มะเร็งปากมดลูก เป็นสาเหตุอันดับ 3
ที่ทำให้ผู้หญิงทั่วโลกเสียชีวิต
แต่สำหรับสตรีไทยนั้น มะเร็งปากมดลูกเป็นภาระโรคอันดับหนึ่ง
(จากโรคมะเร็งทุกชนิด) ที่ทำให้สตรีไทยสูญเสียปีสุขภาวะ
และเสียชีวิตก่อนวัยอันควร (สถาบันมะเร็งแห่งชาติ, 2548)
โดยพบว่ามากกว่า 50% ของผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก
ไม่เคยตรวจเช็คมะเร็งปากมดลูกเลย อย่างน้อย 5 ปี
...
แม้มะเร็งปากมดลูก จะเป็นโรคที่ป้องกันและรักษาให้หายได้
แต่โรคมะเร็งปากมดลูก
ยังคงครองแชมป์อันดับหนึ่งของมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิง
เฉลี่ย 7 คนต่อวัน และพบผู้ป่วยมะเร็งปากมดลูก รายใหม่สูงถึง 6,000
คนต่อปี
โดยครึ่งหนึ่งของผู้ติดเชื้อต้องเสียชีวิต
เนื่องจากผู้ป่วยส่วนใหญ่มักอาย
และกลัวที่จะไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาเชื้อมะเร็ง
ซึ่งกว่าจะรู้ว่าป่วยความรุนแรงของโรคก็อยู่ในระยะลุกลามแล้ว
…
โรคมะเร็งปากมดลูก (Cancer of Cervix)
เกิดจากเชื้อไวรัสตัวหนึ่งที่ชื่อว่า
HPV (Human Papilloma Virus) ภาษาไทยเรียกกันว่า ไวรัสหูด
ไวรัสชนิดนี้ติดต่อจากการสัมผัส
ส่วนใหญ่เป็นการสัมผัสทางเพศสัมพันธ์
ที่ทำให้มีรอยถลอกของผิวหรือเยื่อบุ
เมื่อเชื้อไวรัสจะเข้าไปที่ปากมดลูก
จะทำให้เนื้อเยื่อหรือเซลล์ ในปากมดลูกมีการเปลี่ยนแปลง
จากปากมดลูกปกติกลายเป็นระยะก่อนเป็นมะเร็งปากมดลูก
เชื้อ HPV เป็นเชื้อที่ทนทานต่อความร้อนและความแห้งได้ดี
สามารถเกาะติดตามผิวหนัง อวัยวะเพศ เสื้อผ้า
หรือแม้แต่กระจายอยู่รอบตัวในรูปของละอองฝุ่น
ซึ่งผู้หญิงทุกคนที่เคยมีเพศสัมพันธ์ย่อมเสี่ยงต่อการติดเชื้อ HPV
อย่างไรก็ตาม การติดเชื้อมักหายได้เอง ด้วยภูมิต้านทานของร่างกาย
มีเพียง 10% เท่านั้น ที่การติดเชื้อยังดำเนินต่อไป
จนสร้างความผิดปกติให้กับเยื่อบุปากมดลูก
และทำให้กลายเป็นมะเร็งในเวลาต่อมา
โดยกระบวนการที่เชื้อเชื้อเข้าสู่ร่างกายจนกระทั่งก่อให้เกิด
มะเร็งปากมดลูก ใช้เวลานานประมาณ 10-15 ปี
เรามาดูข้อมูลปี 2552 นะครับ
จากคณะทำงานศึกษาเครื่องชี้วัดภาระโรค
และการบาดเจ็บ (BOD)
เกี่ยวกับค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตจากโรคมะเร็งปากมดลูก
ในพื้นที่ต่างๆ ของประเทศไทย
...
...
ข้อมูลนี้เป็นข้อมูลปี 2552 วิธีการดูแผนที่ ให้ดูตามโทนสี
พื้นที่ที่มี Tone scale เข้มขึ้นมาทางสีฟ้า - น้ำเงิน
นั่นคือพื้นที่ที่มีสถิติการเสียชีวิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
ยิ่งพื้นที่ไหนมีสีฟ้าหรือน้ำเงินเข้มมาก
พื้นที่นั้นยิ่งมีสถิติการเสียชีวิตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมาก
ส่วนในพื้นที่ที่มี Tone scale เข้มขึ้นมาทางสีเหลือส้ม -
เลือดหมู
นั่นคือพื้นที่ที่มีสถิติการเสียชีวิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศ
ยิ่งพื้นที่ไหนมีสีเหลือส้มหรือสีเลือดหมูเข้มมาก
พื้นที่นั้นยิ่งมีสถิติการเสียชีวิตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศมาก
...
SMR หรือ standard mortality ratio คือ
การเปรียบเทียบอัตราตายจากโรคนั้นๆ
ในจังหวัดนั้น คำนวณจาก จำนวนตายที่เป็นจริงของพื้นที่
หารด้วยจำนวนตายที่ควรจะเป็นของพื้นที่
ถ้าพื้นที่นั้นมีการตายมากกว่าที่ควรจะเป็นค่า SMR จะมากกว่า 1
และยิ่งมากกว่า 1 เท่าใด แปลว่ามีการตายมากขึ้นเท่านั้น
ถ้าพื้นที่นั้นมีการตายน้อยกว่าที่ควรจะเป็น
ค่า SMR จะต่ำกว่า 1 และยิ่งต่ำกว่า 1
แสดงว่ายิ่งมีการตายที่ลดลงเพิ่มมากขึ้น
ถ้า SMR < 1: จำนวนตายในพื้นที่ต่ำกว่าประชาชนทั่วไป,
SMR = 1: จำนวนตายในพื้นที่เท่ากับประชาชนทั่วไป,
SMR > 1: จำนวนตายในพื้นที่สูงกว่าประชาชนทั่วไปโดยสรุป
ถ้า SMR อยู่ในโทนสีฟ้า
อัตราตายของคนในจังหวัดนั้นต่ำกว่าประชากรมาตรฐาน
แสดงว่าสถานะสุขภาพของคนในจังหวัดนั้นดีกว่าประชากรโดยรวม
และถ้า SMR อยู่ในโทนสีเหลืองแดง
แสดงว่าสถานะสุขภาพของคนในจังหวัดนั้นแย่กว่าประชากรโดยรวม
...
...
มาดูกันว่า คุณอยู่ในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยงในการเป็นมะเร็งปากมดลูกหรือเปล่า
ปัจจัยเสี่ยง มะเร็งปากมดลูก
- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย
- การมีคู่นอนหลายคน
หรือฝ่ายชายที่เราร่วมหลับนอนมีคู่นอนหลายคน
- การคลอดบุตรจำนวนหลายคน
- การสูบบุหรี่
- การมีภาวะคุ้มกันต่ำ โดยเฉพาะเป็นโรคเอดส์
- พันธุกรรม
- การขาดสารอาหารบางชนิด
ปัจจัยเสี่ยงจากฝ่ายชาย ที่อาจทำให้ผู้หญิงเป็น
มะเร็งปากมดลูก
-
ผู้ชายที่มีประวัติโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
-
ผู้ชายที่มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุน้อย
-
ผู้หญิงที่มีสามีเป็นมะเร็งองคชาติ
-
ผู้หญิงที่มีสามีเคยมีภรรยาเป็น
มะเร็งปากมดลูก
-
ผู้ชายที่มีคู่นอนหลายคน
ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆ
- การติดเชื้อ HPV
หรือการเป็นหูดที่อวัยวะเพศ เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญที่สุด
ของการเกิดมะเร็งปากมดลูก
-
การรับประทานยาคุมกำเนิด ติดต่อกันเป็นเวลานาน
- การติดเชื้อ Chlamydia พบว่าผู้ที่ติดเชื้อ
Chlamydia ซึ่งเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธุ์
จะมีโอกาสเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงขึ้น
-
อาหาร
ผู้หญิงที่รับประทานผักและผลไม้น้อยจะมีโอกาสเป็นมะเร็งสูงกว่าคนที่รับประทานผัก
และผลไม้
- ผู้ที่ได้ยา
Diethylstilbestrol (DES) เพื่อป้องกันแท้ง
...
