตื่นเช้าอย่างเดียวก็ดูเหมือนคนสมัยก่อนจะตื่นเร็วมากแม่เล่าให้ฟังว่า สมัยที่ต้องหาบของไปขายตลาดภาชีกัน ตีสามทุกคนจะตื่นหุงหาข้าวปลาแล้วส่วนของที่เตรียมไว้ใส่หาบตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ก็พร้อมเอาขึ้นบ่า เดินลัดทุ่งเป็นทิวแถวกันไปสู่ตลาดภาชีตลาดใหญ่ที่เป็นชุมทางการรถไฟ แต่การตื่นเช้าไม่ได้ทำให้คนสมัยก่อนพักผ่อนไม่เพียงพอ เพราะแม่เล่าว่า การตื่นตีสามได้ก็เพราะสมัยก่อนชาวบ้านเขากินข้ากันตั้งแต่ใกล้ ๆ 6 โมงเย็น กินแล้วเป็นอันว่าจบกันเพราะหลังจากมื้อเย็นฟ้าจะมืด มีแต่แสงตะเกียงรำไร ใครที่ยังเตรียมข้าวของสำหรับไปทำมาหากิน ทำไร่ทำนา หรือทำมาค้าขายไม่เสร็จก็มีเวลาอีก สองชั่วโมงที่จะเตรียมตัว ไม่เกินสองทุ่มทุกคนก็กางมุ้งนอนหลับพักผ่อนกัน ถ้านับกันว่านอนสองทุ่ม ตื่น ตีสาม ก็แสดงว่าเขาสามารถพักผ่อนกันได้ถึง 7-8 ชั่วโมงทีเดียวซึ่งแน่นอนว่าเป็นเวลาที่พอเพียงโดยเฉลี่ยสำหรับคนทั่วไป วิถีคนสมัยก่อนที่ไม่มีไฟฟ้า กลางวันจึงทำงาน ทำอย่างมาก ทำเพื่อให้แล้วเสร็จทันแสงสว่างที่มีเวลาจำกัดเพียง 12 ชั่วโมง และเวลาค่ำคืนเป็นเวลาที่ต้องพักผ่อนแม้จะไม่อยากพักผ่อนก็ตามที เพราะไม่มีแสงสว่างใดแล้วส่วนการใช้ไต้ เทียนหรือตะเกียงนอกจากจะไม่สว่างเพียงพอต่อการทำงาน ยังมีเงื่อนไขของการหายากและราคาแพงเป็นความสิ้นเปลืองโดยใช่เหตุ




ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

อนุญาตให้แสดงความเห็นได้เฉพาะสมาชิก
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท