โรคย้ำคิดย้ำทำ


ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ มีอาการย้ำคิดและย้ำทำที่มากจนทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน ผู้ป่วยพยายามเลิกหรือต่อต้านอาการ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการที่เกิดขึ้น อาการ
มีต่อ

เฮ้อ..โล่งอกนึกว่าจะเป็นไอ้อาการทรมารๆแบบนี้คนเดียวบนโลกซะแล้ว อาการที่เป็นมากของดิฉันคือคิดไม่ดีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง บอกตรงๆเลยกลัวตกนรกมากๆ แต่ดิฉันคิดว่ามันคงอยู่กับเราไม่นานหรอกค่ะ มันเกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็ดับไป เหมือนกฎไตรลักษณ์ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ ทางที่ดีอย่าไปยึดติดกับมัน และศึกษาธรรมะจะเป็นทางออกที่ดีมากๆเลยค่ะ

เพิ่มเติม 4 กค 2555

ศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center) ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

ทางภาควิชาจิตเวชศาสตร์ได้เห็นความสำคัญของการให้บริการการรักษาและศึกษาวิจัยในโรคย้ำคิดย้ำทำ จึงได้มีโครงการจัดตั้งศูนย์บำบัดรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center) โดยมุ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ในระดับประเทศ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของจิตแพทย์ แพทย์ และบุคคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติ ช่วยลดผลกระทบทางด้านจิตใจ การทำงาน การใช้ชีวิตของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด

รูปแบบบริการ เป็นการให้บริการตรวจรักษา ให้คำปรึกษารายบุคคลและแบบกลุ่ม สถานที่ แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ช่วงเวลาให้บริการ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00 – 15.00 น. เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

เกณฑ์ผู้ป่วยที่จะเข้ารับบริการ 1. เป็นผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ (obsessive-compulsive disorder) 2. อายุ 18 ปีขึ้นไป 3. สมัครใจรักษา

โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผ่านจิตแพทย์เจ้าของไข้ที่ท่านรักษาอยู่เป็นประจำ หรือในกรณีผู้ป่วยใหม่สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์พยาบาล แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร 02-2011235, 02-2011245

อยากบอกทุกๆคนที่มีปัญหาเดียวกันครับ... ผมนั่งสมาธิแบบอานาปานสติแล้วได้ผลดีขึ้นมากเลยครับ ตอนนี้ไม่ต้องกินยาก็สามารถอยู่ได้สบายๆ ส่วนเรื่องคิดไม่ดีต่อสิ่งศักสิทธ์ เมื่อก่อนผมก็เป็นหนักเลยเดินเฉียดวัดไม่ได้ความคิดเลวๆปะทุออกมาเต็มสมอง หลังๆมานี้ผมคิดซะว่าเราไม่มีเจตนา คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรแล้วผมก็ปล่อยมันคิดไปตามใจเลย อิสระดี แค่เป็นคนดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ผมก็เป็นครับ ตอนนี้ 34 แล้ว เท่าที่จำได้เป็นตั้งแต่ 10 ขวบเห็นจะได้ ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นเกิดจากพฤติกรรมผิดๆ บางอย่างหรือเปล่า คือ ตอนเด็กๆ ครูที่โรงเรียนจะสอนไม่ให้พูดคำหยาบครับ เห็นมีเพื่อนคนนึงพูดคำหยาบแล้วจะตบปาก 3 ที (เห็นหลายๆ คนก็เคาะโต๊ะ) และก็ยกมือไหว้ขอโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกว่าผมจะเลียนแบบครับ เพราะกลัวว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ดีลงไป จากนั้นอาการก็เริ่มมีประปรายครับ เริ่มจากบางทีคิดด่าคนนั้นคนนี้ในใจ คิดด่าครู ก็จะตบปากและยกมือไหว้ครับ บางทีเวลาอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่น ขอให้เอ็นท์ติด หรือแม้แต่คิดถึงเรื่องที่อยากจะทำ ก็จะมีความคิดไม่ดีแทรกขึ้นมาว่าถ้าได้ยอมเอาชีวิตคนนั้นคนนี้ไปแลกเลย --" ก็จะเกิดความรู้สึกตัวว่าผิดซ้อนขึ้นมา แล้วก็ต้องยกมือไหว้ขอโทษอีก แล้วอธิษฐานซ้อนไปว่าถ้าเราจะเอาชีวิตใครไปแลกกับอะไรก็ตาม ให้เอาชีวิตเราไปแทนเลย...อาการเป็นอยู่เป็นระยะๆ โผล่ๆ หายๆ จริงๆ ไม่รู้ว่าอึดหรือไม่ค่อยสนใจตัวเอง แต่เราสังเกตว่า ตอนที่ไม่รู้สึกผิดมากเพราะเรายังไม่กลัวความคิดพวกนี้อย่างรุนแรง เอาใจไปอยู่กับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต มันก็จะไม่โผล่มาบ่อย อาจจะวันละครั้งสองครั้ง หรือหายไปหลายๆ วันก็มี แต่ถ้าเรารู้สึกผิดมากมันก็จะโผล่มาถี่ยิบทีเดียว บางครั้งก็มีความคิดประหลาดๆ (แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำเลยนะ) เช่น ยืนอยู่บนระเบียงตึก ก็คิดว่าโดดลงไปดีไหม เห็นเด็กตัวเล็กๆ บางครั้งก็อยากจะถีบ --" เห็นคนท้องก็อยากจะผลักให้ล้ม บางคร้ังก็ตกใจว่าเราเลวอย่างนี้เลยเหรอ แต่เนื่องจากไม่ได้ทำจริงมันก็ลืมๆ ไป นอกจากนี้ก็ยังมีอาการมาเช็คประตูห้องว่าล็อคหรือเปล่าเป็นสิบรอบ บางทีลงลิฟท์ไปแล้วยังขึ้นลิฟท์มาใหม่ก็มี บางทีรอรถเมล์หน้าคอนโดแล้วยังกลับมาเช็คประตูอีกก็มี --" แต่เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้วมีปัญหากับที่ทำงานเครียดจนต้องลาออก รู้สึกเลยว่ามีอารมณ์ขุ่นเคืองมากๆๆๆ แล้วทีนี้เข้าร้านหนังสือหยิบหนังสือธรรมะขึ้นมาดู พอเห็นพระที่ปกเท่านั้นแหละ คำหยาบคายออกมาเต็มไปหมดเลย รู้สึกว่าเราด่าพระ แล้วทีนี้มันไม่เหมือน OCD ที่่ผ่านมาน่ะสิ ข้อแตกต่างที่รู้สึกก็คือเรารู้สึกผิดมาก กลัวบาปกรรม กลัวตกนรก ยิ่งกลัวก็ยิ่งเครียด แถมเครียดเรื่องลาออกจากงานอีก คำด่าพระก็เลยอยู่ในหัวไม่หยุด ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักอาการ OCD ก็ใช้วิธีเดิมๆ คือ ยกมือไหว้พระแล้วกราบขอขมาในใจ แล้วตอกย้ำในใจว่าเราเคารพพระรัตนตรัย เป็นอาการนี้อยู่เป็นเดือนๆ จนพอเราเริ่มหายเครียด มันก็ค่อยๆ คลายลงแล้วหายไป ปีนี้มีอาการเครียดใหม่ คือปรับตัวกับที่ไปอยู่ใหม่ไม่ได้ อยากจะออกก่อนครบกำหนดขั้นต่ำที่เคยตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่ออก เครียดมากๆ ทีนี้มีอาการมีมโนภาพทำร้ายบุพการีเลย มีคำที่คิดจะทำร้ายบุพการีผุดมาในหัว เราตกใจและเป็นกังวลมาก รู้สึกผิดมาก รู้สึกกลัวตัวเอง จนจิตตกรู้สึกหดหู่ซึมเศร้า ก็พยายามแก้ไขไปโดยวิธีเดิมๆ คือ อธิษฐานขอให้เราเป็นคนกตัญญู อธิษฐานว่าถ้าเราคิดจะทำร้ายบุพการีจริงๆ ขอให้เราโดนฟ้าผ่าตายไปก่อนที่คิดจะทำเลย ฯลฯ มันก็ไม่หาย ยิ่งผุดมาเรายิ่งเครียด ยิ่งรู้สึกผิด ใช้วิธีนั่งสมาธิก็แล้ว รู้สึกว่าเป็นการกดมันไว้ ซักพักมันก็โผล่มาอีก เครียดมากกๆๆๆๆๆ นี่ก็เป็นมาเดือนนึงละ เพิ่งมาพบว่าตัวเองเป็น OCD มาไม่นานนี้ ศึกษาวิธีการรักษาหลายๆ วิธีมาก (แต่ยังไม่ยอมไปหาหมอ) วิธีที่ทำแล้วทุเลาลงบ้างอยากจะแชร์ทุกคนมีดังนี้ครับ 1. เวลามันคิด ให้ถามตัวเองในใจว่าใครคิด เราอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ จริงๆ เราเคารพรักบุพการรีไม่ใช่เหรอ สิ่งที่คิดมันดีงามเหรอ ทำให้เราเป็นทุกข์หรือสุข ถ้าเป็นทุกข์แล้วคิดมันทำไม 2. เวลาอธิษฐานจิต เราก็ขอพรให้เรามีสติ มีปัญญา ที่จะละอกุศลนี้ออกจากจิตใจให้ได้ 3. ให้คิดว่ามันไม่ใช่ความคิดเรา เป็นโรคติดเชื้อ เราแค่แสดงอาการของมัน เมื่อมันไม่ใช่ความคิดเรา ก็อย่าไปกังวล และรู้สึกผิดกับมัน 4. พยายามลองมีอารมณ์ขันล้อเล่นกับมัน เช่น เวลามีความคิดทำร้ายบุพการีขึ้นมา เราก็คิด (แบบตั้งใจ) สำทับไปเลยว่า งั้นตดให้ดมเลย เป็นการประทุษร้ายแบบเล็กๆ น่ารักๆ (ผมพูดจริงๆนะ) เคยพยายามแปลงสัญญาณโดยคิดในใจว่า รักพ่อรักแม่แล้ว แต่ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะคล้ายๆ เราพยายามต่อต้านมัน ทีนี้เราก็ตามน้ำไปกับมันในด้านลบ เพียงแต่ทำให้เป็นแบบลบเล็กๆ ก็พอ 5. พยายามฝึกเจริญสติ อารมณ์อะไรเกิดขึ้นก็ให้รู้แล้วปล่อยวาง ฝึกที่จะไม่หลงไปในความคิด รู้แล้วละ อันนี้เป็นวิปัสนนา มีคนแนะนำแนวทางนี้กันมาก เราก็รู้สึกว่า work นะเวลาที่มีสติ (แต่เรายังสติอ่อนอยู่) ถ้าเราฝึกจนมีสติรู้ตัวอย่างดีมากๆ แล้ว น่าจะช่วยลดอาการ OCD ได้มากทีเดียว 6. พยายามหากิจกรรมอะไรทำให้มันลืมๆ ไป เช่น ออกกำลังกายให้เหนื่อยๆ (ช่วยได้มาก) หรือหาอะไรทำเพลินๆ ที่ต้องใช้สมาธิ เช่น เล่นเกม 7. พยายามลดความเครียด ออกจากบ้าน ไปเที่ยวเล่น 8. ปล่อยวาง อย่าจริงจังมากเกินไป ขอให้ทุกคนโชคดีและแก้ไขปัญหาตัวเองได้นะครับ ผมก็พยายามอยู่ คุณไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว!

