ขอขอบคุณอาจารย์ Ranee และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• เพิ่งได้ยินเป็นครั้งแรก...
• เรื่อง 'Book TaG' นี่ชอบอยู่หลายเล่มทีเดียวครับ

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบพระคุณอาจารย์จันทวรรณ...

• อ่านบันทึกคุณหมอวีรพัฒน์ (เพื่อน มอ.) มาแล้วหลายครั้ง ทว่า... ลืมสมัครเป็นสมาชิกบล็อก วันนี้คิดว่า จะสมัครเสียเลย
• การสะสมภูมิปัญญาไทยเป็นภาษาไทยมีความสำคัญมากๆ ครับ
• พวกฝรั่ง ญี่ปุ่น และชาติที่ร่ำรวยชอบแปลตำราต่างชาติ ต่างภาษา.... นำไปวิจัย แล้วหวงวิชา อ้างว่า เป็นของตัวเอง แถมยังจดลิขสิทธิ์อีกต่างหาก
• การที่คุณหมอวีรพัฒน์รณรงค์ให้พวกเราช่วยกันเพิ่มภูมิปัญญาไทยนับว่า เป็น "คนดีของแผ่นดิน" ทีเดียว... สาธุ สาธุ สาธุ

ขอขอบพระคุณครับ

ขอขอบคุณ... คุณบีเวอร์และท่านผู้อ่านทุกท่าน

• แนะนำให้อ่าน "BloG TaG คนปอดแหก(วัลลภ พรเรืองวงศ์)
• [ Click - โปรดคลิกที่นี่ - Click ] หรือที่นี่... http://gotoknow.org/blog/talk2u/77445

ขอขอบคุณ... คุณจันทร์เมามายและท่านผู้อ่านทุกท่าน

• เจ้า BloG TaG นี่...
• ขอตอบคำถามไว้ที่ข้อคิดเห็นของคำถามครับ

ขอขอบคุณ...

ขอขอบคุณอาจารย์ราณี (เข้าใจว่า ชื่อนี้แปลว่า "ราชินี" จากตอนไปนมัสการสังเวชนียสถานที่อินเดีย...)

• ขอขอบคุณครับที่แวะมาเยี่ยมเยียน
• ดูเหมือน Blog Tag จะมีลักษณะคล้าย "แชร์ลูกโซ่" ทีเดียว

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ iS และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขอขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน...

เรื่องไม่ลับ...

• เรื่องไม่ลับอย่างหนึ่งคือ ผมเป็น "โรคซึมเศร้าหน้าหนาว (seasonal blue / depression)"

หน้าหนาว...

• หน้าหนาวเป็นช่วงที่ผมจะหดหู่ ทำอะไรไม่ค่อยได้
• เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กทีเดียว

ปี 2542...

• คุณหมอท่านหนึ่งพักหอพักเดียวกับผมเป็นมะเร็งรังไข่... ไม่นานก็เสียชีวิต
• หอพักที่ผมอยู่ตอนนั้นไม่มีคนอยู่จริงๆ และผมก็เป็นคนกลัวผีด้วย

กลางคืน...

• กลางคืนหมาหอนถี่มาก... ผมนึกในใจว่า ถ้าเป็นหมอรุ่นน้องมาขอส่วนบุญละก็ ขอให้เงียบและจะทำบุญให้
• พอตั้งใจจะทำบุญให้ครั้งใด... เสียงหมาหอนก็หายไปจริงๆ
• วันหลัง.... ได้ยินอีก
• คิดอีก... เสียงหมาหอนก็หายไป
• เป็นอย่างนี้นานทีเดียว

ตอนนั้น...

• ผมตระเวนทำบุญหลายที่
• รวมแล้วเกือบ 2 เดือน... เสียงหมาหอนจึงจะหายไป
• ทำให้คิดถึงคำสอนพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้
• พระองค์ทรงแสดงว่า การทำบุญอุทิศให้ญาติที่ล่วงลับไปแล้วต้องได้ทักขิไณยบุคคล... เป็นคนมีศีลดี แม้พระภิกษุที่ศีลไม่ดี อมนุษย์ก็ไม่ได้รับส่วนบุญ

ปีนั้น...

• ผมมีโอกาสไปนมัสการสังเวชนียสถานอินเดีย-เนปาลครั้งแรกในเดือนตุลาคม 2542... เกิดปีติโสมนัสแล้วๆ เล่าๆ 3 เดือน
• ปีติโสมนัสที่เกิดแล้วๆ เล่าๆ นั้นเป็นอุปนิสัยสำคัญ ทำให้โรคซึมเศร้าหน้าหนาวทุเลาไปมาก

ซึมเศร้า...

• พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงว่า การฆ่าสัตว์-เบียดเบียนสัตว์ (ปาณาติบาต) เป็นอุปนิสัยปัจจัย ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า หรือฆ่าตัวตายได้
• เนื่องจากการฆ่า หรือเบียดเบียนสัตว์ย่อมยังญาติสนิทมิตรสหาย ของสัตว์นั้นให้เศร้าโศกเสียใจ... นี่เป็นอุปนิสัยจากปาณาติบาต

สัตว์...

• สัตว์ผู้มีตนเป็นที่รักจึงไม่ควรฆ่า ไม่ควรเบียดเบียนสัตว์อื่นๆ เลย...

ขอขอบคุณอาจารย์มาลินี...

