9 อินเดีย : วัดไทยพุทธคยา
ตามนัดหมายว่าจะไปสวดมนต์ร่วมกันแต่เช้ามืดตีห้า แต่เนื่องด้วยว่าฝนตกเราจึงนั่งติดแง็กอยู่ที่โรงทานข้าว ข้าพเจ้านั่งพิจารณาใคร่ครวญในตนเองหลายเรื่องปรากฏขึ้นในใจเพื่อนำมาซึ่งให้เราปล่อยวาง
มองไปรอบด้านระดับสภาวะทางจิตใจที่เรามีแต่ละเรื่องนั้นแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับประสบการณ์เดิมในเรื่องนั้นๆ ของบุคคลนั้นๆ ว่ามีความละเอียดลึกซึ้งมากน้อยเพียงใด ความละเอียดลึกซึ้งนั้นอาศัยสภาวะทางปัญญาของบุคคลนั้นเกื้อหนุนด้วย
วันนี้ตอนเย็นเราก็จะออกเดินทางมุ่งหน้ากลับไปที่เมืองกัลกาต้าเพื่อขึ้นเครื่องเดินทางกลับประเทศไทย ข้าพเจ้าย้อนกลับมาพิจารณาเรื่องศรัทธาอีกครั้ง คำว่าศรัทธานั้นไม่ได้เป็นเพียงแค่การเปล่งออกทางวาจาอย่างเดียวเท่านั้นหากแต่ต้องมาจากใจ เมื่อไรที่ออกมาจากใจเมื่อนั้นจะแสดงออกทางการกระทำ ซึ่งตรงนี้หายาก ข้าพเจ้าสังเกตว่าต้องอาศัยการภาวนาอันอยู่บนฐานของการมีศีล และที่สุดปัญญาก็จะหนุนนำให้เราแสดงออกได้เองอันเป็นอัตโนมัติ
ทุกๆ ขณะจิต หากว่าเรามีสติเราจะได้พิจารณาใจเราไปได้ แต่หากว่าเรามัวแต่เพลิดเพลินไปตามเรื่องราวที่ปรากฏภายนอกก็ยากที่เราจะมองเห็นเข้าไปในใจเราเราจะมองเห็นแต่ใจภายนอกเท่านั้น นึกๆไปก็ให้รู้สึกแปลกใจในตัวเองเช่นกันว่าที่สุดแล้วก็ได้มาที่นี่ที่สังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งและใช้ชีวิตที่นี่ได้ด้วยความเรียบง่ายจากที่นำเสื้อที่สวมมาทั้งหมดบริจาคให้กับชาวอินเดียก็ทำให้กระเป๋าเราเบาลงและใจเรามีที่ว่างมากขึ้นไม่หนาแน่นเช่นเดิม การทานมื้อเดียวถือเป็นข้อปฏิบัติทำให้ใจนี้น้อมลงได้เร็วขึ้นร่างกายก็ไม่ได้อ่อนเพลียอะไร แต่กลับมีพละกำลังมากขึ้นกว่าเดิมปฏิบัติสมาธิภาวนาได้แน่วๆ กว่าเดิม
วันนี้ข้าพเจ้าจะปรับมาทานข้าวมื้อเช้าแทนมื้อเที่ยงแต่ก็ยังตั้งมั่นที่รับมื้อเดียวเช่นเดิม ก่อนทานข้าวได้มีโอกาสสนทนากับพี่วรรณเป็นเรื่องราวและความรู้สึกที่ดีมากต่อเส้นทางแห่งการเป็นพุทธศาสนิกชนที่ดีและการปฏิบัติรับใช้พุทธศาสนาและพ่อแม่ครูบาอาจารย์อย่างองค์หลวงปู่ประสาร สุมโน ขณะเล่าเรื่องแววตาและใบหน้าที่เปี่ยมสุขของพี่วรรณพลอยทำให้ข้าพเจ้ารู้สึกสดชื่นไปด้วย
หลังทานมื้อเช้าทางคณะเดินทางไปพุทธคยาอีกครั้ง
ครั้งนี้ข้าพเจ้าตั้งใจอย่างมากต่อการไปนั่งปฏิบัติบูชา ต่อองค์พระพุทธเมตตา เป็นสภาวะที่ต่อเนื่องยาวนานความเมื่อยล้าใดใดไม่ได้มีปรากฏ พุทธศาสนิกชนต่างมาสักการะบูชา สวดมนต์ และนั่งภาวนา ในห้วงเวลาหนึ่งมีคนไทยมาคณะใหญ่สวดมนต์กันอย่างพร้อมเพียงมากเสียงดังฟังชัดและมีความเป็นหนึ่งเดียว ขณะนั้นข้าพเจ้านั่งภาวนาลิ้มอรรถรสแห่งความศรัทธาแม้ว่าจะมากบ้างน้อยบ้างก็แตกต่างกันออกไปแต่นำมาซึ่งความปิติในจิตใจยิ่งนัก
หลังจากที่คณะนักแสวงบุญชาวไทยเดินออกไปข้าพเจ้านั่งสวดมนต์อีกรอบ จากนั้นเข้าสู่การปฏิบัติภาวนาไม่ห่างจากข้าพเจ้านักมีชาวอินเดียรูปร่างสูงใหญ่วัยชรากล่าวคำสวดมนต์ไพเราะซาบซึ้งมากจนน้ำตาซึม ท่วงทำนองและจังหวะเปี่ยมด้วยความนอบน้อมและเลื่อมใสศรัทธาในพระพุทธศาสนาจังหวะเนิบช้าและมีพลัง ห่างออกไปอีกนักบวชหญิงชาวจีนสวดมนต์ด้วยสำเนียงและทำนองที่สะท้อนออกมาจากใจแต่ในความรู้สึกของข้าพเจ้าแล้วชายชราชาวอินเดียและเสียงสวดมนต์ของเขาทำให้ข้าพเจ้าซึ้งกับคำว่าพุทธทาโสได้ดีว่าเป็นอย่างไรเพราะความรู้สึกนั้นสะท้อนผ่านออกมาจากเสียงนั่นเอง
ขณะที่นึกถึงอยู่ ณ ตอนนี้ก็รู้สึกซาบซึ้งใจในเสียงสวดมนต์นั้นยิ่งนัก
อาจารย์เสกเพื่อนสมัยเรียน ป.เอกเดินมาตามข้าพเจ้าในเจดีย์พุทธเมตตา เสียดายอย่างมากเลยที่จะได้ฟังเสียงสวดมนต์จนจบ แต่ก็ไม่เป็นไรเดินออกมาได้เจอไกด์ที่สามารถพูดภาษาไทยได้ เขาบอกว่าเขาเป็นเด็กวัดพระไทยสอนให้เขาพูดภาษาไทยการดูแลเทคแคร์ใส่ใจดีพาเราเดินไปซื้อของเข้าร้านนั้นออกร้านนี้ ข้าพเจ้าได้ผ้าขาวมาสามชิ้นถวายให้พระอาจารย์เพื่อฝากโยมยายทั้งสามของท่าน มีเวลาเดินดูของไม่มากนักเพราะต้องรีบกลับเข้าวัดให้ทันถวายอาหารเพลพระ จากนั้นก็จะเดินทางไปบ้านนางสุชาดาแล้วค่อยมาหาซื้อของต่อก่อนเดินทางกลับไปขึ้นรถที่สนามบินกัลกาต้า
หลังมื้อเที่ยง
การเดินทางเริ่มต้นอีกครั้งมุ่งหน้าที่บ้านนางสุชาดา ระหว่างทางนั้นเราต้องผ่านแม่น้ำเนรัญชราที่ดูแห้งขอดอย่างไม่เหลือร่องรอยประวัติศาสตร์อีกเลย ที่บ้านนางสุชาดาสร้างเป็นสถูปค่อมไว้บนบริเวณหรือพื้นที่ที่เชื่อว่าเคยเป็นที่ตั้งบ้านของนาง อากาศวันนี้เริ่มร้อนข้าพเจ้าเพียงลงไปถ่ายภาพแล้วก็กลับขึ้นรถ เราย้อนกลับมาที่พุทธคยาอีกครั้ง
การจับจ่ายซื้อของฝากข้าพเจ้าเริ่มซื้อที่ร้านผ้าแม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ก็มีผ้าให้เลือกเยอะมากข้าพเจ้าชอบแต่ไม่ซื้อเพียงแค่ทำภาระกิจให้กับพระอาจารย์ในการจัดหาของ แต่ก็อดที่จะซื้อสำหรับตัวเองไม่ได้ซึ่งข้าพเจ้าได้สัญลักษณ์แทนพระพุทธองค์เป็นไม้แกะสลักซึ่งอยู่ในรูปปางประสูติ
ตรัสรู้ ปรินิพพาน และซื้อถวายพระอาจารย์เป็นไม้แกะสลักปางแสดงพระปฐมเทศนา
ในการเดินซื้อของครั้งนี้ข้าพเจ้ากับอาจารย์เสกตกลงให้คุณอุทัยนำพา เขาสามารถพูดภาษาไทยได้หากว่าไม่คิดอะไรมากแต่ก็พาเราไปหาสนค้าที่ชอบได้
มาอินเดียอีกโทรหาผม ผมจะไปรับที่สนามบิน นี่คือคำบอกของอุทัย
เรากลับมาที่วัดเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเราออกเร็วกว่าที่กำหนดจากเดิมว่าสามทุ่มแต่เลื่อนเวลาเป็นหกโมงเย็นเพราะคนขับรถเกรงว่าจะเสียเวลาอย่างมาก การเดินทางที่ผ่านมาทำให้แน่ใจมากเลยว่าการเดินทางที่นี่นั้นกะเวลาไม่ได้เลยเร็วอาจเป็นช้า ช้าอาจเป็นเร็ว
เป้าหมายค่ำคืนนี้คือ สนามบินกัลกาต้า
เมื่อดูแผนที่เราเห็นเส้นทางการเดินทางของเราแล้วแค่นี้ไม่มีความลำบากเลย พระพุทธองค์ท่านเดินมาก่อนเราและบอกเราว่า เราก็สามารถเดินทางได้เช่นเดียวกับท่าน แล้วที่สุดก็จะถึงเป้าหมายปลายทางแต่จะเป็นเมื่อไรนั้นก็แตกต่างกันออกไป
...
๒ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๕๔
ไม่มีความเห็น