5 อินเดีย-เนปาล: ลุมพินีวัน


5 อินเดีย: เนปาล-ลุมพินีวัน

ข้าพเจ้าได้เห็นปฏิปทาของหนึ่งในพุทธบริษัทสี่ที่ท่านไม่ได้รักษาโอกาสของท่านต่อมรรควิถีไม่ว่าจะเป็นข้อวัตรปฏิบัติในเรื่องต่างๆ รู้สึกสลดสังเวชใจยิ่งนัก ไม่มีใครทักท้วงใครแนวคิดทฤษฎีทางพุทธศาสนามีมากแต่ไม่สามารถปฏิบัติได้ ณ ที่ใจ

อาหารเช้าวันนี้เริ่มต้นด้วยข้าวต้ม โรตีและแยมแอ้ปเปิ้ล โรตีร้อนๆ รสชาติอร่อยข้าพเจ้าทานไปหนึ่งชิ้น จบสำหรับอาหารมื้อนี้ ใจเรานั้นมักหวาดกลัว กลัวหิวกลัวอด กลัวไม่มีเรี่ยวแรง เมื่อใจเราปราศจากซึ่งความหวาดกลัวก็ไม่ต้องมีเรื่องอะไรต้องห่วงใยอีกแล้ว

เราออกเดินทางหลังทานข้าวเช้ามุ่งหน้าสู่เนปาล เป้าหมายการมาครั้งนี้เพื่อการน้อมกลับมาดูใจตนเองการไปปฏิบัติบูชาในสังเวชนียสถานทั้งสี่แห่งและสถูปต่างๆ ที่มีความเกี่ยวข้องกัน ความปิติที่เกิดต่อบทธรรมต่างๆที่พระพุทธองค์ท่านเมตตามอบไว้ให้กับโลก เพียงแต่ว่าโลกจะเก็บเกี่ยวองค์ความรู้ได้มาน้อยเพียงใด และนำมาใช้กับชีวิตตนเองได้แค่ไหน

เส้นทางที่ออกมาจากกุสินารามุ่งไปสู่เนปาล เส้นทางผ่านทั้งเขตเมืองและเขตชนบท เริ่มมองเห็นคนทำนามากขึ้น เมื่อผ่านเมืองเสียงดังวุ่นวายจะเกิดขึ้นอันเนื่องมาจากเสียงแตรรถ ในรถนั้นคุณยุทธนำแผ่นซีดีมาเปิดให้เราได้ฟังธรรมะเป็นอาหารใจไปด้วยระหว่างทาง

หลับบ้างสลับกับการภาวนาตื่นมาอีกทีมาถึง 960 เป็นสถานที่สำหรับช่วยเหลือผู้ที่เดินทางมาแสวงบุญ ที่นี้มีทั้งวัด ภัตรคารอาหาร สถานพยาบาล และที่พัก การจัดสิ่งแวดล้อมที่นี่ดีเยี่ยมเลยนับตั้งแต่เดินทางมา ต้นไม้เยอะ รสชาติอาหารเป็นรสชาติฝีมือคนไทยวันนี้เป็นตำแตง ไข่ต้ม มะเขือยาวชุบไข่ทอด น้ำพริกกะปิรสชาติดีมากมองไปที่โรงครัวเห็นหญิงสาวชาวอินเดียเข้าใจว่าเธอเป็นคนทำแต่สักพักอาสาสมัครหญิงไทยก็เดินออกมา เธอมาอยู่ที่นี่สามปีแล้ว ข้าพเจ้าได้แต่อนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ กับเธอ ซุ้มกาแฟและโรตีมีเตรียมไว้แต่ข้าพเจ้าไม่ได้ชิม

ภาษาอังกฤษที่นี่ข้าพเจ้าใช้ได้ดี แม้ว่าจะพูดไม่ถูกหลักมากนักแต่สามารถสื่อสารได้อย่างเข้าใจตั้งแต่เด็กตัวน้อยๆ ไปจนถึงวัยชราก็เลยแอบคิดในใจแบบเข้าข้างตัวเองว่าน่าจะมาใช้ชีวิตอยู่ที่อินเดียนี้ได้

เราข้ามมาฝั่งเนปาลประมาณเที่ยงกว่าเกือบบ่ายโมง เสียเวลาที่ด่านนานเกือบสองชั่วโมงคนที่เดินไปเดินมาที่ด่านใบหน้าอ่อนโยนขึ้นไม่หน้าเข้มดุเหมือนชาวอินเดีย อีกทั้งสภาพบ้านเรือนและคุณภาพชีวิตโดยรวมของชาวเนปาลน่าจะดีกว่าชาวอินเดีย

