อาจารย์ยม
อาจารย์ อาจารย์ยม บทบาทนักวิชาการ คือการชี้ทางสว่างให้สังคม นาคสุข

คำตอบ


HR สายพันธ์แท้ Top HR ต่างกับ HRM อย่างไร


อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

คำถามที่ถามมาแสดงว่า ผู้ถามเพิ่งเข้ามาสู่วงการ HR ครับ ยินดีต้อนรับ และขอให้หมั่นศึกษาหาความรู้และทำหน้าที่ให้ดีที่สุด ครับ คำถามที่ถามมา ผมตอบให้ดังนี้

1. HR สายพันธุ์แท้ กับ HRM ต่างกันอยางไร

ก่อนที่จะอธิบายความแตกต่างระหว่างคำสองคำนี้  ผมคิดว่า ต้องทำความเข้าใจกันก่อนว่า HR สายพันธุ์แท้ กับ HRM ในความหมายของผม กับของผู้ถามนั้นตรงกันหรือไม่  ผมจะตอบตามความหมายที่ผมเข้าใจ  ฉะนั้นตำตอบที่ตอบให้นี้ จะไม่ใช่มาตรฐานหรือสูตรสำเร็จตายตัว  ที่จริงเรื่อง HR สายพันธุ์แท้  มีหนังสือของ ศ.ดร.จีระ หงส์ลดารมภ์ เขียนไว้ ละเอียดดีมาก ผมแนะนำให้หาอ่าน จะเข้าใจมากขึ้น

 

คำว่า HR สายพันธ์แท้ ในความหมายของผม หมายถึง บุคคลที่ มีจิตวิญญาณ มุ่งมั่นทำงานเพื่อการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยชี้ให้เห็นถึงคุณภาพของทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา ถึงเชิงตะกอน  และเน้นชี้แนะ ผลักดันการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ที่แก่นแท้ของ คน คือ ทุนมนุษย์ (ปัญญา) เป็นผู้ทำจริง ปฏิบัติจริงเป็นรูปธรรม และสร้างรุ่น ต่อรุ่นให้สานต่ออุดมการณ์ ถึงแม้ตนเองจากโลกนี้ไปก็มีคนสานต่อเจตนารมณ์  เป็นผู้มีจิตใจกว้าง โอบอ้อมอารี มีเมตตา มีความรู้ มีคุณธรรม มีความมุ่งมั่นปรารถนาให้คนรอบข้างพบกับแสงสว่างแห่งธรรมเข้าถึง ศีล สมาธิ สติ ปัญญา   

HR สายพันธุ์แท้ในเมืองไทย ที่ผมยกย่องและให้ความเคารพมาก เช่น ศ.ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์  ท่านได้เขียนบทความ คุณภาพชีวิต ปฏิทินแห่งความหวัง จากครรภ์มารดา ถึงเชิงตะกอน (ท่านสามารถเข้าไปดูรายละเอียดของบทความได้ที่ http://www.geocities.com/siamintellect/poems/first-end.htm ) เห็นได้ชัดว่า ศ.ดร.ป๋วยอึ้งภากรณ์ ท่านได้ท่านทำเรื่อง ทรัพยากรมนุษย์มานาน และให้ชี้แนะชาวโลกให้เห็นว่า ทรัพยากรมนุษย์จะมีคุณภาพได้ ต้องเริ่มบริหารตั้งแต่ อยู่ในครรภ์มารดา เรื่อยมา และชี้ให้เห็นว่า รัฐฯควรต้องมีมาตรการบริหารพัฒนาคุณภาพทรัพยากรมนุษย์ อย่างเป็นระบบ ต่อเนื่อง

 

 

 อาจารย์ป๋วย อึ้งภากรณ์ 

คำว่า HRM ในที่นี้ ผมอธิบายได้สองความหมาย คือ

หนึ่ง หมายถึง การบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ (Human Resource Management: HRM) เป็นกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ ตั้งแต่การวางแผนอัตรากำลังคน การสรรหาคัดเลือก การฝึกอบรมพัฒนา การแรงงานสัมพันธ์ การประเมินผลการปฏิบัติงาน การพ้นสภาพการเป็นสมาชิกในองค์การ เป็นต้น

สอง หมายถึง ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรมุนษย์ (Human Resource Manager) คือผู้นำของฝ่ายทรัพยากรมนุษย์ ทำหน้าที่บริหารงาน กระบวนการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ให้สำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้

จากความหมายข้างต้น จะเห็นความแตกต่างเด่นชัด ตรงที่ HR สายพันธุ์แท้ นั้นเป็นปูชณียบุคคล เป็นปราชญ์ ทางด้านทรัพยากรมนุษย์   โดยให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตของทรัพยากรมนุษย์ตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนกระทั่งตายจากโลกนี้ไป ซึ่งเป็นการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ยั่งยืนกว่า  HRM มักเน้นบริหารที่ปลายน้ำคือ บริหารคนเมื่อคนเข้ามาอยู่ในองค์การแล้ว  และมีเป้าหมายการบริหารจัดการเพื่อสนับสนุนเป้าหมายขององค์การ 

 

 

2. Top HR กับ HRM ต่างกันอย่างไร ครับ

คำถามนี้ก็เช่นกัน  Top HR ในความหมายของผม  คือ คนที่มีความรู้ มีความเข้าใจ มีทักษะ ประสบการณ์ ในการบริหาร คน มีความเชื่อว่า คน คือทรัพยากรที่สำคัญที่สุดในองค์การ  ทำหน้าที่บริหารและพัฒนาคน จนเป็นที่ยอมรับของบุคลากรในองค์การ คือเก่งในบ้าน ในองค์การ เป็นข้อสังเกตว่า คนพวกนี้ ตอนเข้าไปในองค์การใหม่ๆ คนจะไม่ค่อยรู้จัก เพราะด้วยความเรียบง่าย อัตตาต่ำ แต่เมื่อเวลาผ่านไปกลับมีผลงานประจักษ์ เกิดการบริหารการพัฒนาระบบและคนในองค์การ จนเป็นที่รักและเคารพของคนในองค์การทุกฝ่าย ทุกระดับ  ความดีดังกล่าวแผ่ขยายไปทั่งองค์การ ไปถึงนอกองค์การ

จากผลการวิจัยในหนังสือ good to great องค์การที่ประสบความสำเร็จและยั่งยืน จะมีคนเหล่านี้อยู่ในองค์การ  และ  เขาพวกนี้มีอัตตาต่ำ จึงมักจะไม่ปรากฏตัว และ ไม่แสวงหารางวัลใด ๆ และจะแสวงหาปัญหาในองค์การแล้วช่วยขจัดปัญหา ผลักดันให้ทุกหน่วยงานประสบความสำเร็จอย่างยั่งยืน เขาจึงได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างหรือสังคมว่า เป็นผู้มีความรอบรู้ มีคุณธรรม และเขาเป็นคนเก่งคนดีที่อาจเรียกได้ว่า เขาคือ TOP HR หรือ HR Champion นี่เป็นความหมายเฉพาะของผม  ที่นำกรอบแนวคิด มาจากผลการวิจัยในหนังสือ good to great ครับ  ทั้งนี้ อาจจะมีผู้ที่ให้ความหมายที่แตกต่างกันไป ย่อมเป็นสิทธิเสรีภาพของแต่ละท่าน

ส่วนคำว่า HRM ผมได้อธิบายไปแล้วในข้อที่หนึ่ง  ครับ 

 

 

3. ขอคำแนะนำจากอาจารย์ สำหรับผมเพิ่งเข้ามาเป็น HRM ได้ 6 เดือน ครับ จะเป็น HRM ทำอย่างไร

ครับ  สำหรับท่านที่เพิ่งเข้ามาเป็น HR MANAGER ผมมีข้อแนะนำ ดังนี้

  1. ท่านต้องมีความเชื่อว่า ทรัพยากรมนุษย์ คือทรัพยากรที่มีคุณค่ามากที่สุดในองค์การ
  2. ท่านต้องกล้าท้าทายที่จะพัฒนาระบบ และคนในองค์การไปสู่มาตรฐานให้ได้
  3. ท่านต้องมีท่าทีที่ดีต่อผู้คน เพื่อนร่วมงาน และบริหารงานแบบให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วม
  4. ท่านต้องมีความเที่ยงธรรม ยุติธรรม รอบรู้กฎหมาย กฎระเบียบ มีความเป็นธรรม
  5. ท่านต้องมีความอดทน  การทำงานเกี่ยวกับคน ต้องทน อดทนสูง เป็นสิ่งสำคัญ
  6. ท่านต้องมีการทบทวน กิจการงาน ปัญหา ผลงานตามเป้าหมาย และทำให้ดีกว่าวันที่ผ่านมา
  7. ท่านต้องทำ ทำหน้าที่ อย่างจริงจัง ทำอย่างชาญฉลาด สมเป็นผู้รอบรู้ ในสาขาวิชานี้ ให้มากกว่าใครๆ

วิสัยทัศน์โรงแรม

tammy

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ผมต้องขออภัยผู้ถาม ที่ตอบคำถามนี้ช้าไปหลายวัน

ผู้ถาม ฟันธงเลย  คือ ให้ช่วยเขียนวิสัยทัศน์โรงแรมให้  ระบุว่าเป็นรีสอร์ทอยู่เกาะสมุย ครับ  น่าสนใจมาก แต่ไม่ได้บอกว่า ชื่อรีสอร์ทอะไร ปัจจัยภายในเป็นอย่างไร มีอายุองค์การ เท่าไหร่ คือไม่มีข้อมูลอะไรให้ผมวิเคราะห์เลย

การเขียนบันทึก แนะนำสิ่งสำคัญหรือบันทึกต่าง ๆ ของผม โดยหลักการ ผมใช้ความรู้ในการเขียน 50% ไม่ได้ปล่อยออกกมาหมด เพราะมีเคยมีนักศึกษาที่ต้องการทำรายงาน บางท่านมักจะเอาง่าย  ๆ เร็ว ๆ ก็แกล้งถามมา พอได้คำตอบก็คือ copy ไปส่งรายงาน ก็เป็นสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งโดยระบบ ไม่สามารถป้องกันได้  ผมจึงไม่ปล่อยภูมิออกมาหมด ต้องเก็บไว้อีก 50 %  และอาจจะไม่ตอบทันที ก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ ที่ต้องทำเช่นนี้ 

การกำหนดวิสัยทัศน์ เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์ ซึ่งจะต้องทำการวิเคราะห์ SWOT Analysis วิเคราะห์ปัจจัยภายนอก ปัจจัยภายในองค์การ  จุดอ่อน จุดแข็ง  นโยบายของผู้บริหารระดับสูง  สภาพปัญหาอดีต ปัจจุบัน และคาดว่าจะพบในอนาคต  ปัจจัยภายในต้องวิเคราะห์กันละเอียด ตั้งแต่วัฒนธรรมองค์การ โครงสร้าง ระบบการทำงาน บุคลากร  คู่แข่งขันทางธุรกิจ ลูกค้า ปัจจุบันและอนาคตและอีกมากครับที่จะต้องทำการศึกษาเพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์  แล้วจึงจะกำหนดวิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ เป้าหมายและกลยุทธ์ ว่าจะใช้กลยุทธ์ในการบริหารธุรกิจแบบใด  Customer focus, Differentiation, Cost Leadership แบบใดแบบหนึ่ง หรือจะผสมผสานบูรณาการณ์เข้าด้วยกัน

และที่สำคัญ การจะกำหนดวิสัยทัศน์ ควรให้บุคลากรในองค์การมีส่วนร่วมคิด ร่วมบริหารจัดการ  และให้ทุกหน่วยงานมีพันธกิจ เป้าหมายย่อย เพื่อสนับสนุนวิสัยทัศน์ใหญ่ขององค์การ   ตรงนี้สำคัญมาก ๆ

การเขียนวิสัยทัศน์  หากมีความรู้เกี่ยวกับการการจัดการเชิงกลยุทธ์อย่างลึกซึ้ง ก็ไม่ยากหรอกครับ ผมจะเขียนให้เดี๋ยวนี้ก็ได้  แต่ไม่รับประกันว่าจะเหมาะกับองค์การของท่านหรือไม่  เพราะผมไม่มีข้อมูล ใด ๆ ประกอบ การจะนำวิสัยทัศน์ไปทำให้สำเร็จนั้น เป็นเรื่องสำคัญ สำคัญอย่างมาก เป็นเรื่องท้าทาย และที่สำคัญก็คือต้องอาศัยความร่วมมือของทุกฝ่าย ต้องปรับองค์การให้เป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ มีการจัดการความรู้ บรรยากาศในการทำงานต้องเอื้อให้ทำด้วยครับ

ฉะนั้น ดีที่สุด คือ การหา และการให้ความรู้ การจัดการเชิงกลยุทธ์แก่บุคลากรภายในองค์การ และองค์ความรู้เกี่ยวกับการจัดการสมัยใหม่ ภาวะผู้นำแล้วให้คนในองค์การ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ ครับ   อาจจะศึกษาจากองค์การที่ประสบความสำเร็จแล้ว ว่าเขาเขียนกันอย่างไร ทำกันอย่างไร ประกอบด้วย

บริษัทผู้ผลิตรถยนต์รายหนึ่ง เคยมองการณ์ไกล ว่าต้องการเป็นผู้ผลิตรถยนต์รายใหญที่สุดของโลก  เขาก็กำหนดภารกิจสำคัญ ๆ เพื่อสนับสนุน สิ่งที่เขาต้องการในอนาคตหรือวิสัยทัศน์  และมีเป้าหมายที่ชัด วัดได้ และมีเจ้าภาพดูแลที่มีคุณภาพ  การกำหนดวิสัยทัศน์ การบริหารวิสัยทัศน์ จึงเป็นเรื่องสำคัญ ครับ 

รีสอร์ทที่เกาะสมุย ถ้าผมบริหาร จัดการ คือเปิดใหม่เลยน๊ะ  ผมจะกำหนดวิสัยทัศน์ว่าเป็นรีสอร์ท ที่ดีที่สุดในประเทศไทย

และเพื่อให้บรรลุสิ่งที่ผมต้องการ ผมจะมีภารกิจสำคัญ ๆ คือ

  1. มุ่งมั่นพัฒนามาตรฐานการบริการและสร้างความพึงพอใจของลูกค้า
  2. มุ่งมั่นพัฒนาผลประกอบการและ
  3. มุ่งมั่นพัฒนา "ทุนมนุษย์" ในองค์การ

ปัจจัยแห่งความสำเร็จ            ตัวชี้วัดความสำเร็จ

  1. ลูกค้า                          1. ความพึงพอใจของลูกค้า
  2. ผลประกอบการ              2. ผลประกอบการขององค์การ
  3. ทุนมนุษย์                     3. ทุนมนุษย์ของบุคลากรในองค์การ

 

เพื่อให้บรรลุเป้าหมาย ดังกล่าว ผมจะกำหนดนโยบายคุณภาพการบริการไว้ว่า "คุณภาพคือแก่นแท้ของกิจการ ซึ่งคำนึงถึงลูกค้า และพนักงานเป็นสำคัญ"   

และผมจะให้ความสำคัญกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ เชิงกลยุทธ์ และเน้นให้ทุกหน่วยงานมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการครับ เน้นคุณภาพคน คุณภาพกระบวนการทำงาน คุณภาพองค์การ และคุณภาพการบริการ 

นี่ผมตอบเกินที่ถามแล้ว  ถ้าจะทำกันจริง ๆ คงคุยกันยาวครับ  ด้วยเวลาจำกัด ผมตอบเพียงเท่านี้ก่อนครับ  ขออภัยด้วยที่ตอบมาช้า  แต่ชัวร์ ไม่มั่วนิ่มครับ  ขอให้ท่านผู้อ่านทุกท่านโชคดี สวัสดีครับ

หลักสูตร MINI HR

ตุ้ม

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

แนะนำให้ติดตามได้ที่ สถาบันทรัพยากรมนุย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์  หรือ ที่สถาบันทรัพยากรมนุษย์ ที่นิด้า ก็มีครับ

ลำดับชั้นตำแหน่งของพนักงาน

รดา

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีคุณที่ขอคำแนะนำมา และท่านผู้อ่านทุกท่าน

ก่อนอื่น ควรทำความเข้าใจคำว่า "CEO" ก่อนน๊ะครับ CEO คือ Chief Executive Officer  CEO เป็นรูปแบบ ( FORM) เป็น Style เป็นบทบาท (ROLE) เป็นสถานะภาพ (STATUS) ของผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคเอกชน ที่เป็นศูนย์กลางการบริหารงานทั้งหลายทั้งปวง ทั้งเป็นความหวัง (ASPIRATION) ขององค์การ

การเป็น CEO ได้ต้องมีปัจจัยส่งเสริมทั้งภายนอกและภายใน  

ปัจจัยส่งเสริมภายใน เป็นพลังภายในในตัวของผู้ว่า CEO เอง พลังภายในนี้ได้แก่

  1. ทุนทางความรู้และปัญญา (KNOWLEDGE AND WISDOM CAPITAL )
  2. ทุนทางความสามารถ (COMPETENCY CAPITAL)
  3. ทุนทางคุณธรรม (MORALITY CAPITAL)
  4. ทุนทางความเป็นผู้นำ (LEADERSHIP CAPITAL)

CEO ต้องเป็นผู้ที่มีทุนทางศักยภาพ/ความสามารถ ได้แก่

  1. ขีดความสามารถ C คือ CO-OPERATION  CEO จะต้องมีความสามารถในการสร้าง CO-OPERATION คือความร่วมมือภายในหน่วยงาน ภายในองค์กร การสร้าง TEAM WORK เป็นทางหนึ่งที่ จะสร้าง CO-OPERATION
  2. ขีดความสามารถ E คือ EFFICIENCY หรือประสิทธิภาพการทำงาน อันนี้เป็นหัวใจ เป็นจุดสำคัญของการบริหารงาน ให้มีประสิทธิภาพการโดยเน้นที่ 3 P ได้แก่  RODUCTIVITY ได้แก่การเพิ่มผลผลิตและการลดต้นทุน, PROFIT ได้แก่การทำกำไร ยิ่งทำได้มากเท่าไหร่ยิ่งดี, PROSPERITY ได้แก่ ความมั่งคั่ง ร่ำรวย
  3. ขีดความสามารถ O คือ ORDERLY ผู้ว่า CEO ต้องสามารถออกคำสั่ง (ORDER) แก่หน่วยงานหรือองค์กรต่าง ๆ ในบังคับบัญชา และในการดูแลได้ คือสั่งอะไรไปเขาต้องเชื่อฟัง และปฏิบัติตาม 

 

  • ORDERAL คือการจัดความเป็นระเบียบเรียบร้อย CEO ต้องสามารถสั่งให้จัดความเป็นระเบียบเรียบร้อยขององค์การ ของหน่วยงาน ให้พ้นจากหายนะต่าง ๆ เช่น ผลประกอบการตกต่ำ ลูกค้าร้องเรียน ความไร้ประสิทธิภาพ ประสิทธิผลขององค์การ ฯ เป็นต้น

 CEO ในองค์การ จึงมักจะเป็นผู้นำสูงสุดในองค์การ  ในบริษัท มหาชน มักจะมี CEO เป็นประธานคณะกรรมการบริหาร  และ ผู้อำนวยการฝ่ายต่าง ๆ คอยรับมติที่ประชุม นโยบาย จากคณะกรรมการบริหารมากำหนดกลยุทธ์ในการจัดการร่วมกับผู้จัดการแผนกต่าง ๆ ให้สำเร็จตามเป้าหมาย ภายใต้เงื่อนไข ทรัพยากรการบริหารที่จำกัดและภายในระยะเวลาที่กำหนด ครับ

สรุปโดยย่อ ว่า

  1. CEO ถือว่าเป็นผู้นำระดับสูงสุดขององค์การ
  2. CEO เป็นประธานคณะผู้นำระดับสูง คือคณะกรรมการบริหาร (ขึ้นอยู่กับขนาดและระบบการจัดโครงสร้างขององค์การ)
  3. จากประธานคณะกรรมการบริหาร จะเป็นผู้อำนวยการฝ่าย
  4. ผู้อำนวยการฝ่าย จะดูแล ผู้จัดการแผนก/หน่วย(ผู้นำระดับกลาง)
  5. ผู้จัดการแผนก/หน่วย จะดูแล หัวหน้าหน่วย/แผนก(ผู้นำระดับล่าง)
  6. องค์การเล็ก ๆ  CEO อาจเป็น MD. / MD อาจต้องทำหน้าที่เป็น CEO ตามบทบาทที่ผมเขียนไว้ข้างต้นครับ

ที่ผมกล่าวมาข้างต้น ใช้แนวคิดที่เคยมีประสบการณ์มาในองค์การ บริษัท มหาชน และบริษัทข้ามชาติขนาดเล็ก   และการจัดระดับตำแหน่ง ถ้าจะพูดถึงองค์การในศตวรรษที่ 21 เป็นยุคแห่ง คนดีมีปัญญา นำพาองค์การอยู่รอดได้ Human Capital Management base Economy คือ องค์การที่จะประสบความสำเร็จได้ในอนาคต มักจะเป็นองค์การที่มีการบริหารจัดการทุนมนุษย์ได้เป็นอย่างดี จะเป็นองค์การที่เล็ก ยืดหยุ่น เน้นผลสัมฤทธิ์เป็นหลัก เน้นทีมงาน เน้นทุนมนุษย์มากกว่า ไม่ค่อยเน้นตำแหน่ง เหมือนระบบราชการครับ  ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ธุรกิจ และสภาพแวดล้อมทางการบริหาร อีกด้วย 

ผมขอเขียนแนะนำเพียงเท่านี้ก่อน หวังว่าจะเป็นประโยชน์ ต่อท่านผู้สนใจ

สวัสดี

ถามกฎข้อบังคับแรงงานเพิ่มเติม

สุรีรัตน์

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ต้องขออภัยด้วยที่ เข้ามาตอบช้า ครับ เนื่องจาก ติดงานจริง ๆ

เกี่ยวกับการจ้างงานคนพิการ ผมแนะนำให้ศึกษาทำความเข้าใจจากเว็บดังนี้

ปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติ | National ...

7) กฎกระทรวงกำหนดสัดส่วนการจ้างงานคนพิการของสถานประกอบการเอกชน พ.ศ. ... 7.4 กฎหมายใหม่ตามยุทธศาสตร์สังคมที่กำลังเตรียมเสนอครม. รอบที่ 1 (7ฉบับ) 1) พ.ร.บ. ...
www.humantrafficking.go.th/news/news_detail.php?news_id=237 - 37k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

คู่มือการจ้างงานคนพิการสำหรับสถานประกอบการ. - 18:52

รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTML
คู่มือการจ้างงานคนพิการสำหรับสถานประกอบการ. (Tuesday, 13 November 2007) - - แก้ไขล่าสุดเมื่อ (). (2546). ...
cmusped.edu.cmu.ac.th/index2.php?option=com_content&do_pdf=1&id=584 - หน้าที่คล้ายกัน

การศึกษาพิเศษ คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่

คู่มือการจ้างงานคนพิการสำหรับสถานประกอบการ. ... จ้างงานคนพิการไม่ยากอย่างที่คิด : คู่มือการจ้างงานคนพิการสำหรับสถานประกอบการ. ...
cmusped.edu.cmu.ac.th/index.php?option=com_content&task=blogsection&id=21&Itemid=0&limit=... - 21k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก cmusped.edu.cmu.ac.th »

งานคนพิการ

จ้างงานคนพิการไม่ยากอย่างที่คิด : คู่มือการจ้างงานคนพิการสำหรับสถานประกอบการ. กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์. ...
webindex.mjob.in.th/search.php?keyword=%A7%D2%B9%A4%B9%BE%D4%A1%D2%C3 - 65k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

 

นิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย :: www.ieat.go.th

ขอเชิญชวนประกวดสถานประกอบการดีเด่นด้านการจ้างงานคนพิการและองคืกรดีเด่นที่ให้ ... เพื่อแนะนำโอกาสและช่องทางสำหรับนักลงทุนและผู้ประกอบการในพื้นที่ภาคเหนือตอน ...
www.ieat.go.th/index_thtest.php?lang=th&lang=th&CLmIEAT2=4 - 49k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

กฎหมายที่ไม่สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญ : ประเด็นสิทธิของคนพิการ

... เรียกร้องให้มีการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับสถานประกอบการที่จ้างแรงงานพิการ โดยเสนอให้หน่วยงานของรัฐปฏิบัติระบบสัดส่วนการจ้างงานคนพิการเช่นเดียวกับภาคเอกชน ...
www.ryt9.com/news/2004-03-26/13413588/ - 59k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

[DOC]

เริ่มต้นกับคนพิการ เพื่อสิทธิและโอกาส

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
แม้ว่ารัฐบาลจะประกาศใช้พระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการ พ.ศ. ... ประกอบการที่เข้าข่ายต้องปฏิบัติตามกฎกระทรวงเรื่องการจ้างงานคนพิการที่ ออกตามความใน พ. ...
www.braille-cet.in.th/.../document/view-document.php?library_id=2728&lang=en&pid=2721&title= - หน้าที่คล้ายกัน

ความคิดเห็นของผู้บริหารสถานประกอบการในกรุงเทพมหานคร เกี่ยวกับการ ...

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
ผลการวิจัยพบว่าคิดเห็นของผู้บริหารสถานประกอบการที่มีต่อการจ้างงานคนพิการ พบว่า ... การมีประสบการณ์เกี่ยวข้องกับคนพิการ, และกฎหมายการจ้างงานคนพิการ ...
www.rs.mahidol.ac.th/thai/file/pre_name2/2548/Sorya.doc - หน้าที่คล้ายกัน

กระทรวงแรงงาน :: Ministry of Labour

ปลัดแรงงานส่งเสริมการจ้างงานคนพิการ. กระทรวงแรงงานให้ความสำคัญกับคนพิการ ... แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาก็มีกฎหมายคือพระราชบัญญัติการฟื้นฟูสมรรถภาพคนพิการได้ ...
www.mol.go.th/info_feb2307.html - 78k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

ส่วนเรื่อง การอบรม  ที่ถามมา แนะนำให้เข้าไปศึกษาข้อมูลจากเว็บดังนี้ ครับ

 

รายละเอียด

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
ศึกษาผลกระทบที่เกิดจากการบังคับใช้กฎหมายใหม่..... และยอมรับทักษะของคน. ส่งเสริมพัฒนาบุคลากรในสถานประกอบการทุกๆ ด้าน ทั้งความรู้ความสามารถ สุขภาพ ...
intranet2.off.fti.or.th/up-download/iso/QM-GN-001.doc - หน้าที่คล้ายกัน
XLS]

ข้อเสนอ รง

รูปแบบไฟล์: Microsoft Excel - แสดงเป็นแบบ HTML
กระทรวงแรงงานร่วมกับสถานประกอบกิจการจัดทำหลักสูตรการพัฒนาฝีมือแรงงานเน้นการปฏิบัติ 70 - 80 ..... ศ.2545 สามารถลดหย่อนค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมได้ 200% ...
www.dsd.go.th/index.php?option=com_docman&Itemid=&task=doc_download&gid=27 -
หน้าที่คล้ายกัน
หากถามว่า “จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องจัดฝึกอบรมฝีมือแรงงานลูกจ้างในสถานประกอบการ” เชื่อว่าทุกคนคงจะตอบเหมือนกันว่า “มีความจำเป็นมาก” แต่ถ้าถามต่อไปว่า ...
www.dharmniti.co.th/Varity/View.php?ID=58&Id=58&page= - 51k -
หน้าที่คล้ายกัน

[

การจัดอบรมลูกจ้างในสถานประกอบการ มีความจำเป็นแค่ไหน?

หากถามว่า “จำเป็นแค่ไหนที่จะต้องจัดฝึกอบรมฝีมือแรงงานลูกจ้างในสถานประกอบการ” เชื่อว่าทุกคนคงจะตอบเหมือนกันว่า “มีความจำเป็นมาก” แต่ถ้าถามต่อไปว่า ...
www.dharmniti.co.th/Varity/View.php?ID=58&Id=58&page= - 51k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

ขั้นตอนการนำ HR TOOL เช่น bsc,competency,kpi มาใช้ในงาน HR

sureerat

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกท่าน และคุณสุรีรัตน์

ขอบใจ ที่ให้ความสนใจถามมา 
ที่ถามมาว่า การนำ HR TOOL เช่น bsc,competency,kpi มาใช้ในงานHR องค์กรที่ยังไม่มีระบบต้องจัดการอย่างไรบ้างเพื่อให้สำเร็จผลอย่างมีประสิทธิภาพ?

ในสถานะการณ์ โลกไร้พรมแดน  โลกแห่งการเปลี่ยนแปลง  โลกของการแข่งขัน อย่างรุนแรงในขณะนี้ องค์กรใดที่ยังไม่เป็นระบบ ไม่ใส่ใจในการพัฒนาคน และยังไม่มีการจัดการสมัยใหม่ ไม่มีการใช้เครื่องมือการบริหารจัดการที่ทันสมัย เห็นการพัฒนาคนเป็นเรื่องสิ้นเปลือง อาจกล่าวได้ว่า เป็นองค์กรที่ไม่ทันสมัย(ล้าสมัย) เป็นองค์กรเสียเปรียบในการแข่งขัน ซึ่งมีลักษณะตรงกันข้ามกับองค์กรที่มีสมรรถนะ (องค์กรที่เป็นเลิศ และได้รับการยอมรับ) องค์กรที่สร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน

ผมเขียนไว้ในงานวิจัยของผมว่า,สมรรถนะองค์กร หมายถึง ทุนทางองค์กร กล่าวคือ องค์กรที่จะสามารถโต้กับคลื่นแห่งการแข่งขันทางธุรกิจได้ นั้น จะต้องเป็นองค์กรที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

  1. องค์กรมีผู้นำที่มีภาวะผู้นำสูง มีวิสัยทัศน์
  2. องค์กรมีการาบริหารจัดการอย่างเป็นระบบ
  3. องค์กรให้ความสำคัญกับการพัฒนาความรู้ และปัญญาของทรัพยากรมนุษย์ คือไม่อ้างว่า แพง ไม่อ้างว่าไม่มีเวลาพัฒนาคน
  4. มีหลักธรรมาภิบาล
  5. มีการบริหารความเสี่ยง 
  6. มีเครื่องมือทางการบริหารจัดการที่ทันสมัย นำมาใช้
  7. ทำให้องค์กรดำเนินไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ
  8. มีระบบและกระบวนการทำงานที่ดี
  9. มีพนักงานที่มีเป้าหมายเดียวกัน คือความสำเร็จสูงสุดขององค์กร
  10. พนักงานทำงานเป็นทีม (Collective Teamwork)
  11. พนักงานมีสมองดี ทำงานเก่ง (Talent Management)
  12. เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) พนักงานตระหนักเกี่ยวกับคุณภาพ และตื่นอยู่รู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลงและการแข่งขัน
  13. มีการขยายความรู้ที่ทันสมัย นำความรู้ไปใช้ในการทำงานให้เร็วที่สุด ทั่วทุกคนในองค์กร คือมีการบริหารความรู้ (Knowledge Management)
  14. มีการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์  มุ่งผลสัมฤทธิ์
  15. มีประสิทธิภาพการทำงาน (Working Effectiveness) 
  16. มีการพัฒนาอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง
  17. ส่งเสริมคุณค่าทางจริยธรรม (Value of Ethic)
  18. มีตลาดเฉพาะกลุ่ม ตลาดระดับสูง (Nigh Market) พนักงานมีความสุข ความปลอดภัย มีความมั่นคงในการทำงาน
  19. พนักงานมีทัศนคติ ที่ดีต่อองค์กร ทำให้สามารถผลิตสินค้าและบริการที่มีคุณภาพระดับโลก
  20. สามารถสร้าง รักษาและพัฒนาความพึงพอใจ ของลูกค้าได้อย่างต่อเนื่อง
  21. ทำให้องค์กรมีความเจริญเติบโต มีผลประกอบการดี

กล่าวโดยภาพรวม องค์กรที่จะสามารถยืนหยัดอยู่ได้ในดลกของการแข่งขัน เป็นองค์การ Best Practices Company นั้น เป็นองงค์กรที่มีบุคลากรที่มีคุณค่า มีความรู้ความสามารถ มีสมรรถนะสูง มีการสื่อสารที่ทันสมัย สะดวก รวดเร็ว องค์กรได้รับความพึงพอใจจากลูกค้าอย่างต่อเนื่อง เป็นที่รวบรวมข้อมูล แหล่งสะสม ข้อมูล เป็นแหล่งที่ขยายความรู้อย่างทั่วถึง มีวัฒนธรรมองค์กรที่เข้มแข็ง (Value perspective) องค์กรมีลักษณะเป็น Dynamic สามารถปรับขนาดได้เหมาะสม มีความคล่องตัวสูง เป็นองค์กรพลวัตร ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มีคามไวในการเปลี่ยนแปลง เทคโนโลยีสารสนเทศ มีบุคคลที่มีความสามารถสูง เป็นพวก Knowledge Worker มีระบบเป็นแนวราบ มีการบริหารองค์กรแบบ Wireless คือ การจัดองค์กรแบบอมีบา (Ameba Organization) เป็นองค์กรที่ปรับตัวได้ เคลื่อนไหวได้เร็ว มีอิสระ อยู่ได้ทุกสภาพแวดล้อม 

 

 

สิ่งที่กล่าวมาข้างต้น เป็นผลมาจาก การที่มีผู้นำ ที่มีวิสัยทัศน์ ใฝ่รู้ และเตรียมพร้อมรับการแข่งขัน และมีวิสัยทัศน์ที่นำไปสู่ความยั่งยืน

 

วกกลับมาถึงเรื่องที่ถามว่า การนำ HR TOOL เช่น bsc,competency,kpi มาใช้ในงานHR สำหรับ องค์กรที่ยังไม่มีระบบต้องจัดการอย่างไรบ้างเพื่อให้สำเร็จผลอย่างมีประสิทธิภาพ   คุณสุรีรัตน์ ต้องการนำมาใช้เฉพาะฝ่ายบุคคล  ผมวิเคราะห์จุดอ่อน ขององค์กรนี้ คือ

  • เป็นองค์กรที่ยังไม่มีระบบ
  • เชื่อว่าอีกหลายหน่วยงานก็ยังไม่ได้ใช้ระบบนี้
  • เชื่อต่อไปอีกว่า ยังไม่มีการจัดอบรม ให้ความรู้กับพนักงานทั่วทั้งองค์กรในเรื่องนี้
  • การพัฒนาภาวะผู้นำ  อาจจะยังไม่มีอย่างต่อเนื่อง
  • การพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะระดับหัวหน้างาน ให้เรียนรู้การจัดการสมัยใหม่ ยังไม่มี
  • ยังไม่มีการจัดการเชิงกลยุทธ์
  • ระบบการทำงาน เป็นแบบเก่า
  • องค์กรขาดการพัฒนาความรู้ ในองค์กรอย่างต่อเนื่อง
  • ไม่มีการบริหารความเสี่ยง 
  • ไม่มีเครื่องมือทางการบริหารจัดการที่ทันสมัย นำมาใช้
  • มีระบบและกระบวนการทำงานเป็นแบบดั้งเดิม
  • พนักงานยังไม่มีเป้าหมายเดียวกัน คือความสำเร็จสูงสุดขององค์กร

วิเคราะห์จุดแข็ง คือ

  • คุณสุรีรัตน์มีความรู้ เกี่ยวกับเครื่องมือที่จะใช้
  • เชื่อ ว่า เป็นองค์กรเก่า  ที่มีพนักงานอายุงานมาก
  • พนักงาน ระดับหัวหน้างทำงานมานาน ได้รับการเลื่อนตำแหน่งเพราะเป็นพนักงานที่ดี
  • เป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จมาก่อน  จึงเชื่อมั่นว่า ไม่จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนอะไร

 

 ที่กล่าวมา ผมเพียง เดาคาดการณ์เอาจากคำถาม มองไปถึงลักษณะองค์การ ปัญหาเรื่องระบบ เรื่องคน วัฒนธรรมการทำงาน หากคาดการณ์ผิดเพี้ยนไปก็ขออภัยด้วย  แต่จากประสบการณ์ การทำงานอาจารย์ วิทยากร ที่ปรึกษามา  ก็เห็นเป็นเช่นนั้น  แลผลที่ตามมาคือ องค์กรจะเริ่มพบวิกฤต เป็นระดับ ๆ ๆ เพิ่มมากขึ้น 

 

อย่างไรก็ตามองค์กรนี้โชคดี มี่มีคุณสุรีรัตน์ เข้ามาทำงาน และมองเห็นความสำคัญ ของการพัฒนาองค์กร ก็แนะนำว่า  ถ้าจะนำ สิ่งที่คุณสุรีรัตน์เรียกว่า HR’S TOOL (คือ เครื่องมือทางการบริหารจัดการสมัยใหม่) มาใช้ ควรจะให้เริ่มจาก

 

  1. การให้ความรู้  การพัฒความรู้ ของทรัพยากรมนุษย์  คนในทีมงาน คนในองค์การ
  2. การพัฒนาหัวหน้างาน ภาวะผู้นำ ของผู้นำทุกระดับ ให้มีวิสัยทัศน์ มีความเข้าใจในการจัดการสมัยใหม่
  3. การบริหารความรู้   คือ การกระจายความรู้ ไปสู่การปฏิบัติ
  4. การศึกษาแนวทางในการบริหารการเปลี่ยนแปลง
  5. การบริหารแบบมุ่งผลสัมฤทธิ์ 
  6. การกำหนดวัตถุประสงค์ เป้าหมาย
  7. การวางแผน
  8. การทำตามแผน
  9. การตรวจสอบการทำงานตามแผน
  10. การวัด ประเมินผล
  11. การปรับปรุงและการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง

 

ซึ่งการจะทำเช่นนั้นได้ คนต้องมีความรู้ ทั่วทั้งองค์กร  ไม่ใช่ทำอยู่คนเดียว  มีผลงานอยู่คนเดียว หน่วยงานเดียว จะขับเคลื่อนองค์กรไมได้เลย ครับ

 

 

 

 

ตัวอย่าง KPI ของแต่ละแผนก

อรวรรณ อยู่ดี

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สำหรับคุณอรวรรณ ที่ถามมา  เกี่ยวกับ KPI หากมีโอกาส ผมแนะนำให้ศึกษาเกี่ยวกับ การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ  เพื่อเพิ่มพูนความรู้เกี่ยวกับการทำ KPI  และเรื่องที่เกี่ยวข้อง  ครับ

 การกำหนด KPI ใหม่ ง่าย ๆ คือ การดูว่า งานแต่ละหน่วยงานมีหลายหลัก งานรองอะไร  และในแต่ละงาน มีความต้องการความสำเร็จอย่างไร เรียกว่า "ปัจจัยแห่งความสำเร็จ"  เช่น งานล้างรถ  ปัจจัยแห่งความสำเร็จ คือ ลูกค้า คนนั่งรถพึงพอใจกับความสะอาดของรถ นี่คือ ปัจจัยแห่งความสำเร็จ  ยุทธวิธีคือ ต้องล้างรถ  ตัวชี้วัดความสำเร็จคือ ล้างทุกครั้งที่รถสกปรก หรือ อย่างน้อง สัปดาห์ละครั้ง

 ที่ผมเขียนมานี้ อยากจะแนะนำให้ ท่านผู้ถาม มีความรู้และทำได้ด้วยตนเอง  รู้จริง ทำจริง และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ครับ  นี้เป็นประเด็นหลักของการเปิด Blog ถาม-ตอบนี้

อย่างไรก็ตาม ที่ถามมา  KPI หลายแผนก อยากทราบตัวอย่าง KPI ของแต่ละแผนก

1.ฝ่ายขาย

2.ฝ่ายผลิต

3.ฝ่ายQC

4.ฝ่ายซ่อมบำรุง

5.ฝ่ายขนส่ง

6.ฝ่ายคลังสินค้า

7.ฝ่ายบุคคล

8.ฝ่ายจัดซื้อ

9.ฝ่ายวิจัยและพัฒนา

 ผมมีแบบร่างไว้กว้าง ๆ ควรนำไปประยุกต์ ให้เหมาะกับ "นโยบาย เป้าหมายหลัก วัฒนธรรม และสภาพปัญหาขององค์การ" ครับ

 

ฝ่ายขายและการตลาด

KPI ตัวชี้วัดความสำเร็จ

ฝ่ายขายและการตลาด

มูลค่ายอดขาย

จำนวนสินค้า (ชิ้น/ประเภท)

จำนวนรายของลูกค้าใหม่

จำนวนรายของลูกค้าใหม่ที่เข้าเยี่ยม

% ลูกค้าใหม่ที่ซื้อสินค้า

จำนวนลูกค้าใหม่สะสม

% ที่ลูกค้ารู้จักสินค้า/บริการ/บริษัท(แบบสำรวจ)

จำนวนสินค้าที่ขายได้

จำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้จากการแนะนำของลูกค้า

จำนวนลูกค้าใหม่ที่ได้จากสื่อโฆษณา

จำนวนลูกค้าที่ติดต่อเข้ามาเอง

จำนวนลูกค้าใหม่ที่เกิดจากการจัดสัมมนา/แสดงสินค้า

% ส่วนแบ่งการตลาด

ยอดสั่งซื้อเฉลี่ยต่อราย

% การประเมินศักยภาพของลูกค้า

    - มูลค่าสินทรัพย์

    - ทุนจดทะเบียน

ระยะเวลาในการชำระเงิน

% ส่วนลดต่อยอดขาย

สัดส่วนของลูกค้าเกรด A-B-C

% การตอบรับจากลูกค้าเทียบกับที่นำเสนอทั้งหมด

% ครั้งของการแก้ไขที่เกินกว่ามาตรฐานที่กำหนด

จำนวนครั้งของปัญหาที่เกิดจากการไม่ปฏิบัติตามระบบฯ

% ใบเสนอราคาที่ขายไม่ได้เนื่องจากส่งใบเสนอราคาไม่ทัน

มูลค่ายอดขาย

ปริมาณยอดขาย

จำนวนรายการ

% ส่วนแบ่งการตลาด

จำนวนรายสะสม

% ลูกค้าที่ซื้อต่อเนื่อง

ยอดขายเฉลี่ยต่อบิล

จำนวนลูกค้าที่ไม่มีการสั่งซื้อ

จำนวนครั้งในการเยี่ยมลูกค้า/เดือน

จำนวนรายในการเยี่ยมลูกค้า/เดือน

% ส่วนลด

% ลูกค้าที่ชำระเงินตรงเวลา

% มูลค่าที่ชำระเงินตรงเวลา

ยอดขายเฉลี่ยต่อการเยี่ยมหนึ่งครั้ง

จำนวนข้อร้องเรียน

จำนวนครั้งที่คืนสินค้า

% ลูกค้าที่นำเครืองไปทดลองใช้และไม่ซื้อสินค้า

คะแนนแบบสอบถามความพึงพอใจของลูกค้า

% ลูกค้าที่สั่งซื้อเพิ่มขึ้น (ปริมาณ/รายการสินค้า)

จำนวนลูกค้าที่แนะนำลูกค้าใหม่

% ที่ส่งของไม่ทันกำหนดเวลา

% การออกใบสั่งซื้อทันเวลาที่กำหนด

มูลค่ายอดขายของเขต

ปริมาณยอดขายของเขต

จำนวนลูกค้ารวมของเขต

จำนวนข้อร้องเรียนของลูกค้า

จำนวนลูกค้าที่ไม่ได้สั่งซือต่อ (Non-Active)

ส่วนตัวอย่าง KPI แผนกอื่น ๆ ให้ดูใน Blog ถัดไป เพราะเนื้อที่ไม่พอตอบครับ

ตัวอย่างตัวชี้วัดผลงานของหน่วยงานต่าง ๆ

แนวทางในการพัฒนาหัวหน้า หรือ ผู้นำ ในยุคโลกแห่งการเปลี่ยนแปลง

นิภาวรรณ

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ  ต้องขออภัย ที่เข้ามาตอบให้ช้า  เนื่องจากติดภารกิจ

 

ในเรื่องการพัฒนาคน  ทุกระดับ เอาง่าย ๆ ครับ ลองใช้กรอบแนวคิด ของพระพุทธเจ้า ในเรื่อง อริยสัจสี่ ครับ

  1. ค้นหาปัญหา อะไรคือทุกข์ อะไรคือเหตุแห่งทุกข์  ปัญหาของหัวหน้างานขณะนี้ หรือที่คาดว่า จะมีในอนาคต คืออะไร มีสาเหตุมาจากอะไร  ตรงนี้ ควรต้องระดมสมองกัน  หรือค้นหาเครื่องมือในการหาปัญหา หรือสาเหตุของปัญหา เช่น แบบประเมินผลการปฏิบัติงานที่ทันสมัย  แบบสอบถามในการพัฒนาฝึกอบรม Training need survey ที่ออกแบบโดยผู้ชำนาญการ
  2. ค้นหาแนวทางในการแกไขปัญหา และป้องกัน  ตรงนี้ อาจเทียบเคียงกับองค์การที่มีลักษณะคล้ายกัน หรือเป็นองค์การที่ประสบความสำเร็จ เป็นองค์การ Best Practice Company ว่าเขามีแนวทางการพัฒนาอย่างไร
  3. เลือกแนวทางที่ดีที่สุด นำมาใช้ และเตรียมสำรองแนวทางที่ดีรองลงมา เตรียมไว้เผื่อแนวทางที่ 1 พลาด ลงมือปฏิบัติการพัฒนา  ซึ่งตรงนี้ ควรให้ผู้ชำนาญการเข้าไปช่วย การพัฒนาคน สามารถใช้ได้หลากหลายวิธี ไม่ใช่แค่การอบรมอย่างเดียวครับ
  4. ตรวจสอบผลการปฏิบัติการตามข้อ 3 ว่าเป็นอย่างไร เป็นไปตามแผนหรือไม่ มีสิ่งใดที่จะต้องปรับปรุงพัฒนาให้ดีก็อย่าลีรอ รีบทำการ Action โดยเร็ว

ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นการพัฒนาคน โดยใช้กรอบแนวคิดของพระพุทธเจ้า  ครับ  อย่างไรก็ตาม การพัฒนาคน ควรเน้นให้เขามีปัญญา  โดยใช้หลักการไตรสิกขา ปัญญา 3 ของพระพุทธเจ้าเช่นกัน คือ

