ครูที่เข้าร่วมโครงการแสดงความคิดเห็นดังนี้
จากการสังเกตนักเรียนที่โรงเรียนส่งเข้าร่วมทั้งสี่คนเด็กนักเรียนเข้ากับเพื่อน ๆ ได้ดี มีความสนุกสนาน เอื้อเฟื้อต่อเพื่อน ๆในกลุ่มและในค่ายเป็นอย่างดี
สมาชิกของโรงเรียนที่ส่งเข้าร่วมโครงการหนึ่งในห้าคนมีปัญหาเรื่องการปรับตัวด้านสังคมและเป็นผู้มีอารมณ์อ่อนไหว ไม่เชื่อมั่น ไม่มั่นใจกับการแสดงออกกับคนแปลกหน้า ตลอดจนขาดทักษะชีวิตไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ตัวเองได้ แต่จากกระบวนการของวิทยากรที่ใช้หลักจิตวิทยามาใช้ในกระบวนการค่าย ให้ความสนใจ ความรัก ความอบอุ่น เข้าใจในพฤติกรรมของเขาทำให้พฤติกรรมของเด็กเปลี่ยนไป มีความเชื่อมั่นในเพื่อน ๆ รอบข้าง ขอชื่นชมในการจัดการเรื่องนี้ดีมาก ๆ “ให้เวลา สบสายตา วาจาสร้างสรรค์ สัมผัสอบอุ่น”
เด็กเกิดความสนุกสนาน และรู้จักเพื่อนใหม่ รู้จักการทำงานเป็นทีมทำให้เกิดความสามัคคีในหมู่คณะ
เด็ก ๆ มีอารมณ์ดีและยิ้มแย้มง่าย
เด็ก ๆ มีอารมณ์แจ่มใส เข้าร่วมกับเพื่อน ๆ ต่างโรงเรียนได้เป็นอย่างดี
มีความเอื้ออาธรและช่วยเหลือซึ่งกันและกันในกลุ่มเด็ก
เด็กได้ประสบการณ์ในการทำงานร่วมกับเพื่อนต่างโรงเรียน ต่างถิ่น มีความรับผิดชอบต่อตนเองและกลุ่ม มีความสุข ความสามัคคี
มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเด็กบ่อยขึ้น เดิมเป็นเด็กไม่ค่อยยิ้ม ไม่พูด แต่เมื่อมาร่วมกิจกรรมตามกระบวนการที่จัดให้เด็ก ๆ มีความสุขและสนุกสนานมากเด็ก ๆมักมารายงานกับครูว่า “พวกหนูสนุกสนานมาก และได้ความรู้ด้วย”
นักเรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นของตนเองเพราะกระบวนการที่จัดได้เปิดโอกาสให้เด็กได้แสดงออกในความคิดเห็นของตนเองอย่างอิสระ
เด็กยอมรับฟังความคิดเห้นของเพื่อนๆ
คิดว่าเด็ก ๆ ที่เข้าร่วมโครงการจะนำประสบการณ์ที่ได้รับไปปรับใช้กับเพื่อน ๆ ในโรงเรียน
เด็กได้เพื่อน ได้ความรัก ความสามัคคี ช่วยเหลือ เสียสละและเป็นคุณประโยชน์ยิ่ง
เด็กอยู่ร่วมกับคนอื่นอยู่มีความสุข
จากแบบสอบถามที่ปรากฏจากการสังเกตการณ์ในค่ายของครูพบว่า เด็กนักเรียนที่เข้าร่วมโครงการมีพัฒนาด้านสังคมและอารมณ์ดีมาก เนื่องจากกระบวนการได้เปิดโอกาสให้เด็กแสดงความคิดอย่างอิสระในขณะที่ยอมรับความคิดเห็นของคนอื่นกระบวนการนี้ทำให้เด็กรักกันมากขึ้น ปรับตัวเข้ากันได้ง่าย มีความสามัคคี เสียสละ เอื้อเฟื้อกับคนอื่นและที่สำคัญ นักเรียนมีรอยยิ้มอันแสดงถึงความสุขในการเข้าค่าย
ไม่มีความเห็น