สองเท้าก้าวสลับอย่างรวดเร็ว
หัวใจเต้นถี่ขึ้น...อุณหภูมิในร่างกายเพิ่มสูง
เวลาวิ่งออกกำลังกายทีไร
รู้สึกเหน็ดเหนื่อย...เหงื่อออกท่วมตัว
เป็นการทรมานกายแบบหนึ่ง แต่กลับทำให้ร่างกายแข็งแรง
ใจคนเราก็คงเหมือนกันมั้ง
ตามใจมากก็ไม่ได้
ต้องฝืนใจ...ทรมานใจบ้าง
ใจเราจึงจะแข็งแรง!!!
เห็นด้วย ต้องทรมานกายด้วยการออกกำลังกายบ้าง เพราะเดี๋ยวมันจะอ้วนโดยไม่รู้ตัว ฮ่าๆๆๆ
กายอ่อนล้า...ใจเลยพาลอ่อนเพลียไปด้วย
เมื่อได้มาพิจารณาดูดีๆ...
ใจเราต่างหากที่มันทั้งอ่อนล้าและเพลีย เจ้ากายน่ะไม่เท่าไหร่หรอก
พอใจเราว่า..."เหนื่อยจัง" ความรู้สึกเหนื่อยล้า ใจหนักอึ้งราวแบกภูเขาไว้ในอก
แต่พอคิดเสียใหม่ว่า เรากำลังโชคดีที่ได้ฝึกความอดทน แค่นี้จะยอมแพ้เหรอ...ก็กลับมีกำลังใจเพิ่มขึ้น ภูเขาอันแสนหนัก เหมือนจะเบาลงบ้าง...
เป็นอีกขึ้นของความพยายามในการที่จะเอาชนะใจตนเอง
ไม่มีความเห็น
เหน็ดเหนื่อยกับความคิดกังวล และจิตใจฟุ้งซ่านของตัวเอง
กายรู้สึกไม่สบาย ปวดหัวตุ๊บๆ
ใจรู้สึกอ่อนเพลีย อ่อนล้า...
เช้านี้ได้กลับมานั่งพิจารณา detox จิตใจตัวเองเสียหน่อย
น่าแปลก...พอใจผ่อนคลาย กายก็พลอยรู้สึกสบายไปด้วย
พอตั้งใจไว้ให้ถูกที่ทาง...
รู้สึกว่าใจเรามีพลังมากขึ้นอย่างประหลาด
ไม่มีความเห็น
@89091 รออ่านจดหมายรักน้องฟ้ากะนายเมฆอยู่นะคะ เผื่อหัวใจจะกระชุ่มกระชวยขึ้นมาบ้าง อิอิ
ไม่มีความเห็น
เดินข้ามสะพานลอย...
เจอคุณลุงตาบอด คนสีซอที่ประดิษฐ์จากกระป๋องนมเจ้าเก่า
ไม่เห็นคุณลุงนานแล้ว...เลยทักทายซะหน่อย
ได้ความว่า สงกรานต์ที่ผ่านมา คุณลุงหายไปเพราะกลับบ้าน
เพิ่งกลับมาเมื่อสองวันนี้เอง
พอได้ยินคำว่า "บ้าน" แล้วรู้สึกดีจัง...^v^
ไม่มีความเห็น
รู้สึกดีใจนิดหน่อย ที่วันนี้ทำให้คนไข้มีรอยยิ้มได้...^^
แม้จะเหนื่อยจากภาระงานยุ่งๆ แต่ก็ใช้เวลาประมาณ ครึ่งชั่วโมงไปคุยกับผู้ป่วยระยะสุดท้าย...
ให้กำลังใจและรับฟังคุณลุงเค้า
วันนี้จึงถือว่างบดุลชีวิตได้กำไร...
ในฐานะที่ได้ทำหน้าที่อันพึงกระทำต่อเพื่อนมนุษย์คนหนึ่ง
ไม่น่าเชื่อว่าเพียงแค่การฟังและให้กำลังใจ กลับได้รับแววตาแห่งความสุขและรอยยิ้มกลับคืนมา
ไม่มีความเห็น
ยุ่งๆ มาหลายวัน เหน็ดเหนื่อย อ่อนล้า...วุ่นวายกับเรื่องราวรอบตัว วันนี้ได้กลับมาอยู่กับตัวเองบ้าง
รู้สึกว่าท้องฟ้าสดใส
ดอกไม้เบ่งบาน
สิ่งต่างๆ รอบตัวสวยงามเป็นพิเศษ
คงเพราะหน้าต่างของหัวใจ เปิดรับความงดงาม จากดวงตา...สู่ดวงใจ ^^
ไม่มีความเห็น
นานแล้วที่ไม่ได้วิ่งออกกำลังกาย...กว่าจะทำงานเสร็จก็มืดค่ำ
วันนี้ได้กลับไปวิ่งรอบวังสวนจิตรฯ อีกครั้ง
หลายสิ่งเปลี่ยน...บางสิ่งคงอยู่
ดอกกระเจียวสีชมพูรอบวังหายไป
แววมยุราและแวววิเชียรมาประชันความงามแทนที่
ข้าพเจ้าชอบความรู้สึกที่ลมแผ่วพัดผ่านขณะที่วิ่ง...
สิ่งวุ่นวายภายนอกหยุดหมุน... ดื่มด่ำกับช่วงเวลา ณ ขณะนั้น
ลมหายใจเราผสานกับลมหายใจของธรรมชาติ
เป็นช่วงเวลาที่ได้กลับมาหาตนเอง
และรับรู้ว่า...เราเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ
ไม่มีความเห็น
2-3 วันมานี้ เริ่มรู้สึกได้ถึงลมหนาวที่พัดแทรกมากับไอฝน
เป็นสัญญาณว่าฤดูหนาวกำลังย่างกลายเข้ามา...
เวลาช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว
เช่นเดียวฤดูกาลชีวิต
ช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน....
ไม่มีความเห็น
เย็นนี้ไปวิ่งออกกำลังกายรอบวังสวนจิตรฯ
บรรยากาศรอบกาย มีละอองน้ำเหมือนหมอกลอยอยู่รอบๆ
มัวแต่เพลิดเพลินกับภาพเบื้องหน้า
ไม่ทันได้มองพื้นถนน จนเผลอไปเตะเจ้าหอยทาก(โชคยังดีที่ไม่ได้เหยียบ)
เจ้าหอยทากคงตกใจ รีบหดตัวเข้าไปในเปลือกหอยแหลมๆ
พยายามมองทางเดิน...ระวังหอยทาก
เจอหอยทากตัวหนึ่งอยู่กลางถนน
เกรงว่าคนที่วิ่งตามมาเค้าจะเหยียบเข้า
เลยจับเจ้าหอยทากลงไปไว้ข้างทาง
แต่เอ...มันจะอยากลงไปหรือเปล่านะ?
หรือว่ามันกำลังจะข้ามถนน?
เราไปทำให้การเดินทางที่ช้าอยู่แล้วช้าลงไปอีกหรือเปล่าหนอ?
ไม่มีความเห็น
เมื่อทำสิ่งใดผิดพลาดพลั้งไป...
ใจส่วนหนึ่งออกโรงปกป้องตัวเอง หาเหตุผลมาเข้าข้างตนเองต่างๆ นานาว่าฉันไม่ผิด
ในขณะที่อีกส่วนของใจจมอยู่กับความรู้สึกผิดนั้น รู้สึกว่าน่าจะทำได้ดีกว่านี้
แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน ก็ล้วนไม่เกิดประโยชน์...
ตั้งสติแล้วพิจารณาถึงข้อผิดพลาด นำมาเป็นสิ่งเตือนตนสอนใจ
พัฒนาตนให้ดียิ่งขึ้น...เลิกยึดติดกับอดีตซึ่งเป็นเหมือนฝัน
ดอกบัวแปรเปลี่ยนโคลนตมให้เป็นอาหารและผลิบานได้ฉันใด
ก็จงเปลี่ยนความผิดพลาด ความทุกข์ ให้เป็นบันไดในการพัฒนาตนฉันนั้น
จงขจัดความมืดแห่งใจด้วยแสงแห่งปัญญา....
ไม่มีความเห็น
ทั้งๆ ที่รู้ว่า กำลังแสดงบทบาทสมมติ
เป็นเพียง "ตัวละคร"หนึ่ง ในโรงละครโรงใหญ่
แต่บางครั้ง ก็ยังหลงเป็นจริงเป็นจังกับบทบาทนั้น
จนทำให้จิตใจวุ่นวาย
จะว่าไป...ก็ไม่ต่างจากโลกแห่งความฝัน
ที่รู้สึกว่าทุกอย่างเป็นความจริง ทั้งๆที่สิ่งที่เกิดหาใช่สิ่งที่มีอยู่จริงไม่!
ไม่มีความเห็น
ในวันที่รู้สึกเบื่อหน่ายและฟุ้งซ่าน
สองเท้าพาเดินเข้า 7-11 อย่างไร้จุดหมาย...
สายตาเหลือบไปพบกับหนังสือ "พิศเจริญ"
เป็นหนังสือรวมภาพถ่ายและคำพูดของท่านปัญญาและท่านพุทธทาส
ยิ่งพิศ...ยิ่งงดงาม ยิ่งคิดตาม...ยิ่งเจริญ
หนังสือดีๆ อ่านจบแล้วนำไปแบ่งปันให้คนอื่นอ่านด้วยดีกว่า
ความงดงาม จะได้งอกงามยิ่งๆ ขึ้นไป ^^
ไม่มีความเห็น
วันแม่ปีนี้ไม่ได้กลับบ้านไปกราบเท้าแม่เช่นเคย
ทำได้เพียงโทรศัพท์ไปหาท่าน
สุขสันต์วันแม่...แล้วกราบเท้าท่าน
ส่วนคุณแม่ก็ให้พรผ่านทางโทรศัพท์
นัดแนะกันกับคุณแม่ทำวัตรสวดมนต์เย็นและนั่งสมาธิ
แม้จะอยู่กันคนละที่ แต่ก็รู้สึกว่าใจเราเชื่อมถึงกัน
เป็นพิธีกรรมวันแม่เล็กๆ ที่ยิ่งใหญ่ในความรู้สึก
ศักดิ์สิทธิ์และอบอุ่นยิ่งนัก
ไม่มีความเห็น
วันนี้เป็นวันแรกที่ได้ไปวิ่งออกกำลังกายตั้งแต่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองกรุง
วิ่งรอบๆ วังสวนจิตรฯ แม้จะวิ่งได้ไม่ครบรอบ แต่ก็ทำให้เหงื่อท่วมตัว
สายลมประทะใบหน้ายามที่ร่างกายเคลื่อนที่ไปตามจังหวะฝีเท้า
ต้นไม้สีเขียวสองข้างทาง...
เป็นความสุขที่ไม่ต้องใช้เงินซื้อหา (นอกจากซื้อรองเท้าวิ่ง อิอิ)
มีแต่บอกคนไข้ให้ออกกำลังกาย แต่ข้าพเจ้าเองกลับไม่ค่อยมีเวลา
คงต้องพยายามสร้างสมดุลให้กับชีวิตและร่างกายมากกว่านี้ซะแล้ว
ไม่มีความเห็น
ตอนนี้การสื่อสารระหว่างหมอกับคนไข้ เป็นลักษณะการให้ข้อมูลการรักษา
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ดี และเป็นสิทธิของผู้ป่วยที่จะรับทราบข้อมูล
แต่ไม่รู้ทำไม บางครั้งกลับรู้สึกว่า...หมอกำลังรักษาโรค ไม่ได้รักษาคนไข้
จะดีกว่าไหมถ้าในคำพูดแต่ละคำ ใส่ความอ่อนโยนและความเข้าใจห่วงใยลงไปด้วย เพราะเรากำลังพูดกับ"คน" ซึ่งเป็นเพื่อนมนุษย์ของเรา
เอาใจเขามาใส่ใจเรา...แล้วจะรู้ว่า ชีวิตของคนคนหนึ่งมีอะไรมากมายกว่าที่เราคิด
ไม่มีความเห็น
ที่โอพีดีของ รพ.รามาธิบดี มักจะมีการแสดงดนตรีในตอนเที่ยง
วันนั้นอาจารย์หมอร้องเพลง มีบรรดาผู้ป่วยและญาติล้อมวงฟัง
เด็กคนหนึ่งเดินเข้าไปร่วมวง พร้อมกับเต้นตามจังหวะดนตรี
อาจารย์หมอร้องเพลงพลางเล่นกับหนูน้อยพลาง ราวกับหนูน้อยนั้นเป็นแดนเซอร์ของวงดนตรี
สร้างรอยยิ้มให้กับผู้ชม...ข้าพเจ้าเองก็อดยิ้มไปกับภาพความน่ารักนั้นไม่ได้
เพิ่งรู้สึกว่า รอยยิ้มเป็นเหมือนโรคติดต่อที่ระบาดได้รวดเร็วยิ่งกว่าหวัด 2009 ซะอีก ^^
ไม่มีความเห็น
วันนี้คนไข้ใหม่ admit เยอะมาก
ใช้เวลาไปกับงานเอกสารมากกว่ากับคนไข้...เฮ้อ รู้สึกมันจะไม่ใช่สิ่งที่ควรจะเป็นนะเนี่ย
เอาน่า...พรุ่งนี้คงต้องไปคุยกับคนไข้อีกรอบ อยากคุยกับคนไข้มากกว่ามานั่งพิมพ์เอกสาร!
ไม่มีความเห็น
วันนี้อยู่ๆ ก็นึกถึงคำที่อาจารย์ท่านหนึ่งเคยสอนตอนเป็นนักศึกษาแพทย์ปี 3
"คุณเป็นหมอที่ดีได้ ตราบเท่าที่คุณอยากจะเป็น..."
ถึงจะไม่ใช่หมอที่เก่งที่สุด แต่จะพยายามทำหน้าที่หมอให้ดีที่สุด
ดังคำสอนของสมเด็จพระราชบิดา...