  1. สุตะมะยะปัญญา ปัญญาเกิดจากการได้ยิน  ได้ฟัง ได้อ่าน Listen, แหล่งเรียนรู้ เช่น ตำรา คำสอน (แหล่งและสื่อข้อมูล)Data, Media, Information

  2. จินตะมะยะปัญญา ปัญญาเกิดจากความตรึก ความนึก ความคิดทั้ง รูปแบบนิรนัย และอุปนัย

  3. ภาวนามะยะปัญญา ปัญญาเกิดจากการพัฒนาจากการทำให้เกิด ทำให้มีโดยวิธีการวิจัยและพัฒนาทั้งวิจัยร่างกาย และ ภายนอกตัวตน  เช่น  ฝึกสมถะและวิปัสสนา

เน้นให้เกิดทุนทางปัญญา  ที่กล่าวมาข้างต้น เป็นหลักการที่ใช้ได้ทุกระดับ ซึ่งเป็นแนวคิดทฤษฎีของพระพุทธเจ้า ครับ

กลยุทธ์การจัดการองค์กร ที่มีคนไม่เก่ง เขาใช้กลยุทธ์อะไรบ้าง

สมชาย

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีคุณสมชาย และท่านผู้อ่านทุกท่าน

ขอชื่นชมศิษย์ที่ใฝ่รู้ อ่านข่าวสาร และรู้จักเลือกสรรบริโภคข่าวสารที่มีสาระ และนำสิ่งที่ไม่รู้มาแสวงหาคำตอบ และยังนึกถึงผมอยู่

เป็นคำถามที่สั้น มีความสำคัญ แต่โจทย์ที่ให้มาค่อนข้างยาว  ผมอ่านเพียงรอบเดียว เพราะมีภารกิจงานหลายอย่างคอยอยู่ จึงอาจจะตอบไม่ได้มากนัก

คำถามที่ถามมาว่า สำนักงานนวตกรรมแห่งชาติ จากบทความใน น.ส.พ. มติชน วันที่ 31 ม.ค. 2551 หน้า 7 ตามที่ ผอ.สำนักฯ ได้เขียนมา ผมอ่านแล้ว จับประเด็นได้ว่า ยุทธศาสตร์การจัดการ ที่ ท่าน ผอ.ใช้ในการบริหารจัดการองค์กรนวตกรรม (องค์กรที่มีคนไม่เก่ง) อยู่นั้น  ใช้ยุทธศาสตร์อะไรบ้าง  อาจารย์สรุปให้ดังนี้

  1. ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้ 
  2. ยุทธศาสตร์พัฒนาคน พัฒนาระบบ  
  3. ยุทธศาสตร์ การบริหารเชิงกลยุทธ์ SWOT Analysis
  4. ยุทธศาสตร์การบริหารการเปลี่ยนแปลง
  5. ยุทธศาสตร์ การจัดการสมัยใหม่
  6. ยุทธศาสตร์การจ้างงานระยะสั้น 
  7. ยุทธศาสตร์ส HRM&HRD
  8. ยุทธศาสตร์ win-win
  9. ยุทธศาสตร์ องค์กรแห่งการเรียนรู้
  10. ยุทธศาสตร์ธรรมาภิบาล
  11. ยุทธศาสตร์ การกระจายอำนาจ การระดมสมอง และการทำงานเป็นทีม  ยุทธศาสตร์ Talent Management การบริหารคนเก่งและคนดี 
  12. ยุทธศาสตร์บริหารมาตรฐานคุณภาพ ไอเอสโอ 
  13. ยุทธศาสตร์ ICT-การบริหารการเปลี่ยนแปลง
  14. ยุทธศาสตร์ โครงสร้างแบบ Flat Organization การจัดโครงสร้างองค์กรแบบแบนราบ ยืดหยุ่น ซึ่งเหมาะกับองค์การที่มียุทธศาสตร์ในการสร้างความแตกต่าง(นวตกรรม) 
  15. ยุทธศาสตร์หมุนเวียนสับเปลี่ยนงาน
  16. ยุทธศาสตร์ Knowledge Management
  17. ยุทธศาสตร์ การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์
  18. ยุทธศาสตร์การบริหารแรงงานสัมพันธ์ "เชิงรุก"
  19. ยุทธศาสตร์ Talent Management

จากยุทธศาสตร์ข้างต้น ที่จริงถ้ามีเวลามากพอ สามารถนำเข้ากลุ่ม รวมกันได้  เช่น ยุทธศาสตร์ HRM HRD ก็จะรวมถึง การแรงงานสัมพันธ์เชิงรุก การสรรหา การบริหาร การพัฒนาคน

หรือ ยุทธศาสตร์ การบริหารเชิงกลยุทธ์ ก็จะรวมถึง การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ด้วย

หรือ ยุทธศาสตร์การจัดการสมัยใหม่ ก็จะรวมถึง แนวคิด win-win, Management by Objective เน้นวัตถุประสงค์ ผลงานเป็นหลัก และยังรวมถึงการปรับโครงสร้างองค์กรให้แบนราบ ด้วย เป็นต้น  แต่ด้วยข้อจำกัดด้วยเวลา ผมจึงเอาเนื้อหาที่ถามมาเป็นตัวตั้งและศึกษาจับประเด็นยุทธศาสตร์ เรียงตามเนื้อหาที่ให้มา

ส่วนแต่ละประเด็นยุทธศาสตร์ อาจารย์ได้จากประโยคต่าง ๆ ที่ ให้โจทย์มา  อธิบายโดยย่อได้ดังนี้

  1. ยุทธศาสตร์การจัดการความรู้  การสร้าง การใช้ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็น ประโยชน์ โดยพิจารณาจากประโยคที่กล่าวว่า "นวัตกรรมว่าคือ "สิ่งใหม่ ที่เกิดจาก การใช้ ความรู้และความคิดสร้างสรรค์ ที่เป็น ประโยชน์ ต่อเศรษฐกิจและสังคม"
  2. ยุทธศาสตร์พัฒนาคน พัฒนาระบบ  ควบคู่กันไป  โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "เหนือสิ่งอื่นใด ภารกิจขององค์กรที่ได้รับการมอบหมายจากรัฐบาลทั้งสามด้านคือ การสร้างธุรกิจใหม่ สร้างคน สร้างระบบ รวมถึงการสร้างวัฒนธรรมนวัตกรรมในระดับประเทศ ได้ถูกบริหารโดยพนักงานเพียง 25 คนเท่านั้น"
  3. ยุทธศาสตร์ SWOT Analysis วิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน เช่น การค้นพบ ความ "ไม่เก่ง" ของพนักงาน และความ "ไม่มั่นคง" ขององค์กร นำมาสู่ยุทธวิธีการจัดการสมัยใหม่
  4. ยุทธศาสตร์การบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงทัศนคติ ความคิด ซึ่งพิจารณาได้จากประโยคที่ว่า  "เปลี่ยนแปลงจากความเชื่อเดิมที่ว่า องค์กรเป็นเจ้าของปัจจัยการผลิตและเป็น "นาย" ส่วนพนักงานเป็น "บ่าว" ที่ต้องพึ่งองค์กร หรือการมีพนักงานประจำที่ต้องการความมั่นคงและทำงานเต็มเวลา เป็นต้น  แต่แนวคิดในการจัดการแบบใหม่นั้น ให้ความสำคัญต่อ "ความรู้" ที่เป็นปัจจัยการผลิต และพนักงานคือผู้ให้ "ทุนความรู้" แก่กิจการ ซึ่งมีค่าเหมือนกับ "เงินทุน" ของผู้ถือหุ้น
    นอกจากนี้ ยังพิจารณาจากประโยคที่ว่า "การวางกลยุทธ์การบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยการ "สร้าง" การเปลี่ยนแปลงขึ้นมาภายในองค์กรเองตลอดเวลา (แต่ต้องไม่ให้เกิดความสับสน) เพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ต้อง "เปลี่ยนตนเอง" ก่อนที่จะให้คนอื่นมาสั่งให้เปลี่ยน"
    ประโยคข้างต้นยังกล่าวได้อีกว่า  ใช้ยุทธศาตร์ องค์การแห่งการเรียนรู้ พนักงานกับองค์กรจึงอยู่ในฐานะที่เป็นหุ้นส่วนของกันและกัน
  5. ยุทธศาสตร์ การจัดการสมัยใหม่ โดยเฉพาะเงื่อนไขด้านบุคลากร เพราะความที่ สนช.เป็นองค์กรของรัฐ การจะได้พนักงานที่เก่งจึงเป็นเรื่องยาก และยิ่งยากกว่าหากจะรักษาพนักงานนั้นให้มีความจงรักภักดีกับองค์กรมากและนานที่สุด  ยิ่งไปกว่านั้นเป้าหมายของ สนช. คือ การจัดการนวัตกรรม ซึ่งก็คือ การจัดการให้เกิดสิ่งใหม่ ดังนั้น กลยุทธ์ในการบริหารจัดการจึงต้องใหม่ตามไปด้วย โดยเฉพาะในสภาวะที่องค์กรต้องการคนเก่งมากๆ แต่ไม่สามารถหาได้  และยิ่งแล้วไปใหญ่เมื่อต้องมาผสมผสานกับความ "ไม่มั่นคง" ขององค์กร กลยุทธ์การบริหารจัดการแบบใหม่จึงต้องหา "จุดเด่น" จากจุดอ่อน เพื่อ "รีดเค้น" เอาประสิทธิภาพสูงสุดจากความ "ไม่เก่ง" ของพนักงาน จึงเป็นหนทางเดียวในการสร้างความอยู่รอดขององค์กรได้
  6. ยุทธศาสตร์การจ้างงานระยะสั้น  เพื่อต้องการเลือดใหม่เข้าสู่องค์กร  โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "กลยุทธ์แรกในการสร้างความ "ไม่มั่นคง" ขององค์กร จึงเกิดขึ้นนับแต่วันที่ได้เริ่มมีพนักงานคนแรก ระบบการว่าจ้างโดยสัญญาจ้างระยะ 1-3 ปี ขณะนี้ได้กลายเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่พนักงานทุกคนยอมรับ และตระหนักดีกว่าความแข็งแรงขององค์กร มิใช่อยู่ที่การมีกฎหมายรองรับ แต่อยู่ที่ฝีมือการทำงานให้เป็นที่ประจักษ์ต่อหุ้นส่วนพันธมิตร (stakeholder)
    ประโยคข้างต้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ใช้ยุทธศาสตร์แรงงานสัมพันธ์เชิงรุก แจ้งล่วงหน้าว่าจะทำอย่างไร จ้างอย่างไร และทำให้ถูกต้อง
  7. ยุทธศาสตร์ส HRM&HRD บริหารและพัฒนาคนไม่เก่ง ให้ทำงานได้ โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "อุปสรรคต่อมาที่สืบเนื่องจากการทำงานเป็นสัญญาจ้างคือ เราจะไม่ได้คนเก่งมาทำงาน เพราะคนที่เก่งคงไม่อยากเสี่ยงมาทำงานในองค์กรที่ไม่มั่นคง (ที่จริงคนที่เก่งมากไม่ควรห่วงเรื่องความไม่มั่นคง เพราะน่าจะมีคนจ้างงานตลอด) แต่เพราะความไม่เก่งของพนักงาน ได้สะท้อนให้เห็นจุดเด่นขององค์กร นั่นคือ "ความดี" และ "ความมุ่งมั่น" ซึ่งได้ไปส่งเสริมกลยุทธ์การจัดการสมัยใหม่โดยอัตโนมัติ"
  8. ยุทธศาสตร์ win-win โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า  "เพราะความไม่เก่งและการที่องค์กรมีขนาดเล็ก ความเป็น "อาณาจักร" ของ สนช. ทั้งระหว่างองค์กรและภายในองค์กรจึงหายไป เพราะความที่รู้ตัวเองว่าเรา "ไม่มีอะไรเลย" พนักงานจึงมีแต่ความคิดที่จะไปร่วมมือและสร้างเครือข่ายกับทุกคน เพื่อให้เกิดประโยชน์ร่วม (win-win) บนพื้นฐานของการทำงาน (ที่พนักงานชอบพูดกันว่า) "อึดและถึก" พูดง่ายๆ คือเอา "แรงงาน" และ "ความจริงใจ" เข้าแลก เพื่อสร้างผลประโยชน์ร่วมกันและสร้างความเชื่อใจโดยเฉพาะนวัตกรรุ่นใหม่"
  9. ยุทธศาสตร์ องค์กรแห่งการเรียนรู้ โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า  "ก่อเกิดเป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ที่ทำงานเป็นทีม สร้างแนวร่วมทางความคิด แบ่งปันความรู้ประสบการณ์ทั้งภายในและภายนอกเพื่อสร้างความรู้ใหม่ขึ้นอีกครั้ง"
  10. ยุทธศาสตร์ธรรมาภิบาล โดยพิจารณาจาก ประโยคที่ว่า "รวมถึงการสร้าง "ความโปร่งใส" และ "จริยธรรม" ในการดำเนินงานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่เป็นผลประโยชน์ของชาติ"
  11. ยุทธศาสตร์ การกระจายอำนาจ การระดมสมอง และการทำงานเป็นทีม  โดยพิจารณาจาก ประโยคที่ว่า "แนวคิดของกลุ่มคนรุ่นใหม่ มิใช่เป็นของคนใดคนหนึ่งโดยเฉพาะ ซึ่งได้ตกผลึกความคิดและพร้อมนำไปสู่การปฏิบัติจริงได้ทันที ที่สำคัญคือเขาได้เคยเสนอผลประโยชน์เป็นตัวเงินจำนวนหนึ่งเพื่อตอบแทนแก่พนักงานในการช่วยเหลือบริษัท แต่ก็ได้รับการปฏิเสธ"
  12. ยุทธศาสตร์ Talent Management การบริหารคนเก่งและคนดี  บริหารคนดีให้เก่ง และบริหารคนเก่งให้ดี  โดยพิจารณาจาก คำกล่าวที่ว่า "ผู้บริหารทุกคนทุกองค์กร ต้องการคน "เก่งและคนดี" แต่ในความเป็นจริง การที่จะได้คนทั้งเก่งและดีนั้น คงหายากยิ่งกว่าการงมเข็มในมหาสมุทร เพราะโดยมากคนเก่งมักไม่ค่อยเป็นคนดี และคนดีมักไม่ค่อยเก่ง ดังนั้น เพราะมีคนไม่เก่งใน สนช. จึงก่อเกิด "คนดี" ขึ้นมามากมายในองค์กร โดยเฉพาะการทำงานช่วยเหลือเกื้อหนุนซึ่งกันและกันทั้งภายในและภายนอกองค์กร"
  13. ยุทธศาสตร์บริหารมาตรฐานคุณภาพ ไอเอสโอ  โดยพิจารณาจากคำกล่าวที่ว่า "สถาบันรับรองมาตรฐานไอเอสโอ ได้เคยประเมินทัศนคติของพนักงาน สนช. พบว่าพนักงานมีจิตใจให้บริการต่อ "ลูกค้า" สูงมาก ในขณะเดียวกันพนักงานก็มีการปกป้องช่วยเหลือเพื่อนพ้องด้วยกันสูงเกินไป (over protection) จนผู้เขียนเองกังวลว่าอาจจะก่อเกิดผลเสียในอนาคต) และยังพบอีกว่าแรงจูงใจอันดับแรกในการทำงานของพนักงาน อยู่ที่การได้เรียนรู้ร่วมกัน มี "ลูกพี่" คอยให้ความช่วยเหลือแนะนำและมีความอิสระในการเสนอความคิดเห็น"
  14. ยุทธศาสตร์ ICT-การบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "แน่นอนที่สุด สิ่งต่างๆ เหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้หากพนักงานไม่มีวิสัยทัศน์ร่วมและไม่ได้มองเห็นอนาคตร่วมกัน ผู้เขียนพยายามเลี่ยงที่จะกล่าวถึงระบบการจัดการสารสนเทศที่เป็นเพียงเครื่องมือชิ้นเล็กๆ ชิ้นหนึ่งเท่านั้นในการจัดการองค์กร แต่ที่สำคัญคือ การวางกลยุทธ์การบริหารการเปลี่ยนแปลง โดยการ "สร้าง" การเปลี่ยนแปลงขึ้นมาภายในองค์กรเองตลอดเวลา (แต่ต้องไม่ให้เกิดความสับสน) เพื่อให้เกิดเป็นวัฒนธรรมองค์กรที่ต้อง "เปลี่ยนตนเอง" ก่อนที่จะให้คนอื่นมาสั่งให้เปลี่ยน การเปลี่ยนแปลงแรกสุด คือโครงสร้างการบริหารของ สนช. ซึ่งนับแต่จัดตั้งจนถึงวันนี้ สนช.ไม่มีตำแหน่งผู้ช่วยหรือรองผู้อำนวยการ ไม่มีตำแหน่งเลขานุการ (ไม่ยกเว้นแม้แต่ผู้อำนวยการ) ทุกคนต้องเข้าใจงานของคนอื่นและทำงานให้ครบวงจรภายในตัวเอง"    ระบบจัดการสารสนเทศที่นำมาใช้อย่างเหมาะเจาะลงตัวกับแนวทางการจัดการ ทำให้สามารถแก้ไขปัญหาอุปสรรคตลอดทุกขั้นตอนของการทำงาน โดยมีเพื่อนร่วมงานหรือที่ปรึกษาอาวุโสของสำนักงาน คอยอภิปรายหรือให้คำเสนอแนะอยู่ตลอดเวลา
  15. ยุทธศาสตร์ โครงสร้างแบบ Flat Organization การจัดโครงสร้างองค์กรแบบแบนราบ ยืดหยุ่น ซึ่งเหมาะกับองค์การที่มียุทธศาสตร์ในการสร้างความแตกต่าง(นวตกรรม)  โดยพิจารณาได้จาก  ประโยคที่ว่า "สนช.มีเพียงแค่สองฝ่าย คือฝ่ายบริหารโครงการและฝ่ายบริหารสำนักงาน ที่จนถึงขณะนี้ยังหาผู้อำนวยการฝ่ายไม่ได้ (และจนถึงวันนี้สามารถพูดได้เลยว่าไม่จำเป็นต้องมี) เรามีแต่ผู้จัดการโครงการเต็มไปหมดทั้งสำนักงาน แต่ผู้จัดการไม่มีลูกน้อง เพราะเป็นที่เข้าใจร่วมกันว่าหน้าที่ผู้จัดการคือจัดการงานของตนเองโดยใช้ศักยภาพของตนเองและใช้ประโยชน์จากเครือข่ายทั้งภายในและภายนอกให้เต็มที่"
  16. ยุทธศาสตร์หมุนเวียนสับเปลี่ยนงาน ยุทธศาสตร์ Knowledge Management โดยพิจารณาจาก ประโยคที่กล่าวว่า "กลุ่มงาน" จึงเป็นแนวทางที่ทำให้งานบรรลุผลได้เร็วมาก ใน 8 กลุ่มงานที่มีพนักงานกลุ่มงานละ 8 คน หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา ทำให้เกิดการไขว้งานกัน ที่สำคัญคือพนักงานมีความเข้าใจงานนอกเหนือหน้าที่ตนเอง และพยายามหาแนวทางแก้ไขอุปสรรคต่างๆ มากกว่าจะไปตำหนิกล่าวโทษคนอื่น เพราะตนเองก็เป็นสมาชิกอยู่หลายๆ กลุ่มงาน ซึ่งต้องแก้ไขปัญหาอยู่แล้ว เมื่อวางโครงสร้างการบริหารเป็นเช่นนี้แล้ว ระบบสารสนเทศจึงถูกนำเข้ามาใช้งาน (ไม่ใช่วางระบบแต่โครงสร้างไม่เปลี่ยน) เพราะระบบเป็นแค่กลไกชิ้นหนึ่งที่ต้องมี "คน" เข้าไปขับเคลื่อนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายในงานของแต่ละคน การทำงานจึงเปรียบเสมือนกับการเล่นดนตรีแต่ละชิ้น ซึ่งถึงแม้ต่างคนต่างเล่นไปคนละคีย์ แต่สามารถผสมผสานมาเป็นบทเพลงที่ไพเราะ
  17. ยุทธศาสตร์ การบริหารมุ่งผลสัมฤทธิ์ โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า  "คนเพียง 20-30 คน จะไม่มีทางสร้างผลกระทบให้เกิดขึ้นได้ในระดับประเทศ หากเป้าหมาย (ends) ไม่ชัด และวิธีการ (ways) รวมทั้งเครื่องมือ (means) ไม่ใหม่และไม่มีประสิทธิภาพเพียงพอ" ใน สนช.และเครือข่ายนวัตกรรม เกือบจะกล่าวได้ว่า "ปฏิสัมพันธ์" ระหว่างเพื่อร่วมงานและเครือข่ายภายนอกองค์กร เกิดขึ้นทุกๆ นาที และตลอด 24 ชั่วโมงทั้ง 7 วัน (ตามแนวคิด "นวัตกรรม 24/7" ของสตีเฟ่น เซพิโร) ซึ่งมีความสำคัญยิ่งยวดกว่าการไปจัดแค่ sport day หรืองานสังสรรค์พนักงานหรือลูกค้าปีละครั้งสองครั้ง
  18. ยุทธศาสตร์การบริหารแรงงานสัมพันธ์ "เชิงรุก" โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "การร่วมทานข้าวทุกเที่ยงวันพุธและทานข้าวต้มทุกเช้าวันศุกร์ ซึ่งได้ผลมากโดยเฉพาะสามารถขจัดความกินแหนงแคลงใจที่เกิดจากถกเถียงความเห็นในที่ประชุม หรือจากประเด็นตอบโต้ในระบบสารสนเทศได้อย่างฉมัง"
  19. ยุทธศาสตร์ Talent Management โดยพิจารณาจากประโยคที่ว่า "ยอมรับว่าปัจจัยหนึ่งที่ทำให้องค์กรเคลื่อนตัวได้เร็ว คือ อายุเฉลี่ยของพนักงานที่ประมาณ 30 ปี รวมทั้งคุณวุฒิของพนักงานในระดับปริญญาโทและเอก จึงทำให้การสื่อสารเป็นไปได้ง่ายโดยเฉพาะเมื่อต้องดำเนินงานภายใต้ระบบสารสนเทศ พนักงาน สนช.ไม่มีการลงเวลาเข้า-ออกทำงาน แต่พนักงานต้องรับผิดชอบเองในการบริหารจัดการเวลาของตนเอง และต้องให้ทุกคนในองค์กรรับรู้ด้วยว่า ณ นาทีนี้ คุณอยู่ที่ไหน และทำอะไรอยู่ การลางานจึงเกิดขึ้นน้อยมากเพราะมีเกณฑ์เปรียบเทียบอยู่ตลอดเวลา  ในระยะสามปีที่ผ่านมา มีจำนวนพนักงานที่ลาออกไม่เกิน 3 คน ทั้งๆ ที่มีภาคเอกชนจำนวนมากเสนอเงินเดือนผลตอบแทนให้แก่พนักงานสูงกว่า ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่า บริษัทรับพนักงานที่ "ไม่เก่ง" ของเราเข้าไปได้อย่างไร เพราะผลสำเร็จของ สนช. ไม่ใช่เกิดจากความสามารถเฉพาะตัวหรือปัจเจกบุคคล แต่เป็นความสามารถ "พหุบุคคล" หรือกลุ่มคนมากกว่า

 

หวังว่า สมชาย และท่านผู้สนใจ จะได้ประโยชน์จากคำตอบนี้ 

สวัสดี

สอบถามเกี่ยวกับการจัดทำ careerpath

poum

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ขอบใจที่ ให้ความสนใจถามมา  ทั้งยังถามมาที่ Email address ด้วย และผมได้ตอบไปแล้ว ทาง Email 

โดยส่งเป็นข้อมูล กรณีศึกษา ของ ก.พ. หวังว่าคงได้ประโยชน์  

ขอให้โชคดี

hrd process and set careerpath

poum

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ขอขอบใจผู้ถาม ที่ให้ความสนใจต่อการเรียนรู้ และเข้ามาสอบถามผม เกี่ยวกับกระบวนการ ขั้นตอนในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  และการวางแนวทาง Careerpath

ในเบื้องต้น ผมตอบเรื่อง "ขั้นตอนการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์" ก่อน ดังนี้

แนวคิดการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ (กรณีในสถานประกอบการ-เอกชน)

 การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์  เป็น กระบวนการที่ทำให้ผู้ที่เข้ารับการพัฒนาฝึกอบรมเกิดการเรียนรู้ ทัศคติที่ดี และมีประสบการณ์ ในรูปแบบใดแบบหนึ่ง เพื่อเพิ่มพูนหรือพัฒนาสมรรถนะหลัก สมรรถนะรอง ในด้านต่างๆ   ทั้งยังเป็นการปรับปรุงพฤติกรรมพึงประสงค์ ที่จะนำมาซึ่งการแสดงออกที่สอดคล้องกับจุดมุ่งหมายที่กำหนดไว้ (Nadler, 1989) ได้อธิบายเกี่ยวกับกิจกรรมการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ไว้ดังนี้

การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วย การอบรม (Training)  คือ การจัดกิจกรรมโดยมุ่งเน้นงานปัจจุบัน  เพื่อให้นำสิ่งที่เรียนรู้มาใช้ทันที เช่น นักบัญชี สอนวิธีการทำบัญชีการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วย การศึกษา (Education)  คือ การเตรียมบุคลากรในการปฏิบัติงานในอนาคตแต่ยังคงเกี่ยวข้องกับงานที่ปฏิบัติอยู่ เช่น นักบัญชี สอนการบัญชีที่จะเอามาใช้ในอนาคต เช่นอาจจะมีการเปลี่ยนกฎเกณฑ์ต่างๆในการทำงานการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ด้วย การพัฒนา (Development)  คือ การจัดกิจกรรมให้มุ่งเน้นอยู่ที่การพัฒนาองค์กรในอนาคต เช่น นักบัญชี สอนการใช้คอมพิวเตอร์ เมื่อมีการใช้ระบบคอมพิวเตอร์ที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต  
สาระสำคัญ Training Education Development
จุดมุ่งหมาย งานปัจจุบัน งานอนาคตเกี่ยวข้องกับปัจจุบัน งานในอนาคต
ขอบเขต พนักงานแต่ละคน กลุ่มงานและองค์กร องค์กร
กรอบเวลา ระยะสั้น ระยะยาว ระยะยาว
เป้าหมาย ความรู้และทักษะปัจจุบัน เตรียมความต้องการในอนาคต เตรียมความต้องการในอนาคต
  ในที่นี้ ผมตอบเฉพาะการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วย "การฝึกอบรม" ดังนี้ 
กระบวนการในการฝึกอบรมบุคลากร ในสถานประกอบการ พอสรุปได้ดังนี้
1. การประเมินหาความต้องการและความจำเป็นในการฝึกอบรม ดังนี้ 
  • การวิเคราะห์บุคคล พิจารณาความรู้ความสามารถและทักษะของพนักงานแต่ละคนที่มีอยู่ว่าเหมาะสม สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรและงานที่รับผิดชอบอยู่หรือไม่ และพนักงานต้องการพัฒนาทักษะอะไรเพิ่มเติมบ้าง
  • การวิเคราะห์งาน พิจารณางานที่ปฏิบัติอยู่ว่าเป็นอย่างไรมีข้อกำหนดความต้องการอย่างไรบ้าง ดูได้จากเอกสารวิเคราะห์งาน
  • การวิเคราะห์องค์การ พิจารณาปัจจัยกว้างๆ เกี่ยวกับวัฒนธรรม พันธกิจ บรรยากาศ เป้าหมาย ฯลฯ เพื่อบ่งชี้ความต้องการขององค์กร
 นอกจากนี้ การหาความต้องการและความจำเป็นในการฝึกอบรม อาจได้มาจาก นโยบายของผู้นำ  สภาพปัญหาในองค์การ วิสัยทัศน์ พันธกิจ วัตถุประสงค์ ขององค์การ  2. การทำแผนฝึกอบรม และกำหนด ตัวชี้วัดความสำเร็จ ในการบริหารโครงการฝึกอบรม

3. การออกแบบโครงการฝึกอบรม (Instructional design) ให้สอดคล้องกับแผน

4. สำหรับหลักสูตรการอบรม ใหม่ ๆ ควรทำการทดสอบกับกลุ่มเล็กๆ เพื่อทดสอบความข้อบกพร่อง (Validation) ขั้นตอนนี้อาจจะมีหรือไม่มีก็ได้ เพื่อแก้ไขข้อบกพร่องในแบบฝึกให้มีความสมบูรณ์มากที่สุด5. การดำเนินการฝึกอบรม (Implement the program) 

6. การเสริมสร้างบรรยากาศ  องค์การแห่งการเรียนรู้  พยายามดำเนินการให้องค์กรมีสภาพที่เอื้อและสนับสนุนให้พนักงานเกิดการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง  มีการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ (Systematic problem Solving) โดยอาศัยหลักทางวิทยาศาสตร์ เช่น การใช้วงจรของ Demming ( PDCA : Plan, Do, Check, Action)   มีการทดลองปฏิบัติ (Experimental) ในสิ่งใหม่ ๆ ที่มีประโยชน์ต่อองค์การเสมอ โดยอาจจะเป็น Demonstration Project หรือเป็น Ongoing program    มีการเรียนรู้จากบทเรียนในอดีต (Learning from their own experience) มีการบันทึกข้อมูลเป็น case study เพื่อให้สมาชิกในองค์การได้ศึกษาถึงความสำเร็จและความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เพื่อนำมาประยุกต์ใช้ในอนาคต มีการแลกเปลี่ยนความรู้และ ประสบการณ์ของสมาชิก   มีการเรียนรู้จากผู้อื่น (Learning from the Others) โดยการใช้การสัมภาษณ์ (Interview), การสังเกต (Observation) ฯลฯ  และมีการถ่ายทอดความรูู้ โดยการทำ Report, Demonstration, Training & Education, Job Rotation ฯลฯ  7. การประเมินผล (Evaluation)การวัดผลในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ หลังจากเข้าร่วมกิจกรรมในระยะเวลาหนึ่ง แบ่งได้หลักๆ 4 ประการคือ

8. การวัดผลความพึงพอใจ (Reaction) ความคุ้มค่าในการจัดกิจกรรมพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

9.การวัดความรู้ที่ได้เรียนไป (Learning) ทำการทดสอบเพื่อดูว่าผู้ฝึกอบรมได้รับรับความรู้ไปมากน้อยเท่าไร

10. การวัดพฤติกรรม (Behavior) ผู้ร่วมกิจกรรม มีการเปลี่ยนแปลงทางความคิด ความรู้สึก การปฏิบัติอย่างไร  

 11. การวัดผลการดำเนินงานของการจัดฝึกอบรมและพัฒนา (Results) โดยเปรียบเทียบสิ่งที่วัดได้กับวัตถุประสงค์ เป้าหมายของโครงการที่ได้กำหนดไว้

12.  การนำเอาสิ่งที่วัด วิเคราะห์ ข้างต้น มาสู่การพัฒนาและการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เกี่ยวกับความก้าวหน้าในอาชีพ จะตอบให้ในวันต่อ ๆ ไป เนื่องจากติดภาระกิจ ซึ่งยังไม่สะดวกในเวลานี้ ขอให้โชคดี ผู้ถามและผู้สนใจโชคดีสวัสดี

Elton W Mayo

วิไลลักษณ์

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับท่านผู้อ่าน และผู้ที่ถามคำถามมา

คำถามนี้ เน้นไปค่อนข้างทางวิชาการ  ถามเกี่ยวกับบุคคลสำคัญ ผู้คิดค้นทฤษฎีในการบริหารจัดการฯ และ 

นักทฤษฎีทางการบริหารจัดการ ที่มีชื่อเสียง คนหนึ่งคือ Elton Mayo (เอลตัน เมโย) และคณะ 

พวกเขาได้ทำการวิจัยความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะจิตใจและร่างกายของคนทำงานตลอดจนสภาพแวดล้อม  สถานที่ทำงาน  ที่มีผลต่อผลผลิตและคุณภาพการผลิต  โดยออกแบบการวิจัยให้มีทั้งการสังเกต  สัมภาษณ์  ทดลอง  และการกำหนดตัวแปร  ทั้งนี้เป็นแนวคิดการศึกษาเชิงมนุษยสัมพันธ์  เรียกว่า เป็นต้นแบบแห่ง การจัดการแบบมนุษย์สัมพันธ์” (Human Relation)  Elton Mayo (เอลตัน เมโย) และคณะ  ค้นพบว่า  คนงานจะไม่ทำงานอย่างสม่ำเสมอตามที่ได้รับมอบหมาย เพราะว่านอกเหนือจากการทำงานเพื่อเงินแล้ว คนงานยังมีความต้องการทางจิตใจที่ต้องการตอบสนองอยู่ด้วย   

ELTON MAYO[1]  และคณะคิดได้ถึงทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ ว่าระบบการทำงานนั้นไม่ได้อยู่ที่เนื้องานอย่างเดียว มันอยู่ที่น้ำใจคนเป็นสำคัญด้วย  ผลงานของ ELTON MAYO จะเจออีกครั้งใน ALLTON STAUDY

  

Elton G Mayo วิจัยเรื่อง Hawthorn Study เกี่ยวกับสภาพแวดล้อมในการทำงาน แสงสว่าง ความสะอาด พบว่านายจ้างกับคนงานมักขัดแย้งเสมอ ควรแก้ปัญหาโดยมนุษยสัมพันธ์

  ยุคมนุษยสัมพันธ์  (Human Relation) (ค.ศ. 1930-1950)[2]  เป็นยุคแห่งการวิจัยที่มีชื่อเสียงที่เรียกว่า Hawthorne Experiment (การทดลองฮอร์ธอร์น) โดย Elton Mayo (เอลตัน เมโย) และคณะ  ทำการทดลองระหว่าง ค.ศ. 1927-1932  โดยได้วิจัยความสัมพันธ์ระหว่างสภาวะจิตใจและร่างกายของคนทำงานตลอดจนสภาพแวดล้อม  สถานที่ทำงาน  ที่มีผลต่อผลผลิตและคุณภาพการผลิต  โดยออกแบบการวิจัยให้มีทั้งการสังเกต  สัมภาษณ์  ทดลอง  และการกำหนดตัวแปร  ทั้งนี้เป็นแนวคิดการศึกษาเชิงมนุษยสัมพันธ์  การจัดการแบบมนุษย์สัมพันธ์ (Human relations)[3]เหตุที่แรงงานได้รับความสนใจมากขึ้น ทำให้ความสนใจที่จะเข้าใจในตัวคนงานและความต้องการต่าง ของคนงานมีมากขึ้นเป็นพิเศษ และทำให้เกิดเรื่องราวของมนุษยสัมพันธ์ขึ้นมา โดยเฉพาะจากโครงการศึกษาที่โรงงาน "Hawthorne"

การทดลองที่ฮอร์ทอร์น (The Howthorn experiments)

 

การศึกษาที่เรียกว่า Hawthorn Study มีขึ้นที่บริษัท Western Electric Company ในชิคาโก ระหว่าง ..1927-1932 การทดลองดังกล่าวกระทำภายใต้ควบคุมของ เอลตัน เมโย (Elton Mayo) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด

 

การศึกษาดังกล่าวนี้เริ่มต้นด้วยการสำรวจความสัมพันธ์ระหว่างสภาพแวดล้อมทางกายภาพ (Physical Environment) กับประสิทธิภาพในการทำงาน (Productivity)

 สภาพแวดล้อมทางกายภาพในลักษณะที่ทำงาน ถูกกำหนดขึ้นโดยปัจจัยต่อไปนี้  
  1. ความเข้มของแสงสว่าง
  2. ระดับของอุณหภูมิ
  3. และเงื่อนไขทางกายภาพในการทำงานอื่น
 

ผลจากการทดลองสรุปได้ว่า ปทัสถานทางสังคมของกลุ่ม (Social Norm of Group) เป็นกุญแจสำคัญในการตัดสินพฤติกรรมในการทำงานของกลุ่ม การที่เราตัดปัจจัยที่เกี่ยวกับปทัสถานทางสังคมของกลุ่มออกไปจากระบบ การบริหารองค์การตามความเชื่อแบบเก่า จะเป็นผลทำให้เราไม่อาจบริหารองค์การให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดได้

  ทฤษฎีของ Elton Mayo

Elton Mayo เป็นบิดาคนหนึ่งในขบวนการมนุษย์สัมพันธ์ เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างคนงานด้วยกันเอง หรือระหว่างกลุ่มของคนงานในอันที่จะเพิ่มผลผลิตในองค์การ การมีการติดต่ออย่างเปิดกว้างระหว่างหัวหน้ากับลูกน้อง การให้โอกาสกับผู้ใต้บังคับบัญชาเข้ามาร่วมตัดสินใจอย่างเป็นประชาธิปไตย การให้ความสำคัญกับผู้ปฏิบัติงานทุกระดับและเอาใจใส่ดูแลเขา ให้ความเป็นกันเองกับเขามากกว่าคนงาน ย่อมทำให้มีผลงานเพิ่มขึ้น

  แนวความคิดของ Mayo จากการทดลองที่ Hawthorn ใกล้เมือง Chicago U.S A สรุปได้ 5 ประการ คือ

ปทัสถานสังคม (ข้อตกลงเบื้องต้นในการทำงาน) คนงานที่สามารถปรับตัวเข้ากับกฎเกณฑ์อย่างไม่เป็นทางการของกลุ่มคนงานด้วยกัน จะมีความสบายใจและเพิ่มผลผลิต มากกว่าคนงานที่ไม่พยายามปฏิบัติหรือปรับตัวเข้ากับกฏเกณฑ์ที่กลุ่มปฏิบัติกัน กฎเกณฑ์เหล่านี้ตกลงกันเองและยึดถือกันภายในกลุ่ม และยังผลให้คนงานมีความรู้สึกว่าตนเป็นส่วนหนึ่งของพรรคพวก

 กลุ่ม พฤติกรรมของกลุ่มมีอิทธิพลจูงใจและสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมของแต่ละบุคคลได้ และกลุ่มย่อมมีอำนาจต่อรองกับฝ่ายบริหารโดยอาจจะเพิ่มผลผลิตหรือลดผลผลิตก็ได้
  1. การให้รางวัล และการลงโทษของสังคมในหมู่คนงานด้วยกัน เช่น การให้ความเห็นอกเห็นใจของกลุ่มแต่ละบุคคล การให้ความนับถือและความจงรักภักดีต่อกลุ่ม และกลุ่มต่อแต่ละบุคคล มีอิทธิพลต่อคนงานมากกว่าการที่ฝ่ายบริหารจะให้รางวัลเป็นตัวเงินต่อคนงานเหล่านี้
  2. การควบคุมบังคับบัญชา การบังคับบัญชาจะมีประสิทธิภาพมากที่สุด ถ้าฝ่ายบริหารปรึกษากลุ่มและหัวหน้าของกลุ่มที่ไม่เป็นทางการนี้ ในอันที่ปฏิบัติงานให้บรรลุเป้าหมายขบวนการมนุษย์สัมพันธ์ต้องการให้ผู้บังคับบัญชาเป็นคนที่น่ารัก เป็นนักฟังที่ดี เป็นมนุษย์ไม่ใช่เป็นนาย ต้องให้ข้อคิดแล้วให้คนงานตัดสินใจ อย่าเป็นผู้ตัดสินใจปัญหาเสียเอง ขบวนการมนุษย์สัมพันธ์จึงเชื่อว่าการสื่อข้อความอย่างมีประสิทธิภาพประกอบกับการให้โอกาสคนงานเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ปัญหา เป็นหนทางที่ดีที่สุดที่จะได้มาซึ่งการควบคุมบังคับบัญชาที่มีประสิทธิภาพ
  3. การบริหารแบบประชาธิปไตย พนักงานทำงานได้ผลงานดีมาก ถ้าเขาได้จัดการงานที่เขารับผิดชอบเอง โดยมีการควบคุมน้อยที่สุดจากผู้บริหาร หลังจากที่ได้มีการปรึกษาร่วมกันแล้ว
  4.  

สรุปได้ว่า Mayo เชื่อว่าหากได้นำวิธีการทางมนุษย์สัมพันธ์ไปใช้ให้ถูกต้องแล้ว จะทำให้บรรยากาศในองค์การอำนวยให้ทุกฝ่ายเข้ากันได้อย่างดีที่สุด คนงานจะได้รับความพอใจสูงขึ้น และกำลังความสามารถทางการผลิตก็จะเพิ่มมากขึ้นด้วย ผลการทดลองนี้ ได้ชี้ให้เห็นถึงอิทธิพลสำคัญของกลุ่มทางสังคมภายในองค์การที่เกิดขึ้นอย่างไม่เป็นทางการ ซึ่งมีพื้นฐานมาจาก "ความรู้สึก" (sentiments) ที่เป็นเรื่องราวทางจิตใจของคนงาน และความสัมพันธ์ทางสังคมระหว่างคนงานด้วยกัน

   

แนวความคิดที่เป็นข้อเท็จจริงที่ได้จากการค้นพบสองประการ คือ พฤติกรรมของคนงานมีการปฏิบัติตอบต่อสภาพแวดล้อมทั้งสองทางด้วยกัน คือ ทั้งต่อสภาพทางกายภาพที่เป็นสภาพแวดล้อมรอบตัว (physical environment) ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมของงาน และยังมีการปฏิบัติตอบต่อสภาพแวดล้อมของเรื่องราวทางจิตวิทยา และสังคมของที่ทำงานด้วย สภาพเหล่านี้ก็คือ อิทธิพลของกลุ่มไม่เป็นทางการ (informal group) การยอมรับในฐานะของตัวบุคคล และการมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ

 รายละเอียดมากกว่านี้ ผมแนะให้อ่านได้จากเว็บ ดังนี้ ]
... โดยเฉพาะพนักงานดาวเด่นว่าพวกเขามีความต้องการอย่างไร ดังต่อไปนี้. Elton Mayo Elton Mayo เป็นนักสังคมวิทยาและนักจิตวิทยาอุตสาหกรรม ...
www.hrcenter.co.th/hrknowview.asp?id=569 - 38k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[DOC]

การจัดองค์การ

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
ทฤษฎีของ Elton Mayo. Elton Mayo เป็นบิดาคนหนึ่งในขบวนการมนุษย์สัมพันธ์ เขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์ระหว่างคนงานด้วยกันเอง ...
isc.ru.ac.th/data/BA0000644.doc - หน้าที่คล้ายกัน
[DOC]

PS 601 บรรยายโดย ผศ

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
เป็นการท้าทายแนวคิดของนักวิชาการรุ่นใหม่ในขณะนั้น ในปี 1924 Elton Mayo และคณะ (Roethlisberger) ได้ไปทดลองที่โรงงานผลิตไส้หลอดไฟฟ้า Hawthorn ของบริษัท ...
www.niparat.co.th/~mapsru7/ps502ex7-4-6.doc - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]

ขอบข่ายทฤษฎีรัฐประศาสนศาสตร์ Scope of Public Administration

รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTML
R. Likert : ‘The Human Organization’. Frederic Herzberg. Elton Mayo :. Mayo เป็นนักวิชาการที่มองกว้าง ศึกษาความสัมพันธ์ระหว่าง. สรีระวิทยากับการทำงานของคน ...
mpa1.awardspace.com/downloads/Scope%205.ppt - หน้าที่คล้ายกัน

โรงพยาบาลเลิดสิน กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

http://mayo-clinic-jacksonville-5oqr.blogspot.com/ <a ... http://elton-mayo-zcuu.blogspot.com/ <a href="http://elton-mayo-zcuu.blogspot.com/">elton mayo</a> ...
www.lerdsin.go.th/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&t=600&postdays=0&postorder=asc... - 121k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

ร้านหนังสือผู้จัดการ

อยากทราบประวัติของ George Elton Mayo กรุณาช่วยตอบด้วยนะค่ะ จะขอขพระคุณมากค่ะ ด่วนมาก ... อยากทราบประวัติของ Elton Mayo และFrederickw. taylor ครับ ...
bookstore.manager.co.th/BookView.asp?ID=3568 - 97k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[DOC]

Neo classical theory

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
Elton Mayo กับการศึกษาที่ Hawthorne. - ทฤษฎีลำดับขั้นความต้องการของ Maslow ... Elton Mayo ถือเป็นบิดาของการจัดการแนวมนุษยสัมพันธ์ เน้นถึงการเข้าใจในตัวของคน ...
www.geocities.com/p_at9/msword001.doc - หน้าที่คล้ายกัน
[DOC]

รัฐประศาสนศาสตร์

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
เอลตัน เมโย (Elton Mayo) นักจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาวาร์ด บิดาของการจัดการแบบมนุษยสัมพันธ์. การศึกษาที่เรียกว่า Hawthorne Study มีขึ้นที่บริษัท Western ...
www.geocities.com/mafa_2548/pa8.doc - หน้าที่คล้ายกัน

:: เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้, ถาม-ตอบปัญหา, และแนะนำเทคโนโลยีทางทหาร ::

... beauty product</a>http://mayo-clinic-jacksonville-zqnm.blogspot.com/<a ... href="http://elton-mayo-gv86.blogspot.com/">Elton mayo</a> ...
www.wing21.rtaf.mi.th/webboard/show.php?Category=wing21&No=3065&page=95 - 150k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

โครงการพัฒนาคุณภาพการศึกษา

Hawthorne Experiment โดย Elton Mayo และคณะ ... 1927 – 1932 ณ บริษัท Western Electric Company ซึ่งเป็นโรงงานผลิตอุปกรณ์ไฟฟ้า โดย Elton Mayo, ...
www.itie.org/old/eqi/modules.php?name=Forums&file=viewtopic&p=3357 - 35k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน


 

Prof.Dr.Wai Chamornmarn Website: นางสาวฉันทนา 4605035486 (รสม.)

