ช่วงปิดเทอมนี้ กำลังจะต้องมีโอกาสทำหน้าที่ "ครูแนะแนว" จำเป็น ให้กับเยาวชนบนดอย ๒ กลุ่มที่เตรียมจะจบ ป.๖ และ ม.๓ ในปีการศึกษานี้ โดยผู้จัดขอให้ช่วยแบ่งปันและแนะแนวการศึกษาต่อ เพื่อให้เยาวชนเหล่านี้ ซึ่งไม่ค่อยได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตในสังคมใหญ่ได้มองเห็นโลกและอาชีพที่หลากหลายในสังคม เพื่อเปิดมุมมองและสร้างแรงบันดาลใจในการศึกษาต่อ
ได้เคยคุยกับเยาวชนบางคนที่ไม่ค่อยอยากศึกษาต่อ ให้เหตุผลว่า "เห็นรุ่นพี่ๆ เรียนต่อไป จบ ม.๓ หรือ ม.๖ แล้วก็ต้องไปรับจ้างเหมือนๆ กัน เงินก็ได้เท่าๆ กัน ก็ไม่รู้จะเรียนต่อไปทำไม"
บ้างก็ว่า "พวกเราเรียนไป ก็สู้คนอื่นเขาไม่ได้"
แต่ก็มีเด็กรุ่นใหม่บางคน ที่มีกำลังใจและโอกาสทางการศึกษามากขึ้น จึงสามารถสร้างความใฝ่ฝันถึงอาชีพบางอาชีพ ที่เด็กและเยาวชนทั่วๆ ไปฝันได้ แต่ก็ไม่มากนัก
ส่วนใหญ่มักถามว่า "เรียนจบแล้ว ผม/หนู จะทำอะไร"
ก็คงจะวนๆ เวียนๆ อยู่กับปัญหาระบบการศึกษาปัจจุบันที่วิพากษ์วิจารณ์กันอยู่ แต่สำหรับเยาวชนบางคนในกลุ่มนี้อาจต้องแถมท้ายด้วยปัญหาว่า แม้จะได้เรียน แต่ก็อาจจะไม่ได้ทำงานอย่างถูกกฎหมายตามความรู้ที่ได้เล่าเรียนมา
เช่น กรณีของอาอิ http://gotoknow.org/blog/pilgrim/96616
จริงๆ แล้วสนใจโครงการ "มหาวิทยาลัยชีวิต" ของ อ.เสรี พงศ์พิศ แม้เด็กเหล่านี้จะยังไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายตอนนี้ แต่ก็อาจจะในอนาคต
แต่ไม่รู้จะตั้งคำถาม หรือทำให้เด็กคิดในแนวทางนี้ได้อย่างไร? ขณะที่ระบบการศึกษาที่เด็กเรียนรู้อยู่ในปัจจุบัน มุ่งพาเด็กเข้าเมืองและมองไม่เห็นชีวิตในชุมชนท้องถิ่น !!
ตกลงแล้วจะแนะแนวการศึกษาและอาชีพให้เด็กๆ อย่างไรดีคะ ขอช่วยแนะนำด้วยค่ะ ?!
ระบบการศึกษาที่เด็กเรียนรู้อยู่ในปัจจุบัน มุ่งพาเด็กเข้าเมืองและมองไม่เห็นชีวิตในชุมชนท้องถิ่น
วันนี้ผ่านแผงหนังสือพบพาดหัวข่าว
"จบ ป.ตรี เกียรตินิยม รับจ้างล้างส้วม เพื่อเอาตัวรอด"
....สะท้อนใจค่ะ....
สถาบันการศึกษาสอนอะไร....เด็กจบออกมาทำไม่อยู่ในหมู่บ้าน/ชุมชนไม่ได้???
>>การปฏิรูปการศึกษาจะช่วยได้อย่างไร??<<
เมื่อ อ. 18 ก.ย. 2550 @ 09:38 [389342] [ลบ]
ในการแนะแนวการศึกษาและอาชีพ จะเกิดขึ้นพร้อมกับการช่วยให้ผู้เรียนได้รู้จักกับความมุ่งหวัง และความถนัดของตัวเองค่ะ
ความเข้าใจเหล่านี้จะเกิดได้ก็ต่อเมื่อผู้เรียนมีโอกาสได้ทำการค้นหาตัวเอง และความถนัดของตัว ซึ่งทำได้ด้วยการจัดฐานอาชีพให้เขาได้ผ่าน และทำการบันทึกสิ่งที่ทำได้ดี มาบอกเล่าความภาคภูมิในชิ้นงานที่ได้ทำ ครูควรแนะนำให้ผู้เรียนสังเกตตัวเองในขณะทำงานด้วยว่ามีความสุขกับการทำงานในลักษณะใด เพื่อที่เขาจะได้รู้จักตัวเองไปเรื่อยๆ
และโจทย์ของงานที่ให้ก็ควรจะเป็นโจทย์ที่เปิดโอกาสให้ผู้เรียนได้ใส่ความคิดสร้างสรรค์ลงไปด้วย จะได้เห็นกันชัดๆว่าทักษะ และความถนัดของเขาไปได้ดีกับงานในลักษณะใด ยิ่งต่อยอดได้มากก็แปลว่าเขาสนุกที่จะอยู่กับสิ่งนั้น
ถึงตอนนี้ครูก็จะสามารถแนะนำให้เขาศึกษาต่อในแขนงที่เหมาะกับความถนัดได้ไม่ยากค่ะ :)