สวัสดีครับพี่ขจิต (ความเห็นนี้คัดลอกมาจาก บทความพี่บางทราย)
นานมาแล้วที่ไม่ได้พูดคุยครับ แต่วนเวียนมาดูอยู่ครับ ผมมีเซลล์ภูมิคุ้มกันมาฝากครับ ในยามที่มีวงจรหน้าจืดของพี่มาวนเวียนครับ คำถามคือ ในกล่องสี่เหลี่ยมสีเขียว นั่นพี่จะใส่อะไรลงไป
และอีกภาพครับ
(หากโมเดลนี้ไร้ค่า ขอให้มองเป็นสีสันในบทความนี้ก็พอนะครับ เพื่อคั่นความเห็นเครียดๆ)
ปัญหาเรื่องหน้าจืด แก้วันเดียวสองวันไม่ได้นะครับ ก็เหมือนการศึกษานั่นหล่ะครับ จะสร้างภายในวันเดียวก็ไม่ได้ครับ
- ปัญหานี้ ผมมองว่า คำแรกคืออยากให้ใช้คือ หยุด (หากกู้กันต่อไป วงจรนี้ก็ไม่หยุดซักทีครับ ขอแนะนำให้ถอดและสับสะพานไฟเลยครับ ขอให้หยุดทุกขั้นตอน หยุดคิดเป็นอันดับแรก แล้วหาทางลด)
- ต่อมาคือ ทบทวน ทบทวนตัวเอง ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน (ประมวลอดีตก่อนจะหน้าจืดเป็นอย่างไร แล้วเข้ามาสู่การหน้าจืดอย่างไร แล้วตอนนี้จืดอย่างไร ในชุมชน ได้ทบทวนชุมชน ในครอบครัวได้ทบทวนครอบครัวมั่งไม้(ใต้ๆ))
- ถามหาความสมดุล ในตัวเอง ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน (เคย หยุด ทบทวน หาความสมดุล บ้างไหม) เช่น บัญชีรายจ่าย รายรับ บัญชีครัวเรือนไม่ใช่ทำให้ อบต. หรือรัฐบาลดูครับ แต่ต้องทำไว้ดูเอง ประเมินตัวเองได้นี่ แต่ละครอบครัวก็คือประเทศ ประเทศหนึ่ง บริหารกันเองได้ไม่ใช่หรือครับ หากมันเกินเยียวยา ก็เอามาคุยกันใน สภาชุมชน อบต. เปิดอกคุยกันเลย กับเจ้าหน้าที่ กล้าหรือเปล่า กลัวอะไรที่จะประเมินตัวเอง ให้รู้ไปว่าที่เป็นหนี้แต่ละเดือนคือเกิดจากการดื่มเหล้า หรือเพราะอยากฟุ่มเฟือย หรือว่าเพราะไม่มีทรัพยากรใดๆ เหลือเลย
- จุดด้อยจุดเด่นของชุมชน รากเหง้าของชุมชนคืออะไร กู้คืนได้ไหม
- ได้ข้อสรุปของ ตัวเอง ครอบครัว ชุมชน โรงเรียน เพื่อวางแนวทางและแผนการพัฒนาตัวเอง ครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน ภายในชุมชนนั้น โดยปรับแก้ให้เข้ากับบริบทของชุมชนนั้นครับ
- เดินและพัฒนาไปร่วมกัน ทำแบบวนเวียนจนเกิดภูมิคุ้มกันของชุมชน
ผมมีปัญญาและมองปัญหาออกได้แค่นี้นะครับ
จากภาพข้างบนหาคำอธิบายได้จากบทความเก่าๆ ที่ถกในเรื่องนี้ อ่านได้ที่
- สภาการศึกษา G2K : ไวรัสร้ายที่ทุกคนต้องระวัง "ภูมิคุ้มกันชุมชนบกพร่อง"
- จากเกมส์หวงไข่ สู่ โมเดลภูมิคุ้มกันในสองและสามมิติ
ขอบคุณมากๆ นะครับ ที่เห็นหลายๆ คนห่วงใยชุมชน
ผมตอนนี้ทำได้แค่สร้างภูมิคุ้มกันให้กับตัวผมเอง และคนที่เกี่ยวข้องเท่านั้น สิ่งที่ผมอยู่ก็คือ สร้างในครอบครัวตัวเองให้ได้ ให้อยู่ได้ในภาวะที่เป็นอยู่เพื่อไม่ให้เข้าสู่วงจรหน้าจืดนี้.... ที่ทางบ้านผมเจอหนักคือ ค่าสวัสดิการสังคม ในการเข้าร่วมงานทำบุญ ตามใจของพี่น้องในชุมชนที่เกื้อกูลกันมานาน แต่ไม่ต้องกู้หนีหนัก เพราะผมเชื่อว่า พระแม่ธรณี พระแม่คงคา และอื่นๆ ช่วยให้เราคนเป็นเกษตรกรและชาวนาได้
ชาวนาควรจะทำนา ทำสวน ไม่ควรเข้า กทม. ไปแสวงหางานทำ เพราะนั่นไม่ใช่รากเหง้าของเรา
ผมมีบทความชาวนามาฝาก เขียนไว้นานมาแล้วครับ
- ชาวนาก็ยังเป็นกระดูกสันหลังของชาติเสมอ
- เมื่อไหร่บ้านเมืองเราจะถึงเวลา สร้างเอง ผลิตเอง ใช้เอง แถมอันนี้ครับ
ท้ายที่สุดแล้ว ผมขอเริ่มที่ตัวผม และครอบครัวที่ผมสัมผัสอยู่ก่อนครับ.... หากมีส่วนไหนบกพร่องหรือมีจุดอ่อน ก็รบกวนเขียนกันเข้ามานะครับ ยินดีร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ครับ
ขอบคุณพี่บางทรายและพี่ขจิตมากๆ ที่ช่วยสะท้อนสังคมและชุมชนได้ดีเลยครับ
ทุกชีวิตต้องตาย.... อยู่แต่ว่าก่อนตาย...จะตายแบบไหนครับ...หรือว่าเอาแค่เราอยู่รอดคนเดียว....แล้วจะนิยามคำว่า ชุมชน หรือสังคมไว้ทำไมครับ