... ความเป็นเจ้าของร่วมกันและการมีส่วนร่วมในการทำงาน นักทฤษฎีที่สำคัญได้แก่ Elton Mayo สาระสำคัญตามแนวความคิดของกลุ่มมนุษยสัมพันธ์ได้แก่ ...
www.bangkaew.com/wai/article.php?story=2005111906011462&mode=print - 10k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

Prof.Dr.Wai Chamornmarn Website: สุชานนท์ มงคลธง 4705035030

Elton Mayo ศึกษาการเคลื่อนไหวของความสัมพันธ์ของมนุษย์และสังคมวิทยาอุตสาหกรรม ทำให้ทฤษฎีองค์การต้องหันเหจากความสนใจในเรื่องหลักเกณฑ์พื้นฐานของการจัดการ ...
www.bangkaew.com/wai/article.php?story=20051119055812983&mode=print - 8k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[ ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก www.bangkaew.com ]

Untitled Document

Elton Mayo:ต้นกำเนิดของทฤษฎีมนุษยสัมพันธ์ที่ขัดต่อหลักการของวิทยาศาสตร์การจัดการของ F. Taylor; Herbert A.Simon: Administrative Behavior: 7 ...
tfh.moph.go.th/TAKFAHOME/mpa9.htm - 9k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

Untitled Document

มนุษยสัมพันธ์ภายในองค์การ:Elton Mayo: Hawthorne Experiments/Study(1927-1932): มีปัจจัย ๒ ตัวที่กำหนดปริมาณผลผลิตคือ. ๑.ปทัสถาน( norm)ทางสังคม ...
tfh.moph.go.th/TAKFAHOME/mpa10.htm - 8k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

Siampower.net : หน้า 1089 บริการค้นหาข้อมูล (Search Serive ...

... ฟิสิกส์ election electrical standard electronics.se-ed.com Elton Mayo elvis emailguide emailtraining E-mailดารา e-mailหมายถึง e-Marketing embroider Emei ...
www.siampower.net/keyword/search/1089/index.htm - 156k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

: : รายชื่อผลงานวิจัย : :

... เข้าใจมนุษย์ เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมงาน การยอมรับความสามารถ เห็นคุณค่าของมนุษย์ด้วยกัน การวิจัยของ Elton Mayo ได้ชี้ให้เห็นว่าการที่คนจะทำอะไรก็ตาม ...
www.thaiedresearch.org/result/result.php?id=4898 - 15k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[DOC]

คำบรรยายวิชา PS 705 แนวคิดเชิงทฤษฎีในการบริหารรัฐกิจ

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
-เอลตัน เมโย (Elton Mayo) ผลงานที่สำคัญคือการศึกษาที่ฮอว์ธอร์น (Hawthorne Study) เป็นการทดลองที่ศึกษาพฤติกรรมของคนงานในโรงงาน Western Company Electric ...
www.phanom.ru.ac.th/master/ma6/sum/ps705/PS%20705%20Rawipa%2019%20Aug%202006%20line%203%20(2).doc - หน้าที่คล้ายกัน


 

  


[1] www.geocities.com/mpabuu1kum/20051227.doc -

[2] http://gotoknow.org/blog/sombatn-ednuqakm/95658

[3] isc.ru.ac.th/data/BA0000644.doc

เศรษฐกิจพอเพียงกับการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์

น้อง

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ
สวัสดีหนูผู้ถามคำถามมา 

ขอขอบใจ ที่ให้เกียรติถามมาในเรื่องนี้ 

เกี่ยวกับแนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ขอให้ทำความเข้าใจให้ดี ก่อนที่จะนำไปเชื่อมโยงหรือบูรณาการใช้กับเรื่องอื่น ๆ 

แนวคิดหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มีกรอบแนวคิดอยู่ สามหลัก(ห่วง) สองเงื่อนไข  แต่เพื่อให้เข้าใจง่ายขึ้น ก็คือ

คนเมื่อมีความรู้ หมั่นศึกษาหาความรู้ ก็จะเป็นคนดีมีคุณธรรม

เมื่อมีความรู้ แล้วมีคุณธรรม ก็จะเป็นคนรู้จักเหตุ รู้จักผล คือเป็นคนมีเหตุ มีผล

เมื่อคนรู้จักมีเหตุ มีผล แล้วก็จะรู้จักประมาณ ทำอะไรไม่ประมาท ไม่ Over เกินไป อยู่บนความพอดี

เมื่อมีเหตุมีผล มีความไม่ประมาท ก็จะเป็นคนที่มีภูมิคุ้มกัน มีแผนรองรับปัญหาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นเสมอ

นี่คือแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง กับการบริหารทรัพยากรมนุษย์

ข้อมูลที่ผมมีเยอะ ไม่สามารถวางในนี้ได้  ผมแนะนำให้เข้าไปศึกษาที่เว็บดังนี้

เศรษฐกิจพอเพียง :: การขับเคลื่อน เศรษฐกิจพอเพียง

“จิรายุ“ไขพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง เสริมสร้างภูมิคุ้มกันประเทศ · คนไทยร่วมมือฝังรากเศรษฐกิจพอเพียงสังคมไทยยั่งยืน · ดร. ...
www.sufficiencyeconomy.org/ - 30k - 14 มิ.ย. 2007 - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

เศรษฐกิจพอเพียง :: การขับเคลื่อน เศรษฐกิจพอเพียง

คณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จึงได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ขึ้น เพื่อประสานให้เกิดการนำไปประยุกต์ใช้ในภาคส่วนต่าง ๆ ...
www.sufficiencyeconomy.org/show.php?Id=11 - 21k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[ ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก www.sufficiencyeconomy.org ]

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ระดับชาติ – ชุมชน – ครัวเรือน - ไพบูลย์ ...

แต่การขับเคลื่อน "เศรษฐกิจพอเพียง" ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม โดยเฉพาะในรัฐบาลชั่วคราวที่มีเวลาจำกัดเพียง 1 ปีนั้น ย่อมต้องใช้บุคคลที่มีความรู้ความเข้าใจอย่างสูง ...
gotoknow.org/blog/paiboon/55563 - 146k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

:: BangsaiAgro.com - การสร้างขบวนการขับเคลื่อน “เศรษฐกิจพอเพียง ...

Bangsaiagro.com : Thailand's leading hydroponics farms, Supply hydroponics hobby kits. ปลูกพืชไร้ดิน, การบริโภค ผักโขม ช่วยเลี่ยงการเกิด โรคมะเร็ง ใน ...
www.bangsaiagro.com/news_detail.asp?newsid=055118241497 - 89k - 14 มิ.ย. 2007 - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[PDF]

ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สูภาคปฏิบัติ

รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTML
ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สูภาคปฏิบัติ. รายงานของยูเอ็นดีพีเรียกรองใหภาครัฐภาคเอกชนภาคประชาสังคม. เสริมสรางคุณธรรมนําไปสูสังคมแหงความสุขที่ ...
www.thaiembdc.org/whatsnew/news/undp_thailandsufficiencyeconomy_t.pdf - หน้าที่คล้ายกัน

:: กรมประชาสัมพันธ์ :: The Government Public Relations Department ::

หน่วยงานที่เป็นแกนกลางขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงมี 3 ระดับได้แก่ คณะที่ปรึกษาผู้ทรงคุณวุฒิ คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ พอเพียง ...
www.prd.go.th/p_2549/ecothai_.php?center=973 - 8k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]

pattanathai.nesdb.go.th/PTFweb/PTFdata/community/Y...

รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTML
ขั้นตอนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ระยะเวลา ๒๕๔๗ – ๒๕๕๐ ... การสัมมนาเครือข่ายแกนนำขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ณ โรงแรมคำแสด จ.กาญจนบุรี. ๑,๒๐๐. ๒๙ พ.ค. ๒๕๔๗ ...
หน้าที่คล้ายกัน

การสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

ขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสานต่อความคิดและเชื่อมโยงการขยายผลที่เกิดจาก ... การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง มีเป้าหมายหลักเพื่อสร้างเครือข่ายเรียนรู้ ...
www.eto.ku.ac.th/sufficiencyeconomy/build-th.html - 14k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

สนง.ทรัพย์สินฯ ชู "4 บริษัท" ต้นแบบขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ได้ตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านองค์กรภาคธุรกิจเอกชนขึ้นมาเพื่อสร้างเครือข่าย ...
www.thaiurl.com/05/articles08.htm - 21k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

]

การสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

รูปแบบไฟล์: Microsoft Word - แสดงเป็นแบบ HTML
เสนอให้ริเริ่มการสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อสานต่อความคิดและเชื่อมโยงการขยายผลที่เกิดจาการนำหลักปรัชญาฯ ไปใช้อย่างหลากหลาย ...
www.newsclassroom.obec.go.th/news_file/p70016291033.doc - หน้าที่คล้ายกัน
[PDF]

คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สําน

รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTML
คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง สํานักงานคณะกรรมการ. พัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแหงชาติ (สศช.) ซึ่งมี ดร.จิรายุ อิศรางกูร ณ อยุธยา ...
www.nesdb.go.th/Portals/0/news/common/รวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐ ... - หน้าที่คล้ายกัน

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา - จับฉ่าย - ต้นกล้า

การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียงด้านการศึกษา ในการขับเคลื่อนปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงในภาคการศึกษานั้น จะต้องมุ่งพัฒนาที่ตัวครูก่อนเป็นอันดับแรก ...
gotoknow.org/blog/khanittha9/97271 - 58k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[PDF]

ม.เกษตร ขับเคลื่อน “เศรษฐกิจพอเพียง

รูปแบบไฟล์: PDF/Adobe Acrobat - แสดงเป็นแบบ HTML
เกษตร ขับเคลื่อน “เศรษฐกิจพอเพียง”. รวมเรียนรู สานขาย ขยายผล เพื่อแกปญหาความยากจน. รองศาสตราจารย ดร. ...
pr.ku.ac.th/pr_news/Acrobat/2549/444-49.pdf - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]

ระเบียบวาระการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ครั้ง ...

รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTML
ขั้นตอนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง (๒๕๔๗ – ๒๕๕๐). โดยพื้นฐานก็คือ การพึ่งตนเอง เป็นหลัก การทำอะไรอย่างเป็นขั้นเป็นตอน รอบคอบ ระมัดระวัง; พิจารณาถึงความพอดี ...
www.rtaf.mi.th/rtafgovdev/rtaf_suff-eco-070223.ppt - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]

ระเบียบวาระการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ครั้ง ...

รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTML
แนวทางการประยุกต์ใช้เศรษฐกิจพอเพียง; การขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง. ๑ ความเป็นมาของ ปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง. เป้าหมายของการพัฒนา ...
utcc2.utcc.ac.th/qautcc/ปรัชญา.ppt - หน้าที่คล้ายกัน

เศรษฐกิจพอเพียง :: การสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง

เสนอให้ริเริ่มการสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อสานต่อความคิดและเชื่อมโยงการขยายผล ที่เกิดจากการนำหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงไปใช้อย่างหลากหลาย ...
sufficiency-economy.grandplanet.com/show.php?Id=24 - 28k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

เศรษฐกิจพอvเพียง :: การขับเคลื่อน เศรษฐกิจพอเพียง - หน้าแรก

ได้ริเริ่มการสร้างขบวนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง เพื่อจุดประกายให้เกิดความเข้าใจอย่างถูกต้อง ในหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง ...
sufficiency-economy.grandplanet.com/ - 39k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[ ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก sufficiency-economy.grandplanet.com ]

สพฐ.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง๐คุณหญิงกษมา สั่งสอดแทรกในหลักสูตร

สพฐ.ขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง๐คุณหญิงกษมา สั่งสอดแทรกในหลักสูตร. Source - บ้านเมือง (Th) Friday, February 02, 2007 09:50 คุณหญิงกษมา วรวรรณ ณ อยุธยา ...
www.moe.go.th/news_center/news02022550_15.htm - 5k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[PPT]

ระเบียบวาระการประชุม คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจพอเพียง ครั้ง ...

รูปแบบไฟล์: Microsoft Powerpoint - แสดงเป็นแบบ HTML
1. การประยุกต์ใช้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ในสหกรณ์. เอนก ถนอมทรัพย์. ผู้ตรวจราชการกรม. 2. กระแสหลัก. กระแสรอง/ทางเลือก. เศรษฐกิจทุนนิยม. (Capitalism economy) ...
210.246.196.13/ewt/web_cpd/download/data/240550/3-3.ppt - หน้าที่คล้ายกัน

 

การจัดการ การเปลี่ยนแปลง

สวรินทร์

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีหนูผู้ถามคำถามมา

 ขอขอบใจ ที่ให้เกียรติยกย่องว่า ผมเป็นผู้รู้กว้างขวางคนหนึ่งของเมืองไทย  ผมเป็นคนธรรมดา ครับ  คิดว่าตัวเองยังไม่รอบรู้ จึงต้องรู้รอบ เรียนรู้ตลอดชีวิตขออภัยด้วยที่เข้ามาตอบช้า  อย่างไรก็ตาม จะตอบไปเผื่อหนูจะนำไปใช้ในงานอื่น ๆ และที่หนูถามมา ผมทวนคำถามได้ดังนี้

1. ในภาวะปัจจุบันนี้ผลกระทบเรื่องต่างๆที่เกิดขึ้น ต่อตัวท่านเอง / องค์กร / สังคม มีอะไรบ้าง  ตอบสั้น ๆ ได้ว่า  มี PEST ในภาวะปัจจุบันที่ทั่วทุกมุมโลกมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทาง สิ่งที่เปลี่ยนแปลง ได้แก่ (PEST)

  • การเมือง (Political)
  • เศรษฐกิจ (Economy)
  • สังคม(Social) และ
  • เทคโนโลยี (Technology)

เมื่อระบบการเมืองดี   นักลงทุนกล้าลงทุน  เริ่มมีการจ้างงาน  คนมีงานทำ มีเงินมาใช้จ่าย เศรษฐกิจเริ่มดี  คนอยู่เย็นเป็นสุข มีปัญญาหาทางเรียนรู้เพิ่มเติม หา IT มาใช้ในการดำเนินชีวิต ให้สะดวก รวดเร็วยิ่งขึ้น สังคมเป็นสุข

ในทางตรงกันข้าม ถ้าระบบการเมืองไม่ดี  นักลงทุนไม่เชื่อมั่น งดหรือชลอการลงทุน ไม่มีการจ้างงาน ลดคนงาน คนว่างงานมากขึ้น คนขาดรายได้ งดใช้จ่าย ไม่มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ เศรษฐกิจตกต่ำ ไม่มีปัญญาไปหา เทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้พัฒนางาน ประเทศชาติก็ยากจนลง ครับ

 ประเทศต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นประเทศด้อยพัฒนาทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมหรือประเทศที่พัฒนาแล้วต่างอยู่ในภาวะที่ต้องมีการปรับตัวกันอย่างมาก  ประเทศไทยก็เช่นเดียวกัน 

ฉะนั้นจึงถือได้ว่าเราทุกคนต่างดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะรูปแบบทางการเมือง เศรษฐกิจ สังคมที่เกิดขึ้น ผู้ที่มีโอกาสรับทราบข้อมูลข่าวสารจากช่องทางการสื่อสารที่รวดเร็ว ทันสมัย สะดวก ทันต่อเหตุการณ์ และพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมีศักยภาพ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง 

2. จากผลกระทบนั้นท่านได้ปรับเปลี่ยนวิธีการหรือ Re-engineering กับตัวเอง / องค์กร และสังคม อย่างไร

ตามที่ได้เกริ่นไว้แล้วว่า เราทุกคนต่างดำเนินชีวิตอยู่ในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะการเปลี่ยนแปลงของปัจจัยภายนอกบ้าน นอกองค์กร เช่นปัจจัยทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และเทคโนโลยีฯที่เกิดขึ้น ผู้ที่มีโอกาสรับทราบข้อมูลข่าวสารจากช่องทางการสื่อสารที่รวดเร็ว ทันสมัย สะดวก ทันต่อเหตุการณ์ และพึ่งพาเทคโนโลยีใหม่ ๆ จะมีศักยภาพ พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง  ยุคนี้ เป็นยุคเศรษฐกิจฐานความรู้  คนหรือองค์การ หรือสังคมที่มีความรู้ เรียนรู้อยู่เสมอจะได้เปรียบ และสามรถอยู่รอดได้ฉะนั้น ไม่ว่า ระดับคน ครอบครัว องค์กร สังคม

ในโลดกของการเปลี่ยนแปลง หากต้องการประสบความสำเร็จ ความสุข ต้องปรับตนเอง ปรับและพัฒนาคนในองค์การ ตามแนวคิจดหลักปรัชญาเศณษฐกิจพอเพียง สามารถ นำมาใช้เป็นแนวทางในการพัฒนา หรือ Re-engineering ความคิด การกระทำของตนเอง ให้เป็นคนที่

  1. มีความรอบรู้
  2. มีคุณธรรม
  3. มีเหตุมีผล
  4. รู้จักประมาณตน
  5. และมีวิสัยทัศน์ กว้างไกล มีแผนรองรับไว้เสมอหากมีปัญหาก็เอา แผน 2 3 4 มาใช้ต่อไป
 

3. ท่านได้เตรียมความพร้อมกับผลกระทบต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นได้อย่างบ้าง  

ในระดับองค์การ ควรต้องเตรียมพร้อมเรื่องทรัพยากรในทางการบริหาร โดยเฉพาะทรัพยากรมนุษย์ ต้องพัฒนาให้เขามีความรู้ มีปัญญา พร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลง

ในระดับบุคคล  ต้องฝึกตนเองให้เป็นคนมีประสิทธิภาพ ด้วยนิสัย 7 ประการ ผมเคยอ่านหนังสือ 7 Habits ของสตีเวน โควี่ อธิบายไว้ว่า ถ้าต้องการเป็นคนที่ประสบความสำเร็จ และเป็นคนมีประสิทธิภาพ สามารถพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงได้เสมอ ให้ฝึกตนให้มีนิสัย เจ็ดประการดังนี้

  1. นิสัยก้าวหน้าสร้างสรรค์  โดยเสนอให้สร้างความเชื่อว่า  มนุษย์นั้นเลือกกำหนดชะตาชีวิตของตนเองให้มีความสำเร็จมีศักดิ์ศรีได้  ด้วยการฝึกนิสัยให้คิด  พูด  และทำเรื่องราวต่าง ๆ อย่างถูกหลักคุณธรรม  ฝึกไม่ให้คิดโทษคนอื่น  ให้เปลี่ยนนิสัยตนเองให้เป็นคนดีเสียก่อนเพื่อที่จะได้มีอิทธิพลเหนือคนอื่นโดยเฉพาะฝึกให้รักษาคำพูด  รักษาเกียรติเพื่อให้ผู้อื่นเชื่อถือไว้วางใจ
  2. นิสัยเป็นผู้กำหนดเป้าหมายแห่งชีวิตของตน  โดยกำหนดว่า  ในแต่ละบทบาท เช่น  เป็นพนักงาน  ผู้ปกครอง  บุตร  เพื่อน  นั้น  จะต้องมีพฤติกรรมอย่างไรจึงจะถูกทำนองคลองธรรมและเหมาะสมกับกาลเทศะ  โดยกำหนดไว้เป็นลายลักษณ์อักษร  รวมทั้งเป็นพันธกรณีที่จะต้องถือปฏิบัติอย่างสม่ำเสมอเป็นนิสัย
  3. นิสัยนักบริหารเวลา  โดยจัดทำรายงานที่จะต้องทำแต่ละวัน  พร้อมทั้งระยะเวลาที่จะต้องใช้ในการทำงานแต่ละรายการไว้  ทั้งนี้ให้จัดลำดับ  ความสำคัญของงานและให้ถือว่างานพัฒนานิสัย  7  ประการ  เป็นภารกิจที่มีความสำคัญสูงสุด  ซึ่งต้องกันเวลาแต่ละวันไว้สำหรับใช้พัฒนาตนในเรื่องนี้              โควี่กล่าวว่า  การพัฒนานิสัยประการที่ 1,2,3  เป็นการฝึกเพื่อให้มีชัยชนะต่อตนเองและเพื่อเป็นพื้นฐานที่สำคัญที่จะเอื้อให้พัฒนานิสัยอีก  4  ประการ  อันจะทำให้มีชัยชนะหรือมีอิทธิพลเหนือผู้อื่น
  4. นิสัยนักคิดแบบชนะ/ชนะ  โดยฝึกตนให้มีจิตใจเมตตา  เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่  มีใจกว้างและให้เชื่อว่า  ในความสัมพันธ์กับผู้อื่นนั้น  จะต้องแสวงหาช่องทางให้ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องได้ประโยชน์  คือเป็นผู้ชนะทุกฝ่าย
  5. นิสัยเป็นผู้แสวงหาความเข้าใจของผู้อื่นก่อน  โดยพยายามทำความเข้าใจให้ถ่องแท้ในคำพูด  ท่าทาง  ความคิด  ข้อมูล  ความรู้สึก  ความต้องการสิทธิประโยชน์ความวิตกกังวลและอารมณ์ของฝ่ายที่ติดต่อสัมพันธ์ด้วย  แล้วจึงหาวิธีทำให้ฝ่ายเขาเข้าใจเรา
  6. นิสัยนักสร้างพลังร่วม  โดยสามารถดึงเอาพลังสร้างสรรค์หรือจุดแข็งของฝ่ายที่เราติดต่อด้วยมาผสมผสานกับจุดแข็งของเรา  จนทำให้เกิดพลังร่วมที่เพิ่มพูนผลประโยชน์แก่ทั้งสองฝ่ายได้เป็นอย่างดี
  7. นิสัยนัก ลับเลื่อย  คือหมั่นฝึกฝนตนเองอย่างต่อเนื่องใน  4  ด้าน  ได้แก่ 

  • ด้านความสมบูรณ์แข็งแรงของร่างกาย  
  • ด้านความรู้ความเฉลียวฉลาด 
  • ด้านสมรรถภาพจิตและ
  • ด้านทักษะเกี่ยวกับมนุษยสัมพันธ์
        ผู้ใดสามารถฝึกนิสัยตามที่โควี่แนะนำได้  ย่อมจะเกิดคุณประโยชน์อย่างยิ่งต่อตนเองแก่ครอบครัว  แก่ผู้ที่ติดต่อเกี่ยวข้องด้วย  และโดยเฉพาะแก่องค์กรของเราอย่างแน่นอน 

ขอให้หนูจงโชคดี

การจ่ายชดเชยในวันหยุด

อ้น

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ

ต้องขออภัยด้วย ที่เข้ามาตอบคำถามช้าไปหลายวัน  ช่วงนี้ ติดกิจกรรมหลากหลาย และติดตามข่าวสารการบ้านการเมือง ที่เข้ามาเป็นกระแสคลื่น ไม่หยุดนิ่ง และสภาวะเศรษฐกิจ อันมีผลกระทบกับปัญหาการเมือง  ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้  

ที่ท่านถามมา จับประเด็นได้ว่า มี สองคำถามใหญ่ ๆ คือ

1.   เมื่อพนักงานลาหยุดงานบริษัทต้องจ่ายชดเชยในเรื่องใดบ้างครับ

2.   และแต่ละเหตุผลการของพนักงานสามารถลาได้กี่วัน-ลาป่วย-ลากิจ-ลาคลอด-ลาบวช-แผนการลาใน 1 ปี

คำตอบที่แนะนำมีดังนี้

1.   เมื่อพนักงานลาหยุดงาน  บริษัทต้องจ่ายชดเชยในเรื่องใดบ้างครับ  ตอบว่า มาตรา 118 ใน กฎหมายแรงงาน  พ.ร.บ.ค้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ให้นายจ้างจ่ายค่าชดเชยแก่ลลูกจ้าง ซึ่งเลิกจ้าง เมื่อพนักงานลาหยุด จึงไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ครับ  