เมื่อถึงเวชนียสถานอันเป็นสถานที่ประสูติของพระพุทธองค์ข้าพเจ้าเลือกที่จะเดินเข้าไปเพื่อน้อมนำปฏิบัติบูชา มีนักแสวงบุญไม่มากนักทำให้ไม่แออัดข้าพเจ้าเดินเข้าไปอธิษฐานจิตเดินจงกลมภาวะนาจากนั้นก็มีการสวดบทพระธรรมจักรกัปปวัฒนสูตรและนั่งสมาธิร่วมกัน การที่คนมาจากต่างที่ต่างวิถีได้มาสวดมนต์ร่วมกันถือว่าเป็นความพยายามอย่างหนึ่งที่จะให้ประสานเป็นหนึ่งเดียวเนื้อเดียวกัน ยากพอสมควรเพราะแต่ละคนก็ต่างมีมานะถืือตัวถือตนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน

...
บทธรรมที่ได้ที่ปรากฏ คือการเกิดนี่เป็นทุกข์ และมันจะทุกข์ไปอีกกี่ภพกี่ชาติ
แล้วเราจะมาเกิดอีกเพื่ออะไร ทำไมผู้คนจึงยังยินดีกับการเกิดนี้อยู่อีก
การได้เกิดมาเป็นที่ว่างให้คนได้ระบายออกซึ่งทุกข์ มันทุกข์ทรมาณยิ่งนัก ลำพังทุกข์ของตนก็มากพอแล้วต้องมาคอยรองรับทุกข์ทางจิตใจของผู้อื่นไปอีกนานแค่ไหน

เกิดเป็นเวทนาแห่งตนเองเกิดขึ้นชีวิตที่ผ่านมาจากความไม่รู้เหตุแห่งการเกิดมาว่ามันเป็นเช่นไรแต่จิตใจนี้คอยแต่ประคองเพื่อให้รู้จักซึ่งความหมายแห่งชีวิตว่าที่ว่าเกิด แก่ เจ็บ ตายนั้นเป็นทุกข์ มันช่างทุกข์จริงๆ ทุกข์ในระดับแห่งความซาบซึ้งใจว่ามันทุกข์เสียจริงหนอแล้วเรามาแบกชีวิต มาแบกทุกข์นี้อยู่ทำไมและจะแบกมันไว้อีกนานแค่ไหน เราจึงไม่ต้องมาแบกมาเป็นภาระกับมันอีกแล้ว

การแบกไว้คล้ายกับเป็นหน้าที่ที่เราต้องรับผิดชอบ แบกก็เป็นเพียงหน้าที่ระวังไว้แต่เพียงว่าอย่าไปแบกมันไว้ที่ใจ สำคัญที่ใจนั้นวางลงแต่หน้าที่ยังต้องรับผิดชอบต่อการแบกรับภาระนี้ไว้อยู่

เมื่อมีสิ่งมากระทบจิตที่ขาดกำลังพายุแห่งโทสะถาโถมเข้ามาไม่ทันได้ตั้งตัว ทำให้นึกถึงพายุลูกใหญ่อันรุนแรงที่กระแทกกระทั้นกระหน่ำเข้าสู่ชีวิตของผู้คน ความที่ตั้งตัวไม่ได้เซซัดไปตามแรงแห่งพายุนั้น มาทุกรูปแบบมาทุกมิติแห่งสภาวะ ข้าพเจ้าได้อ่านในบทธรรมของหลวงตามหาบัวหากว่าเจอสภาวะเช่นนี้สิ่งที่พอเป็นหลักยึดหลักเกาะได้เห็นจะเป็นคำบริกรรม ไหนลองดูกับตัวสักตั้งดู

ระลึกถึงคำพูดของหลวงพ่อที่ว่า เรานั้นเกิดมาเพื่อเป็นผู้เสียสละให้อดทน ข้าพเจ้าพิจารณาใคร่ครวญว่าการเป็นผู้เสียสละนั้นไม่ได้ทำง่ายๆ มันช่างเป็นบทฝึกทางจิตใจอันยิ่งใหญ่มากเหลือเกิน ความอดทนนี้ไม่มีที่สิ้นสุดไม่มีประมาณ นึกบางครั้งก็ให้ความรู้สึกทดท้อแต่หากถามว่ายังดำเนินต่อไหมก็ยังคงดำเนินต่อเฉกเช่นเดิมตราบเท่าที่หมดลมหายใจ เพราะชีวิตคล้ายถูกดันให้ดำเนินไปแบบนี้แม้พยายามต้านทานให้ออกไปอีกแหวกแนวหนึ่งก็ไม่สามารถที่จะทำได้ง่ายนัก

....

วันนี้เราเข้าพักที่วัดลุมพินี

๒๘ มิถุนายน พ.ศ.๒๕๕๔

 

หมายเลขบันทึก: 447196เขียนเมื่อ 4 กรกฎาคม 2011 07:43 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:47 น. ()สัญญาอนุญาต: ครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-อนุญาตแบบเดียวกันจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (0)

ไม่มีความเห็น

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท