ผู้บันทึกพยายามติดตามการเติบโตของผลผักหวานป่า เพื่อดูว่ามีการเปลี่ยนแปลงอย่างไรบ้าง ผมก็จะแวะไปที่สวนหมอธีระ “ผู้รู้” ด้านผักหวานป่าแห่งดงหลวง ก็ได้รูปมาฝากครับ ตอนนี้เขาอายุประมาณ 3 เดือนแล้วก็เริ่มสุกแล้วครับ ผิวออกเหลืองแล้ว
เราลองมาตามดูนะครับว่าการสุกเต็มที่นั้นจะใช้เวลายาวนานเท่าไหร่ สีของเขาจะเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างครับ วันนี้ก็เอามาฝากให้เพื่อนๆได้เห็นกัน เพราะน้อยคนจริงๆที่จะมีโอกาสเห็น เพราะปกติเขาอยู่ในป่า บนภูเขาสูงครับ
วันนี้ผู้บันทึกเอาความพยายามของชาวบ้านดงหลวงที่จะทดลองแปรรูปผักหวานป่าเป็น “ชาผักหวานป่า” มาเล่าสู่กันฟังครับ ก็เป็นการลองผิดลองถูกแบบพื้นบ้าน เพราะดงหลวงเป็นดงผักหวานป่า แม้ว่าจะมีวิกฤติตามที่ผู้บันทึกเล่าให้ฟังแล้ว แต่ก็หาทางแก้ไขกันไป ส่วนที่ไม่มีปัญหาก็คิดอ่านกันว่า นอกจากเราจะเอายอดมาทำอาหารรับประทานกันแล้วน่าที่จะเอามาทำ “ชาผักหวานป่า” ดูบ้าง เราได้ยินมีคนทำแล้วและสามารถจำหน่ายได้ เราได้เห็นคนทำ “ชาใบหม่อน” และสามารถเป็นธุรกิจขึ้นมาแล้ว เรามาลองเอาวัตถุดิบท้องถิ่นบ้านเรามาทำดูบ้าง
วิธีการก็เป็นแบบพื้นบ้านง่ายๆ จริงๆ คือใช้หม้อดินมาคั่วใบผักหวานป่า “ด้วยมือ” บนกองไฟอ่อนๆ คั่วไปมันก็ร้อนมือ ก็ต้องผลัดกันหลายคนจนกว่าใบผักหวานป่าจะแห้งพอดีและมีกลิ่นหอม
มันเป็นความพยายามครั้งแรก ที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลย ไม่มีวิทยากรจากที่ไหนมาสอน ใช้ความเข้าใจพื้นฐานของเพื่อนคนหนึ่งผู้สนใจเรื่องนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ เพื่อนคนนี้เขาทดลองคั่วใบผักหวานป่าด้วยเตาไมโครเวฟมาก่อนแล้ว และทดสอบจนเป็นชาผักหวานป่าที่น่าพอใจ เอามาทดลองชงดื่มกันทั้งสำนักงานก็คิดว่าใช้ได้ กลิ่นหอม และสามารถกิน “ใบชา” ได้เลย เราไม่รู้ว่ามีคุณค่าทางสมุนไพรอย่างไรบ้าง หรือคุณค่าทางโภชนาการ อย่างไรบ้าง เพราะยังไม่ได้ส่งให้นักวิชาการวิเคราะห์ แต่ก็เป็นการทดลองทำดูก่อน...
บางทีเราก็ไม่สามารรอกระบวนการเรื่องดังกล่าวได้ รู้เพียงว่ามันไม่มีพิษมีภัยแก่ร่างกาย ตรงข้ามน่าจะมีประโยชน์
แต่พบว่ากว่าจะได้ชาผักหวานป่า 1 กิโลกรัม เพื่อนบอกว่าจะต้องใช้ใบผักหวานป่าสดจำนวน 4-5 กิโลกรัม ?? ไม่น่าคุ้มราคาเลยหากจะทำขาย แต่ก็ได้ทราบว่ามีคนสั่งซื้อหลายกิโลแล้วครับ??
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
เพิ่งรู้ว่ามีชาผักหวานค่ะ รสชาติเป็นอย่างไร หอมไหมค่ะ อยากเห็นตอนเป็นชาจัง อิ อิ อยากชิมค่ะ
สวัสดีครับน้องราณี
ในทัศนะพี่คิดว่า ชาผักหวานป่าก็หอมแบบเรียบๆ แต่ไม่ถึงกับชาจากใบชาจริงๆ รสชาติก็ดื่มง่ายกว่าชาจริงๆ ครับหากมีโอกาสจะแนะนำให้ลองชิมครับ
ช่วงนี้เพิ่มจะทดลองทำ เอาไว้พัฒนาฝีมือขึ้นมาแล้วคงจะยกระดับคุณภาพมากขึ้นครับ
สวัสดีครับพี่บางทราย
สวัสดีจ่ะน้องอ.ลูกหว้า
เอาไว้พัฒนาได้ที่แล้วจะส่งมาให้ชิมพร้อมน้องเสื้อเขียว แล้ววิจารณ์ให้ด้วย เพื่อนที่เขาริเริ่มนี้ เขาสนใจและตั้งใจมากเลยครับ
สวัสดีครับคุณแผ่นดินครับ
โอโฮ...ผมชอบคำนี้จัง ผักหวานป่าราชินีของภูผาในหน้าร้อนและแล้ง
ชาวบ้านกล่าวว่าผักหวานป่าจะแตกใบอ่อนไปเรื่อยๆจนถึงเดือนมิถุนายนครับ แต่ปริมาณน้อยลงครับ
ขอบคุณครับ
สวัสดีค่ะ
ชอบผักหวาน แต่ไม่เคยทานชาผักหวานค่ะ
ป่าดงหลวงนี้ มีอะไรดีๆนะคะ น่าทึ่งจัง
สวัสดีน้องเม้งของเรา
สวัสดีครับท่านsasinanda
สวัสดีค่ะท่าน บางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
ขอบคุณค่ะ
สวัสดีค่ะ คุณบางทราย (คนเข็นครก ขึ้นภูเขา)
ดิฉันไม่ใช่นักดื่มชา แต่เห็นชื่อชาแล้วน่าจะอร่อยค่ะ ยิ่งเห็นว่าเป็นการพัฒนาจากภูมิปัญญาคนไทยแล้ว ยิ่งชื่นชมมากเลยค่ะ
ขอบคุณที่เล่าสู่กันฟังค่ะ
สวัสดีค่ะ....ไม่อยู่บ้านหลายวันเพิ่งกลับจากพิษณุโลก ไปเรื่องงานKMเครือข่ายเบาหวาน มีเรื่องดีๆอยากเล่าตั้งหลายเรื่อง เอาเป็นว่ามารายงานตัวก่อนนะคะ เห็นพี่บางทรายตามไปอ่านเรื่องของน้องคุณนายฯที่เขียนไว้แรกๆด้วย ต้องขอบคุณมากค่ะ
พอทราบว่าพี่สนใจIKมานาน คิดว่าพี่ต้องชอบหนังสือที่น้องคุณนายฯเขียนแน่ๆ (ปริศนาแห่งภูมืปัญญาท้องถิ่น)เพราะเสนอมุมมองแบบไทยที่ต่างจากที่ฝรั่งมอง
เห็นพี่ๆเขานั่งคั่วชาใส่ผ้าย้อมครามด้วย เป็นคนรักผ้าย้อมครามมากๆ หนึ่งในเรื่องเล่าในหนังสือเป็นเรื่องผ้าย้อมครามจากคุณยายฑีตาและจิ๋วลูกสาว เอาไปเล่าที่ไหนทั้งเมืองไทยเมืองนอกทึ่งกันทุกที่(แกล้งให้พี่บางทรายอยากอ่าน)
ไม่ต้องไปหาหนังสือที่ไหนนะคะน้องคุณนายฯจะส่งมาให้เร็วๆนี้
เป็นคนชอบดื่มชาแปลกๆที่ไม่จำกัดเฉพาะใบชาแท้ๆ ที่จริงชอบชาแปลกๆและชาผสมโน่นผสมนี่มากกว่าชาแท้ๆแบบชาจีนเสียอีกค่ะ เลือกมาชงดื่มตามอารมณ์
เรื่องการคั่วชาผักหวานอยากให้ได้คุยกับ"โครงการดอยน้ำซับ" เป็นเอ็นจีโอ เขาทำงานกับชาวบ้านที่เชียงราย มีผลิตภัณฑ์ที่เขาพัฒนาเกี่ยวกับชาหลายตัว เรื่องชาผักหวานทำให้นึกถึง"ชาใบมะกล่ำ"ของชาวเขา ที่โครงการทำมาขายเคยซื้อมาชงดื่ม หอมใบไม้คั่วที่มีกลิ่นเฉพาะตัว และมีรสหวานชุ่มคอ
ที่ติดต่อนะคะ (น้องคุณนายฯเคยไปเรียนนวดไทย คอ บ่า ไหล่ กับเขาด้วยล่ะ เอาไว้ใช้กดตู้เอทีเอ็มข้างกายได้คล่องๆค่ะ :)
โครงการดอยน้ำซับ 505 ลาดพร้าว 48 สามเสนนอก ห้วยขวาง กทม.
โทร. 02 939 8167 และ 02 513 9086
โทรสาร 02 9398168
Project Manager ชื่อคุณดุษฎี สุทธิเลิศ โครงการนี้น่าสนใจมากจนฝรั่งเชิญเธอให้เรียนปริญญาเอกที่ฮาวายแน่ะ
ลองติดต่อดูนะคะ
อะไรที่ดีๆต้องช่วยกันบอกต่อค่ะ
สวัสดีค่ะพี่บางทราย
เข้ามายิ้มดีใจกับอีกก้าวของผักหวานป่าค่ะ
เห็นภาพแล้ว.. อยากลองชิมชาผักหวานป่า..และน่าจะทำแบบส่งออกได้เหมือนที่คุณราณีว่าจริงๆแหละค่ะ แต่ติดใจการขยายพันธุ์ถ้าก้าวข้ามปมนี้ได้น่าจะไปได้ดีเลยนะคะ
ขอบคุณที่ทำให้วันนี้เบิร์ดมีความสุขค่ะ
สวัสดีครับสิริพร กุ่ยกระโทก
สวัสดีครับอาจารย์ กมลวัลย์
สวัสดีครับ คุณนายดอกเตอร์
สวัสดีครับน้อง เบิร์ด
สวัสดีครับ น้องหมอเจ๊
ขอบคุณมากครับที่ให้ข้อมูลที่มีค่ามาก ก็จะรวบรวมความรู้พวกนี้ไปลองทำใหม่ สงสัยไปแรงไปอย่างว่า และเห็นด้วยว่าน่าจะเอาไปพึ่งแดดก่อน
เดี๋ยวช่วงผักหว่ายป่าออกจะลองใหม่ครับ
ขอบคุณมากๆครับน้องหมอเจ๊
บังเอิญมาเจอที่นี่เข้า น่าดีใจด้วยนะคะ ที่มีคนพยายามเอาความคิดสร้างสรรญมาทำให้เป็นความจริงกัน เคยไปดูการทำใบชาในที่ต่างๆมา ทั้งที่ทำกันเป็นอุตสาหฺกรรม และ ที่ทำกินกันเองในครัวเรือนมา ตรงนี้จะเล่าที่เห็นเขาทำใบชาในครัวเรือนให้ฟังนะคะ เผือว่าจะมีประโยชน์บ้าง
1 เอาใบชามาผึ่งแดด ให้มันสลด ประมาณค่อนวัน ระหว่างที่ผึ่งแดด ก็ให้กลับให้ส่วนที่ไม่ได้โดนแดด ได้โดนแดดด้วย ระหว่างที่กลับใบชาให้สังเกตุว่าตามขอบๆใบนั้นมันจะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ขณะที่ใบมันเรื่มเหี่ยวลงนะคะ พอรอบใบเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเกือบหมดทุกใบ ก็แปลว่าใบนั้นสลดพอแล้ว ให้เอาใบเข้าล่มได้
2 หลังจากเอาเข้าล่มแล้วให้เอาใบชาที่สลดมาหมาดๆ น้ันใส่กระด่งให้พอเขย่ากระด่งได้ คล้ายกับการฝัดข้าว เอาข้าวเปลือกออก แบบนั้น ใบชาจะเกิดความบอบช้ำจากที่มันถูกเสียดสีกันเอง จะเห็นว่าใบชาดูช้ำๆ ขอบใบก็ยิ่งดูเป็นสีน้ำตาลมากขึ้น ก็หยุด รวบใบชารวมเป็นกอบ เอาผ้าสะอาดมาปิดไว้ ประมาณ 1 ชม เอามือสอดไปใต้กอบใบชาจะรู้สึกว่ามีความอุ่น นั่นแปลว่าใบชาได้ผ่านการหมักแล้ว หากอยากได้ใบชามีกลิ่นหอมอ่อน และมีรสชาดหวานหน่อยๆ ก็เปิดผ้าออกตอนนี้ หากอยากให้ใบชามีรสชาดจัดจ้านหน่อยก็เอาผ้าคลุ่มต่อไปให้เกิดความร้อนมากกว่านี้ สังเกตุดูใบชาจะดำมากนัอยตามเวลาที่คลุ่มผ้าไว้นะคะ คลุ่มไว้นานชาก็จะดำ ชาก็จะเป็นชาดำ เวลาชง น้ำชาก็เป็นสีน้ำตาล
3 หลังจากที่หมักเสร็จ ตอนนี้ก็ถึงการคั่วใบชาให้แห้ง ลักษณะใบชาตอนนี้ดูเหมือนผักที่กำลังจะเน่านะคะ เหี่ยวๆเหมือนมีน้ำเยื้อมๆ เอามือตะล่อมให้ใบชาเหี่ยวๆ เก็บเอาน้ำเยื้อมนิดหน่อยนั้นกลับคืนมาที่ใบนะคะ เอาใส่กะทะ ทำกับข้าวธรรมดาปริมาณพอให้คั่วได้
4 เอากะทะตั้งไฟ อ่อนๆ หากใช้ไฟที่ลุกจากไม้ ที่มีควันนิดหน่อยได้ ก็ดี ไม่มีก็เอาถ่านธรรมดา กลบด้วยขี้เถ่าจนมองไม่เห็นถ่าน แล้วเก็บใบไม้แห้งมั่ง เปียกมั่ง ใส่ในเตาเพื่อให้เกิดควันนิดหน่อย อย่าคนแรง ใบจะแหลกหมด คั่วแบบคั้วพริกแห้ง แต่คนเบาๆ ใบชาก็จะกลายเป็นสีดำ หรือน้ำตาลมันๆ หน่อย ไม่ด้านๆ พอแห้งเอาออกผึ่งให้เย็น เก็บใส่ถาชนะไว้ชงดื่ม หมายเหตุ คั่วเตาแกสอ่อนๆ ก็ได้นะคะ
ดิฉันมีรูป แต่เอาใส่ในที่นี้ไม่เป็นคะ
ใช้กะทะทำกับขาวคั่วชา นั้นกะทะมีพื้นที่หน้ากวัาง เหมาะสำหรับให้ความชื้นระเหิร ได้ดีกว่าหม้อดินคะ