ยังไง ก็ขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่เข้ามาร่วมกันแชร์นะคะ เพราะถือเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ เวลาเราเกิดทุกข์จากโรคนี้ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียว

แต่ทุกๆคนเองก็นับว่าโชคดีกันอย่างนึงนะคะ เพราะเรารู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ก่อนหน้านั้น ดิฉันไม่ทราบว่านี่คือโรค เครียดแทบแย่ ถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ บางที่ก็เครียดจนร้องไห้ เล่าให้ใครฟังไม่ได้เลย เวลาที่เป็นทำให้เสียความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆอย่างมาก แล้วก็จะเกิดความกลัวตามมา ทุกคนอยากมีชีวิตเป็นปกติทั้งนั้น พอเกิดโรคแปลกนี่ขึ้นมา อาจทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เหมือนเป็นคนมีปัญหาค่ะ ปลอบใจตัวเองทุกวันเลย

มาถึงวันนี้ วันที่ได้รู้ความจริง ดิฉันก็คิดซะว่า อืม...เราเป็นโรคทางจิตอย่างนึงนะ ความไม่ดีต่างๆในทางความคิดไม่ใช่ตัวเรา แล้วก็พยายามยึดธรรมะเป็นแนวทางค่ะ ง่ายๆเลย ทุกอย่างที่เป็นอาจจะเป็นเวรกรรมเก่าของเรา เหมือนกับคนอื่นๆที่อาจจะเป็นนั่นนี่ไม่เหมือนกัน เมื่อเกิดความคิดแล้วอย่าไปต่อต้าน เหมือนคำแนะนำที่ผ่านมาจากหลายๆท่านค่ะ แต่เราอย่าหมกมุ่น สวดมนต์ก่อนนอน ทำใจสบายๆ ตั้งสติ ฝึกสมาธิ จิตเราป่วยเราก็ต้องบำบัด ใช่ไหมคะ

ดิฉันเห็นด้วยกับความคิดหลายๆท่านที่ว่าเรื่องของ กรรม เจตนา ก้อนความคิดก้อนนึง การทำความเข้าใจ ยอมรับ สิ่งเหล่านี้เป็นแง่คิดที่ดีมากนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ พวกเราต้องสู้ด้วยกันนะคะ อย่าย้อมแพ้กับโรคนี้ เพราะเมื่อใดที่คุณท้อถอย หมดอาลัยในชีวิต โรคนี้จะครอบงำชีวิตคุณทันที ขอให้ทุกคนเข้มแข็งค่ะ

ป.ล. สำหรับความคิดเห็นล่าสุด คุณ Jojo ขอเป็นกำลังใจให้คุณด้วยนะคะ สู้ต่อไปค่ะ มีปัญหาอะไรแชร์ๆเข้ามาได้เสมอนะคะ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ บางทีเราอยากจะหายจากอาการพวกนี้ โดยการพยายามไปตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมาว่า ต้องหายๆๆ เป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเท่าไหร่นะคะ อย่าไปตั้งระยะเวลาให้ตัวเองแบบนั้น เอาเป็นว่า ขอให้เป็นอยู่กับปัจจุบัน พยายามมีสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามทำอยู่ค่ะ

ถ้าเราจัดการความคิด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ใจเราได้ ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นนะคะ ความสุขไม่ได้หายไปจากคุณเลย อยู่ที่ใจคุณต่างหาก แต่บางทีเรามักมองข้ามไป ถ้าเราทำได้ เราก็จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติไม่แพ้คนอื่นเลย ทำงาน เรียน หรือกิจกรรมต่างๆ คุณสามารถโอเคกับสิ่งที่คุณทำได้หมด อย่าให้อาการนี้มาทำร้ายคุณจนเสียสมาธิ เสียการเรียน หรืองานนะคะ เพราะไม่งั้นแล้ว มันจะเหมือนว่า เราไปตัดตัวเราเองออกจากสังคม ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราค่ะ ว่าเราสู้แค่ไหน คิดผิดไป เราก็สู้ใหม่ เท่านั้นเอง อย่าไปจมว่า ทำไมเราถึงเป็นอีกแล้ว คิดแบบนี้ท้อเปล่าๆค่ะ

ปัญหาและความคิดมีเข้ามาหาเราทุกวัน อยู่ที่เราว่าจะเลือกจัดการยังไง พยายามจะปรับแบบไหน แต่ข้อดีของโรคนี้ก็มีนะคะ มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ต้องไปแสวงหาความสุขอะไรใหญ่โตให้ชีวิต สุขที่แท้จริงคือ สุขที่ใจดวงน้อยๆของเรานี่แหละ รวมถึงการไม่มีโรคด้วย เราอย่าไปนึกว่าเราเป็นคนผิดปกตินะคะ เดี๋ยวนี้โรคภัยมีมากมาย เข้ามาหาคนเราทุกวัน ตัวเราเองก็แค่เป็นหนึ่งในนั้น เป็นโรคหนึ่งโรคเท่านั้นเองค่ะ เมื่อเป็นเราก็รักษา ดูแลตัวเองไป เหมือนกับโรคอื่นๆ จริงไหมคะ .........................

ผมก็เป็นครับ ทรมาณมาก เป็นมา 4ปีแล้ว ทรมาณเหลือเกิน ทุกวันนี้ใช้ยา lexotan 1.5 mg กับ อนาฟานิลอยู่

รบกวนท่านที่มีความรู้แอดมาหาทีนะครับ แนะนำ รพดี ๆ ให้ผมที ตอนนี้ผมรักษาอยู่ที่ รพ ธนบุรี ผมรู้สึกอาการผมคงที่ แต่ไม่ดีขึ้น และไม่แย่ลง จะแย่ลงบางที

ผมอยากเป็นคนปกติ ผมลืมไปแล้วว่าคนปกติเป็นยังไง ทรมาณเหลือเกิน T_T

ผมไม่ไหวแล้ว ช่วยผมด้วย

[email protected]

ถึงคุณ ssy ความคิดเห็นที่ 81 ค่ะ ดิฉันอยากทราบอีเมลล์ของคุณ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยนะคะ ดิฉันชอบวิธีการของคุณมากๆเลย

เพิ่งรู้ว่่ามีคนเป็นแบบเราเยอะเหมือนกัน นึกว่าเป็นอยู่คนเดียวในโลก ทรมานมากค่ะ

เริ่มเป็นตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ กลัวสิ่งสกปรก ไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ กลัวว่าจะมีผู้ชายที่ไหนมาช่วยตัวเองแล้วปล่อยอสุจิเอาไว้ กลัวอสุจิมาถูกตัว กลัวท้อง- -"

อาการต่อมา ด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เริ่มจากตอนยกมือขอพรไหว้พระ ก็ดันไปคิดถึงแต่สิ่งร้ายๆ แทนในหัวสมอง อยากจะบ้าตาย แล้วก็กลัวว่าเราจะไปบนบานอะไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการบน ถึงกับไม่ยกมือไหว้พระ ไม่อยากเข้าวัด ไม่อยากมองไม่อยากเห็นอะไรที่เกี่ยวกับวัด พระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บลา บลา ไปพักนึง

แต่ปัจจุบัน อาการสองอย่างข้างต้นดีขึ้นแล้ว ถึงแม้จะยังขยะแขยงห้องน้ำชายสาธารณะอยู่มากๆ พยายามเดินให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้- -" แต่ปัจจุบัน เข้าวัดได้แล้วค่ะ=)

แต่ปัจจุบันนี้ ที่ทรมานมากที่สุด ทำเอาถึงกับอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องย้ำคิดย้ำทำ ก็คือ เรื่องปิดน้ำ ถอดปลั๊กไฟ ล็อคประตูบ้าน ทำซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบกว่ารอบก็มี เสียเวลาในชีวิตไปอย่างมากๆ กลางคืนแทนที่จะนอน ก็มัวเสียเวลาย้ำคิดย้ำทำ ทำให้เสียเวลา และเวลานอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ

ถ้าไม่ลุกไปย้ำทำก็จะย้ำคิดอยู่นั่น และนอนไม่ได้ค่ะ ไม่สามารถนอนได้ ทรมานจริงๆ

ปัจจุบัน รอบเตียงที่นอนจะรายล้อมไปด้วยเครื่องใช้ไฟ้ฟ้าสารพัด แต่อะไรที่เอาไปเก็บซ่อนในรถได้ ก็จะเอาไปเก็บในรถแทน ตัดปัญหาต้องมาเช็คดูว่า มันเสียบปลั๊กอยู่หรอป่าว ปัจจุบัน นอนกับเตารีดอยู่บนเตียงค่ะ (ถอดปลั๊กแล้ว) ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อยู่ข้างเตียง เพื่อจะได้เป็นการมั่นใจว่า มันปิดสนิทแล้ว หรือไม่ได้ใช้งานอยู่ จะได้นอนหลับ

ในห้องนอน ไม่มีทีวีหรือวิทยุใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเคยมี แล้วปิดทีวีแล้ว ปิดทีวีอีก เพราะคิดว่ายังไม่ได้ปิด คือ ปิดแล้ว ก็กดเปิดใหม่ เพื่อจะได้ปิดมันอีก กดปุ่มแช่จนกว่าจะแน่ใจว่าทีวีปิดแล้ว เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่เอาทีวีหรือวิทยุ ไม่ดูก็ได้วะ ไม่งั้นกลางคืนก็นอนไม่หลับ ไม่มั่นใจ กลัวทีวียังไม่ได้ปิด (ทั้งๆ ที่มันปิดแล้ว- -")

ก๊อกน้ำ ก็ปิดแล้วปิดอีก ปิดอยู่นั่น จนก๊อกจะพังอยู่แล้ว กลัวยังไม่ได้ปิดน้ำ อาการจะเป็นมาก ช่วงก่อนนอน ถ้ารู้สึกว่า ก็อกปิดไม่สนิท ก็จะนอนไม่ได้ หรือไม่ก็บ้าคิดไปว่า มือเราไปเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้แน่เรย ต้องลุกไปปิด ไปจับก๊อกน้ำดูอีกรอบ ทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าจะนอนได้ ตอนนี้ แก้ปัญหาโดยการเปิดประตูห้องน้ำทิ้งเอาไว้กว้างๆ เอาวะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล น้ำหยดอะไร แสดงว่า ก็อกปิดสนิทแล้วอ่ะนะ เป็นอันว่า นอนได้- -"

ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็ดูแล้วดูอีก ประตูบ้านต้องล็อคสองรอบเป็นอย่างต่ำ เพื่อความมั่นใจว่า บ้านตรูล็อคแล้ว- -" ไม่งั้นออกไปทำงาน ก็จะเครียดทั้งวัน เพราะกังวลว่าบ้านยังไม่ได้ล็อค โจรจะเข้าบ้านมั๊ยเนี่ย- -" ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันก็มีคนอยู่บ้าน ถ้าโจรเข้า เค้าก็คงโทรฯ มาบอกแล้ว- -"

ถ้ามีใคร เช่น เพื่อนบ้านแอบสังเกตตอนเราออกจากบ้าน เค้าก็คงว่า อินี่บ้าแน่ๆ ล็อคกุญแจแล้ว ไขใหม่ จะได้ล็อคอีกรอบ- -"

ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็ดูน้ำ ดูไฟ ดูแล้วดูอีก ทุกอย่างต้องย้ำสองรอบเป็นอย่างต่ำ ส่วนใหญ่มากกว่าสองรอบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ไปทำงานสายบ่อยมาก อยากจะบ้าตาย ถ้าเอาเตารีดใส่รถไปทำงานได้ ก็ทำแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวคนที่บ้านที่อยู่ด้วย จะว่าเราบ้าแน่ๆ บอกใครก็ไม่ได้ ว่าอาการย้ำคิดย้ำทำเราหนักขนาดนี้ คือ เค้ารู้กันอยู่ว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหนักจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ พ้นความทรมาน- -"

เรื่องพิมพ์อะไรในคอมพิวเตอร์แล้วลบออกตัวสองตัว เพื่อจะได้พิมพ์ใหม่ เพื่อความมั่นใจว่าเราไม่ได้พิมพ์อะไรที่ไม่สมควรลงไป ก็เป็นเหมือนกัน เห็นความเห็นก่อนหน้าเป็น เออ มีคนเป็นเหมือนเราด้วยแฮะ นี่ ก็ลบมาหลายตัวแล้ว กว่าจะมาถึงตรงนี้- -"

เวลารินน้ำ ก็จะรินจนแทบจะล้นแก้ว คือ ทำอะไรจะล้นๆ เกินๆ ตลอด ไม่มีขาด เหมือนที่ความเห็นก่อนหน้าความเห็นนึงบอกว่า ให้คิดเป็นข้อดีก็ได้ คือ คนย้ำคิดย้ำทำมักจะไม่ทำอะไรผิดพลาด หรือ ขาดตกบกพร่อง ใช่เลย เพราะเราทำเกิน ทำล้น ตลอด- -" เราเป็นประเภท Perfectionism ด้วย ทำอะไรทุกอย่างต้องให้สมบูรณ์พร้อมที่สุด ถ้าไม่เพอร์เฟ็คท์แล้วมันคาใจ มันไม่ได้- -" สงสัยว่า คนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนประเภทเพอร์เฟ็คชั่นนิสม์ สมบูรณ์นิยม มั๊ง เดาเอา- -"

เข้ามาอ่านแล้ว ก็สบายใจขึ้นหน่อย ว่า ตรูไม่ได้บ้าอยู่คนเดียว คิดมานานตั้งแต่เด็กแล้ว ว่า เราเป็นโรคประสาทแบบนี้อยู่คนเดียวในโลก- -"

อยากไปรักษาอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่มีเวลา อายคนด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเป็น อยู่ข้างนอก ถ้ามีอาการ ก็จะย้ำทำแบบเนียนๆ อายคนปรกติเค้า มีแต่คนที่บ้านรู้ว่าเป็น แต่ไม่รู้ว่า อาการหนัก จนกระทบกับการดำเนินชีวิตและสุขภาพ บั่นทอนจิตใจและความสุขในชีวิตมากช่วงนี้ เลยเข้ามาอ่าน เพื่อได้หนทางแก้ดูมั่ง- -"

อยากเป็นปรกติแบบคนทั่วไป ระบายไปบ้างก็ดีขึ้นหน่อย- -"

             สวัสดีครับทุกคน ผมอายุสิบสี่กว่าครับ เป็นโรคนี้เหมือนกันเลย อาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อยๆ คือ

-หลังเลิกเรียนทุกวัน กลับมาบ้านผมจะเข้ามาในห้องตัวเองแล้วเอาเชือกขาวมาพันรอบโต๊ะทำการบ้านกับกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็ลงมือเช็คตามตู้เสื้อผ้า เตียง ใต้เตียง แม้กระทั่งพื้นปล่าวๆ เสดแล้วเอาไม้กวาดพื้นหลายครั้งมากครับ ประมาณว่าผมต้องการให้ส่วนอื่นในห้องนอกจากโต๊ะทำการบ้าน สะอาดเป็นระเบียบครับ เพราะกลัวว่าจะมีของตกหล่น ทำไปหลายรอบๆ แล้วค่อยมาจัดการที่โต๊ะทำงานต่อ ตอนแรกไม่ได้เป็นอะไร แต่หลังๆมาอาการหนักมากครับแบบว่า ผมต้องทำทุกอย่างให้เป็นระเบียบ รื้นค้นออกมาแล้วจัดเรียง (ในใจก็คิดว่า เอ.. อันนี้ต้องใช้ทำงานอะไรที่โรงเรียนพรุ่งนี้รึป่าวนะ) ออกนอกบ้านก็ต้องเช็คของที่พกมาว่าครบไหม ส่วนเรื่องอื่นก็มีเยอะ แต่หลักๆคือเรื่องความเป็นระเบียบครับ บางครั้งผมทนไม่ไหว เวียนหัวมาก อยากจะร้องไห้ด้วยซ้ำบางครั้ง จนผมได้ปรึกษาพ่อครับ พ่อผมบอกว่า วิธีแก้ที่ดีสุดคือต้องมีสติกับสิ่งที่ตนเองทำตลอดเวลา อย่าสนใจเรื่องอื่น แล้วเรื่องการจัดห้อง เช็คความสะอาด พ่อผมบอกว่าเคยเป็นเหมือนกัน แต่แก้ได้ ด้วยการจดครับ จดว่าตอนนี้เดวเราต้องทำอะไร เช่น จัดที่นอน ล้างมือ แปรงฟัน พอทำเสดก็เช็คถูกซะว่าทำแล้ว เมื่อทุกที่เราตั้งใจจะทำแล้ว เราก็ปล่อยวางครับ ให้เรานึกถึกเรื่องที่เราอยากจะทำแล้วเรามีความสุข แต่ต้องเป็นเรื่องสบายๆนะครับ เช่น ดูทีวี อ่านนิยาย ฟังเพลง ครับ เรื่องที่เราได้ทำแล้วเช็คถูกแล้วก็อย่าสนใจมันอีกครับ ให้คิดว่าเราทำวันนี้ได้ดีเยี่ยมไปเลย ตอนก่อนนอนให้นึกถึงสิ่งที่เราทำหรือจัดการไปแล้ว แล้วนอนครับ พอผมทำแล้วก็ โว้วโอ้วว รุ้สึกดีขึ้นมากครับ มีเวลาทำสิ่งที่ตนเองทำแล้วมีความสุข

             อะไรที่ท่านเบื่อที่จะต้องทำซ้ำไปซ้ำมาเพราะกลัวเรื่องเรื่อยเปื่อยสารพัดขอให้จดเป็นสิสต์แล้วทำตามจากนั้นก็เช็คถููกเป็นนัยว่าเราตั้งใจทำสิ่งนี้แล้วนะ จากนั้นก็อย่าสนใจมันอีกครับ ให้ทำสิ่งที่เราอยากทำหรือต้องการทำจริงๆเช่นทำการบ้าน ทำงาน เป็นต้น    ตอนนี้ครูสั่งให้ผมทำแผ่นพับเรื่องโรคที่ตนต้องการศึกษาครับ ผมนึกได้ว่าผมเคยเป็นโรคนี้ก็เลยมาแวะที่นี่ครับ  สุดท้ายขอเป็นแรงใจให้ทุกคนครับ  พยายามคิดในแง่ดีและมีเหตุผลให้มากๆๆ   สุดท้ายก็จะดีขึ้นเองครับ

ดิฉันป่วยเป็นย้ำคิดย้ำทำมาก็10ปีแล้วค่ะ รุ้ดีว่าโรคนี้มันทรมานมาก ทำเอาขาดความมั่นใจไปเลย ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นนะคะ เราต้องอดทนกับมันค่ะ แล้วก็หาเรื่องอื่นทำเพื่อลืมมันไปนะคะ หรือไม่ก็เขียนระบายความรู้สึกที่เป้นหรือที่คิดออกมาให้หมด มันจะทำให้เราสบายใจได้ในระดับนึงค่ะ

สามีป่วยเป็นโรคนี้แบบขนาดไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ บังคับให้ทุกคนทำนั่นนี่ตลอดจัดของจัดร่างกานตัวเองท่านั่งท่าไหว้ถ้าไม่ทำตามเค้าจะกระวนกระวายถึงขนาดก้มกราบเราสุดท้ายนี่ถงขนาดเกร็งไปทั้งตัว รักษามาสองเดื่อนแล้วแต่อาการหลงลืมเลอะเทอะก็มีอยู่พูดเองเออเอง อธิบายไงก็ไม่ฟังถามคำถามซ้ำไปมาแต่ไม่เชื่อสิ่งที่เราตอบ งมงายเรื่องไสยศาสตร์มาก บางทีแอบยกมือไหว้ไม่ให้เราเห็น กลุ็มใจมากค่ะยาก็แพงถ้าเค้าไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้ครอบครัวคงลำบากมาก รักษาอยู่สถาบันประสาทค่ะ มีอะไรแนะนำด้วยนะค๊ะ ขอบคุณค่ะ

ทำไงดี พรุ่ง นี้ จะ ขึ้นเวทีแล้ว ครั้งแรกที่ ขึ้นแสดงเพื่อ สอบ วัดระดับกีต้า (คือผมเรียนกีต้าร์ คลาสสิค มา 4 เดือน แล้ว ครับ)  เครียดมากๆ เพราะ กลัว อาการ หลุกหลิก กำเริบ หรือ ไม่ก็ ตื่นเวที ลืมโน้ตเพลงหมด  หรือไม่ก็ หวาดระแวงคนดูไปทั่ว และ อื่นๆ อีก  ใครอยากแชร์ประสบการเรื่องขึ้นเวที ช่วยแชร์ได้ น่ะครับ หรือไปที่  wattana korat   เฟสบุ๊ค น่ะครับ  และ ผม เข้าโรงบาลจิตเวช รักษา ocd มา  1 ปี แล้ว ทาน ยาทุกวัน ครับ

เป็นโรคนี้ตั้งแต่ ป 4 เลยค่ะ และเป็นหนักมากช่วงนั้น เวลาคิดอะไรคิดลบหลู่โน้นนี่นั่น ในหัวคิดมั่วๆๆมากมาย แล้วตอนนั่นเด็กเราคิดอะไรเราก็จะพูดออกมาอย่างนั้น ต้องคอยตบปากตัวเองตลอดเวลา เป็นบุคลิกที่ไม่ดีมากค่ะ พูดมั่วแล้วใช้คำว่าล้อเล่นแล้วตบปากตัวเอง คิดดูสิ มันน่าดูที่ไหนกัน แล้วนั่นคือเริ่มต้นค่ะ เป็นมาเรื่อยๆ รู้สึกสมองช้าลงมาก ปกติเป็นคนหัวดี แล้วเนื่องจากแม้กระทั่งอ่านหนัวสืออยู่หัวก็ไปคิดเรื่องอื่นมั่วไปหมด มองเห็นพัดลมก็จ้องพัดลมนานมากแล้วคิดไปต่างๆนาๆ มันทรมารมากค่ะ บาวทีถึงกลับตบหน้าตัวเองลงโทษให้เหมือนคนปกติที บอกใครไปเค้าก็ไม่เข้าใจ เหมือนเรามีตัวมารอยู่ในหัวมาคอยพาเราคิดโน่นนี่นั่น พ่อแม่อาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นโรคนี้มานาน แรกๆนึกว่าเราเป็นคนเดียว เพิ่งมารู้ว่ามีคนเป็นแบบนี้ด้วย แต่ตอนนี้ควบคุมตนเองได้มากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ทรมารไม่ต่างกันเลย ไม่อยากไปรักษาที่โรงบาลเลยค่ะ ไม่อยากกินยาตอนนี้อยู่ปีหนึ่งค่ะ แล้วมันต้องเรียนหนักไง เวลาอ่านหนังสือนี่เหมือนใช้งานสมองหนักเป็นสองเท่าของคนปกติ เหนื่อยกับโรคนี้ด้วย ทำให้พลาดทุนไปเมืองนอกอีก เนื่องจากสัมภาษณ์ดุกดิกดุ๊กดิกอ่าค่ะ โรคมันกำเริบเป็นมากขึ้นทุกวัน แต่ทำไมทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่าเราเป็นโรคนี้ เป็นโรคที่คนไม่ค่อยรู้จัก เราก็ไม่กล้าบอกใครด้วย บอกไปก็ไม่เข้าใจเลย ทรมานมากค่ะ

TTT^TTT ช่วงอ่านหนังสือสอบยิ่งทรมารเข้าไปใหญ่เลยอ่ะ ทรมานจนไม่อยากอยู่แล้ว

 สวัสดีครับ  ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้เหมือนกันครับ...ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่าเรื่องของผมให้ท่านที่ได้อ่านได้ตัดสินว่าผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจริงหรือไม่..สำหรับผมถ้าเป็นจริงก็อยู่ในขั้นหนักพอสมควร

        ผมเป็นข้าราชการครับ.....วันหนึ่งผมไปอบรมงานในหน้าที่มีอยู่วันหนึ่งเขาให้ผู้มาอบรมไปรายงานตัวหน้าแถว..อยู่ดีๆผมก็ไม่รู้คิดอะไรขึ้นมาเกิดอาการประหม่าตื่นเต้นตัวเนื้อสั่นไม่เป็นท่า หลังจากวันนั้นมา พอถึงเวลาที่เราจะต้องไปแสดงออกต่อหน้าใครไม่ว่าจะน้อยคน หรือมากคน ก็จะคิดไปก่อนเลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วมันจะสั่นอีกไหมหนอ ก็จะคิดไปเรื่อย และแล้วก็สั่นจริงๆ แม้กระทั่งการไปหาหมอ เวลาหมอให้นั่งรอคิวเพื่อเข้าตรวจ ก็จะคิดว่า เดี๋ยวจะถึงคิวผมแล้ว ยิ่งไกล้เข้ามาก็จะคิดหนักใจเต้นเร็ว มือเย็น แล้วสุดท้ายก็สั่น ผมพยายามที่จะหยุดอาการเหล่านั้นโดยการเกร็ง...กลั้นหายใจเข้าออก หรือหายใจเข้าให้ลึก แล้วปล่อยออกเพื่อให้หายตื่นเต้น สั่น บางครั้งก็ได้ผล แ่ต่สวนใหญ่ไม่ได้ผล แต่ถ้าเจอเหตุการณ์แบบเดิมๆไปสักพัก (ประมาณ ๒ ถึง ๓ นาที ) ก็จะคลายความตื่นเต้น และอาการก็จะหายไป โดยเฉพาะเวลาเจอเหตุการณ์ที่เป็นการเฉพาะหน้าที่ไม่ต้องไปเข้าคิวต่อใครอาการก็จะไม่ค่อยมีเพราะไม่มีเวลาให้คิด....ผมพยายามที่จะแก้ปัญหานี้โดยศึกษาหาข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต แต่ในตอนแรกไมุ่รู้จักโรคย้ำคิดย้ำทำ คงหาเพียงแค่วิธีใหนที่จะทำให้ลดความตื่นเต้น ผมพยายามที่จะคิดว่าผมอยู่คนเดียวเวลาแนะนำตัว หรือพูดต่อหน้าผู้คน ไม่สนใจใคร ไปแคร์คนอื่นทำไม่ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ คนอื่นเขาทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ พยายามคิดในทางบวกเพื่อเอาชนะ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้ ผมเครียดมาก กลุ้ม ผมเป็นโรคกระเพาะอยู่เดิมแล้ว พอมาเจอแบบนี้อีก ทำให้ผมผอมมาก จนเพื่อนทักว่าเป็นโรคอะไรที่เขาเป็นกันหรือป่าว ยิ่งทำให้ผมเคียดไปอีก ขอวอนผู้ที่รู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไม่ แล้วจะรักษาอย่างไร จึงจะได้ผลครับ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ให้คำแนะนำมา ณ ทีีี่นี้ด้วยครับ

สวัสดีครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่าผมก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกันนะครับ โดยที่สังเกตมาผมเป็นตั้งเเต่เด็กๆเเล้วครับ 

คือแบบว่า ถ้าผมจะทำอะไร จะคุยกับใคร ไม่ว่าอะไรก็เเล้วเเต่ ทุกๆอย่างผมคิดว่ามันต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยล่ะครับ เเต่ถ้าผมไม่สามารถทำในสิ่งที่ผมตั้งความหวังไว้ได้สำเร็จ ผมก็จะรู้สึกผิดอย่างมากเลยล่ะครับ แบบว่า วันๆนั้นผมจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย ทั้งๆที่มันเป็นเเค่เรื่องเล็กๆน้อย อย่างเช่น ผมไปลองกินอาหารในร้านที่ไม่เคยไปกิน ถ้าอาหารไม่อร่อยผมก็จะผิดหวังมากเลยล่ะครับ ภายในวันๆนันผมจะฆ่าเวลาในการทำในสิ่งที่ไร้สาระ อย่างเช่น  พาลใส่คนอื่นแบบไม่ไมีเหตุผล อารมณ์จะเสียบ่อย เเละหงุดหงิดง่าย เป็นต้น เเล้วกว่าจะกลับมาเป็นคนเดิมได้ต้องใช้เวลาเป็น วันถึงสองวันหรือมากกว่านั้นครับ เเล้วผมก็ชอบคิดไปเองว่า เวลาผมเดินคนเดียวในที่คนเยอะ เหมือนมีคนมาจ้องดูที่ผมเหมือนคอยจับผิดบุคลิกในตัวผมอย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ ทุกวันนี้ผมรู้สึกอึดอัดมาก ทรมานมาก บอกไม่ถูก จนไม่รู้จะเเก้ยังไงเเล้วครับ ตอนนี้ผมอายุ 18 ปี ผมเริ่มมีอาการตั้งเเต่ 10 ปีเเล้วครับ คือเหมือนทุกๆอริยาบท ทุกๆท่าทางของผมนั้นเหมือนผมรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติเลยครับ เหมือนเรากำลังฝืนๆน่ะครับ จะนั่ง จะเดิน จะนอน ผมรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมาชาติเลยครับ ทำอะไรผมก็ต้องการความสมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยครับ ทำยังไงดีครับ ผมถึงจะหาย

ไปพบแพทย์ค่ะ เราพยายามมาทุกวิถีทางแล้ว กินยาไปแล้วก็นั่งสมาธิช่วยได้น่ะค่ะ

คืออาการที่เกิดขึ้นก็คือดูหนังผีแล้วชิบเก็บนำมาคิดทั้งทีไม่ใช่เรื่องตัวเองชอบพูดอะไรที่ซ้ำสามครั้งจะมีวิธีแก้ยังไงดีค่ะตอบด่วน

ผมเป็นโรคนี้ เมื่อประมาน ม 2 และเป็นมาเรื่อยๆ จนถึงจุดสุดขีด คือ  ปี1 คือทนไม่ไหวจริงๆ คือตอนแรกผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเป็น คิอโรคย้ำคิดย้ำทำ   เพราะผมไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อน จนผมอยู่ปี1 ผมทนไม่ไหว จนหาข้อมูล ไปเรื่อยๆ ว่าผมเป็นอะไร จนได้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ และผมไม่ลังเล เรย ที่ เข้าพบ จิตแพทย์ โดยทันที  เมื่อผมเข้าพบจิตแพทย์ หมอเค้าก็จะพูดคุยกับเรา โดยการรักษา แบ่งการออกเป็น สองส่วน หลักๆ คือ ยา กับ การฝึกฝน

ยา   ช่วงแรกๆ เห็นผลค่อนข้างดี จนถึงจุดที่ โอเคเรย  พอถึงจุดๆนึงมันจะเริ่ม อิ่มตัว  และยังเหลืออาการอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่า ดีจากตอนก่อน พบหมอ มาก แต่ย้ำว่า ยารักษาได้แค่ประมาน หนึ่ง คือ 50 -75 % หรืออาจถึง 85 %

สอง การฝึก ตรงส่วนนี้ สำคัญมาก เพราะมันจะทำให้เราเหมือนมีภูมิต้านทาน เพราะการรักษาด้วยยานั้น เมื่อเราหยุดยา อาการ ก็อาจจะ กลับ มาบ้าง แต่ก็คงไม่กลับคืนตัว เหมือน ก่อนพบหมอ หมอบอกคับ แต่อาการมีการ return บ้างแน่นอน ต้องทำใจครับ แต่การ ฝึกฝนนั้นจะสร้างภูมิต้านทาน รวมถึง ก็เป็นยาด้วยส่วนหนึ่งครับ

รายละเอียด ก็จะประมานนี้ ครับ ข้อสำคัญคือ  เมื่อรู้ว่าเป็นโรคนี้   หาจิตแพทย์ทันทีครับ !!!!!!  ไม่ว่าอาการจะอยู่ในขั้น น้อยนิดก็ตาม  และ คุณหมอ จะชี้ทางให้เราเองครับ

ส่วนตัวผม ตอนนี้ ควบคุม การใช้ชีวิตตัวเอง ได้ โอเค แล้วครับ ถือ ว่า ผม พอใจ เรยทีเดียว เมือเทียบกับเมื่อก่อน


มีปัญหาทางจิต ลองไปปรึกษา www.fb.com/psytu นะจ๊ะ นะจ๊ะ

ถึงคนมันเครียด ครับ ผมเป็นเหมือนคุณตอนแรกไม่อยากแต่ที่อยู่เพราะพ่อแม่และครอบครัวเพราะเราเกิดมามีร่างกาย32ประการเราต้องสู้นะครับทรมานมากแค่ไหนที่ต้องมาด่าในสิ่งที่เราเคารพรักมากเราไม่เคยด่าเขาเลยต้องมาด่าในคำที่เลวทรามผมก็ทุกข์มากบางทีนอนร้องไห้ตลอดเลยไม่มีความสุขเลยสวดมนต์เพื่อขอขมาว่าเราไม่ได้ตั้งใจคิดแบบนี้เลย

ถึงคุณ ที่มีความทุกข์

ผมก็เป็นเหมือนกับคุณอ่ะแหละเป็นได้มาแค่2เดือนกว่าๆเองทรมานมากๆร้องไห้ตลอดไปหาหมอมาแล้วให้ยามากินเพิ่งกินเลยยังไม่รู้ว่าเป็นไงลองไปหาหมอดูสิอย่าไปอายตอนแรกผมก็ไม่กล้าไปหรอกแต่ทนไม่ไหวเลยต้องไปมันเกินไปกับความคิดอะไรแบบนี้มันไม่ใช่ความคิดของเราเลยผมเพิ่งอายุ24เองทรมานทั้งด่าในลากมกมั้งแช่งมั้งเปรียบอย่างนู้นอย่างงี้จินตนาการบ้างไรบ้างมันหนักมากๆ0859459540โทรปรึกษากันอ่านแล้วทรมานมากเลยผู้ป่วยเป็นโรคนี้เยอะมากๆ


รบกวน ผู้ใจดีช่วยหน่อยนะค่ะ 

น้องชายเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ค่ะ 
อาการของน้องชาย จะคล้าย ๆ  ความคิดเห็นท่านอื่นเลยค่ะ  ตอนนี้น้องชายอายุ  18 ปีค่ะ มีอาการดังนี้


1.  เวลาเดินไปเปิดประตูก็จะเปิดเข้าเปิดออก ประมาณ 3-4 ครั้ง

2.  เดินถอยหน้าถอยหลังตลอดเวลา

3.  เวลาเดินทางไปมหาลัยเค้าเดินทางออกจากบ้านครึ่งทาง แล้วเค้าก็นั่งรถกลับมาบ้านใหม่ ซึ่งน้องชายบอกว่า

มันไม่ใช่ตัวเค้า  เลยต้องกลับ แล้วก็นึกถึงว่าเป็นตัวเองกำลังเดินทางถึงจะไปมหาลัยได้

4.  น้องชาย กลัวที่จะเดินมากค่ะ  เช่น เมื่อเค้าเจอสิ่งเส้นหรือจุดอะไรดำนิดหน่อยเค้าจะเดินกระโดดข้ามเลย หรือเดินเลี่ยง  หรือบางครั้ง ไม่มีอะไรเลยก็กระโดนข้าม หรือว่าเดินเลี่ยงเลยค่ะ 

5.  เค้าชอบคิดแต่เรื่องเดิม ๆ ซึ่งเค้าไม่อยากคิด แต่ก็อดคิดไม่ได้  ชอบนั่งเฉย ๆ แล้วก็คิด
     เราก็บอกให้ดูหนัง เล่นเน็ท ก็ได้ น้องชายไม่เอาเลยค่ะ เค้ากลัวคิดมาก ค่ะ

6.  เวลากินข้าวน้องชายจะกินข้าวไม่ได้ ชอบนึกว่าตัวเองเป็นคนอื่น (ตอนนี้น้องชายผอมมาก)

 

***  อยากจะบอกว่าอาการน้องชายเยอะมากค่ะ นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น  เลยพาน้องชายไปหาหมอจิตเวช  หมอบอกว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ต้องกินยาซึ่งตอนนี้ก็ให้น้องกินยาอยู่ค่ะ สงสารแม่มาก ต้องคอยดูแลน้องซึ่งแม่ก็อายุมาก แล้วเราก็ต้องทำงานหนักมาก 


หนูเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกันค่ะไม่กล้าบอกพ่อแม่อ้ะ จิตมันชอบบนบาน สาบาน สาปแช่ง ด่า สิ่งศักสิทธิ์แล้วหนูจะมาย้ำคิดว่าคำบนบานนั้นถ้าไม่แก้เราจะตายมั้ยหรือฆ่าตัวตายดีกว่า แล้วคำสาปแช่งนี่ก็ย้ำคิดเหมือนกันว่าคำสาปแช่งนี่มันจะเข้าตัวเรามั้ย

ผม อายุ 22 ปี ครับ มีอาการยำคิดย้ำทำมากครับ บางทีชอบลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธ์ก็มีครับทั้งๆที่ไม่ได้คิด มันผุดขึ้นมาเอง บางทีก็ ล้างมือแล้วกลัวไม่สะอาด ต้องล้างๆซ้ำๆบ่อยๆ ผมเกิดอาการเคลียดมากครับ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากขึ้น จากที่ผมมีสังคมเยอะ ตอนนี้กลับเหลือสังคมอยู่น้อยเดียวครับ แล้วก็เวลาผมจะทำอะไรสมองมันก็จะสั่งต้องแบบนั้นต้องแบบนี้ แล้วก็ต้องคิดวนไปวนมาตลอดเลยครับ ทำให้เสียเวลามากเลยครับ ขนาดผมพิมนี่ยังมีอาการย้ำคิดอยู่ตลอดเลยครับ ผมคงต้องไปปรึกษาแพทแล้วหละ หรือว่าถ้าใครพอมีวิธีรักษาหรือว่า วิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้โรคบ้าๆๆนี้หายไปช่วย ตอบมาที่อีเมวผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ



มีอาการควบคุมความคิดไม่ได้ค่ะ ทรมานกับความคิด อ่านหนังสือซ้ำๆ ท่องซ้ำๆ หยุดไม่ได้ อยากคุยกับคนที่เป็นโรคเดียวกันค่ะ แอดไลน์มาได้นะคะ Id: gapmizu ค่ะ

สวัสดีครับ ผมเองก็เคยเป็นตั้งแต่อายุ 15 นะครับ เป็นประมาณปีครึ่งก็หายครับ แต่ไม่ใช่ด้วยยาครับ เป็นการฝึกคิด และเอาชนะ "ความกลัว" ในจิตใจเราเองครับ ผมหายจากอาการเหล่านี้ได้หลายปี แต่ก็กลับมาเป็นอีกเมื่อตอนอายุ 21 และเป็นเรื่อยมาหลายปี ปัจจุบันผมอายุ 32 ตั้งแต่อายุ 21 สาเหตุจากการกลับมาเป็นอีก ก็เกิดจากความเครียดและ "ความกลัว" ผมเป็นหนักๆ ตอนอายุ 26 - 30 ปีครับ แต่ปัจจุบันดีขึ้นมากครับ ก็เหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะยา แต่เป็นเพราะการ "ปล่อยวาง" และเอาชนะความกลัวครับ ผมเขียนเพื่อบางทีอาจจะเป็นประโยชน์เผื่อคนที่เป็นอาจจะได้อ่านและเก็บไปคิดนะครับ ผมขอไม่เล่าอาการที่เป็น แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับผู้เขียนท่านบน การเอาชนะอาการเหล่านี้ผมเองก็เชื่อว่ายาเองก็มีส่วน ผมเองก็เคยกินยา แต่ไม่หาย ผมเองก็ลองมาหลายวิธีครับ จึงรู้ว่าการจะหายได้ น่าจะขึ้นอยู่กับ "ตัวเราเอง" (ซึ่งผมเชื่อว่าเกินกว่า 80 %) ผมอยากให้ลองเอาชนะ "ความกลัว" ในใจเราเองก่อนนะครับ เช่น ท่านที่กลัวว่าจิตใจจะผุดความคิดต่างๆไปในทางไม่ดี ลองไม่ต้องไปใส่ใจมันซะ มันจะคิดก็ช่าง แต่เราก็ไม่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็ปล่อยมันครับ ให้มันคิดไป คิดซะว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตคงไม่แย่ไปกว่านี้ เราจะรู้สึกว่าอยากทำให้ชีวิตมันดีขึ้น ส่วนอาการอื่นๆ ผมมองว่าส่วนใหญ่ก็เกิดมาจาก "ความกลัว" ครับ กลัวผลที่ตามมา ต่อให้ผลที่ตามมานั้นมันอาจจะเป็นเรื่องมีสาระ หรือฟุ้งซ่านไปเองก็ตาม อยากให้เอาชนะ "ความกลัว" นั้น คิดซะว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยากทำอะไรที่เป็นความสุขก็ทำไปครับ แค่มันไม่เดือดร้อนคนอื่นก็พอครับ

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

สวัสดีค่ะ หนูอายุ 14 ค่ะ หนูพึ่งมารู้ว่าตัวเองมีอาการย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่ ประถมต้นค่ะ ประมาณครึ่งชีวิตของหนูเลยก็ว่าได้ แล้วพอเวลาหนูนั่งอยู่เฉยมันจะชอบมีคำด่าขึ้นมาจนหนูต้องหาอะไรทำ พอได้ดูทำอะไรบางอย่างรู้สึกมันจำติดตา แล้วก็เอาไปคิดวิตกกังวลตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้ง หนูก็จะกัดเล็บไปนึกฟุ้งซ่านไปซึ่งหนูหยุดไม่ได้ พอกัดเสร็จก็ล้างมือถูสบู่นิ้วเป็นแผลเลือดออกก็เอานิ้วไปจุ่มสบู่ พอแม่บอกอย่าทำอย่าทำอย่างนั้นเดี๋ยวมันแซบ คำแรกที่หลุดออกจากหนูก็คือก็มือมันสกปรก แล้วหนูก็ล้างมือต่อ ก็เป็นอย่างที่บอกเกือบทุกอย่างคือชอบจัดโต๊ะตลอดเวลา ใครมารื้อโต๊ะนี้จะโกธรเป็นฝืนเป็นไฟเลย ชอบเก็บถุงพลาสติกนี้ตลอดเลยไม่อยากทิ้งด้วย ก็เลยลองไปออกกำลังกายดูปรากฏว่าเป็นหนักกว่าเดิมเพราะหนูเป็น"โรคหัวใจ"ทำไมถึงเป็นกับหนู หนูไม่เค้าใจ มันทำให้หนูฟุ้งซ่านกว่าเดิมเรื่องที่เกิดมาไม่ปกติจะลองคบเพื่อน พอเพื่อนไม่ชอบเราก็ฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิมอีกว่าเราผิดเราผิดเราผิดจนเพื่อนไม่ชอบ ชอบคิดตลอดเวลาจนไม่ได้เรียน บางทีก็คิดจนเม่อไปเลยการเม่อของหนูมันหน้ากลัวอย่างนึงคือไม่สนใจอะไรเลย ครูตียังไม่รู้สึกเพื่อนพูดก็ไม่ได้ยิน โดนผลักเบาๆก็ล้มหน้าทิ่ม ถึงงั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะมีใครอ่านแต่แค่รู้ว่ายังมีคนที่เป็นเหมือนหนู ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแต่เด็กแบบหนูก็ยังดีที่หนูไม่ได้อยู่คนเดียว

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

หรือว่าหนูจะเป็นนานเกินไปจนแก้ไม่ได้ เหงาจัง การอยู่ตัวคนเดียวเนี้ย แต่ก็ยังดีที่ได้เจอเพื่อนที่นี้ ถึงจะช้าไปจนแก้ไม่ทันก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากหยุดแค่นี้ เรื่องแบบนี้ต้องสู้ชีวิตสิถึงจะถูก หวังว่าจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะคะ^ ^

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

เคยบอกพ่อแม่นะคะ บอกมาตลอดหลายเดือน แต่คำที่ได้กลับมามันทำให้หนูไม่กล้าบอกเรื่องจริงกับใครอื่นอีกเลย คือ ลูกคิดไปเอง เป็นเด็กเป็นเล็ก อยากเป็นมากรึไง นี้คือคำที่ทำให้หนูไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับใครอีกแล้วก็เอากลับมาคิดว่าเราโกหกหรือทำผิดอะไรเค้าถึงไม่เชื่อ

อย่าไปสนใจความคิด
  • ผมหายไป2ปีกว่าสุดท้ายต้องกลับมากินยาอีกมีไรโทรมาปรึกได้0859459540มียาหมอที่ดีไม่ได้นายหน้าอะไรทั้งนั้นครับ.

เป็นเหมือนกันต้องทำไงบ้างคับทรมารมาก

เป็นเหมือนกันคับทรมารมากต้องทำแบบนัยคับ ทักไลน์ผมน่อย mankimoee

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท