การก้าวสู่องค์กรเรียนรู้นั้นเป็นสิ่งที่หลายฝ่ายหลายภาคีในโครงการจัดการความรู้แก้จนเมืองนคร พูดกันไปในทางเดียวกันแล้วว่าภาคีเครือข่ายทุกภาคีจะต้องนำประสบการณ์การจัดการความรู้ที่ร่วมกันทำกับชุมชน KM Community ซึ่งในขณะนี้ผ่านรุ่นแรกไปแล้ว 400 หมู่บ้าน และรุ่นต่อไป(กำลังจะทำปีนี้เพิ่ม) 600 หมู่บ้าน และรุ่นสุดท้ายอีกกว่า 500 หมู่บ้าน เมื่อเรียนรู้วิธีการทำงานกับชาวบ้าน ก็ให้แต่ละองค์กรประสบการณ์การทำงานเหล่านั้น มาขับเคลื่อนการเรียนรู้ในองค์กรให้เป็นองค์กรเรียนรู้เป็นสเต็ปต่อไป
เหตุที่ผมเขียนบันทึกนี้ก็เนื่องจากว่าผมได้อ่านบันทึกของผมเองที่ชื่อว่า การขับเคลื่อน KM Inside ในเครือข่าย กศน.ลิ้งค์ ว่าคุณเอื้อระดับต่างๆล้วนส่งสัญญาณที่ดี หนุนเสริมกลไกเชิงระบบให้การทำงานไปสู่เป้าหมายได้ไม่น่าเป็นห่วงอะไร
แต่เมื่อผมมานั่งนึกดูอีกทีก็เห็นอะไรเยอะแยะมากมายที่เราจะต้องเตรียมตัวเตรียมใจ กวาดบ้านถูบ้านกัน ให้สิ่งที่เราทำอยู่แล้วนี้มันกลืนไปได้กับการทำงานในแนวองค์กรเรียนรู้ เป็นงาน เป็นการบ้านต่อเนื่อง การส่งสัญญาณที่ดีของคุณเอื้อว่าจะหนุนเสริมกลไกเชิงระบบเพื่อไปสู่เป้าหมายองค์กรเรียนรู้ ให้ทำงาน Function ทุกงานแบบจัดการความรู้ การหนุนเสริม การเปิดทางให้ทำงานแนวนี้ได้ของคุณเอื้ออาจจะไม่เพียงพอเสียแล้วก็ได้ เพราะว่าเหล่าคนทำงาน หรือคุณกิจซึ่งประจำอยู่ในงานต่างๆ คือพระเอกของเรื่องนี้ที่จะต้องขยับปรับตนเองให้เป็นบุคคลที่เรียนรู้ให้ได้เป็นพื้นฐานเสียก่อน องค์กรเรียนรู้จึงจะเกิดตามมา
ผมสังเกตง่ายๆ อย่างทักษะการบันทึกความรู้ประสบการณ์ตนเองที่ทำอยู่ลงในบล็อกgotoKnow ก็ยังทำได้น้อยอยู่ทั้งที่มีความพยายามในเรื่องนี้มาก เรื่องที่เราจะสื่อสารกันก่อนล่วงหน้าก่อนพบเจอกันก็ขาดหายไป นี่ไม่รวมไปถึงการถอดหมวกตำแหน่งเมื่ออยู่ในวงเรียนรู้ การฝึกทักษะในการฟังที่ดี การชื่นชมความสำเร็จในงานเล็กๆของคนอื่น การสร้างทีมทำงานแบบคนคอเดียวกัน...เป็นต้น ซึ่งเหล่านี้คือพื้นฐานของการเป็นองค์กรเรียนรู้ ซึ่งตัวละคอน KM ไม่ว่าจะเป็นคุณเอื้อ คุณอำนวย คุณกิจ คุณลิขิต ฯลฯ จะต้องพัฒนา
พอดีได้อ่านบันทึกKM (แนวปฏิบัติ) วันละคำ : 223. ความรู้ที่ขาดหายไป โดย ศ.นพ.วิจารณ์ พานิช ลิงค์ เห็นว่าตรงใจผมมากในการเริ่มต้นเรียนรู้ที่ตัวเอง ก็เลยนำมาฝากครับ
เราต้องอดทนทำงานและเรียนรู้อย่างควบคู่กันต่อไปเพื่อจะได้ชื่อว่าเป็นองค์กรเรียนรู้ จะเกิดได้เมื่อไรก็ยากที่คาดเดา........แต่ ณ วันนี้มันได้ส่งสัญญาณที่ดีแล้ว
ครูนงครับ
มันมีสองคำนะครับคือ
องค์กร และ
บุคลากร
องค์กรมักใหญ่และอยู่นานกว่าบุคลากร
บุคลากรเป็นผู้สร้างองค์กร อาจอยู่นานหรือไม่นานก็ได้
ทีนี้ ครูนงพูดถึงองค์กร แต่ยังมาติดกับบุคลากร
สองอันนี้มันเกี่ยวกันก็จริง แต่ใจผม (ส่วนตัวนะครับ) ไม่อยากให้เกี่ยวมาก
เพราะถ้ามาก พอเครื่องบินตกที องค์กรก็อาจยุบหรือแทบยุบไปเลยครับ
เราจะเสี่ยงอย่างนั้นไม่ได้ครับ
แต่เราจะสร้างองค์กรไม่ให้ติดยึดกับบุคลากรได้อย่างไร
นี่น่าคิด และต้องสร้างองค์กรให้มีความสุขในองค์กรด้วย จึงจะเป็นองค์กรที่ดี เรียนรู้ได้ดี
ผมสงสัยจะต้องเขียนเรื่องนี้แล้ว
มา comment ตรงนี้ เนื้อที่จะยาวเกินไปครับ
หรือครูนงว่ายังไงครับ
เขียนด้วยได้ไหมครับ ผมจะได้ไม่ต้องคิดต่อ
ขอบคุณครับ
น้องสิงห์ป่าสัก แลคุณหมอนนทลี
นำประสบการณ์ ความรู้สึก หรือแม้แต่ความวิตกกังวล มาแบ่งปันแบบคนคอเดียวกัน ก็เรียนรู้กันได้ ขอบคุณที่เข้ามาร่วมห้องเรียนกันครับ
อ.ดร แสวงครับ
ขอบคุณในแนวทางวิเคราะห์ คอมเมนต์ของอาจารย์นะครับ นับว่าได้เห็นประเด็นมิติและดีกรีของความสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับบุคลากร...ผมได้ตามไปอ่านบทความ องค์กรแห่งการเรียนรู้ กับ บุคลากร และบุคคลแห่งการเรียนรู้ ลิ้งค์ แล้วครับ และได้แสดง คห.ไว้นิดหน่อยแล้วครับ (แสดง คห.เยอะไม่ได้เพราะยังไม่ค่อยเข้าใจ..ต้องอ่านทบทวนหลายรอบก่อน).....ขอบคุณครับที่เข้ามาขยายขอบข่ายความคิดให้
อ่านบันทึกชื่อ มีอะไรในห้อง KM กศน.ฉะเชิงเทรา แล้วชอบมาก เลยลิ้งค์มาไว้ประกอบในบันทึกนี้
ขอบคุณครับครูนง ที่ลิงค์มีอะไรในห้องkm กศน.ฉะเชิงเทรามาสัมพันธ์กันกับเรื่องกศน.จะไปสู่องค์กรเรียนรู้ได้อย่างไร ต่างพื้นที่ต่างวิธีการแต่มีเป้าหมายปลายทางเดียวกัน ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรมเหมือนกันคือไปสู่องค์การแห่งการเรียนรู้