2.   และแต่ละเหตุผลการของพนักงานสามารถลาได้กี่วัน-ลาป่วย-ลากิจ-ลาคลอด-ลาบวช-แผนการลาใน 1 ปี

ตอบ  การลาป่วย  พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 มาตราที่ 32 ให้ลูกจ้างมีสิทธิลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง แต่หากการป่วยเนื่องมาจากประสบอันตรายจากการทำงาน และวันลาเพื่อคลอดบุตร ตามมาตรา 41 มิให้ถือเป็นวันลาป่วยตามมาตรา นี้ 

การลากิจ ขึ้นอยู่กับบริษัท ว่าระบุไว้กี่วัน ต้องปฏิบัติตามนั้น การลากิจ ก.ม. ไม่ได้ระบุว่าต้องให้ลากี่วัน  ขึ้นอยู่กับสภาพการจ้าง ระเบียบข้อบังคับการทำงานเขียนไว้อย่างไร ให้ปฏิบัติตามนั้น 

การลาบวช พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ไม่มีระบุไว้  การลาบวช ขึ้นอยู่กับการตกลงกันระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง หรือตามที่ระบุไว้ในระเบียบข้อบังคับในการทำงาน 

การลาคลอด พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 หมวด 3 มาตรา 41 ให้ลูกจ้างที่มีครรภ์ มีสิทธิลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์หนึ่งไม่เกิน 90 วัน ครับ 

แผนการลาใน 1 ปี ตรงนี้ ถ้าถามว่า “แต่ละเหตุผลการของพนักงานสามารถลาได้กี่วัน”  ตรงนี้ ไม่เข้าใจคำถาม   แต่อย่างไรก็ตาม แผนการลาประจำปี ที่ผมเคยทำก็คือ แผนการลาพักผ่อนประจำปี ให้กับพนักงานระดับหัวหน้างาน  (มาตราที่ 30 ใน พ.ร.บ. คุ้มครองแรงงาน 2541 ระบุไว้ว่า พนักงานที่ทำงานติดต่อกันมาแล้วครบ 1 ปี มีสิทธิหยุดพักผ่อนประจำปีได้ปีหนึ่งไม่น้อยกว่า 6 วันทำงาน  ในปีต่อมานายจ้างอาจกำหนดวันหยุดพักผ่อนประจำปีให้แก่ลูกจ้างมากกว่า 6 วันทำงาน  ก็ได้)  

การบริหารงานบุคคลภาครัฐ

jax

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ ท่านผู้ถามคำถามมา 

ผมต้องขออภัยด้วย ที่เข้ามาตอบคำถามช้าไปหลายวัน

 ช่วงนี้ ติดกิจกรรมหลากหลาย และติดตามข่าวสารการบ้านการเมือง ที่เข้ามาเป็นกระแสคลื่น ไม่หยุดนิ่ง และสภาวะเศรษฐกิจ อันมีผลกระทบกับปัญหาการเมือง  ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้  

สำหรับสิ่งทีถามมาว่า “จะหาบทความเกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐเป็นภาษาอังกฤษและคำแปลได้ที่เว็บไหน”  ผมไม่แน่ใจว่าท่านมีวัตถุประสงค์อย่างไร  ถ้าทราบวัตถุประสงค์ ผมอาจจะแนะนำวิธีการไปสู่สิ่งที่ต้องการให้ได้  มากกว่าเน้นวิธีการ 

อย่างไรก็ตาม ถ้าวัตถุประสงค์ต้องการเพื่อศึกษาและพัฒนาด้านภาษาอังกฤษ โดยการศึกษาจากบทความ ภาษาไทยแลภาษาอังกฤษ  ที่ผมเคยใช้ คือ ศึกษาจากกระแสพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในวโรกาสต่าง ๆ จะศึกษาจากเว็บ น.ส.พ. ไทย และ น.ส.พ. ภาษาอังกฤษ ในวันเดียวกัน คัดกระแสพระราชดำรัสทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษ มาศึกษาสำนวน ศัพท์

นอกจากนี้ วารสารรายปักษ์ชื่อ The Future วางขายตามแผงหนังสือในร้านหนังสือใหญ่ ๆ จะมีบทความภาษาไทย ภาษาอังกฤษ ในเรื่องเดียวกัน เพื่อให้ศึกษาภาษาอังกฤษ และได้สาระไปด้วย 

ถ้าวัตถุประสงค์ต้องการศึกษาเจาะลึก องค์ความรู้เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคลภาครัฐ โดยต้องการหาจากบทความเกี่ยวกับการบริหารงานภาครัฐเป็นภาษาอังกฤษและแปลเป็นภาษาไทย ค่อนข้างหายาก ผมใช้วิธีการหาจากบทความภาษาอังกฤษ จากเว็บ แล้วแปลเอาเอง  เช่น จากเว็บ

http://www.dpc.wa.gov.au/psmd/services/hrquestions/hrqest01.html

http://www.hr-guide.com/

หรืออาจจะหาอ่านจาก บทความรายงาน การบริหาร การพัฒนา ในระดับอาเซี่ยน ที่มีการจัดทำโดยหน่วยงานราชการ เช่น

  1.  รายงานความก้าวหน้าในการดำเนินการของศูนย์ข้อมูลของอาเซียนของประเทศไทย (Update on ARC
  2.  รายงานประเทศ (Country Paper) เรื่อง Leveraging Human Capital and Leadership in the Thai Civil Service
  3.    รายงานเทคนิค (Technical Paper) เรื่อง The Study of Competency Model for the Thai Civil Service
  4. รายงานความก้าวหน้าโครงการ ACCSM (Update on ACCSM) เรื่อง Conducting IDP Study: A Case of the Civil Service Training Institute’s Staffs 

 

โดยสำนักงาน ก.พ. เป็นผู้รับผิดชอบศูนย์ข้อมูลเฉพาะทางด้าน Leadership Development  โดยปกติเอกสารที่ทางราชการทำเช่นนี้มักจะมีสองภาษา  อาจจะลองตรวจสอบดู 

นอกจากนี้ บทความจากวารสารของสถาบันทรัพยากรมนุษย์ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ หรือบทความจากวารสาร “คน” วารสารของสมาคมการบริหารงานบุคคลแห่งประเทศไทย ผมเคยเห็นว่ามี แต่นานมากแล้ว อาจจะค้นหาได้ที่ห้องสมุดของมหาวิทยาลัย 

การบริหารงานบุคคล ภาครัฐ-ภาคเอกชน มีกระบวนการในการบริหารงานบุคคลเหมือนกัน จึงอาจศึกษาได้จากหนังสือ หรือเว็บเกี่ยวกับ HRM HRD ทั่วไป 

การบริหารจัดการ ในอนาคต จะเป็นการบริหารการเปลียนแปลง การบริหารจัดการสมัยใหม่   New Modern Manangement tools จะไม่เขียน Public and Private Management แต่จะเขียน Public-Private Management  

อย่างไรก็ตาม ภาครัฐและเอกชนอาจจะต่างกันบ้างเล็กน้อย เช่น วิธีการบริหารค่าตอบแทน  วิธีการสรรหา คัดเลือก เป็นต้น 

หรือหากการอ่านบทความจากภาษาอังกฤษ ถ้ามีอุปสรรคกับการแปลจากอังกฤษมาไทย เกรงว่าจะเสียเวลา เดี๋ยวนี้ก็มีโปรแกรมแปล ช่วยแปลได้บ้าง 

หรือถ้ารีบ ก็จ้างบริษัทที่รับแปลเอกสาร แต่ต้นทุนจะสูงมาก  ก็เลือกวิธีการเอาว่า วิธีการใดจะบรรลุเป้าหมายที่ท่านผู้ถาม ต้องการ

แต่การแปลเองดีที่สุด อาจจะเสียเวลา แต่ระยะยาว จะไม่เสียเวลาอีกต่อไปครับ

HR กับ พนักงาน

ปุ้ม

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ผมจับประเด็นปัญหา ได้ว่า  หนึ่งพนักงานทำไม่ถูกระเบียบวินัย  สองคือ ปัญหาการภาวะผู้นำ ศิลปะการเป็นผู้นำของผู้บังคับบัญชาในองค์การ เพราะถ้าไม่มีปัญหานี้ พนักงานก็คงอยู่ในวินัย และฝ่าย HR ก็จะไม่เป็นแพะ รับเละทุกเรื่อง สามคือปัญหาด้านกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ ไม่ชัดเจน ขาดการมีส่วนร่วมจากหน่วยงานอื่น ๆ และ สี่คือปัญหาระหว่างกลยุทธ์องค์การ สภาพแวดล้อมองค์การ ลักษณะจำเพาะขององค์การ และกลยุทธ์ HR อาจจะไม่สัมพันธ์กัน 

จึงทำให้เกิดปัญหาและคำถาม  ที่ถามมา คือ HRควรวางตัวกับพนักงานอย่างไร? จะ treat พนักงานแบบไหนดี?ครับ คำถามที่ถามมา เป็นประเด็นเกี่ยวกับยุทธศาสตร์การบริหาร HR คือ จะจัดการอย่างไร ให้บรรลุเป้าหมาย และขจัดปัญหาต่างๆ  ไปด้วยดี แต่ข้อมูลที่ให้มา ไม่ได้บอกว่า เป็นธุรกิจอะไร ธุรกิจของบริษัทนี้ ผลิตอะไร ใครคือลูกค้า  ยุทธศาสตร์ของบริษัท ใช้ยุทธศาสตร์ธุรกิจอะไรถ้ามีข้อมูลไม่ละเอียด ผมไม่สามารถให้คำแนะนำ แบบเจาะลึกได้

อย่างไรก็ตาม HR ยุคใหม่ ควรรู้ด้วยว่า ธุรกิจที่บริษัทที่ตนเองทำงานอยู่ ใช้กลยุทธ์ธุรกิจแบบใด เพราะกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ต้องสอดคล้องกับกลยุทธ์ธุรกิจ ลักษณะเฉพาะขององค์การและ สภาพแวดล้อมของธุรกิจด้วย ดังนี้ 

 Michael E. Porter ได้ให้แนวคิดเกี่ยวกลยุทธ์การสร้างความได้เปรียบเชิงการแข่งขันในการบริหารธุรกิจ ไว้ว่า องค์การที่ประสบความสำเร็จ มักจะมีกลยุทธ์การจัดการที่ชัดเจน และจากการศึกษาวิจัย องค์การต่าง ๆ ที่ประสบความสำเร็จ พบว่า กลยุทธ์ในการบริหารที่แต่ละองค์การนำมาใช้ มีต่อไป ดังนี้

1.      กลยุทธ์ การเป็นผู้นำในเรื่องต้นทุน(Cost Leadership) โดยปกติกำไรของธุรกิจจะเท่ากับราคาขายลบต้นทุน(กำไร= ขาย-ต้นทุน) ดังนั้นเมื่อต้องการให้มีกำไรสูงขึ้นมี 2 วีคือ 1) การเพิ่มราคาขาย หรือ 2) การลดต้นทุน ซึ่งบริษัทส่วนใหญ่เลือกที่จะลดต้นทุน ซึ่งเป็นวิธีที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับแนวคิดทางการจัดการคือ การเพิ่มประสิทธิภาพ (Efficiency) การเพิ่มประสิทธิผล(Effectiveness) และผลิตภาพ(Productivity) กลยุทธ์การลดต้นทุนจึงเป็นกลยุทธ์แรก ในการดำเนินธุรกิจ ที่หลายองค์การทำกัน

2.      กลยุทธ์ สร้างความแตกต่าง (Differentiation) เป็นการสร้างคุณค่าให้เกิดขึ้นในตัวสินค้า ซึ่งนำมาซึ่งความแตกต่างจากคู่แข่งขันรายอื่น ๆ เป็นกลยุทธ์ที่มักจะมีการส่งเสริมให้มีการพัฒนาการทำงาน  พัฒนาบุคลากร กระบวนการผลิต รูปแบบสินค้าและบริการอยู่ตลอดเวลา เพราะคุณค่าที่เคยมีในอดีตและปัจจุบัน อาจจะไม่เป็นที่ยอมรับจากผู้บริโภคเมื่อกาลเวลาเปลี่ยนไป  ความสำเร็จในอดีต จึงไม่สามารถรับรองความสำเร็จในอนาคตได้  กลยุทธ์ที่จึงถูกนำมาใช้เพื่อสร้างคุณค่าของผลิตภัณฑ์ ให้องค์การ 

3.      กลยุทธ์ การมุ่งจุดสนใจ (Focus Strategy) ในกลยุทธ์นี้อาจจะแยกออกเป็น 

·  การมุ่งจุดสนใจไปที่ลูกค้า  ซึ่งอาจจะเป็น กลุ่มลูกค้าต่างประเทศ หรือ ต่างประเทศ เด็ก ผู้หญิง กลุ่มพ่อบ้าน กลุ่มแม่บ้าน กลุ่มฐานะปานกลาง กลุ่มคนสูงอายุ ฯลฯ โดยจะทำการศึกษาและให้ความสำคัญแก่ความต้องการ ความพึงพอใจของลูกค้าในแต่ละกลุ่มซึ่งเป็นกลุ่มที่ธุรกิจให้ความสนใจ

·  การมุ่งจุดสนใจไปผลิตภัณฑ์ เพื่อพัฒนาตัวเองสู่ความเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมนั้น โดยมุ่งความสนใจไปผลิตในสิ่งที่ตนเองถนัดและมีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง จะสร้างให้เกิดความได้เปรียบทางการแข่งขัน

·  การมุ่งจุดสนใจไปที่ตลาด อาจจะเป็นตลาดใหม่หรือตลาดเฉพาะ องค์การจึงจำเป็นต้องเลือกใช้กลยุทธ์ที่มีลักษณะเฉพาะพิเศษให้เหมาะสมกับความต้องการของตลาดนั้น ที่มีความแตกต่างในเรื่องความต้องการสินค้ากลยุทธ์การมุ่งจุดสนใจนี้อาจมีการพิจารณาทั้ง ลูกค้า ผลิตภัณฑ์ และตลาดไปพร้อม ๆ กันก็ได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่สิ่งแวดล้อมขององค์การ  

ตาราง 1เปรียบเทียบกลยุทธ์ธุรกิจ ลักษณะจำเพาะขององค์การ และกลยุทธ์ด้าน HR 

กลยุทธ์ธุรกิจ

ลักษณะจำเพาะขององค์การ กลยุทธ์ด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์
กลยุทธ์ด้านราคา( cost leadership)
  • มีเงินทุนเพียงพอ
  • ควบคุมการปฏิบัติงานของพนักงานอย่างใกล้ชิด.
  • ควบคุมต้นทุนการผลิตจอย่างเข้มงวด โดยตรวจสอบรายละเอียดทุกขั้นตอน 
  • ระบบการผลิตสินค้าที่มีต้นทุนต่ำ 
  • เน้นการทำงานตามสายการบังคับบัญชาและความรับผิดชอบ
  • ออกแบบสินค้าให้ง่ายและสะดวกในการผลิต
  • การทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ 
  • กำหนดหน้าที่ความผิดชอบด้านใดด้านหนึ่ง ไว้อย่างชัดเจน 
  • กำหนดแผนการปฏิบัติงานไว้อย่างละเอียดชัดเจน
  • การรับพนักงานที่เน้นการมีความรู้และทักษะเฉพาะด้าน 
  • เน้นการฝึกอบรมให้มีความรู้ในงานที่รับผิดชอบ
  • ใช้การประเมินผลการปฏิบัติงาพนักงานเป็นเครื่องมือในการควบคุมพนักงาน 
กลยุทธ์การสร้างความแตกต่างจากผู้อื่น(Differentia-tion)
  • มีจุดแข็งด้านการตลาด 
  • มีความสามารถในด้านการออกแบบและการผลิตสินค้า
  • มีจุดแข็งด้านการวิจัยพัฒนา มีชื่อเสียงเป็นผู้นำด้านคุณภาพและเทคโนโลยี
  • มีศักยภาพในการดึงดูดผู้ที่มีความรู้ความสามารถ ความชำนาญสูงหรือผู้ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์
  • เน้นนวัตกรรมและความยืดหยุ่น
  • เน้นให้พนักงานมีความรู้และทักษะสามารถทำงานได้หลายด้าน หยุ่น
  • กำหนดแผนการปฏิบัติงานไว้คร่าว ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการปรับเปลี่ยน หยุ่น
  • การสรรหาพนังกานจากภายนอก 
  • ฝึกอบรมให้ทำงานเป็นทีม 
  • กำหนดอัตราค่าจ้างตามความรู้ความสามารถของพนักงานแต่ละคน
  • ใช้การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานเป็นเครื่องมือในการพัฒนาพนักงาน
กลยุทธ์เน้นมุ่งจุดสนใจ (Focus Strategy)Customer Focus
  • Quality Focus
  • Market Focus
 
  • ลักษณะเฉพาะขององค์การที่ใช้กลยุทธ์นี้ จะมีลักษณะองค์การแบบผสมผสานระหว่างองค์การที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคากับกลยุทธ์ด้านการสร้างความแตกต่างจากผู้อื่นโดยเน้นที่กลุ่มเป้าหมายกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งเป็นการเฉพาะเช่น .
  • ผลิตสินค้าตามความต้องการของลูกค้า              
  • เน้นการวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างนวัตกรรม เพื่อสร้างคุณค่าในตัวสินค้า .
  • เน้นการทำงานตามสายการบังคับบัญชาและความรับผิดชอบ
  • ผสมผสานระหว่างกลยุทธ์ด้านการจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ใช้กลยุทธ์ด้านราคากับกลยุทธ์สร้างความแตกต่างจากผู้อื่น เป็นแนวทางในการบริหาร เช่น
  • กำหนดอัตราค่าจ้างตามความรู้ความสามารถของพนักงานแต่ละคน
  • จ่ายค่าตอบแทนตามความสามารถในการผลิตสินค้า/บริการ
  • ไม่ส่งเสริมให้มีสหภาพแรงงาน 
  • ในกรณีที่มีสหภาพเกิดขึ้นแล้ว จะมีการบริหารสหภาพให้เป็นไห้เกิดประโยชน์สูงสุดกับองค์
  • ฝึกอบรมให้ทำงานเป็นทีม  กำหนดแผนการปฏิบัติงานไว้คร่าว ๆ เพื่อให้สะดวกต่อการปรับเปลี่ยน หยุ่น

  

กลยุทธ์ การจัดการทรัพยากรมนุษย์ต้องสอดคล้องและเหมาะกับสภาพแวดล้อมของบริษัทฯ (Fit with the environment)   การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่ดี ต้องช่วยให้องค์การธุรกิจมีความสามารถในการแสวงหาโอกาสของการดำเนินธุรกิจจากสิ่งแวดล้อมอย่างมีประสิทธิผล หรืออยู่รอดในสิ่งแวดล้อมได้เป็นอย่างดี  การพิจารณาสิ่งแวดล้อมขององค์การ อาจแยกพิจารณาได้ 4 มิติ โดยย่อ ดังนี้1.    สิ่งแวดล้อมที่มีระดับความไม่แน่นอน (Degree of uncertainty) ซึ่งสะท้องถึงปริมาณข้อมูลข่าวสารที่มีความถูกต้องและสามารถจะนำมาใช้ประกอบการตัดสินใจทางธุรกิจได้2.    ความถี่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น (Volatility) 3.   ขนาดของอการเปลี่ยนแปลง(Magnitude of change) และ 4.   ขนาดของความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อบริษัท(Complexity) สิ่งแวดล้อมดังกล่าวมีระดับความเข้มของมิติย่อยทั้ง 4 ด้านต่างกันซึ่งส่งผลต่อการเลือกใช้กลยุทธ์การจัดกรทรัพยากรมนุษย์แตกต่างกัน ดังสรุปได้ในตารางดังนี้ 

ตาราง 2 เปรียบเทียบกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรมนุษย์ที่สอดคล้องกับสิ่งแวดล้อมธุรกิจ(องค์การ)

มิติของสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจ

ระดับต่ำ(Low) ระดับสูง(High)
สิ่งแวดล้อมมีระดับของความไม่แน่นอนทางธุรกิจ (Degree of uncertainty)
  • กำหนดแผนการปฏิบัติงานไว้ละเอียดแน่นนอนชัดเจน
  • ฝึกอบรมให้มีความรู้เฉพาะในเรื่องงานที่รับผิดชอบ
  • อัตราค่าจ้างคงที่
  • ทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
  • การกำหนดแผนการปฏิบัติงานไว้คร่าว ๆ หรือให้มีความยืดหยุ่นในการปรับเปลี่ยน
  • ฝึกอบรมให้พนักงานมีความรอบรู้ทั่วไป
  • การจ้างในอัตราที่แปรผัน
  • การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจากหลายฝ่ายทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและลูกน้อง
ความถี่ของการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น(Volatility) 
  • เน้นการควบคุม
  • เน้นการทำงานให้มีประสิทธิภาพ
  • ฝึกอบรมให้มีความรู้เฉพาะเรื่องงานที่รับผิดชอบ
  • อัตราค่าจ้างคงที่
  • การยืดหยุ่น
  • นวัตกรรมฝึกอบรมให้พนักมีความรอบรู้ทั่วไป
  • การจ้างในอัตราแปรผัน
ขนาดของการเปลี่ยนแปลง (Magnitude of change)
  • กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบในด้านใดด้านหนึ่งอย่างชัดเจน
  • ระบบการจ้างและการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ทำอย่างเป็นทางการ
  • องค์การฝึกอบรมให้พนักงานมีความรู้/ทักษะ ตามที่องค์การต้องการเอง
  • การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานด้วยวิธีการอย่างเดียวกันเหมือนกันทุกคน
  • กำหนดหน้าที่ความรับผิดชอบให้พนักงาน ทำงานได้หลายอย่าง
  • ระบบการจ้างและการปฐมนิเทศพนักงานใหม่ทำอย่างไม่เป็นทางการ
  • เป็นการรับคนที่มีความรู้ทักษะดีอยู่แล้วเพื่อเข้ามาทำงานได้เลย
  • การประเมินการปฏิบัติงานปรับให้เหมาะสมกับพนักงานแต่ละคนแต่ละกลุ่ม
ขนาดของความสลับซับซ้อนของปัจจัยต่าง ๆ ที่มีผลกระทบต่อองค์การธุรกิจ(Complexity)
  • เน้นการควบคุม
  • การสรรหาจากภายใน
  • การตัดสินใจในกระบวนการบริหารทรัพยากรมนุษย์ รวมศูนย์อยู่ที่ฝ่ายทรัพยากรมนุษย์
  • ทำงานตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา
  • ความยืดหยุ่น
  • การสรรหาจากภายนอก
  • การ กระจายอำนาจ การตัดสินใจ
  • การประเมินผลการปฏิบัติงานของพนักงานจากลายฝ่ายทั้งทั้งผู้บังคับบัญชา เพื่อนร่วมงานและลูกน้อง

(มีต่อในบลีอคความคิดเห็น)

การบริหารเชิงกลยุทธเป็นการบริหารงานระบบใหม่ในเมืองไทยใช่หรือไม่

Miss Benjaporn Thairungrot

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ
 การบริหารเชิงกลยุทธ์ มีจุดเริ่มต้นและพัฒนาการมานาน คำว่า กลยุทธ์ มาจากคำภาษาอังกฤษที่ว่า "Strategy" มีรากศัพท์ มาจากภาษากรีกโบราณว่า "Strategos" แปลว่า นายพลผู้นำทัพ หรือแปลว่า การวางกลวิธีเพื่อโจมตีฝ่ายศัตรู ด้วยการใช้กำลังทหาร และอาวุธสงครามนานาชนิด อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเป้าหมายว่าจะต้องได้ชัยชนะในการรบ 

การบริหารเชิงกลยุทธ์ เริ่มใช้ในทางการทหาร ถือกันว่า ตำรากลยุทธ์ในการทำสงครามของนักยุทธศาสตร์ชาวจีน ชื่อ "ซุนวู" ซึ่งถูกบันทึกว่า กว่า 2400 ปีมาแล้ว ต่อมาแนวคิดนี้ ได้ถูกนำมาใช้ในกองทัพของชาติต่าง ๆ อย่างแพร่หลาย 

สำหรับในทางการบริหารทั่วไป เริ่มมีความสนใจนำแนวคิดการจัดการเชิงกลยุทธ์มาได้ไม่นานนัก ในปี 1960 คณะบริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัย ฮาร์วาร์ด(Harvard Business School) ได้รับการยอมรับว่า เป็นแกนนำในการบุกเบิก องค์ความรู้ ผลักดันให้มีการศึกษาด้านการจัดการเชิงกลยุทธ์ 

สำหรับประเทศไทย ผมเข้าใจว่า ในกองทัพไทย นำแนวคิดการจัดการเชิงกลยุทธ์มาใช้หลังจากกรุงศรีอยุธยาแตก และพระเจ้าตากสินมหาราชได้นำแนวคิดนี้มาต่อสู้กับพม่า 

ในภาคเอกชน ได้นำแนวคิดการบริหารจัดการเชิงกลยุทธ์มาใช้เมื่อประเทศไทยพบปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจ ในปี พ.ศ. 2527 เป็นต้นมา และเมื่อหลังวิกฤตฯ ปี พ.ศ. 2540 แนวคิดการจัดการเชิงกลยุทธ์ยิ่งได้รับความนิยมแพร่หลายมากขึ้น นั่นเป็นความเข้าใจของผม  

ส่วนพัฒนาการแนวคิด และเทคนิคทางการบริหาร ที่สำคัญที่ยังมีอิทธิพลต่อการบริหารจัดการองค์กรของไทย มีดังนี้
 
  1.  พ.ศ. 2319  หลังเสียกรุงศรีอยุธยาประมาณ 9 ปี หลักการแบ่งงานกันทำ(Division of Work) ของอดัม สมิธ(Adam Smith)การบริหารแบบราชการ(Bureaucracy) ที่มีลำดับของการบังคับบัญชา ของแม็ก เวเบอร์(Mas Weber) ราว พ.ศ. 2467
  2. หลักสัมพันธภาพในการปฏิบัติงานของพนักงาน (Team Spirit) เอลตัน ดับบลิว เมโย(Elto W. Mayo) ราว พ.ศ. 2470
  3. หลักความชำนาญในงาน (Specialist) ของเฟรดเดอริก วินสโลว์ เทเลอร์ (Frederic Winslow Taylor) ราว พ.ศ. 2490 ที่เรียกว่าการบริหารแบบวิทยาศาสตร์ (Scientific Management)
  4. หลักการบริหารยุคใหม่ ของ ฟาโยล ที่ต้องประกอบด้วย ห้าองค์ประกอบ ได้แก่ การวางแผน การจัดระเบียบงาน การสั่งงาน การประสานงาน และการรายงาน ราว พ.ศ. 2492 ซึ่งในขณะนั้นถูกเรียกว่า การบริหารสมัยใหม่ (Modern Management)
  5. หลักการบริหารคุณภาพ ที่ตัดขั้นตอนยุ่งยากออกไป ของ ดับเบิลยู เอ็ดเวิร์ด เด็มมิ่ง (W. Edwards Deming) ราว พ.ศ. 2493
  6. หลักการควบคุมคุณภาพ (Quality control) ของ โจเซฟ เอ็ม จูรัน (Joseph M. Juran) ราว พ.ศ. 2494 เป็นต้น กำเนิดของการบริหารคุณภาพทั่วทั้งองค์กร(Total Quality Management: TQM)
  7. หลักการบริหารแบบใช้คำสั่งและแบบมีส่วนร่วม ทฤษฎี X ทฤษฎี Y ของดักลาส แมคเกรเกอร์ (Daglas McGregor) ราว พ.ศ. 2497
  8. หลักการบริหารโดยยึดวัตถุประสงค์ และการควบคุมตนเอง (Management by Objective & Self Control) ของ ปีเตอร์ ดรัคเกอร์(Peter Drucker) ราว พ.ศ. 2497 เป็นพื้นฐานของการ บริหารแบบมุ่งเน้นผลงาน และการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบมุ่งเน้นผลงาน(Results Oriented)
  9. หลักการบริหารแบบจูงใจ ตามลำดับความต้องการของมนุษย์ (Hierar Chy of need) ของอับราฮัม มาสโลว์ (Abraham Maslow) ราว พ.ศ. 2504
  10. หลักการกระจายอำนาจในองค์กร (Decentralization) ของอัลเฟรด พี.สโลน (Alfred P.Slone) ราว พ.ศ. 2506
  11. หลักการบริหารสร้างแรงจูงใจ และการคงไว้ เพื่อสร้างความพึงพอใจ ของเฟรดเดอริก เฮร์ชเบิร์ก(Frederick Herzberg) ราว พ.ศ. 2511
  12. หลักการสร้างองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization) ของปีเตอร์ เอ็ม เซงเก (Perter M. Sege) ราว พ.ศ. 2533

 หวังว่าข้อมูลที่ให้ไปจะเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาน๊ะครับ

ขอให้โชคดี

 

 

บรรณานุกรม

ปกรณ์ ปรียากร. การวางแผนกลยุทธ์(แนวคิดและแนวทางเชิงประยุกต์). คณะรัฐประศาสนศาสตร์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์. กทมฯ: 2547.

 

นิรมิต เทียมทัน. ยุทธศิลป์การบริหารจัดการ ศาสตร์และศิลป์สำหรับผู้สร้างอนาคตใหม่. กรุงเทพฯ: สำนักพิมพ์ตะวัน, 2549.

 

ขอตัวอย่างกลยุทธ์ และตัวชี้วัดความสำเร็ KPI) ของHRM


อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

สวัสดีครับ ผู้ถามคำถาม และท่านผู้อ่านทุกท่าน

ต้องขออภัยด้วย ที่ตอบคำถามช้า เพราะติดภารกิจหลายอย่าง  อย่างไรก็ตาม ผมยินดีตอบคำถามให้  เพราะเป็นประโยชน์กับผู้ใฝ่รู้ทุกท่าน  จากคำถาม ที่ถามมา ตรงกับที่ผมกำลังทำให้หน่วยงาน รัฐ-เอกชน เกี่ยวกับเรื่องนี้  ผมแนะนำดังนี้ครับ

 

อันดับแรก ต้องจับประเด็นให้ได้ว่า

  • ปัญหาคืออะไร จากนั้น
  • กำหนดประเด็นที่ต้องการให้องค์กรเป็นไปในทางที่ดี คือ วัตถุประสงค์
  • จากนั้นกำหนดประเด็นยุทธศาสตร์ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และปัญหา 
  • และจากประเด็นยุทธศาตร์จะนำไปสู่ การกำหนด เป้าหมายและตัวชี้วัดความสำเร็จ

จากคำถามที่ถามมา จับประเด็นปัญหาได้คือ

  1.  แผนการพัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพ ก็ยังไม่มี  
  2. แรงจูงใจในการทำงาน มีปัญหามาก  
  3. ระบบการทำงานไม่ค่อยเอื้อต่อการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ใหม่
  4. วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายองค์กร พนักงานไม่รู้ ไม่เข้าใจ   เป็นต้น

จากนั้นก็กำหนดวัตถุประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์ ตามที่ผมเขียนไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ครับ 

 คำถามนี้ เป็นประโยชน์สำหรับ คนทำงาน HR ซึ่งผมต้องใช้เวลาพอสมควรในการเขียนตอบครับ จึงต้องขออภัยที่ตอบมาช้า 

ขอให้โชคดีครับ 

ตาราง 1 แสดงปัญหา วัตถุประสงค์และประเด็นยุทธศาสตร์

ปัญหา วัตถุประสงค์ ประเด็นยุทธศาสตร์
แผนการพัฒนาความก้าวหน้าในอาชีพ ก็ยังไม่มี   มีแผนความก้าวหน้าในอาชีพทุกระดับ ทุกตำแหน่ง 1.   สร้าง ความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) และวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง ( Succession Plan) ทุกระดับ 
แรงจูงใจในการทำงาน มีปัญหามาก   แรงจูงใจในการทำงานดี 2.   Motivation มีระบบการสร้างแรงจูงใจที่มีประสิทธิภาพ เช่น การลดแรงจูงใจด้านลบ การเพิ่มแรงจูงใจด้านบวก การบริหารทัศนคติ ความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทีมีต่อการทำงาน
ระบบการทำงานไม่ค่อยเอื้อต่อการส่งเสริมให้เกิดการเรียนรู้ใหม่ ระบบการทำงานดี พร้อมรับการเปลี่ยนแปลง 3.   พัฒนาบุคลากร หน่วยงาน ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization Development:) และมีการบริหารจัดการความรู้(Knowledge Management) เพื่อสร้างเครื่องมือและเครือข่ายแห่งการเรียนรู้
วิสัยทัศน์ พันธกิจ และเป้าหมายองค์กร พนักงานไม่รู้ ไม่เข้าใจ  พนักงานมีความรู ความเข้าใจวิสัยทัศน์องค์กร เป็นอย่างดี 4..แผนงานและมาตรการด้านการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายขององค์กร

   

ตาราง 2 แสดงประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์ และ KPI

ประเด็นยุทธศาสตร์ เป้าประสงค์เชิงยุทธศาสตร์ ตัวชี้วัดความสำเร็จ
1.  สร้าง ความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) และวางแผนการสืบทอดตำแหน่ง ( Succession Plan) ทุกระดับ  เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการบริหารราชการ 1.1  มีแผนความก้าวหน้าในอาชีพ  และแผนการสืบทอดตำแหน่งทุกระดับ  1.1.1  สำนักงานปลัดฯ มีแผนแผนการ “ความก้าวหน้าในอาชีพ (Career Path) และแผนการสืบทอดตำแหน่ง ( Succession Plan)  ทุกระดับ  1.1.2 ร้อยละของการปฏิบัติตามแผนข้อที่ 1.1.1
2. Motivation มีระบบการสร้างแรงจูงใจที่มีประสิทธิภาพ เช่น การลดแรงจูงใจด้านลบ การเพิ่มแรงจูงใจด้านบวก การบริหารทัศนคติ ความพึงพอใจของเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทีมีต่อการทำงาน 2.1  แผนงานหรือมาตรการจูงใจแก่บุคลากรทุกระดับ เช่น แผนการสำรวจทัศนคติ ความพึงใจในการทำงานของเจ้าที่ทุกระดับ เป็นต้น

2.1.1 มีแผนพัฒนา เสริมสร้างแรงจูงใจในการทำงาน

2.1.2 ร้อยละของการปฏิบัติตามแผนข้อ 2.1.1

3. พัฒนาบุคลากร หน่วยงาน ให้เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization Development:) และมีการบริหารจัดการความรู้(Knowledge Management) เพื่อสร้างเครื่องมือและเครือข่ายแห่งการเรียนรู้ 3.1  เสริมสร้างความรู้ ทักษะ และทัศนติของทรัพยากรบุคคล ให้มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับองค์กรแห่งการเรียนรู้ และการบริหารจัดการความรู้

3.1.1 มีแผนพัฒนาบุคลากรให้มีความรู้ ความเข้าใจเกี่ยวกับ องค์กรแห่งการเรียนรู้ (Learning Organization Development:) และมีการบริหารจัดการความรู้(Knowledge Management)

3.1.2 ร้อยละของการปฏิบัติตามแผนข้อ 3.1.1

4. แผนงานและมาตรการด้านการบริหารและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมายขององค์กร 4.1 องค์กร จัดทำแผนงานและมาตรการด้านการบริหารและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ที่รองรับภารกิจขององค์กรทั้งปัจจุบันและอนาคต

4.1.1 องค์กร มีแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ ที่จะช่วยให้ บรรลุวิสัยทัศน์ พันธกิจ และยุทธศาสตร์ทั้งปัจจุบันและอนาคต

4.1.2 ร้อยละ......ของการปฏิบัติตามแผนแผนกลยุทธ์การบริหารทรัพยากรมนุษย์ (ในข้อ 4.1.1)

 

การเลิกจ้าง พนง.ที่อยู่ระหว่างทดลองงาน

misterpump

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ขึ้นอยู่กับเจตนาและวิธีปฏิบัติของนายจ้างครับ  โดยหลักคุณธรรม ควรจะประเมินตั้งแต่เดือนแรก แล้วแจ้งผลว่ามีข้อดีอะไร มีข้อควรปรับปรุงอะไร

 

ผู้ถูกประเมิน(ซึ่งอยู่ระหว่างทดลองงาน) จะได้มีโอกาสปรับปรุงและพัฒนา  เมื่อประเมินเดือนที่สอง (ครั้งที่สอง) ในระหว่างทดลองงาน ถ้าเห็นว่ามีการพัฒนาขึ้นข้อใด ผู้ประเมินก็ควรชื่นชม ในทางตรงกันข้าม ถ้าเห็นว่า สิ่งที่ให้โอกาสปรับปรุงแล้วยังไม่ดีขึ้น ผู้ประเมินก็ต้องแจ้งว่า จะให้โอกาสอีก ถ้าไม่ดีขึ้นในคราวหน้า(เดือนที่สาม) อาจจะมีปัญหาไม่ผ่านการทดลองงานได้ 

ซึ่งหากมีการพูดคุยกันเช่นนี้ เมื่อถึงเวลาประเมินอีกครั้งหนึ่งแล้วดีขึ้น แต่ยังไม่แน่ใจ อาจจะขยายเวลาทดลองงานไปได้  และเมื่อประเมินอีกครั้งแล้วดีขึ้นก็น่าจะให้ผ่านทดลองงานได้ 

 ในอีกทางหนึ่งหากประเมินครั้งที่สาม ที่สี่ ยังไม่ดีขึ้น ก็สมควรครับ ไม่มีนายจ้างอยากได้คนที่ไม่รู้จักพัฒนา ครับ

การคิดค่าชดเชย

misterpump

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

จากคำถาม มีค่ากะ ค่าอาหารฯ คงจะเป็นบริษัท ผมจึงยกองค์ความรู้จาก พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงานฯ มาอธิบาย  ในประเด็นคำถาม มีคำที่ควรทำความเข้าใจถึงความหมาย ของคำว่า ค่าชดเชย ค่าตอบแทน ค่าจ้าง 

ค่าชดเชยคือ[1]  เงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างเมื่อเลิกจ้างนอกเหนือจากเงิน ประเภทอื่นซึ่งนายจ้างตกลง จ่ายให้แก่ลูกจ้างค่าชดเชยจึงเป็นเงินที่นายจ้างมีหน้าที่จ่ายตามกฏหมายคุ้มครอแรงงานเมื่อนายจ้างเป็นฝ่ายเลิกจ้าง ถ้านายจ้างมิได้เลิกจ้างลูกจ้าง แต่ลูกจ้างลาออกจากงานไปทิ้งงานไปหรือลูกจ้างถึงแก่ความตาย นายจ้างก็ไม่ต้องจ่ายค่าชดเชย ดังนั้นในการที่จะดูว่าลูกจ้างจะได้รับค่าชดเชย หรือไม่ต้องดูรายละเอียด ดังต่อไปนี้

 

การจ่ายค่าชดเชย[2]นายจ้างต้องชดเชยให้แก่ลูกจ้างซึ่งถูกเลิกจ้าง โดยคำนวณจากค่าจ้างอัตราสุดท้าย หรือคำนวณจาก ค่าจ้างของการ ทำงานระยะเวลาสุดท้ายสำหรับกรณีที่ลูกจ้างนั้น ได้รับค่าจ้างตามผลงานโดยคำนวณ เป็นหน่วยโดยจ่ายตามระยะเวลา ที่ลูกจ้างทำงานดังต่อไปนี้
  • ทำงานครบ 120 วัน แต่ไม่ครบ 1 ปี จ่ายเท่ากับค่าจ้าง 30 วัน
  • ทำงานครบ 1 ปี แต่ไม่ครบ 3 ปี จ่ายเท่ากับค่าจ้าง 90 วัน
  • ทำงานครบ 3 ปี แต่ไม่ครบ 6 ปี จ่ายเท่ากับค่าจ้าง 180 วัน
  • ทำงานครบ 6 ปี แต่ไม่ครบ 10 ปี จ่ายเท่ากับค่าจ้าง 240 วัน
  • ทำงานครบ 10 ปีขึ้นไป จ่ายเท่ากับค่าจ้าง 300 วัน (มาตรา 118)

ค่าชดเชยต้องจ่ายทันที่เมื่อเลิกจ้าง หากไม่จ่ายถือว่าผิดนัด และต้องเสียดอกเบี้ยโดยไม่ต้องทวงถาม (ฎีกาที่ 1017/2524, 2476/2537) สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยเป็นมรดก ไม่ใช่สิทธิเฉพาะตัว (ฎีกาที่ 1269/2524) สิทธิเรียกร้องค่าชดเชยมีอายุความ 10 ปี (ฎีกาที่ 2859/2525)

นอกจากนี้ สิ่งที่ควรทำความเข้าใจ คือ ค่าตอบแทนการทำงานประเภทใด ที่ถือว่าเป็นค่าจ้างบ้าง อะไรไม่ใช่ค่าจ้าง เช่น ค่าพาหนะ  ค่าครองชีพ ค่าต่ำแหน่ง ค่าเช่าบ้าน โบนัส ค่าคอมมิชชั่น ค่าตรวจรักษาโรค ค่าอาหารฯ สำหรับเรื่องนี้ มีปัญหาลูกจ้างร้องเรียนถึงเจ้าหน้าที่ตรวจแรงงานอยู่หลายครั้ง

ต่อมาเมื่อมีคดีถึงศาลแรงงาน และมีคำพิพากษาฎีกาแล้ว  จึงได้พิจารณาคำนิยามของ ค่าจ้าง ที่ระบุไว้ใน พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน ฉบับปี พ.ศ. 2541 ว่า ค่าจ้าง หมายความถึง[3] เงินที่นายจ้างและลูกจ้างตกลงกันจ่ายเป็นค่าตอบแทนในการทำงาน ตามสัญญาจ้าง สำหรับระยะเวลาการทำงานปกติ เป็นรายชั่วโมง รายวัน รายสัปดาห์ รายเดือน หรือระยะเวลาอื่น หรือจ่ายให้โดยคำนวณตามผลงานที่ลูกจ้างทำได้ในเวลาทำงานปกติของวันทำงาน และให้หมายความรวมถึงเงินที่นายจ้างจ่ายให้แก่ลูกจ้างในวันหยุด และวันลาที่ลูกจ้างมิได้ทำงาน แต่ลูกจ้างมีสิทธิได้รับตาม พ.ร.บ.นี้

จึงอาจจะสรุปได้ว่า อะไรเป็นค่าจ้างบ้าง นอกจากนี้ ในการจ่ายเงิน สวัสดิการบางอย่าง ขึ้นอยู่กับเจตนา และวิธีปฏิบัติ ของนายจ้าง

คำว่า เจตนาและวิธีปฏิบัติในการจ่าย หมายความว่า บางบริษัท เจตนาให้เป็นค่าจ้าง แต่ประสงค์จะลดภาระภาษีแก่ลูกจ้าง เช่น ค่าพาหนะ จ่ายตายตัว ไม่ผันแปร ไปตามปริมาณธุรกิจหรือยะยะทาง ค่าเช่าบ้านก็ไม่เคยมีสัญญาเช่า  ไม่เคยมีใบเสร็จเป็นหลักฐาน  นอกจากนี้ ยงขึ้นอยู่กับการเขียนสัญญาจ้าง และระเบียบข้อบังคับในการทำงานว่าระบุไว้ชัดเจนว่าเป็นสวัสดิการหรือไม่ เป็นการชดเชยค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพื่อบริษัทหรือไม่เช่น

  • ค่าตำแหน่ง เป็นค่าจ้าง
  • ค่าครองชีพ เป็นค่าจ้าง
  • โบนัส คอมมิชชั่น ค่าอาหาร ค่ารับรอง ไม่ใช่ค่าจ้าง
  • ค่านั่งเครื่องบิน(คงไม่ได้นั่งทุกวัน ไม่ได้นั่งเป็นประจำ ก็คงไม่ใช่เงินที่จ่ายเป็นประจำ) ไม่ใช่ค่าจ้าง
  • ค่าตรวจโรค ของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ไม่ใช่ค่าจ้าง
  • ค่าพาหนะ ค่าเช่าบ้าน มีทั้งเป็นค่าจ้างและไม่เป็นค่าจ้าง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจตนาและวิธีปฏิบัติของนายจ้างกับลูกจ้าง

 


[1] http://www.judiciary.go.th/lbnkwc/2_1.php?mn=4

[2] http://www.bbltu.com/law_03.htm

[3] http://www.judiciary.go.th/lbnkwc/3_2.php?mn=3

ของานวิจัยต่างประเทศ

Jariya

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ต้องขออภัยท่านผู้ถามคำถาม และท่านผู้อ่านทุกท่านที่ตอบมาช้า  เนื่องจากติดภารกิจบรรยาย ภารกิจการเขียนโครงการให้กับหน่วยงานราชการ เกี่ยวกับยุทธ์ศาสตร์บริหารทรัพยากรบุคคล   และการติดตามข่าวการยุบพรรคฯ เพื่อวิเคราะห์สถานการณ์ หลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ทั้งด้าน เศรษฐกิจ การเมือง สังคม

 

สำหรับงานวิจัยต่างประเทศเกี่ยวกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ ในสถาบันการศึกษาต่าง ๆ ผมเสนอแนะให้ท่าน เข้าไปเยี่ยมชมเว็ปของมหาวิทยาลัยต่างประเทศ ครับ และเข้าไปเยี่ยมในเว็ปของห้องสมุด เข้าไปค้นคว้าจากห้องสมุดต่างประเทศ หรือเข้าไปเว็ปงานวิจัย ของต่างประเทศก่อน แล้วค้นหางานวิจัยด้าน HRM & HRD ครับ

 

ขอให้ท่านโชคดี

ภาวะผู้นำ

สวรินทร์

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ลองหาดูในเว็ป อาจจะต้องดูหลาย ๆ เว็ปแล้วค่อย ๆ เก็บ ดึงข้อมูลออกมา  หรือค้นหาในห้องสมุดมหาวิทยาลัย ต่าง ๆ อาจจะมี หรืออาจจะไปที่บริษัท ที่คุณธนินทร์ เป็นประธานบริษัทอยู่ แล้วแจ้งประชาสัมพันธ์ว่า เรามาขอประวัติท่านไปศึกษา และทำรายงาน เพื่อเผยแพร่เกียรติประวัติของท่าน ครับ 

101newschannel
ธนินทร์ เจียรวนนท์. "เจริญโภคภัณฑ์" นักธุรกิจไทยที่ก้าวไปแข่งขันในตลาดโลก "ยุทธศาสตร์ของซีพีมุ่งเจาะ 3 ธุรกิจหลักคือ ธุรกิจอาหาร โทรคมนาคม และค้าปลีก ...
www.101newschannel.com/go_thanin.php - 27k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

101newschannel

 
คัมภีร์ "เจ้าสัว 2" มองในมุม ธนินทร์ เจียรวนนท์. คัมภีร์ "เจ้าสัว 2" มองในมุม ธนินทร์ เจียรวนนท์ โดย... อธิวัฒน์ ทรัพย์ไพฑูรย์ ข้อมูลหนังสือ: ...
www.101newschannel.com/worm.php?id=32 - 14k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

คม - ชัด - ลึก เจาะข่าว ทั่วไทย

 
เซเว่นอีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) ซินแสคู่ใจเจ้าสัว ธนินทร์ เจียรวนนท์ แห่งเครือซีพี ซึ่งมีชื่อเป็นภาษาจีนว่า "หม่าชุนฟง แซ่เบ๊" โดยทุกครั้งที่มีการรับผู้บริหาร ...
www.komchadluek.net/column/pra/2004/05/18/04.php - 24k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

gotomanager.com - นิตยสารผู้จัดการ - Thailand's Leading Business ...

