เราท่านคงคุ้นหูกับโครงการ "สัจจะวันละหนึ่งบาท" ที่ริเริ่มโดยครูชบ ยอดแก้ว จนทำกันแพร่หลายในหลายที่ ในสงขลา
โดยย่อ เป็นการที่ชุมชนเล็ก ๆ ช่วยกันออมคนละหนึ่งบาท ทุกคนออมทุกวัน บาทเดียว สมทบเข้ากองทุน แล้วมีระบบจัดการเพื่อชุมชนต่อ
ประเด็นที่น่าสนใจคือ คนที่เข้าร่วม ไม่สามารถจ่ายเงินล่วงหน้าได้ ต้องสมทบวันละบาท ไม่ขาด ไม่เกิน
สิ่งที่เกิดขึ้น ทำให้ เงินหนึ่งบาท ไม่ใช่เงินหนึ่งบาท อีกต่อไป
แต่เงินหนึ่งบาทต่อวัน คือการสร้างบทเรียนชีวิตที่สำคัญกว่าเงิน
วินัยเหล็กเช่นนี้ ไม่สามารถแทนได้ด้วยเงิน ใช้เงินฟาดหัวแลกมาก็ไม่ได้
คนที่ออมทุกวันอย่างอย่างมีสติและแน่วแน่ แม้จะดูน้อย แต่นิสัยที่สร้างบ่อย ต่อเนื่อง ไม่ลดละ จนแทบจะเป็นการทำสมาธิภาวนา สิ่งที่ทำ จะแทรกซอนลงไปลึกในระดับการสำนึกรู้ เกิดความเชื่อมั่นในวิถีการออมอย่างลึกซึ้ง
ผลที่กระทบ จะไม่ใช่เพียงการได้ออมเงินเพียงหนึ่งบาท
แต่หมายถึงการเกิดนิสัยการออม
"นิสัยการออมดี สำคัญกว่ารายได้ดี" คือสิ่งที่คุณ โจ มณฑานี ตันติสุข เขียนเล่าในหนังสือที่น่าอ่านมาก ๆ ชื่อ "เงินเรื่องใหญ่ ที่โรงเรียนไม่เคยสอน" เพราะเป็นข้อสรุปที่ซื้อด้วยบทเรียนราคาแพงของตัวผู้เขียนหนังสือเล่มนี้เอง
(จะบอกว่าผมเคยเล่าประเด็นเดียวกันนี้ในรูปแบบของสมการในบล็อกเก่า ๆ ก็เกรงใจ แต่ไปหาอ่านเองได้ครับ ถ้าไม่กลัวสมการมันกัดเอา...)
สวัสดีค่ะ
เรื่องวินัยการออมนี่ เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องพยายามปลูกฝังตั้งแต่เด็กๆเลยค่ะ
เห็นด้วยค่ะ"นิสัยการออมดี สำคัญกว่ารายได้ดี"
อาจารย์ครับ
ทางกลุ่มที่ผมทำงานด้วยเขาว่า
อุดรูรั่วสำคัญกว่าการเติมให้เต็ม
เพราะเมื่อรั่ว มีเท่าไหร่ก็หมด
เติมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม
เมื่อไม่รั่ว วันละหยดก็อาจเต็มได้
แล้วบอกว่า "คนอื่น เป็นแบบนี้"
แล้วบอกว่า "นี่คือคุณ"
โห ต้องเอาไปสอนลูกน่ะค่ะ
วันก่อน เขาคุยกับแม่ว่า
"น้องอยู่โรงเรียนนี้แล้วรู้สึกเหมือน ๆ เซอร์ไอแซค นิวตัน"
แม่ยิ้มดีใจ..จน..ลูกพูดต่อว่า
"แม่ ตอนเด็ก ๆ น่ะ แม้นิวตันจะได้เรียนที่โรงเรียนดีมาก ๆ แต่ขมขื่นใจลึก ๆ ว่า ตัวเองเป็นเด็กที่ยากไร้ น่ะ แม่รู้หรือเปล่า"
ดูดู๋ ลูกพูดออกมาด้าย