...
สัญญาณเตือนภัยในการเป็นมะเร็งปากมดลูก
*
ในระยะเริ่มแรกอาจไม่มีอาการเลยหรืออาจมีเลือดออกจาก
ช่องคลอดเวลามีเพศสัมพันธ์
*
ประจำเดือนมาผิดปกติ
* ตกขาวมีกลิ่น ปริมาณมาก
สีผิดปกติ หรืออาจปนเลือด
หากคุณอยู่ในกลุ่มที่มีปัจจัยเสี่ยง หรือ
เริ่มมีสัญญาณเตือนภัยตามข้อมูลดังกล่าว
โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อเข้ารับการตรวจหามะเร็ง
อย่ารอให้ทุกอย่างสายเกินไป
การตรวจมะเร็งแรกเริ่ม
เป้าหมายของการค้นหามะเร็งเริ่มแรกคือ
การค้นหาการเปลี่ยนแปลงของเซลล์
ก่อนที่จะเกิดอาการของโรค
การวินิจฉัยมะเร็งปากมดลูกแรกเริ่มโดยมากมาจาก
การตรวจประจำปี ในการตรวจภายในแพทย์ จะตรวจ มดลูก ช่องคลอด
ท่อรังไข่
รังไข่ หลังจากนั้นแพทย์จะใช้อุปกรณ์ถ่างช่องคลอดเพื่อทำ Pap
smear
ช่วงที่เหมาะสมในการตรวจภายในคือ 10-20 วัน หลังประจำเดือนวันแรก
และก่อนการตรวจ 2 วันไม่ควรสวนล้าง ยาฆ่า sperm หรือยาสอด
ผู้หญิงวัยเจริญพันธ์ตั้งแต่อายุ 18 ปีขึ้นไปควรตรวจภายในเป็นประจำ
ทุกปี
การป้องกันมีต้นทุนน้อยกว่าการรักษานะครับ ดูแลตนเองวันนี้
ป้องกันการเจ็บป่วยในอนาคต
เพราะหากพิจารณาถึงปัจจัยเสี่ยงในการเกิด
มะเร็งปากมดลูกนั้น จะพบว่าปัจจัยเสี่ยงหลายๆ
ข้อนอกจากจะทำให้มีโอกาส
เป็นมะเร็งปากมดลูกแล้ว ก็ยังนำพามาซึ่งภาระโรคต่างๆ มากมาย
เช่น Unsafe Sex
เป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดภาระโรคสูงสุดกับประชากรไทยในปี 2547
และการสูบบุหรี่เป็นปัจจัยอับดับสามที่ทำให้เกิดภาระโรคในปีเดียวกัน
รายละเอียดเพิ่มเติม คลิก
เพียงแค่ท่านดูแลการดำเนินชีวิต ไม่ให้เข้าใกล้ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ
ดูแลตนเองดีดี ท่านก็สามารถมีสุขภาพดีได้
ลดภาระโรคของท่าน ลดภาระโรคประเทศไทย สำหรับบทความหน้า
จะมีข้อมูลเกี่ยวกับ อาการของมะเร็งปากมดลูก การรักษา
และผลข้างเคียงจากการรักษา
เร็วๆ นี้ครับ
ร่วมเป็นเครือข่ายกับเรา FaceBook: BOD
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
http://www.siamhealth.net/public_html/Disease/cancer/cervixcancer.htm
http://hilight.kapook.com/view/37597
http://www.thailabonline.com/sec7cacervix.htm
http://medinfo2.psu.ac.th/cancer/db/news_ca.php?newsID=1&typeID=18
http://www.thaiclinic.com/medbible/cacervix.html
http://www.perfectwomaninstitute.com/human-papilloma-virus-th.php
ไม่มีความเห็น