ประวัติย่อ

ผมนายกุสล ปิ่นมุข จบการศึกษาระดับปริญญาตรี วิทยาศาสตร์บัณฑิตสาขาวิทยาศาสตร์คอมพิวเตอร์ จาก มหาวิทยาลัยรามคำแหง ปี 2537 จบป.โท ที่ศรีปทุม MBA สาขาพาณิชย์อิเล็คทรอนิก ปี 2550

          เริ่มทำงานแห่งแรกที่ บริษัท เทลบิซ จำกัดแถว ถ.พระอาทิตย์ บางลำภู เมื่อปี พ.ศ. 2534 ตำแหน่ง โปรแกรมเมอร์ เขียนโปรแกรมระบบ ฐานข้อมูลอาชญากร ฟังก์ชั่น การพิมพ์หมายจับ ของกรมตำรวจ ซึ่งใช้ภาษา C เขียนทำงานร่วมกับ Netware ผมทำงานที่นี้อยู่ปีครึ่ง เงินเดือนที่ได้ช่วงนั้นเพียง 5000 บาทเท่านั้น (เนื่องจากผมยังไม่จบปริญญา) แต่ซึ่งที่ได้จากที่นี้คือความรู้ที่มีค่ามากกว่ามูลค่าเงินที่ได้รับ ในส่วนตัวผมรู้สึกภูมิใจที่มีโอกาสเข้ามาทำงานที่นี้ ต่อจากนั้นผมย้ายมาทำงานที่ บริษัท คอนโทรล ดาต้า จำกัด (เครือกลุ่มบริษัท CDG) ตำแหน่ง System Engineer หน้าที่ดูแลเครื่อง Mainframe Cyber run ระบบฐานข้อมูลบัตรประชาชน ซึ่งประจำที่ site กองบัตรประชาชน สังกัดกระทรวงมหาดไทย อยู่ที่นางเลิ้งทำงานอยู่ 8 เดือน ในช่วงแรกๆรู้สึกดีเพราะมีอะไรให้เรียนรู้มากมายเช่นระบบฐานข้อมูลที่ใหญ่มากรวมทั้ง Hardware ซึ่งเป็นระบบที่ใหญ่มาก (ถือตามกายภาพนะครับ) แต่หลังจากผ่านช่วง learning curve ไปแล้วมันไม่ท้าทายอย่างที่หวัง กอปรกับระบบการทำงานที่ทำกับราชการแล้วรู้สึกว่ามันไม่เข้ากับลักษณะการทำงานของผมก็เลยตัดสินใจออก และเข้ามาทำงานที่บริษัท ไมโครเนติก จำกัด ตำแหน่ง System Engineer เช่นเดิมแต่ดูแลระบบให้ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งที่นี้ก็ถือเป็นสถานที่ฝึกฝนตัวเองดีอีกที่หนึ่งเพราะนอกจากเรื่อง technology สมัยใหม่แล้วก็ยังมีเรื่องการเมืองภายในองค์กรที่ต้องเล่นให้เป็นด้วย

          และแล้วก็ถึงจุดเปลี่ยนวิถีชีวิตอีกช่วงหนึ่งคือหลังจากทำงานที่ บ. ไมโครเนติก 3 ปีกว่าก็ศึกษาที่จะหันมาทำธุรกิจตัวเองโดยดูแนวโน้มเรื่อง Technology เป็นหลักว่าจะไปทางใดซึ่งก็พบว่าช่วงนั้นธุรกิจ Service Bureau ด้านการจัดเก็บเอกสารทั้งฝั่งอเมริกาและสิงคโปร์สามารถทำเงินเป็นหลักพันล้านเหรียญต่อปีจึงน่าจะมีโอกาสที่ดีที่น่าจะทำธุรกิจนี้จึงตั้งบริษัท คอมเรด คอมพิวเตอร์ เซอร์วิส จำกัด ตั้งอยู่ที่ บางขุนเทียน (อาคารที่ทำการเป็นของหุ้นส่วน) โดยมีจุดมุ่งหมายให้บริการด้านการรับแปลงเอกสารเป็นคอมพิวเตอร์ files พร้อมระบบจัดเก็บและเรียกค้น แต่หลังจากนั้น 5 เดือนก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจ 2540 ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับบริษัทเพราะกลุ่มลูกค้าของเราตั้งเป้าไปที่ กลุ่มโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ จึงเป็นงานยากอย่างยิ่งที่จะแสดงให้เห็นประโยชน์ของความสะดวกรวดเร็วในการเรียกค้นเอกสารที่ถูกแปลงมาเป็น คอมพิวเตอร์ files แล้วหรือเห็นประโยชน์แต่ก็ไม่มีงบ สถานะการณ์ตอนนั้นไม่ถึงกับแย่ซะทีเดียวก็มีลูกค้าอยู่หลายรายเหมือนกันที่ให้โอกาสเรา เช่นโรงงานอุตสาหรรมที่มาบตาพุด ระยอง, บมจ. East Water, โรงแยกก๊าซธรรมชาติ ปตท. และที่สำคัญ บ. Goodyear (ประเทศไทย) ซึ่งทำให้เราคิดว่าเราน่าจะใช้ช่วงเวลาที่ต่างกันของอเมริกากับประเทศไทยสามารถทำเงินได้ เช่นเขาส่งงานให้เราเย็นของเขาวันนี้ (ซึ่งบ้านเราก็เป็นช่วงเช้า) เช้าวันรุ่งขึ้นของเขาก็รับงานไป (ทั้งหมดติดต่อผ่าน e-mail) จึงได้ขยายการบริการรับเขียนแบบ AutoCAD โดยมุ่งเน้นติดต่อกับบริษัทในฝั่งอเมริกา เพราะคิดว่าค่าจ้างในการเขียนแบบ AutoCAD มันถูกกว่าที่เขียนที่นั่นแน่นอน แต่เราลองพยายามทำตลาดมา 4 เดือนไม่เกิดเป็นลูกค้าสักราย ก็สรุปไม่ทำตลาดต่อ (ประเมินในตอนนั้นคิดว่าบริษัทที่อเมริกาเกิดความไม่เชื่อมั่นว่าเราจะทำงานให้ได้) แต่ไม่เป็นไรเราก็กลับมามุ่งเน้นในบ้านเราต่อ ผมทำอยู่ที่ Comrade อยู่ 6 ปีสภาพการเงินของบริษัทก็ไม่ดีขึ้นยังทรงๆอยู่อย่างนั้นมาตลอดก็เลยถอนตัวออกมา

       หลังจากได้ลองทำธุรกิจตัวเองดูก็รู้ว่ามันเหนื่อยดีแท้ ก็เลยตัดสินใจพักกลับมาเป็นลูกจ้างอาชีพแล้วกัน เหอะ เหอะ ผมก็ได้ไปสมัครงานที่ บ.สามารถ คอร์ปอเรชั่น และได้ทำอยู่ในดำแหน่ง Senior System Engineer กับ Project ThaiMobile 1900 Mhz ที่บ.สามารถ ประจำอยู่ที่ทศท. ได้ 2 ปี

          ปัจจุบันผมทำอยู่ที่ บริษัทหลักทรัพย์ ซิกโก้ (มหาชน) จำกัด เริ่มจากตำแหน่งผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่าย IT ส่วนควบคุมระบบและจัดการ ก็ดูแลเรื่อง IT Security นะแหละ เมื่อเดือน กันยายน 2547 ทำมาได้ 4 ปี เจ้านายก็ให้มาทำด้านตรวจสอบครับ มาเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายกำกับหลักทรัพย์และตรวจสอบ ส่วนตรวจสอบสารสนเทศ (ก็แปลก ๆ ดีนะครับ เคยทำและวางแนวทางให้คนในฝ่าย IT ทำตาม IT Security และคราวนี้มาตรวจสิ่งที่ตัวเองเคยทำอีก ^^' 555...)

          Big Change และ Big Chance อีกครั้ง เมื่อ ก.ค. 2553 เจ้านายใหญ่อยากให้ผมมาเป็น Head ฝ่ายบริหารความเสี่ยงแทนคนเก่า Oho คือแบบว่าเรื่องความเชี่ยวชาญพิเศษด้าน IT ไม่ได้เอามาใช้เลย (แต่ก็มีบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ เขียนโปรแกรมช่วยงานให้มันสะดวกขึ้นใช้เอง) เป็น User เต็มตัวเลยครับ แถมมาเริ่มเรียนรู้เฉพาะในเชิงธุรกิจอย่างเดียวตอน 40 นี้มันเหนื่อยดีแท้ เพราะนอกจากเรียนรู้ในงานแถมเจ้านายยังต้องการให้ระบบการบริหารความเสี่ยงมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิมอีก ช่วงนี้ของชีวิตหัวบานเป็นพิเศษเชียวแหละ

ส่วนเรื่องครอบครัวผมมีภรรยา 1 และลูกชาย 10 ขวบ อีก 1 คนครับ บ้านเป็นอาคารชุดอยู่ที่ ชวนชม รัชดาภิเษก 36 ตรงข้ามศาลอาญา ครับ