 
เกือบ 2 ปีที่ผ่านมา ธนินทร์ เจียรวนนท์ ได้ใช้เวลาในการคิด เพื่อหาบทสรุปที่ลงตัวสำหรับเครือซีพี ที่เขาเป็นประธานอยู่ ว่าจะมีทางออกอย่างไร ...
www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=514 - 74k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

gotomanager.com - นิตยสารผู้จัดการ - Thailand's Leading Business ...

 
ไฮเน็คกี้, วิลเลียม เอ็ม บู๊ทซ์, ศุภชัย เจียรวนนท์, ศุภลักษณ์ อัมพุช, สนธิ ลิ้มทองกุล ... นั่งเก้าอี้ประธานกรรมการบริษัทแทน ธนินทร์ เจียรวนนท์...
www.gotomanager.com/resources/default.aspx?id=5251 - 61k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
ร้านหนังสือผู้จัดการ

 

 

ธนินทร์ เจียรวนนท์ บัณฑูร ล่ำซำ เจริญ สิริวัฒนภักดี บุญคลี ปลั่งศิริ ชุมพล ณ ลำเลียง อนันต์ อัศวโภคิน ไตรภพ ลิมปพัทธ์ ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ...
bookstore.manager.co.th/BookView.asp?ID=4435 - 54k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

ธนินทร์ เจียรวนนท์ จุดประเด็น "ขายชาติบางทีก็เป็นเรื่องจำเป็น"

 

ธนินทร์ เจียรวนนท์ จุดประเด็น "ขายชาติบางทีก็เป็นเรื่องจำเป็น". วันนี้ (8 กันยายน) ผมได้ฟังสัมมนาที่ม.เกษตร เรื่องเกษตรไทยในยุคโลกาภิวัฒน์ ...
www.thaitopic.com/webboard1/00434.html - 9k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน

 
ธนินทร์ เจียรวนนท์
ธนินทร์ เจียรวนนท์. ... ผลการค้นหา คีย์เวิร์ด คำว่า ธนินทร์ เจียรวนนท์. No. Keyword, จำนวน, Website. 1, 2, ธนินทร์ เจียรวนนท์, www.gotomanager.com ...
truehits.net/let/find_web.php?id=23&key=%B8%B9%D4%B9%B7%C3%EC%20%E0%A8%D5%C2%C3%C7%B9%B9%B7%EC - 16k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
วิสัยทัศน์เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ (เจ้าสัวใหญ่CP): คนพิมพ์เงินได้

วิสัยทัศน์เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ (เจ้าสัวใหญ่CP): คนพิมพ์เงินได้.
www.gunsandgames.com/smf/index.php?PHPSESSID=6d94c02b998e0cc8535c54ec24ef9ee5&topic=2809.msg66775 - 39k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Bloggang.com : : เค้กกาแฟกับคาปูชิโน่ :

ดยตอนนั้นติดอันดับ 194 และอันดับ 1 ของประเทศไทย (อันดับ 2 เฉลียว อยู่วิทยา เจ้าของเครื่องดื่มชูกำลังยี่ห้อกระทิงแดง และอันดับ 3 ธนินทร์ เจียรวนนท์ ...
www.bloggang.com/viewdiary.php?id=cakecafe&group=4 - 29k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
 

Positioning - Magazine - 'บัวบาน' ธงนำร้านอาหารเครือ CP ในจีน
ดังเช่นที่ ธนินทร์ เจียรวนนท์ เคยกล่าวไว้ว่า ซีพีจะขยายธุรกิจประเภทให้ "พลังงานกับมนุษย์" อันหมายถึงอาหารทุกประเภทที่ปัจจุบันซีพีผลิตได้ในจีน เมื่อต้นปี ...
www.positioningmag.com/magazine/Details.aspx?id=44554 - 123k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
การค้นหนังสือ

เจ้าสัว ธนินทร์ เจียรวนนท์ พิมพ์ครั้งที่ 1 พ.ศ.2549. ISBN:. 9749473051. ผู้แต่ง :. ภูวเดช สินพงศพร. ครั้งที่/ปีพิมพ์:. 2549. ปก/จำนวนหน้า ...
bookstore.tu.ac.th/detail.php?ISBN=9749473051&PHPSESSID=b729a34854c6407787633de8ce21d3ff - 9k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Prof.Dr.Wai Chamornmarn Website - Center of Creativities Site

สมัยใหม่อยู่ตลอดเวลาของ นายธนินทร์ เจียรวนนท์ นั่นเอง จากการศึกษาจาก หนังสือ 36 กลยุทธ์ ธนินทร์ เจียรวนนท์ นั้นทำให้เราได้เห็นถึงมุมมองในการ ...
www.bangkaew.com/wai/index.php?page=143 - 36k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Business - Manager Online

สิ่งที่สะท้อนคำพูดข้างต้นได้ดีที่สุด คือ ธนินทร์ เจียรวนนท์ หัวเรือใหญ่แห่งเครือเจริญโภคภัณฑ์ก็ไม่ใช่ลูกชายคนโตของตระกูล ...
www.manager.co.th/Business/ViewNews.aspx?NewsID=9470000006383 - 45k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Weekly - Manager Online

คึกฤทธิ์ คนจีนให้ความสำคัญทุกระดับชั้น,พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ,พลเอกชวลิต ยงใจยุทธ,พลเอกพัฒน์ อคนิบุตร,พลโทผิน เกสร อดีตเจ้ากรมยุทธการทหาร,ธนินทร์ เจียรวนนท์ ...
www.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9500000027323 - 44k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
[ ผลการค้นหาเพิ่มเติมจาก www.manager.co.th ]
Siam Novella - Thai Bookshop for the World

ตามรอยเจ้าสัว ธนินทร์ เจียรวนนท์, 100 บาท ... รู้จักเลือกคน รู้จักใช้คน; ผู้นำอย่าง ธนินท์ เจียรวนนท์; เฟรนไชส์โรงสีข้าว; จากธุรกิจขายพันธุ์พืช ...
www.siamnovella.com/product_info.php?products_id=13192&language=en&osCsid=dm8cohr86ld0g6gnm7lnj094l6 - 29k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
www.siangtai.com

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า ดอกเตอร์สมคิด จาตุศรีพิทักษ์มีสายสัมพันธ์ที่ดีเลิศกับนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ถึงกับว่ากันว่าภรรยาของดอกเตอร์สมคิด ทำงานในเครือเจริญ ...
www.siangtai.com/TH/news_detail.php?News_ID=326&Cat_ID=16 - 21k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
www.siangtai.com

อย่าลืมเป็นอันขาดว่า นายธนินทร์ เจียรวนนท์ อาศัยซินแสในการดูคน ทำนายทายทักแต่ละวัน แต่ละเดือนและแต่ละปี ทุกย่างก้าวของนายธนินทร์จะเดินทางตามแนวโหราศาสตร์ ...
www.siangtai.com/TH/news_detail.php?News_ID=279&Cat_ID=16 - 20k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
ThaiPost.net : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ อิสรภาพแห่งความคิด

ธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) กล่าวว่า ทิศทางการลงทุนของไทยหลังจากนี้ต่อไปจะดีขึ้นแน่นอน ...
www.thaipost.net/index.asp?bk=sunday&post_date=25/Sep/2548&news_id=113526&cat_id=110200 - 176k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
รายละเอียด ข่าวสารสมาคม

ตั้ง "ธนินทร์ เจียรวนนท์ " และหมอประเวศ เป็นที่ปรึกษา ศตจ. ครม.ตั้ง "ธนินทร์ เจียรวนนท์ " และหมอประเวศ เป็นที่ปรึกษา ศตจ. ...
www.acassoc.com/o2/Newsdetail.asp?id=2614 - 17k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
 ข่าวเด่นประเด็นร้อน..รักบ้านเกิด

พาณิชย์ และมาดามอู๋อี๋ รองนายกรัฐมนตรีของจีน ต่อด้วยการบรรยายพิเศษถึงทิศทางตลาดเงิน ตลาดทุนของไทย และการบรรยายพิเศษ โดยนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ...
www.rakbankerd.com/hotnews.html?nid=3558 - 18k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Weekly - Manager Online

สิ่งที่สะท้อนคำพูดข้างต้นได้ดีที่สุด คือ ธนินทร์ เจียรวนนท์ หัวเรือใหญ่แห่ง เครือเจริญโภคภัณฑ์ก็ไม่ใช่ลูกชายคนโตของตระกูล แต่เป็นน้องที่มีแววทางการค้า ...
www2.manager.co.th/mgrWeekly/ViewNews.aspx?NewsID=9470000006451 - 76k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
ถ้านายกสุรยุทธ์ลาออกหรือโดนไล่ออกแล้วควรจะไปทำอะไรต่อ

มีใครบ้างคะ อยากทราบจริงๆ เอาแบบที่เชิญแล้วยินดีที่จะมานะคะ แบบส่งเทียบเชิญไปแล้วปฎิเสธเพราะกลัวเปลืองตัวไม่เอา. ธนินทร์ เจียรวนนท์ เป็นไงฮะ อิอิ ...
forum.serithai.net/index.php?topic=12106.msg167113 - 88k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
.::spiceday-สไปซ์เดย์//BIZ//::. ธุรกิจ-การตลาด-การลงทุน-หุ้น-SME ...

อับดุล ลาห์ที่เป็นหลานชายของกษัตริย์มาเลเซีย พร้อมทั้งกล่าวชื่นชมว่า ร่ำรวยไม่แพ้เศรษฐีเมืองไทยอย่างเจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์ หรือเจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี ...
www.spiceday.com/biz/index.php?name=Forums&file=posting&mode=quote&p=18626 - 95k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
Chia Tai Group

ซึ่งในวันเปิดได้รับเกียรติจากท่านประธาน ธนินทร์ เจียรวนนท์ และคณะผู้บริหารบริษัท เจียไต๋นำโดย คุณมนู เจียรวนนท์ และคุณมนัส เจียรวนนท์ ...
www.chiataigroup.com/th/whatnew/detail.php?ID=908 - 38k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
กรอบนโยบาย

ประเวศ วะสี นายธนินทร์ เจียรวนนท์ พลเอก อุทัย ชินวัตร พลเอก สุรินทร์ พิกุลทอง พลเอก วิชิต ยาทิพย์ และพลตำรวจเอกบุญฤทธิ์ รัตนะพร ...
www.biotec.or.th/policy/home/policy-related.asp - 31k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
งานแถลงข่าว "พิธีเปิดอุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ฯ"

อนุสรณ์ แสงนิ่มนวล รองผจก. บริษัท บางจากปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน ) - มุมมองของภาคเอกชนในการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นครัวของโลก “ ( นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ) ...
www.nectec.or.th/pressnews/nectecnews/49.html - 6k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
The Midnight Webpage 308

มานานอย่างน้อยตั้งแต่ปี 2540 เป็นต้นมา โดยในการบรรยายครั้งหนึ่งของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2540 นั้น มีเนื้อความว่า ...
www.midnightuniv.org/miduuu/newpage308.html - 28k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ [http://www.thannews.th.com]

"บี" ทิพาภรณ์ เจียรวนนท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทแมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ทายายคนสุดท้อง "เจ้าสัวธนินทร์ เจียรวนนท์" ...
www.thannews.th.com/detialNews.php?id=R4122043&issue=2213 - 41k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
FTA Watch Group - CAMP

... ดังจะเห็นได้จากนายวัฒนา เมืองสุข และนายวีระชัย วีระเมธีกุล หลานเขยและบุตรเขยของนายธนินทร์ เจียรวนนท์ ได้รับตำแหน่งสำคัญทุกครั้งเมื่อมีการปรับคณะรัฐมนตรี ...
www.ftawatch.org/autopage1/show_page.php?t=29&s_id=5&d_id=1 - 37k - หน้าที่ถูกเก็บไว้ - หน้าที่คล้ายกัน
 Thai-English vocabulary from the Thai dailies

ประกอบด้วยนายบุณยสิทธิ์ โชควัฒนา ประธานเครือสหพัฒน์ นายธนินทร์ เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริษัทเครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซี.พี.) และนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธาน ...
w

HR Action Plan

Nisa

อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

คำถามที่คุณ hr ถามมาว่า "HR Action Plan ต้องมีอะไรบ้าง  ทำบ่อยแค่ไหน" ผมอธิบายดังนี้

(Plan) :  คือ การคิดว่าจะทำอะไร ไว้ล่วงหน้า  ความคิดหรือวิธีการที่ได้ผ่านการคิดอย่างละเอียดมาแล้ว  เพื่อชี้นำการดำเนินการใดๆ ให้บรรลุวัตถุประสงที่ต้องการ  

ความสำคัญของการวางแผนและแผน  การวางแผนเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งของนักบริหาร (ผู้บริหาร) หน้าที่นี้จะสำคัญหรือไม่พิจารณาได้จากเหตุผลต่อไปนี้คือ
  • เป็นหน้าที่อันดับแรกของผู้บริหาร
  • เป็นแนวทางปฏิบัติที่สำคัญ
  • เป็นตัวกำหนดทิศทางและความรู้สึกในเรื่องความมุ่งหมายขององค์การ
  • ช่วยให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานมองไปในอนาคต
  • ช่วยในการติดสินใจในเรื่องต่าง ๆ
  • เป็นการเตรียมการไว้ล่วงหน้า
  • ช่วยให้มนุษย์เปลี่ยนแปลงสิ่งต่าง ๆ ได้มาก
  • เป็นตัวนำในการพัฒนา

 

 ประโยชน์ของการวางแผนและแผน 
  • ป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคต
  • ทำให้ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานมีความมั่นใจ
  • ทำให้งานมีความเป็นไปได้
  • ก่อให้เกิดความสะดวกและง่ายในการบริหาร
  • ป้องกันปัญหาในด้านโครงสร้างและบริการ
  • เป็นขวัญและกำลังใจต่อความรับผิดชอบ

 

แผนมีทั้งแผนระยะสั้น : มีระยะเวลาของแผน น้อยกว่าหรือเท่ากับ 1 ปี

แผนระยะกลาง: มีระยะเวลาของแผน มากกว่า 1 ปี -5 ปี    เช่น แผนพัฒนาเศรษฐกิจ  

และแผนระยะยาว : มากกว่า 5 ปี   

นอกจากนี้ ยังแบ่งเป็นแผนแม่บท (Master Plan) และแผนปฏิบัติการ (Action Plan)

แผนปฏิบัติการ (Action plan) หมายถึง ความคิดหรือวิธีการที่ได้ผ่านการคิดและวิเคราะห์เชิงกลยุทธ์ หรือ SWOT Analysis อย่างละเอียดมาแล้ว สำหรับชี้นำการดำเนินการตามกลยุทธ์ ที่จะนำไปสู่การบรรลุวิสัยทัศน์ขององค์กร

การจัดทำแผนปฏิบัติการ  จะมีการกำหนด วัตถุประสงค์ เป้าหมาย การจัดสรรทรัพยากร และกรอบเวลาของแผนอย่างชัดเจน สำหรับความถี่ในการจัดทำแผนปฏิบัติการ 

Action Plan ของงาน HRM หรือ HRD จะมีการทำบ่อยแค่ไหน ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวครับ 

โดยทั่วไปในบริษัทเอกชน จะทำ Master Plan แผนแม่บทประจำปีไว้ และมีแผนปฏิบัติการ Action Plan รองรับ ในแผนปฏิบัติการนี้ สามารถมองเห็น Action Plan เป็นรายสัปดาห์  รายเดือน รายไตรมาส และหากตรวจสอบแผนแล้ว พบว่า การดำเนินการตาม Action Plan มีปัญหาในก็จะทำการปรับ Action Plan ทันที

บางบริษัท จะมีการรายงานผลการปฏิบัติงานตาม Action Plan ในการประชุมประจำเดือน และมีการ update แผนปฏิบัติการทันทีหลังจากที่มีการประชุมประจำเดือน 

ฉะนั้นถ้าถามว่า "HR Action Plan ต้องมีอะไรบ้าง  ทำบ่อยแค่ไหน"คำตอบก็คือ ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหาขององค์กร ถ้ามีปัญหามาก และรุนแรง Action Plan ก็จำเป็นต้อง ทำบ่อย แก้ไขบ่อย เพื่อขจัดปัญหาอาจจะทำทุกสัปดาห์ ทุกเดือน

และขึ้นอยู่กับนโยบายการบริหาร ถ้านโยบายบริหารกำหนดให้ทำทุกเดือน ทุกสามเดือน ทบทวนแผนทุกหกเดือน ก็ต้องทำตามนโยบาย ครับ  บางบริษัท นิ่งแล้วไม่ค่อยมีปัญหา อะไร ก็ทำอย่างน้อย ปีละครั้งแต่จะมีการตรวจติดตามผลการดำเนินการตามแผน รายงานผลอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง  

เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นหัวหน้างานในบริษัทญี่ปุ่นแห่งหนึ่ง ผมกำหนด นโยบายหน่วยงาน HR ที่ผมดูแลให้เป็น องค์กรแห่งการเรียนรู้ และมีการบริหารจัดการความรู้ รวมทั้งมีการแชร์ความรู้ ให้มีการเรียนรู้จากปัญหาองค์การ นำมาเชื่อมโยงกับทฤษฎีการจัดการ และสอนทีมงานให้มีความรู้ และแชร์ความรู้ที่ได้กับหน่วยงานผลิต/บริการ และหน่วยงานประกันคุณภาพเป็นต้น 

ผมก็ทำ Action Plan แยกเป็นกระบวนการ ๆ ไป และตรวจสอบแผนทุกวัน ตอนทำใหม่ ๆ ก็ทำทุกวัน จนกระทั่งอยู่ตัวก็ทำตามระบบของบริษัท คือทำแผนใหญ่ ปีละครั้ง มีการทบทวนทุกเดือน และทำแผนปฏิบัติการรองรับ ในแผนปฏิบัติการ จะระบุไว้เสมอว่า จะทำการตรวจสอบแผนนี้ทุกสัปดาห์ และทุกเดือน รายงานผลการดำเนินการตามแผน เดือนละครั้ง ครับ

สรุปได้ว่า องค์ประกอบของแผนประกอบด้วยสาระสำคัญดังนี้คือ :-

  • ความมุ่งหมายและวัตถุประสงค์
  • กลยุทธ์ที่จะทำให้วัตถุประสงค์
  • ระบุถึงจุดประสงค์ที่เป็นปริมาณและคุณภาพ
  • ระบบเงื่อนไขภายในของแผนและสภาพแวดล้อมของแผน

หวังว่าคงได้คำตอบ และความรู้นำไปสร้างประโยชน์ต่อการทำงานน๊ะครับ 

 

ขอให้โชคดี

สวัสดิการที่จัดอยู่ในบริษัทขณะนี้ จะเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เพื่อต้องการประหยัดต้นทุน


อาจารย์ยม
เขียนเมื่อ
คำตอบ

ในเรื่องสวัสดิการ มีกฎหมายคุ้มครองแรงงาน คุ้มครองอยู่ สวัสดิการที่ให้พนักงาน เป็นที่ทราบกันทั่วทั้งองค์กร ถือเป็นสภาพการจ้างอย่างหนึ่ง ที่มีกฎหมายคุ้มครองอยู่เช่นกัน

การจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขใด ๆ ที่ไปลดประโยชน์ที่พนักงานเคยได้รับ เท่ากับไม่เป็นคุณกับเขา เพราะเขาเสียประโยชน์ที่เคยได้รับ และการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว ไม่ได้หารือ ไม่ได้รับความเห็นชอบ ไม่ได้รับความยินยอมจากพนักงาน จะขัดต่อกฎหมายครับ   

หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนจริง มีวิธีการทำได้ดังนี้ครับ

  1.   ต้องยื่นข้อเรียกร้องขอเปลี่ยนสภาพการจ้าง(ปรับเปลี่ยนสวัสดิการ) ต่อสหภาพแรงงาน แล้วทำการเจรจาต่อรอง ตกลงกัน เมื่อตกลงกันได้ก็จะมีข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างฉบับใหม่ขึ้นมาใช้
  2.  การเปลี่ยนสวัสดิการ ที่เป็นประโยชน์กับพนักงานมากขึ้น ทำได้ โดยไม่ต้องปฏิบัติตามข้อที่ 1
  3.  ทำข้อตกลงใหม่กับพนักงานเป็นรายบุคคล แล้วให้พนักงานลงชื่อยินยอม และให้ใช้บังคับได้ตั้งแต่เมื่อไหร่

ซึ่งทั้งสามวิธี อาจจะมีปัญหาอื่น ตามมาได้ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ด้านแรงงานสัมพันธ์ในองค์กรนั้น 

ซึ่งไม่ค่อยเห็นด้วยที่จะให้แก้ปัญหาเช่นนั้น   ปัญหาของท่านคือต้นทุนสูง  แนวทางแก้ไขคือการลดต้นทุน  เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน  เพิ่มรายได้ สร้างกำไรให้มากขึ้น  การจะทำเช่นได้ต้องหันมาเพิ่มขีดความสามารถ(สมรรถนะ) ของคน สร้างขวัญกำลังใจ เอาใจใส่เรื่องคนให้มากขึ้น ให้เขาช่วยหาทางประหยัดต้นทุน เพิ่มคุณภาพการทำงาน ลดเวลาสูญเปล่า ลดของเสีย สนองความพึงพอใจลูกค้าให้มากขึ้น

การที่แก้ไขโดยการลดสวัสดิการ จะทำให้คนมีทัศนคติที่ไม่ดี ต่อองค์กร เสียขวัญกำลังใจ จะทำให้ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างยั่งยืน และจะทำให้เกิดปัญหาสหภาพแรงงาน ขัดแย้งกับท่านมากขึ้น   เมื่อมีปัญหา ต้องหาสาเหตุ และแก้ให้ตรงจุดครับ
พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท