หลังจากจบโครงการ patho-OTOP2 กลุ่มโครงการประดิษฐ์อุปกรณ์วัดปริมาตรปัสสาวะ 24 ชั่วโมงกำลังคิดการใหญ่ ไม่ใช่ครับ กำลังจะนำโครงการที่ทำไปต่อยอดโดยจะทำเป็นงานวิจัยให้ได้ ตอนนี้กำลังปรึกษาพี่ปนัดดา พี่นุชรัตน์ (ผู้ชำนาญการงานวิจัยของหน่วย) อีกคนครับ อ.ประสิทธ์ อาจารย์ได้ให้คำแนะนำเป้นคนแรก แต่ผมไม่แน่ใจในสิ่งที่อาจารย์บอกเลยต้องไปถามพี่นุชอีกคน พอซักพักพี่นุชกลับมาบอกว่าที่อาจารย์แนะนำมาถูกแล้ว เพราะพี่นุชไปถามพี่ปนัดดาอีกคน ผมเลยไม่รอช้าเข้าไปพูดคุยกับพี่นุชและพี่ปนัดดาว่าจะทำอย่างไรให้เป็นงานวิจัย ผมจะเล่ารายละเอียดนะครับ
ตอนแรก อ.ประสิทธ์ แนะนำให้วัดปัสสาวะ24ชั่วโมงที่นำมาตรวจในหน่วยของเรา(เคมี)วัดปริมาตรเปรียบเทียบวิธีเก่ากับวิธีใหม่และคำนวณค่าที่ได้ผลการทดสอบต่างๆ(creatinine, BUN ,phos,ca, uric acid ,protein)ว่ามีความแตกต่างทางสถิติหรือไม่ ผมมานั่งคิดแล้วว่าถ้าใช้วิธีของอาจารย์ประสิทธ์ต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 1 ปีกว่าจะได้จำนวนตัวอย่างตามต้องการคือต้องมีค่าครอบครุมทั้งหมด(ค่าต่ำ ค่าปกติ และค่าสูง)
ปรึกษาพี่นุชอีกคนครับ พี่นุชมีความคิดเหมือนผมคือวัดปริมาตรเปรียบเทียบเหมือนเดิมแต่ใส่ค่า creatinine, BUN ,phos,ca, uric acid ,protein ลงไปเลยแต่ที่ก็ต้องครอบครุมทั้ง3ค่าที่บอกมาแล้วข้างต้น วิธีนี้จะทำให้ลดเวลาลงไปกว่าครึ่งครับ
ตอนบ่ายๆพี่นุชไม่แน่ใจไปถามพี่ปนัดดา พี่ปนัดดามีความคิดเหมือนอาจารย์ประสิทธ์ พี่ปนัดดาบอกว่างานวิจัยต้องทำกับตัวอย่างจริงๆไม่ใช่ใส่ค่าลงไป สรุปความคิด 2 เสียง ต่อ 1 เสียง(ผมงดออกเสียงครับ) ต้องใช้วิธีของอาจารย์ประสิทธ์ครับ
ตอนนี้กำลังวางแผนอยู่ครับ แล้วจะนำเรื่องราวมาเล่าต่อครับ
หลังจบโครงการ patho -OTOP 2 ว่างงานครับ เลยมานั่งคิดเรื่องงานวิจัย (คนมันไฟแรง)แต่ไม่รู้จะได้กี่น้ำ ตอนชิ้นแรกเกือบตายมาแล้ว ยังไม่เข็ด
ขอบคุณพี่ Mitochondria มากครับ ตอนนี้เสียง 3 ต่อ 2 เสียง ครับ ผมน่าจะลงมือทำได้แล้วใช่มั๊ยครับ
หลังจากนี้คนอื่นๆห้ามมีความเห็นเพิ่มมากกว่านี้นะครับ เดี๋ยวผมก็ต้องหยุดทำอีก ฮิๆๆๆ (พูดเล่นครับ) เสนอมาได้ครับ ผมจะได้ฟังความคิดเห็นจากหลายๆความคิดเห็น ขอบคุณมากๆๆเลยครับ