• ขอขอบคุณครับที่กรุณาแวะมาเยี่ยมเยียน...
• ตอบความไม่ลับอย่างหนึ่งก่อนเลย (กำลังนำภาพวัดร่องขุ่นขึ้น Go2know)...
• คนส่วนใหญ่มักจะคิดว่า หมอนี่คงไม่กลัวผี
• เวลาผมไปพักที่ไหน... มักจะคนจัดที่อยู่ให้ไกลลิบ
• ทว่า... ผมเป็นคนกลัวผีมากๆ
• ไปไหนต้องพกหนังสือสวดมนต์ไปด้วย

ขอขอบคุณ... คุณศิริลักษณ์และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขอขอบคุณที่แวะมาเยี่ยมเยียน
• คนที่ทำบล็อกนั้น... พอรู้ว่า มีท่านผู้อ่านติดตามอ่าน หรือแวะมาเยี่ยมเยียน ย่อมยังใจให้ยินดี (= ดีใจ)

ความดันเลือด...

• ความดันเลือดสูงเป็นโรคหนึ่งที่คนเราเป็นกันมากที่สุด กล่าวกันว่า ถ้าอายุยืนพอ... คนเรามีความเสี่ยง 50% ที่จะเป็นโรคความดันเลือดสูง
• คุณแม่ผมเป็นโรคความดันเลือดสูง เสียชีวิตด้วยโรคไตวาย + หัวใจวายจากความดันเลือดสูง... นี่เป็นวิกฤต
• ถ้าจะพลิกวิกฤตให้กลายเป็นโอกาส... คงจะทำได้ด้วยการป้องกันโรค เผยแพร่ หรือค้นคว้า-วิจัยองค์ความรู้เรื่องนี้ให้กว้างไกลออกไปสู่คนหมู่มาก

เรียนเสนอ...

• เท่าที่ทราบตอนนี้... โยคะมีส่วนช่วยลดความดันเลือดได้
• ผมสนใจไทเกก (ชี่กง) ว่า จะมีส่วนช่วยลดความดันเลือดได้หรือไม่ น่าทดลองจัง

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ wwibul และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• เท่าที่จำได้...
• จากพระวินัยปิฎก + อรรถกถา + จากคำบรรยายพระไตรปิฎกของท่านพระอาจารย์สมบัติ นันทิโก ซึ่งเป็นพระภิกษุที่ศึกษาพระไตรปิฎกมากที่สุดรูปหนึ่ง (ปัจจุบันท่านหลีกเร้นปฏิบัติธรรม และไม่เปิดเผยว่า อยู่ที่ไหน)

เราควรพิจารณาเรื่องการฆ่าตัวตายของพรภิกษุเป็น 2 ยุค...

• (1). ยุคก่อนพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยเรื่องฆ่าตัวตาย เช่น ท่านพระฉันนะ (ฉันโนวาทสูตรที่ 2) ฯลฯ
• (2). ยุคหลังพระพุทธเจ้าทรงบัญญัติพระวินัยเรื่องฆ่าตัวตาย

ท่านพระฉันนะ....

• ท่านมีศีลดี(พระที่ศีลไม่ดี + ไม่แสดงอาบัติเป็นเครื่องกั้นโอกาสบรรลุธรรม) + เจริญวิปัสสนากรรมฐานดีมาตลอด 
• เศษกรรมสายปาณาติบาต (ฆ่า+เบียดเบียนสัตว์อื่น)เป็นอุปนิสัยปัจจัย ทำให้ท่านน้อมไปเพื่อฆ่าตัวตาย
• ท่านเชือดคอแล้ว... ยังไม่ตาย เจริญวิปัสสนาต่อจนบรรลุมรรค ผล นิพพาน ถึงความเป็นพระอรหันต์ก่อนปรินิพพาน

ยุคหลังบัญญัติพระวินัย...

• เท่าที่จำได้... พระภิกษุฆ่าคนเป็นปาราชิก (ขาดจากความเป็นพระ) ฆ่าสัตว์เป็นปาจิตตีย์ ฆ่าตัวเองเป็นทุกกฏ (อาบัติ)

พระอริยบุคคล...

• พระอริยบุคคลตั้งแต่พระโสดาบันขึ้นไป...
  (1). ถ้าเป็นฆราวาส....จะไม่ล่วงศีล 5 เด็ดขาด (แม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต)
  (2). ถ้าเป็นพระภิกษุ สามเณร... จะไม่แกล้ง หรือจงใจล่วงศีล / อาบัติเด็ดขาด (แม้ด้วยเหตุแห่งชีวิต)
• สรุปง่ายๆ คือ หลังมีพระวินัยบัญญัติ... พระอริยบุคคลจะไม่ฆ่าตัวตายแน่นอน

พระภิกษุที่จงใจล่วงพระวินัย...

• อานาวีติกกมะ หรือเจตนาล่วงพระวินัยของพระภิกษุ... ถ้าไม่ทำคืน เช่น ไม่แสดงอาบัติ ฯลฯ
• เป็นอุปนิสัย ทำให้ไม่ได้ฌาน มรรค ผล นิพพาน
• ถ้ามีฌานอยู่ก่อน... ฌานจะเสื่อม (ไม่เกิดฌานจิต)
• ถ้าตายไปจะมีคติแน่นอน 2 ได้แก่ นรก หรือเดรัจฉาน

ถ้าสนใจพระวินัย...

• แนะนำให้ศึกษาพระวินัยปิฎก เช่น ฉบับมหามกุฏราชวิทยาลัย (มีจำหน่ายข้างวัดบวรนิเวศวิหาร) ฯลฯ เนื่องจากมีอรรถกถาพร้อมเป็นภาษาไทย
• แนะนำให้ศึกษาสารัตถทีปนี ซึ่งเป็นฎีกาพระวินัย
• วัดจากแดง พระประแดง สมุทรปราการมีการประชุมวิชาการพระวินัยทุกปี... แวะไปทำบุญ + เรียนถามพระวินัยธรจะดีกว่าถามคนที่มีความรู้น้อยเช่นผมเยอะเลย

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบพระคุณอาจารย์มาลินีและท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขอขอบพระคุณครับ
• เรื่องของคุณย่าที่ท่านเล่าให้คุณอาฟังเป็นอุทาหรณ์ (ตัวอย่าง) ดีที่ว่า ชีวิตคนเราก็ขึ้นๆ ลงๆ อย่างนี้เอง...
• รับจะพิจารณานำขึ้นบล็อกครับ
• ได้บันทึกฟรีอีกเรื่องเลยเรา...

ขอขอบพระคุณ...

ขอขอบคุณอาจารย์เจนจิต และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• กำลังคิดถึง มน. พอดีเลยครับ
• ยิ่งเห็นครูบาอาจารย์ ท่านผู้เขียนบล็อก และญาติสนิทมิตรสหายของเราเข้าประชุมแล้ว ยิ่งอยากไป มน. ใหญ่เลย

เดือนเมษายน...

• เดือนเมษายนเป็นช่วงปิดภาคเรียน... คนไข้ตรวจสุขภาพที่โรงพยาบาลเยอะมากครับ
• ขอคิดดูก่อนสัก 1-2 วัน

ตอนนี้ขอเดาก่อนว่า

• ถ้าจะให้ผู้อำนวนการอนุญาต... น่าจะเป็นเชิญสอน หรือบรรยายอะไรสักเรื่องหนึ่ง จะเป็นบรรยายร่วมอะไรก็ได้ และน่าจะมีหัวข้อที่ขึ้นต้นด้วยคำ "km" หรือ "การจัดการความรู้" ถึงจะมีโอกาสได้รับอนุญาต

ขอขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณครับ...

• ก่อนอื่นขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของคุณที่สนใจการดูแลคุณพ่อ... นับเป็นกตัญญูกตเวทิธรรมที่น่าอนุโมทนา สาธุ สาธุ สาธุ
• คนที่มีคุณพ่อ คุณแม่ ครูบาอาจารย์ หรือผู้มีพระคุณป่วยนับว่า โชคร้ายมากถ้ามองด้วยสายตาของชาวโลก ทว่า... ถ้ามองอีกมุมมองหนึ่งแล้ว นี่เป็นโอกาสทองที่เราจะได้ทดแทนพระคุณ และบำเพ็ญบุญครั้งใหญ่

ขอขอบคุณ...

• ขอขอบคุณที่ให้เกียรติอ่านบันทึก แวะมาเยี่ยมเยียน และถามปัญหาครับ
• ถ้ามีปัญหาอื่นๆ อีก... เรียนเสนอให้ถามมาทางบล็อก เนื่องจากมีโอกาสจะได้ข้อมูล หรือแลกเปลี่ยนความรู้กันให้กว้างขวางต่อไป

อาการของตับแข็ง...

• ส่วนใหญ่จะไม่ชัดเจนในระยะแรก ทำให้วินิจฉัยโรคได้ยากทีเดียว เมื่อระยะเวลาผ่านไป... อาการจะค่อยๆ ชัดขึ้น ทำให้วินิจฉัยได้ง่ายขึ้น (เมื่อเทียบกับระยะแรก)

อาหาร...

• อาหารสำหรับคนไข้โรคตับแข็ง... อาจารย์แพทย์ ชมรมโรคตับแห่งประเทศไทยท่านแนะนำไว้อย่างนี้...
• (1). ควรงดอาหารที่มีเชื้อราปนเปื้อนได้ง่าย เช่น ถั่วลิสงเก่า พริกป่น ข้าวโพดแห้ง ฯลฯ งดเหล้า เบียร์ ไวน์ (ญาติคนไข้ควรงดเหล้าด้วย เนื่องจากคนในครอบครัวมีความเสี่ยงหลายอย่างคล้ายๆ กัน และอาจกระตุ้นให้คนไข้อยากดื่มเหล้า)
  (2). ใช้ยาอย่างระมัดระวัง เช่น ยาแก้ปวดพาราเซตามอล ฯลฯ ให้ใช้ 1 เม็ด ไม่ใช้ 2 เม็ด ฯลฯ เพราะตับอ่อนแอกว่าคนทั่วไป
  (3). หลีกเลี่ยงอาหารใส่สี สารเคมี (เช่น อาหารสำเร็จรูป อาหารหมัก ดอง ฯลฯ)... คนไข้ตับแข็งมีโอกาสเกิดน้ำในช่องท้อง หรือบวมได้ง่าย อาหารที่เค็มจัด หรืออาหารสำเร็จรูปมักจะมีเกลือสูงเกิน ทำให้บวมง่าย
  (4). กินโปรตีนสัตว์ (เนื้อไม่ติดมัน) ได้ + โปรตีนจากพืช เช่น นมถั่วเหลือง น้ำเต้าหู้ ไข่ขาว โปรตีนเกษตร ฯลฯ... ส่วนใหญ่จะมีปัญหาขาดโปรตีนมากกว่าโปรตีนเกิน
  (5). เพิ่มจำนวนมื้อ.... คนไข้ตับแข็งมักจะเบื่ออาหาร แนะนำให้กินอาหารเพิ่มเป็นวันละ 5 มื้อ เช่น เช้า-เที่ยง-เย็น + สาย-บ่าย ฯลฯ เพื่อป้องกันภาวะขาดอาหาร

ออกกำลัง...

• คนไข้โรคเรื้อรังที่เดินได้ (ถ้าไม่มีข้อห้าม)... ควรจะเดินทุกวัน เพื่อป้องกันโรคจากการนั่งๆ นอนๆ นานเกิน เช่น ปอดบวม ไตอักเสบ ฯลฯ

ข้อควรระวัง:

• คนไข้ตับแข็งมีภูมิต้านทานโรคต่ำกว่าคนทั่วไป...
• การเตรียมไข่ ผลไม้ เช่น ส้ม แอปเปิ้ล ฯลฯ... ควรใช้ฟองน้ำ / ใยขัดล้างจาน + น้ำยาล้างจานถูเบาๆ ผ่านน้ำก่อนปอก เพื่อลดโอกาสติดเชื้อที่ผิวไข่ + ผลไม้
• การเตรียมผัก... ควรแช่น้ำส้มสายชู (1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 1 ลิตร) + ด่างทับทิม 3-5 เกล็ด > ทิ้งไว้ 20 นาที > ล้างน้ำให้สะอาดก่อนนำไปปรุงอาหาร / รับประทาน
• หลีกเลี่ยงอาหารเก่า โดยเฉพาะอาหารจำหน่ายเป็นถุง เนื่องจากมีโอกาสเกิดอาหารเป็นพิษได้

แนะนำให้อ่านเรื่องตับแข็งจากอาจารย์แพทย์ที่นี่...

• (1). [          โปรดคลิก - Click          ]
• (2). [          โปรดคลิก - Click          ] หรือที่นี่... http://www.thailiverclub.org/index.php
• (3). [          โปรดคลิก - Click          ] หรือที่นี่... http://www.thailiverclub.org/magnews7.html

พวกเรา...

• ป้องกันโรคตับแข็งได้...
  (1). ไม่ดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์
  (2). ฝากครรภ์สม่ำเสมอ... เพื่อตรวจหาไวรัสตับอักเสบบี ปัจจุบันมีวัคซีนให้เด็กแรกเกิด
  (3). ไม่สำส่อนทางเพศ
  (4). ไม่ใช้ยาเสพติดชนิดฉีด
  (5). ระวังอย่าให้อ้วนมากเกิน และออกกำลัง เพื่อป้องกันโรคไขมันสะสมในตับ ซึ่งอาจทำให้เป็นตับแข็งได้

ขอขอบคุณครับ...

เรียน อาจารย์ออต...

• ได้ให้ข้อคิดเห็น และข้อเสนอแนะแล้ว
• [           โปรดคลิกที่นี่... Click          ]

ถ้าปรับเปลี่ยนตามที่ผมแนะนำ...

• โปรดแจ้งราคาไปด้วย จะพิจารณาซื้อไว้ใช้ ซื้อไว้เป็นของขวัญ หรือของขอบคุณครับ...

ขอขอบคุณ คุณ "หนู" และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• เท่าที่ทราบ, โรคด่างขาว (vitiligo) เป็นโรคที่ผิวหนังบางส่วนหยุดการสร้างเม็ดสี ทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นมีสีซีดลง...
• สาเหตุยังไม่ทราบแน่ชัด

ดาราฝรั่งดูจะเป็นโรคนี้...

• ไมเคิล แจ็คสัน (นักร้อง)

การรักษา... เท่าที่ทราบดูจะมี

• (1). การย้อมสีผิวหนัง ใช้วิธีทายา (สี) แล้วตากแดด หรือรับรังสี UV วิธีนี้แก้ไขได้ชั่วคราว
  (2). ทายาต้านภูมิคุ้มกัน (สเตอรอยด์) ยาอาจช่วยให้อาการทุเลาลงได้ วิธีนี้แก้ไขได้ชั่วคราว
  (3). การสัก ใช้วิธีสักสีคล้ายสีผิวหนังที่เป็นโรค ทำให้มีสีคล้ำลง ใกล้เคียงกับสีผิวรอบๆ... ดูเหมือนจะแก้ไขได้ถาวร เท่าที่ทราบ... โรงพยาบาลยันฮีเคยประกาศโฆษณาผ่านหนังสือพิมพ์ (สัก) ไม่ควรไปสักตามร้านค้า เนื่องจากอาจติดโรค เช่น ไวรัสตับอักเสบบี ฯลฯ
  (4). บริเวณที่เป็นด่างขาวจะไวต่อรังสี UV จากแสงแดด เพราะฉะนั้นต้องสวมเสื้อผ้าปกปิด เช่น หมวก เสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ฯลฯ และหลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วง 9.00-16.00 นาฬิกา เพื่อป้องกันโอกาสเกิดความเสื่อมของผิวหนัง และมะเร็งผิวหนัง

แนะนำให้อ่านเรื่องด่างขาวที่นี่...

• (1). คำถามที่ www. bangkokhealth.com > คลิกที่นี่ [     Click     ] หรือที่นี่ >>> http://www.bangkokhealth.com/consult_htdoc/Question.asp?GID=18518
• (2). คำอธิบายเรื่องด่างขาว > คลิกที่นี่ [     Click     ] หรือที่นี่ >>> http://www.bangkokhealth.com/consult_htdoc/Question.asp?GID=6796
• (3). ตัวอย่างภาพ คำอธิบาย การรักษา > คลิกที่นี่ [      Click      ] หรือที่นี่ >>> http://www.inderm.go.th/Health/health_19.htm
• (4). คำแนะนำจากสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย > คลิกที่นี่ [     Click     ] หรือที่นี่ >>> http://www.thaiderm.net/public1.php?id=43&tt=6
• (5). คำแนะนำจาก thaihealth.co.th > [     Click     ] หรือที่นี่ >>> http://www.thaihealth.or.th/news.php?id=4201&PHPSESSID=0d6b600171ed2e7a3e8a59

ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของคุณ "หนู" ที่ห่วงใย เอาใจใส่คุณพ่อ ซึ่งเป็นมงคลธรรมในหมวดศีล (จารีตศีล = ข้อควรปฏิบัติ) หรือการตอบแทนพระคุณคุณพ่อคุณแม่...

• ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีใด... สิ่งสำคัญมากคือ ทำใจให้ได้เสียก่อน และควรสอบถามค่าใช้จ่ายก่อนรักษา
• โรคด่างขาวไม่ใช่โรคติดต่อครับ... ค่อยๆ คิดได้

ขอให้คุณ "หนู" และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีแรง มีกำลังไว้ทำอะไรดีๆ ไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ PC...

• เท่าที่ทราบ... เมืองไทยยังไม่อนุญาตให้ขายอวัยวะกันครับ

ได้ยินมาว่า... คนไทยบินไปเปลี่ยนไตที่จีนปีละหลายร้อยคน ที่นั่นมีไตจากนักโทษประหาร จริงหรือไม่... ไม่มีหลักฐานเป็นลายลักษณ์อักษร

• เมืองไทยมีคนใจบุญเยอะ... น่าจะมีการยอมรับการบริจาคไตให้คนที่ไม่ใช่ญาติได้ (ความเห็นของผู้เขียน)
• ตัวอย่างเช่น ถ้าครูบาอาจารย์ต้องการไต... คงจะมีลูกศิษย์หลายคนยินดีบริจาค โดยเฉพาะถ้าครูบาอาจารย์เป็นพระภิกษุ สามเณรที่ประพฤติดี ปฏิบัติชอบ

การซื้อขายไต...

• สำนักข่าว BBC ทำสารคดีเรื่องการขายไตในอิหร่าน > โปรดคลิกที่นี่... [     Click     ] หรือที่นี่... http://gotoknow.org/blog/health2you/59522

ทางการอิหร่านกำหนดราคาอย่างเป็นทางการไว้อย่างนี้ครับ... (คิดที่ 1 US = 35.50 บาท)

• ผู้ขายจะได้ค่าไต 1,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 35,500 บาท

• ผู้รับจะต้องจ่ายค่าไต 2,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 71,000 บาท

โรคไตวาย หรือไตเสื่อมสภาพในเมืองไทยมาจากสาเหตุใหญ่ๆ ได้แก่... นิ่ว ความดันเลือดสูง เบาหวาน และไตอักเสบเรื้อรัง

• ข่าวดีคือ เราน่าจะป้องกันโรคไตได้เป็นส่วนใหญ่....

วิธีป้องกันมีอย่างนี้ครับ...

• (1). นิ่ว... ทำให้เกิดการอุดตัน +/- ติดเชื้อ > ป้องกันได้โดยการดื่มน้ำให้ปัสสาวะมีสีจาง หรือไม่เห็นสีตลอดวัน
• (2). ความดันเลือดสูง... > ป้องกันได้ด้วยการไม่กินเกลือ หรือไม่กินเค็มมาก เริ่มด้วยการฝึกไม่เติมน้ำปลา หรือซอสในอาหารที่ปรุงแล้ว กินอาหารเค็ม เช่น ปลาเค็ม ฯลฯ อาหารสำเร็จรูป เช่น หมูหยอง ฯลฯ ให้น้อย ทำกับข้าวเอง (เพื่อลดปริมาณเกลือ) ออกกำลัง กินผัก-ผลไม้-นม(ชนิดไขมันต่ำ หรือไม่มีไขมัน)
• (3). เบาหวาน... > ป้องกันได้ด้วยการควบคุมน้ำหนัก ระวังอย่าให้อ้วน ออกกำลัง
• (4). ไตอักเสบเรื้อรัง... > ป้องกันได้ด้วยการป้องกันนิ่ว (ข้อ 1) และอย่ากลั้นปัสสาวะโดยไม่จำเป็น ถ้าเป็นโรคไตอักเสบ... ให้กินยาให้ครบตามที่หมอหรือพยาบาลแนะนำ

ขออนุโมทนาที่อาจารย์ หรือคุณ PC มีใจห่วงใยครอบครัว... ซึ่งเป็นมงคลธรรมในหมวดจารีตศีล (ข้อควรปฏิบัติ) ในมงคลสูตร (สงเคราะห์ญาติ)... สาธุ สาธุ สาธุ

ขอขอบคุณอาจารย์สุวรรณา และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขอขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี...

ขอคุณพระศรีรัตนตรัย และคุณงามความดีทั้งหลายที่อาจารย์ ท่านผู้อ่าน และผู้เขียนได้อบรม เจริญ ทำให้มากแล้ว...

• โปรดปกป้อง คุ้มครอง ส่งเสริม สนับสนุนให้อาจารย์ และท่านผู้อ่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีแรง มีกำลังไว้ทำอะไรดีๆ ไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์วิภา อาจารย์ท่านอื่นๆ บุคลากร นิสิต นักศึกษา ญาติสนิทมิตรสหายชาว มน. ตลอดจนท่านผู้อ่านทุกท่าน...

ขอขอบคุณสำหรับความปรารถนาดี ตลอดทั้งความอนุเคราะห์ทุกๆ ประการที่ชาว มน. มอบให้ //

ขอคุณพระศรีรัตนตรัย อานุภาพแห่งคุณความดีทั้งหลายที่พวกเราได้สั่งสม อบรม เจริญ ทำให้มากมาโดยตลอด... //

โปรดคุ้มครองอาจารย์วิภา อาจารย์ท่านอื่นๆ บุคลากร นิสิต นักศึกษา ญาติสนิทมิตรสหายชาว มน. ตลอดจนท่านผู้อ่านทุกท่าน... //

ขอพวกเราพึงมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีแรง มีกำลังที่จะทำอะไรดีๆ ต่อไปได้นานๆ ครับ...//

ใกล้ปีใหม่แล้ว... ก่อนตอบคำถาม, ขอสวัสดีปีใหม่กันก่อน

• ขอขอบคุณที่ถามปัญหาเรื่อง "มูสลี" มาครับ

มูสลี (mousli) เป็นธัญพืชไม่ขัดสี เช่น ข้าวโอ๊ต ฯลฯ นำมาผสมกับผลไม้แห้งชิ้นเล็กๆ หลายอย่างปนกัน

• มูสลีนับเป็นอาหารสุขภาพที่ทานได้เร็ว เหมาะมากกับมื้อเช้า ยกเว้นท่านที่เป็นเบาหวานควรทานแต่น้อย เนื่องจากเป็นอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตสูง (แป้งจากธัญพืช + น้ำตาลจากผลไม้)

มูสลีราคาถูกหน่อยมีของที่นำเข้าจากเยอรมนี... ขนาด 375 กรัมราคาประมาณ 74 บาท มีจำหน่ายที่ BigC ครับ

• มีวิธีทำให้ถูก และมีคุณค่าทางอาหารสูง > ทำเองดีกว่าครับ...

วิธีง่ายๆ คือ ทำเอง + ให้เตรียมมูสลีสุขภาพจากสูตรต่อไปนี้

• (1). ข้าวโอ๊ต... มีตั้งแต่ของอังกฤษบรรจุกระป๋อง ราคาประมาณ 98 บาท (ขนาด 800 กรัม) จนถึงของอเมริกา หรือเยอรมนี ราคาประมาณ 37 บาท (ขนาด 350 กรัม) > 2-4 ช้อนโต๊ะ
• (2). นมไม่มีไขมัน (หรือนมไขมันต่ำ)... ถ้าไม่ทานนม, ให้ใช้นมถั่วเหลืองแทน อุ่นให้ร้อนหน่อย > เติมข้าวโอ๊ตลงไป
• (3). จมูกข้าวสาลี (wheat germ) หรืองาป่น (งาดำมีธาตุเหล็ก + แคลเซียมสูงกว่างาขาว นำงามาคั่ว และป่นเองก็ได้) 1-2 ช้อนโต๊ะ
• (4). ผลไม้ เช่น แอปเปิ้ล (หั่นเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย) ลูกเกต ลูกพรุน (มีสรรพคุณเป็นยาระบายชั้นเยี่ยม) ฯลฯ...
• (5). ถ้าชอบหวาน... เติมน้ำตาลเทียม 0.5-1 ซอง
• (6). ถ้าชอบช็อกโกแลต... เติมผงโกโก้ 0.25 ช้อนชา
• (7). ถ้าชอบเบต้าแคโรธีน เพื่อป้องกันจอรับภาพ (retina) ซึ่งจะเสื่อมตามอายุ... ควรซื้อข้าวโพดต้ม ใช้มีดหั่น ใส่ทัพเพอร์แวร์ หรือภาชนะปิด เก็บไว้ในตู้เย็นได้หลายวัน... เติมลงไป 1-2 ช้อนโต๊ะ
• (7). เสริมด้วยกล้วยน้ำว้า 1-2 ผล +/- น้ำผัก หรือน้ำผลไม้ที่ไม่หวานจัด เช่น น้ำมะเขือเทศ ฯลฯ 1-2 แก้ว

เรียนเสนอให้ลองทำมูสลีเองครับ...

• มูสลีทำเองมีคุณค่าสูงกว่ามูสลีสำเร็จรูป
• นอกจากนั้น... การใช้ของที่ทำในไทยมีส่วนช่วยให้คนไทยมีงานทำด้วย

ขอให้ท่านผู้อ่าน ครอบครัว ญาติสนิท และมิตรสหายของทุกท่านมีความสุข ความเจริญ มีสุขภาพดี มีแรง มีกำลังที่จะทำอะไรดีๆ ต่อไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ออต และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ก่อนอื่นผมขอกราบขอบพระคุณ ขอบพระคุณ ขอบคุณ และขอบใจท่านผู้อ่านทุกท่านที่กรุณาให้เกียรติมาอ่าน หรือมาแลกเปลี่ยนข้อมูลกันใน Go2know

ขอแสดงความเคารพทุกท่านในโอกาสปีใหม่สากล...

• ขอกล่าว "สะบายดี" แบบลาวจากท้าววัลลภ
• ขอกล่าว "มิงกาละบา" แบบพม่าจากอูขิ่น หม่าว มยิต์ (ชื่อพม่าของผู้เขียน)
• ขอกล่าว "จุมเรียบซัว" แบบเขมร
• และขอกล่าว "สวัสดี" แบบไทย

ไม่ว่าจะกล่าวแบบไหน... ลาว พม่า เขมร ไทยก็เป็นเพื่อนบ้าน เป็นพี่ เป็นน้องกัน

• ทว่า... ลาว พม่า เขมรท่านชอบเป็น "พี่" มากกว่าเป็น "น้อง" ครับ
• เวลาเราพูดคุยกัน... ถ้าจะให้ได้เมตตากันแล้ว ขอให้คุยกันแบบน้องไทย พี่ลาว พี่ม่วน(พม่า) พี่แขมร์(เขมร)จะคุยกันได้ยั่งยืนขึ้นแยะเลย

ขอขอบพระคุณอาจารย์หมอสุข และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขออภัยที่พิมพ์ปี พศ. ผิด
• จะรีบแก้ไขใหม่ทันทีเลย

ที่มีคนทักว่า อายุ 45 ปีแค่นั้นหรือ เพราะหัวหงอกนานแล้ว

• ขอขอบพระคุณอาจารย์ที่กรุณาอวยพรวันเกิด
• ขออนุโมทนาในกุศลเจตนาของอาจารย์... ทั้งในด้านวิทยาทาน เมตตา และคุณความดีประการอื่นๆ

ติดตามอ่านบันทึกของอาจารย์ และแนะนำให้ท่านผู้อ่านท่านอื่นติดตามบันทึกของอาจารย์ครับ

ขอขอบคุณอาจารย์กะปุ๋ม และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• ขอขอบคุณอาจารย์และท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
• ถ้าเราเขียน พูด หรือพิมพ์อะไรไปแล้ว... ไม่มีคนอ่าน หรือฟังเลย ไม่นานเราคงจะต้องเลิกเขียน พูด หรือพิมพ์

อาจารย์ และท่านผู้อ่านทุกท่านเป็น "นาบุญ" ครับ... ต้นฉบับเป็นเพียงเมล็ดพันธุ์ที่รอนา

• ขอให้อาจารย์และท่านผู้อ่านทุกท่านมีความสุข มีความเจริญ มีสุขภาพดี และมีอาหารที่ดีกับสุขภาพไปนานๆ ครับ...

ขอขอบคุณอาจารย์ กะปุ๋ม...

• ขอขอบคุณในความปรารถนาดีครับ
• ช่วงสุดท้ายของคุณแม่ผมเป็นโรคหลักๆ แทบทุกโรค เช่น ไตวาย ความดันเลือดสูง หัวใจวาย ซีด อ้วน ถุงลมโป่งพอง ฯลฯ (ยกเว้นเบาหวาน)

อาจารย์แพทย์ พยาบาล แลป คลังเลือด เภสัชกร เอกซเรย์ ผู้ช่วยเหลือคนไข้ เปล คนงานโรงพยาบาลนครพิงค์ได้ให้การดูแล เอาใจใส่อย่างดีที่สุด

• คุณแม่เองตั้งใจบริจาคร่างกาย + ดวงตาไว้ล่วงหน้า

พยาบาล ICU กรุณาอนุญาตให้ทำสังฆทาน(ถวายผ้าไตร)ที่เตียงใน ICU 3 ครั้ง + น้องสาวผมเข้าไปสวดพระปริตรทุกบ่าย 3 โมง + หลานอ่านเรื่องจากพระสูตรทุกสัปดาห์ + ผมสวดพระปริตรนานๆ ครั้ง

• อาจารย์จุรีย์ คลังเลือด > กรุณาหาผู้บริจาคเลือด + เลือดให้
• อาจารย์เภสัชกร > กรุณาบริจาคเลือดให้

นับว่า โรงพยาบาลนครพิงค์มีพระคุณต่อคนไข้ ญาติสนิท มิตรสหายของคนไข้จำนวนมาก > ขออนุญาตกล่าวสาธุ สาธุ สาธุให้โรงพยาบาลคุณภาพคือ โรงพยาบาลนครพิงค์ครับ...

• ขอขอบคุณอาจารย์กะปุ๋ม และท่านผู้อ่านทุกท่าน...

• 28 กันยายน 49
• เรียน อาจารย์เปมิชและท่านผู้อ่านทุกท่าน

ก่อนอื่น > ขออภัยที่ตอบช้า...

• เพิ่งกลับจากไปทำบุญที่พม่า(ย่างกุ้ง) 17-24 กย. 49 

โลกของเราอาจจะแบ่งได้เป็นโลกของความจริงกับสิ่งที่เห็น (truth & fact) ซึ่งของ 2 สิ่งนี้อาจจะไปด้วยกัน(ตรงกัน / compatible) หรือไม่ไปด้วยกัน(ต่างกัน / incompatible)ก็ได้...

• รศ.วิเชียร นิตยกุล อาจารย์ที่เกษียณแล้วจากคณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กล่าวให้ผมฟังว่า หลังสงครามไทย-พม่ามีการ "ตีกรุงเก่า" ซ้ำโดยชนกลุ่มอื่น ซึ่งไม่ได้นับถือพระพุทธศาสนา มีความเป็นไปได้ว่า คนกลุ่มนี้อาจจะปล้นอยุธยาซ้ำก็ได้
• ธรรมดาของโลกประการหนึ่งคือ "ล้มแล้วเหยียบ" > เราไม่อาจจะกล่าวได้ว่า ใครปล้นกรุงศรีอยุธยา ทว่า... เมื่อกรุงแตกแล้ว ใครก็ได้(ที่อยากได้ทรัพย์)ย่อมปล้น ย่อมชิง
• แม้คนไทยที่ชอบขโมยตัดเศียรพระก็มีจนปัจจุบัน > ในพม่าไม่เคยมีข่าวอย่างนี้เลย(แต่มีข่าวขโมยพระพุทธรูป) และโทษของการทำอย่างนี้ในพม่าหนักหนา สาหัสมาก > จึงมีความเป็นไปได้ที่คนไทย(ที่ใจเป็นโจร)จะตัดเศียรพระพุทธรูปเองด้วย

สมมติฐานเรื่องทองคำในพระเจดีย์ก็เช่นเดียวกัน > ต่อไปเป็นสมมติฐานที่ผมขอเรียนเสนอข้อคิดอย่างนี้...

• (1). หลักฐานทางประวัติศาสตร์ และพระไตรปิฎก > พม่าตั้งชาติมาก่อน 2,500 ปีแล้ว ตั้งมาก่อนไทย และมีการสร้าง + บูรณะพระเจดีย์ชเวดากองมาหลายครั้ง
• (2). ขนาดพระเจดีย์ + พระพุทธรูปทั้งหมดในอยุธยาเล็กมาก > ถ้าประมาณพื้นที่เส้นรอบวง คูณด้วยความหนาในระดับมิลลิเมตร และนำปริมาณทองที่น่าจะดีทั้งหมดมารวมกัน > ไม่พอหุ้มพระเจดีย์ชเวดากองได้เลย (พื้นที่พระเจดีย์ชเวดากองรวมบริวารประมาณ 1 x 2 กิโลเมตร)
• (3). คนพม่ามีทรัพยากรธรรมชาติมากกว่าคนไทย + ศรัทธาในพระเจดีย์สูงกว่าคนไทย > คนพม่านิยมสร้างเจดีย์ พระเจดีย์พม่าจึงอลังการ คนไทยนิยมสร้างโบสถ์ ศาลาการเปรียญ กุฎิ วิหาร โบสถ์ไทยจึงอลังการ (พระพม่ามาไทยชอบมาชมโบสถ์ไทยเช่นกัน)

พระสูตร... ดูจะอยู่ในคาถาธรรมบท กล่าวถึงนางลูกหมู

• ลูกหมูนี้ > เดิมเป็นแม่ไก่ ฟังเสียงพระสาธยาย > เกิดในสุคติ > เจริญฌาน > เป็นพรหม > เกิดเป็นคน > เกิดเป็นลูกหมู (ชาตินี้พระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงแสดงเรื่องนี้แก่พระภิกษุ) > เกิดอีกหลายชาติในประเทศพระพุทธศาสนา "เถรวาท" คือ ชมพูทวีป + สุวรรณภูมิ(น่าจะเป็นพม่า หรือไทย)
• ชาติสุดท้ายนางเกิดเป็นลูกสาวเสนาบดี > พระเถระรูปหนึ่งบิณฑบาตแล้วกล่าวกับพระภิกษุอื่นว่า นางลูกหมู... บัดนี้มาเป็นลูกเสนาบดี
• นางระลึกชาติได้ > ออกบวช > บรรลุพระอรหันต์

เรื่องนางลูกหมูนี้ก็สะท้อนได้ดีว่า ชาวพุทธมีแนวโน้มจะเกิดที่โน้นบ้าง ที่นี้บ้าง ทว่า... มีแนวโน้มจะเกิดในแผ่นดินพระพุทธศาสนา ชาติโน้นบ้าง ชาตินี้บ้าง... คงไม่พ้นอินเดีย ปากีสถาน(ตักสิลา > เดิมเป็นส่วนหนึ่งของชมพูทวีป) ศรีลังกา พม่า ไทย ลาว กัมพูชาเป็นส่วนใหญ่

• ถ้าเราเจริญพยาบาท(จองเวร ไม่ให้อภัย) > จริงๆ แล้ว... เราอาจจะรบรา ฆ่าฟันบรรพบุรุษ หรือลูกหลานของเราเอง เพราะเราเวียนตาย เวียนเกิดมาแล้วนับชาติไม่ถ้วน โดยเฉพาะแผ่นดินพระพุทธศาสนา
• เทศกาลเข้าพรรษาปีนี้ > ผมมีโอกาสพาคนไทยใจดีไปทำบุญที่โรงพยาบาลมโหสถ + คลังเลือดลาว

สัปดาห์ก่อน (18 กย 49) > ผมมีโอกาสนำพลาสเตอร์ยา + เงินไปทำบุญที่คลังเลือด โรงพยาบาลย่างกุ้ง (Yangon General Hospital)

• วันเดินทาง (17 กย 49) > ทราบจากคุณสุดคนึง บุคลากรสถานฑูตไทยว่า ท่านได้นำถุงเลือดไปบริจาคให้คลังเลือดด้วย
• ขอกราบอนุโมทนา... สาธุ สาธุ สาธุ

ขอบุญกิริยาวัตถุที่ผมทำไว้ดีแล้ว อบรมแล้ว ทำให้เจริญมากแล้วทั้งหมด พึงเป็นเหตุ พึงเป็นปัจจัยให้คนพม่า คนไทย คนลาวได้เมตตากัน มองกันด้วยความปรารถนาดี...

• ขอต่อไปอย่าพึงมีสงครามพม่า-ไทย-ลาวอีกเลย
• ขอคนพม่า-ไทย-ลาวพึงได้เมตตากันสืบไป
• ขอสัตว์ทั้งหลายอย่าพึงได้เข่นฆ่า เบียดเบียนกัน
• ขอสัตว์ทั้งหลายพึงได้รับส่วนแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้บำเพ็ญไว้แล้ว ทั้งในพม่า ลาว และไทย...

ขออาจารย์เปมิช และท่านผู้อ่านทุกท่านพึงถึงซึ่งความสุข ความเจริญ พึงเป็นผู้มากด้วยเมตตา ได้บำเพ็ญบุญกิริยาวัตถุทุกๆ ประการจนถึงพระนิพพานเบื้องสูงสุดเทอญ...