"I don't want you to be only a doctor, but human too."
ไม่มีความเห็น
อยู่เวรติดกันมา 2 วัน ...รู้สึกง่วงมากๆ
พอดีพักเที่ยงได้ยินน้องหมอพูดกันว่าเอ็มร้อยปั่นใส่ปีโป้อร่อย
ตอนบ่ายจะมีเรียน lecture เลยเดินไปคณะวิทย์ฯ สั่งเอ็มร้อยปีโป้มาชิมซะหน่อย
อืม...รสชาติมันก็อร่อยดีนี่นา...แต่ทำไมกินแล้วตอนเรียนก็ยังง่วง
สงสัยเอ็มร้อยคงไม่สามารถต้านทานเสียงอาจารย์ได้แน่เลย 555
ไม่มีความเห็น
ทุกวันพฤหัสจะมีพระมาบิณฑบาตที่หอผู้ป่วย
คุณยายสาครตื่นตั้งแต่เช้าเตรียมตัวตักบาตร วันนี้พระมาสายหน่อยเกือบแปดโมง...คุณยายแอบกระซิบบ่นให้ข้าพเจ้าฟัง
"พระมาสายจัง ยายอุตส่าห์รอตั้งแต่เช้า นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว"
แต่ถึงจะบ่นอุบอิบ แต่ตอนตักบาตรคุณยายก็ยิ้มเบิกบานเชียวล่ะ
เมื่อบิณฑบาตเสร็จพระกำลังจะกลับ ข้าพเจ้าหันไปเห็นคุณยายเตียงข้างๆ ทำท่ากระสับกระส่าย (คุณยายเป็นเนื้องอกในสมอง พูดไม่ได้ ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ต้องนอนอยู่กะเตียง) ข้าพเจ้าจึงเดินไปถามว่ายายอยากจะได้อะไร...ปรากฏว่าที่เก้าอี้ข้างๆ มีของเตรียมตักบาตรอยู่...อ้อ คุณยายคงอยากจะตักบาตร ลูกเค้าเตรียมของไว้ให้ แต่ไม่มีคนเห็น
ข้าพเจ้าจึงนิมนต์หลวงพี่...แล้วจับมือคุณยายใส่บาตร แม้จะพูดไม่ได้ แต่แววตาคุณยายบ่งบอกชัดถึงความสุขที่ฉายออกมา...โชคดีจังที่คุณยายได้ตักบาตร ทำบุญในวันนี้ นับเป็นความสุขเล็กๆ ของข้าพเจ้าในการเริ่มต้นวันใหม่ (^-^)
ไม่มีความเห็น
เช้านี้ทักทายคุณยาย คนไข้ชาวอีสานบ้านเฮาด้วยภาษาอังกฤษ
"อรุณสวัสดิ์คุณยายพันธ์ how are you?"
คุณยายตอบกลับมาว่า "พออยู่อยู่ (สบายดีพอประมาณ)"
"อ้าว ยายพันธ์ฟังภาษาอังกฤษออกด้วยเหรอจ๊ะ?"
"บอออก ยายเดาเอา"...???
อ้าว คุณยายเดาแม่นนะเนี่ย...
ได้ยินคำตอบคุณยายแล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ^o^
ไม่มีความเห็น
การได้หลีกเร้นจากความวุ่นวาย
อยู่เงียบๆ กับตนเอง...ท่ามกลางแมกไม้
รับรู้เพียงลมหายใจของตนเองผ่านเข้า-ออก...ผสานกับลมหายใจของธรรมชาติ
เราและธรรมชาติ...สอดคล้องเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน
เมื่อเวลานั้นมาถึง...เราจะกลับคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้ง
ไม่มีความเห็น
ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ
ต้องเหยียบหนามไมยราบเข้าไปก่อน...
รอยขีดข่วนจากหนาม แม้จะสร้างความเจ็บปวด
แต่ก็เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ต้องพบพานและเรียนรู้ที่จะผ่านมันไป
ไม่มีความเห็น
วันนี้มีโอกาสได้ไปร่วมงานศพพระภิกษุซึ่งเสียชีวิตจากอุบัติเหตุและข้าพเจ้าได้ไปชันสูตรพลิกศพท่าน...
ข้าพเจ้านั่งฟังสวดมาติกา แม้ไม่รู้ว่าแปลว่าอะไรบ้าง แต่ก็พยายามตั้งใจฟังอย่างมีสมาธิ
หากแม้นการสวดมาติกาหรืออภิธรรมเป็นการสวดให้ผู้ที่เสียชีวิตฟัง
พระท่านคงกำลังฟังอย่างซาบซึ้งในความเป็นจริงแห่งชีวิตแน่ๆ...
ชีวิตคนเรา ช่างไม่มีความแน่นอนเสียจริง
ไม่มีความเห็น