จากประสบการณ์การทำงานด้านการจัดการความรู้ที่ผ่านมา ผมพบว่าบุคคลกลุ่มหนึ่งที่เข้ามาร่วมในกระบวนการทำงานของโครงการ
แต่มักจะไม่ค่อยทำงานอย่างจริงจังเท่าไหร่ ไม่ถึงกับขัดขวาง ไม่ถึงกับเห็นด้วย แต่ยังไง ก็ขอไปด้วยก็แล้วกัน ลักษณะภาษาอีสานที่เราเรียกว่า “น๊ำแน”
เขาก็ไม่ถึงกับขัดขวางการทำงานแบบที่เรียกว่า “เท้าราน้ำ” อยากจะทำอะไรก็ทำ จะนั่งดูอยู่ แต่เวลาจะไปไหน จะได้รับประโยชน์ด้วย ก็ขอมีส่วนแบ่งด้วยก็แล้วกัน
ลักษณะการทำงานของกลุ่มคนเช่นนี้ ทำให้โครงการมีความลำบากในการดำเนินงาน เพราะมีคนจำนวนมากเข้ามาร่วมกิจกรรม แต่มีเพียงไม่กี่คนที่เป็นตัวทำงานจริงจัง
แต่กลุ่มเหล่านี้ก็ทำให้คนที่ทำงานจริงรู้สึกเหนื่อยมากขึ้นที่ต้องเข็นคนเหล่านี้ไปพร้อม ๆ กัน
นี่คือ ความยากของการจัดการความรู้ในระดับชุมชน โดยเฉพาะในชุมชนที่เราเลือกไม่ได้ว่าเราจะจัดการความรู้กับใครบ้าง หรือแม้จะเลือกได้ ก็จะมีคนประเภทนี้แทรกมาอยู่ประจำ ทำให้การทำงานลำบากมากขึ้น
เราจะลดคนเหล่านี้ได้อย่างไร เราจะทำอย่างไรจึงจะทำให้การทำงานคล่องตัวมากขึ้น โดยไม่มีสวะเกาะหางเสือ หรือข้างเรือ โดยลักษณะของคนกลุ่มนี้ เพื่อจะทำให้เรือเดินทางไปได้อย่างรวดเร็ว
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อทางผู้ให้ทุนมาประเมินเรา เขาก็จะมองว่า เราทำงานช้า โดยไม่ได้ดูว่า เราทำงานกับใครบ้าง คนไปเร็วก็มี คนช้าก็มาก ถ้าเราจะโชว์แค่คนที่ทำงานเร็วไม่กี่คน ก็ดูเหมือนจะไม่เกิดพลังชุมชนอย่างแท้จริง
แต่ถ้าจะนำคนเหล่านี้ไปด้วย งานก็จะช้าจนถูกประเมินว่า ทำงานไม่สำเร็จ
เราจะทำอย่างไรดีครับ ที่จะทำงานจัดการความรู้ในระดับชุมชนอย่างประสบผลสำเร็จ เราคงไม่โชคดีที่จะมีชุมชนที่ทำงานเข้มแข็งไปทั้งหมด
ลักษณะส่วนใหญ่ก็ยังจะมีคนกลุ่มนี้อยู่ทุกชุมชน จะเรียกเขาว่าดื้อตาใส ก็ไม่ใช่ซะทีเดียว จะเรียกว่า ทองไม่รู้ร้อน ก็อาจจะไม่ใช่อีกนั่นแหล่ะ หรือว่ามีหลายๆ อย่างผสมผสานกันอยู่ในกลุ่มคนเหล่านี้ เราจะช่วยให้เขาช่วยตัวเองและผู้อื่นได้อย่างไร
ใครมีข้อเสนอกรุณาชี้แนะด้วยครับ ผมใกล้จะถึงทางตันในเรื่องนี้อยู่พอสมควร
ผมพยายามจะใช้หลักการ “บัวสี่เหล่า” ของพระพุทธเจ้า แต่เวลาทำงาน ผู้ให้ทุนเขาไม่ค่อยเห็นด้วยกับผมครับ เขาจะให้ผมยกไปทั้งกระบวนครับ ไม่ยอมให้ผมแยกบัวเหล่าที่สี่ออกไป
แต่ในปัจจุบันนะครับ ยังมีบัวเหล่าที่ ๕ ๖ ๗ ๘ ๙ ฯลฯ ในระบบสังคม เดี๋ยววันหลังผมจะเอามาเล่าให้ฟังครับ
ว่าคนเหล่านี้ทำไมจึงเป็นมากกว่าบัวเหล่าที่สี่
ถ้าสนใจ ผมจะนำมาเสนอโดยเร็ว กำลังสำรวจตลาดอยู่ครับ ว่ามีคนสนใจ “บัวแต่ละเหล่าเป็นอย่างไรบ้าง” มากน้อยแค่ไหน
จะได้ลองนำเสนอเป็นหนังตัวอย่าง
แสดงความจำนงมาเลยนะครับ
สมาชิกเก่าแถมไม้แหย่รังแตน สมาชิกใหม่แถมไม้แหย่ไข่มดแดงทุกที่นั่งครับ
จองที่นั่งมาเลยนะครับ
หนังกำลังจะฉายแล้วครับ
ขอบคุณมากครับ
สวัสดีครับ....
จากประสบการณ์ที่ทำงานในชุมชน/สังคม
ผมมีวิธีที่ทำงานไม่ดีนัก ส่วนใหญ่จะข้ามขั้นตอน
โดยลืมพิจารณาเรื่องความพร้อม ความคิด ของทีม
สิ่งที่อยากจะให้เห็นผลสำเร็จ ก็กลายเป็นสำออยในที่สุด วัฒนธรรมการทำงานที่ต่างกัน ตัวแปรติดตัวมาเขาว่าเราเอาจริงเกินไป "อยากจะไปสบายๆง่ายๆ" มาชวนบุกแหลก เหนื่อย ไม่ไหวบางงานจำเป็นต้องได้"พวกหัวใจเสริมใยเหล็ก"
เช่น งานนโยบายเชิงรุก ถ้าเจอพวกหัวใจพลาสติกและ..แย่เลย แตกต่างกันตรงไหน
พวกหัวใจเสริมใยเหล็ก จะชวนเราวิ่งเสียอีก ไม่ต้องเรียกก็มา ถ้ามีเรื่องสำคัญจะมาพบโดยไม่เกี่ยวเวลา ตี 2-3 ก็มา มีแง่คิดมาเสนอสม่ำเสมอ จนเราแทบรับลูกไม่ทัน
ด้วยเหตุดังกล่าว การทำงานส่วนรวมต่อไปนี้ ผมต้องมาแก้ไขที่ตัวเอง ลดดีกรีความมุทะลุลงบ้าง แต่สันดานก็คือสันดาน เคยทำงานเต็มอัตราจะมาผ่อนเครื่องมันก็ไม่ใช่วิสัยเรา ตรงนั้นต้องเพิ่มตัวช่วยมาเป็นโช๊คอัพ แต่ตัวช่วยที่มีประสิทธิภาพก็ใช่ว่าจะหาง่ายๆ ไปมาตัวช่วยเป็นตัวป่วนต้องตัดทิ้งไปก็มี อย่างที่อาจารย์แสวงทราบ ผมใช้วิธีผ่าตัด ไม่รักษาแบบอี๋อ๋อ เพราะไม่มีเวลาแล้ว จวนจะเข้าโลงแล้ว มาทำเล่นได้อย่างไร
พวกหัวใจพลาสติก จะชวนเราเข้าร้านอาหาร จะประชุมต้องมีปัจจัยเสริมกระเพาะ กินไปคุยไป สรุปแล้วก็ไม่ได้เรื่อง รับปาก แต่ไม่ทำ ถ้ากินด้วยปากอยากอยู่กับท้องชอบ! เราต้องตามง้อขอรายงาน มาประชุมก็ดีแต่คุยความคาดหวังลมๆแล้งๆ
จะเอาKM.บทไหนเข้าไปก็เจ๊ง! ประเภทนี้พระพุทธเจ้ายังยกธงขาว ไม่โปรดสัตว์ให้เหนื่อย ตัดหางปล่อยวัด ปล่อยวางอุเบกขา พระพุทธองค์จึงเลือกก่อนว่าจะแสดงธรรมกับกลุ่มไหนบ้าง ก่อน/หลังยังไง
ผมได้คำตอบมา 2 เรื่อง
1 เสียงสะท้อนที่ยอมรับเท่าทุกวันนี้..เขาบอกว่า ถ้าใครมาร่วมงานกับผมจะพบ..
ความรู้สึก ทั้งรักทั้งชังทั้งหวานแหละขมขื่น
2 เคยถามอาจารย์ใหญ่ ว่าจะจัดการพวกดอกบัวไม่มีสกุลอย่างไร ท่านตอบได้โดนใจมาก ..
"ถ้ารู้ว่าขี้..ยังจะไปเตะให้มันเหม็นเท้าทำไม"
เรื่องที่อาจารย์แสวงเสนอมา มีกึ๋นร่วมแสดงเพียงเท่านี้ ถเจะเสนอประเด็นเพิ่มค่อยว่ากัน เพราะผมมีข้อที่ 3 รออยู่เช่นเดียวกัน
เรียน อาจารย์ ดร.แสวง รวยสูงเนิน
ด้วยความเคารพ
อุทัย อันพิมพ์
สวัสดียามเช้า ครับ ดร.แสวง
มายกมือจองที่นั่งรออ่านค่ะท่านอาจารย์
อยากทราบวิธีแก้ปัญหาเวลาที่ผู้ร่วมทีมขอเอาหน้าแต่ไม่ขอออกแรงเนี่ยแหละค่ะ
ขอบคุณครับครูบา
แล้วเราจะหาเครื่องวัดคลื่นหัวใจได้ที่ไหนว่าเป็นคลื่นใยเหล็ก หรือคลื่นเม็ดพลาสติด
แม้แต่พลาสติกก็มีหลายเกรดครับ
บางรุ่นให้เอาไว้ดูเฉยๆ แค่ลมพัดนิดเดียวก็หลุดเป็นฝุ่นแล้วครับ
แล้วก็มาโวยวายว่า
"ฟ้าให้ข้ามาเกิด ไฉนจึงสร้างลมมาพัดให้หัวใจข้าสลายเป็นฝุ่นไปอีกเล่า"
จากสากก๊กตอน "จิวยี่รากเลือด"
เฮ้อ................
ครูนงครับ
ขอบคุณที่ไปค้นหา "ไอ้สีแก้วพลอยรุ่ง" มาให้ผมได้ใช้อีกเวอร์ชั่นหนึ่ง
ขอคารวะงามๆสักสามครั้งครับ
สมกับเป็นระดับกุนซือของ กศน. จริงๆครับ
ขอบคุณครับคุณกัมปนาท คุณจันทรรัตน์
ตอนนี้หนังกำลังจะฉายแล้วครับ
ครูบาบอกว่าขอเป็นโบนัสของขวัญปีใหม่ครับ
ก็คงจะมีหลายชิ้น แล้วแต่ชอบก็แล้วกันนะครับ
ตอนนี้ไม้แหย่รังแตนใกล้จะหมดแล้ว เหลือแต่ไม้แหย่ไข่มดแดงมากอยู่ครับ
เชิญรีบจับจองที่นั่งนะครับ
คนบางกลุ่ม มือไม่พาย เท้าก็ไม่ราน้ำ ชวนไปไหนก็ไม่ไป อาจารย์จะทำอย่างไรกับคนเหล่านี้
คนกลุ่มนี้จึงตกอยู่ในสภาพคิดจะเรียนว่ายน้ำในวันที่เรือแตกกลางทะเล
คนกลุ่มนี้สิ่งที่ทำ มี 4 อย่าง คือ กิน ..... ........ นอน
ขอแสดงความจำนง และเข้ามาจองตั๋วล่วงหน้านะครับ ขอดูหนังด้วยคน....
ท่านขุนพลเม็กดำ
นี่แหละครับสวะติดเรือ
"คนบ่พัฒนาหงำบ้าน"
ครับ
ครับท่านสิงห์ป่าสัก
กรุณารับไม้แหย่รังแตนเป็นของชำร่วยไปด้วยครับ
จากประสบการณ์ของดิฉัน หากได้ร่วมงานใดแล้วจะพยายามทำให้เต็มที่ เต็มกำลัง แต่ในบางคร้งจะเกิดภาวะชงักงัน เพราะบางครั้ง "ผู้นำ" ก็ไม่เต็มร้อย ไม่กระจ่าง ความรู้สึกของเราผู้ปฏิบัติก็เลยเกิดอาการ เซ็ง
ตอนนี้รออ่าน "บัวเหล่าที่ 5 6 7..." อยู่ค่ะ กำลังประเมินตัวเองว่าอยู่เหล่าไหนกันแน่
พวกเท้าราน้ำ พวกสวะข้างเรือ มีวิธีจัดการ
ท่านเมาเซตุงเอาไปทำปุ๋ยหลายล้านคน
ไม่อย่างงั้นรวมจีนยาก
อย่าลืมว่าขงเบ้งยังรวมจีนไม่ได้เลย
เมาเซตุงเก่งกว่าขงเบ้ง
ตรงที่พิสูจน์ความสามารถผลงาน..รวมประเทศ
คุณพันดา กัญญาพร
ขอบคุญครับที่มาเพิ่มเติมความเห็น
คุณสุคนธ์ครับ ขอบคุณมากในแนวคิด
แต่สวะข้างเรือก็จะคอยกวนทำให้งานเราช้า และเรียกร้องผลประโยชน์ที่ตัวเองไม่ได้ทำ นี่สิหนักกว่าเพื่อน
จะใช้วิธีที่ครูบาเสนอก็โดนกระแสสังคมว่าเลือกที่รักมักที่ชัง เพราะเขาไม่รู้ด้วยกับเรา
ทุกคนก็มองเห็นแบบครูนงว่า "สีแก้วพลอยรุ่ง" แบบฉาบฉวย และก็ว่าต้องหารยาว
นี่คือความยากลำบากที่ผมเจอครับ
ทฤษฎีบางอย่างก็ปฏิบัติตามยากครับ
แรงต้านจะเกิดมาก
ทำให้อนาคตวิปริตได้ครับ
ผมกำลังเจอเต็มๆ และไม่มีใครช่วยผมได้เลย ถ้าผมไม่ดื้อทนสู้ คงใจสลายไปนานแล้ว
อยากเห็นสถานการณ์และวิธีการที่ท่านทำ จะลองนำมาปรับใช้ดูครับ
ขอบคุณทุกท่านครับ