ในการบรรยายที่ Carr มีคนยกตัวอย่างการบูรณะ Notre Dame Cathedral ในกรุงปารีส และที่เขาพูดว่า “เพื่อความยั่งยืนของโลก”
“นักวิทยาศาสตร์ไม่สามารถแก้ปัญหาสภาวะโลกร้อนแต่ผู้เดียวได้ เธอจำเป็นต้องมีกิจกรรมและการเปลี่ยนนโยบาย อย่างที่เรารู้กัน มีเวลาที่สั้นมากก่อนที่หายภัยจะมาถึงเรา และมันมีความจำเป็นที่จะให้ปัจเจกบุคคลเข้าใจประวัติศาสตร์ พวกเขาเข้าใจว่าเราเรียนจากข้อผิดพลาดในการตอบรับกับการท้าทายที่เล็กมากๆ เราต้องเรียนรู้ทั้งหมดในนั้น และหากไม่มีมัน เราจะเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย”
Ono ชี้ให้เห็นว่าการจ้างงานที่มีเป็นจำนวนน้อยสำหรับคนที่เรียนมาทางศิลปศาสตร์ไม่ใช่เป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในระยะเวลาที่ยาวนาน Ono กล่าวว่าคนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่เคยเรียนศิลปะศาสตร์มาแล้วทั้งสิ้น เขายังเสริมด้วยว่าการขยายโปรแกรมเพื่อการหางานกับวิชาทางศิลปะศาสตร์บางวิชา สามารถสร้างผลกระทบที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตนักเรียนๆได้ ถึงแม้ว่าจะจบการศึกษาไปแล้วก็ตาม
Ono ยังกล่าวว่า “มันให้เวลากับพวกเขาในการรักสิ่งที่พวกเขากำลังศึกษาเพราะเห็นแก่การเรียนรู้ ซึ่งแตกต่างจากการวิธีการไปสู่เป้าหมาย, งาน, หรือแม้แต่เงินเดือน”
“มีบางสิ่งที่ประณีตหรือโรแมนติกกับมัน ฉันเชื่อในสิ่งที่กล่าวมา ฉันคิดว่ามันเป็นสิ่งที่โรแมนติดมากๆเกี่ยวกับชีวิตของคน ที่ตอนนี้เธอจะจำและหวงแหนมัน มันไม่ใช่สิ่งที่ทำเป็นประจำทุกวัน เพราะเป็นงาน แต่มันเป็นขณะที่สวยงาม หรือประณีต หรือโรแมนติก ที่ทำให้ชีวิตของเธอคุ้มค่าแก่การมีชีวิตอยู่”
แปลและเรียบเรียงข้อมูลจาก
Santa J. Ono Education without liberal arts is a threat to humanity, argues UBC president
ไม่มีความเห็น