โรคย้ำคิดย้ำทำ


ผมไม่อยากทำ ชีวิตมันมีเรื่องอื่นอีกเยอะ มันพอแล้ว แต่ ... ในที่สุด... ผมก็ทนไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำ

ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ มีอาการย้ำคิดและย้ำทำที่มากจนทำให้ผู้ป่วยทุกข์ทรมาน ผู้ป่วยพยายามเลิกหรือต่อต้านอาการ เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการที่เกิดขึ้น

อาการ

อาการย้ำคิด (obsession) เป็นความคิด ความรู้สึก หรือจินตนาการ ที่มักผุดขึ้นมาเรื่อยๆ ผู้ป่วย เองก็ทราบว่าเป็นความคิดที่เหลวไหล ไม่เข้าใจว่าเกิดความคิดเช่นนี้ได้อย่างไร รู้สึกรำคาญต่อความคิดนี้ เช่น มีความคิดจะจุดไฟเผาบ้าน คิดว่ามือสกปรก คิดด่าทอพระพุทธรูปที่ตนเคารพ ผู้ป่วยรู้สึกผิดต่อความคิดที่เกิดขึ้น มีความกังวลใจ พยายามที่จะไม่ใส่ใจ หรือเลิกคิด บางครั้งอาจแก้หรือหักลัางความคิดนี้ด้วยความคิดหรือการกระทำต่างๆ เช่น ถ้าคิดว่าไม่ได้ปิดแก๊ส ก็จะตรวจเช็คเตาแก๊สวันละหลายๆ ครั้ง ไปล้างมือเมื่อคิดว่าสกปรก หรือท่องนะโมในใจทุกครั้งที่คิดในทางไม่ดีต่อพระพุทธรูป

อาการย้ำทำ (compulsion) เป็นพฤติกรรมซ้ำๆ ที่ผู้ป่วยก่อกระทำขึ้น โดยเกี่ยวเนื่องกับความย้ำคิด หรือตามกฎเกณฑ์บางอย่างที่ตนกำหนดไว้ การที่ผู้ป่วยมีพฤติกรรมนี้เพื่อหักล้างความคิดย้ำในทางลบ หรือป้องกันมิให้เกิดเหตุการณ์ตามที่ตนหวั่นเกรง อย่างไรก็ตามพฤติกรรมของผู้ป่วยนั้นมักจะเกิดจากความคิดเชื่อในเรื่องไสยศาสตร์หรือแบบเด็กๆ ซึ่งจะต่างไปจากแนวทางที่คนทั่วไปใช้ในการแก้ไขหรือป้องกันปัญหา

เพิ่มข้อความ.. พฤติกรรมยำคิดย้ำทำที่พบบ่อยได้แก่
- กลัวติดเชื้อโรค กลัวสกปรก ต้องล้างมือ ล้างเช็ดสิ่งต่างๆ บ่อยๆ
- กลัวเกิดอันตรายต่อตนเองหรือผู้อื่น เช่นกลัวลืมลงกลอน ลืมปิดไฟ กลัวไม่ได้เก็บของมีคม กลัวปิดก๊อกน้ำไม่สนิท ต้องตรวจดู
- ต้องจัดให้สิ่งต่างๆ วางอยู่เท่าๆ กัน จัดของให้อยู่เป็นระเบียบ อยู่ในที่ๆ เคยอยู่ เช่น วางแจกันให้ห่างจากขอบ 2 ข้างเท่าๆ กัน 
- คิดนับหรือทำซ้ำๆ เกี่ยวกับตัวเลข เช่น ดูป้ายทะเบียนรถจะต้องเอามารวมกัน ลุกขึ้นต้องตบเก้าอี้ 3 ที

- คิดซ้ำๆ หรือมีภาพขึ้นมาในจินตนาการซ้ำๆ ในเรื่องที่ตนเองเห็นว่าน่ารังเกียจหรือเป็นเรื่องผิด ซึ่งมักเป็นเรื่องทางเพศ ความก้าวร้าว หรือเกี่ยวกับศาสนา เช่น  ทุกครั้งที่เห็นอะไรสีเหลืองจะเกิดความคิดต่อว่าพระพุทธเจ้า  คิดย้ำๆ ด่าว่าบุพการีที่ตนเองเคารพ
- ทิ้งของไม่ได้  เสียดาย ทิ้งของไม่ได้แม้จะเป็นของที่คนอื่นเห็นว่าไม่สำคัญ เช่น ขวด ถุง หนังสือพิมพ์ สมุดเก่าๆ ยางรัด จะอึดอัดใจทุกครั้งที่จะต้องทิ้งอะไร เลือกไปมาเป็นเวลานาน แต่ในที่สุดก็ทิ้งอะไรไม่ได้ จนของรกเต็มบ้าน

ฯลฯ

คนเราปกติก็อาจมีความคิดหรือพฤติกรรรมเช่นนี้ได้ แต่ในผู้ป่วย OCD อาการเหล่านี้ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมานอย่างมาก ผู้ป่วยพยายามฝืนสิ่งที่เกิดขึ้น แต่มักผืนไม่ได้ เสียเวลาไปกับความคิดหรือพฤติกรรมค่อนข้างมากในแต่ละวัน (มากเกินกว่าวันละ 1 ชั่วโมง)
 

การวินิจฉัย (เพิ่มข้อความ)

A. มีลักษณะอาการดังนี้ 

อาการย้ำคิด (obsession) มีความหมายตามข้อ (1), (2), (3), และ (4): 

(1) มีความคิด ความต้องการ หรือมโนภาพที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ และคงอยู่ตลอด และในช่วงใดช่วงหนึ่งของความผิดปกติ ผู้ป่วยรู้สึกว่าลักษณะดังกล่าวรบกวนตนเองและไม่เหมาะสม และก่อให้เกิดความวิตกกังวล หรือความทุกข์ใจอย่างมาก 

(2) ความคิด ความต้องการ หรือมโนภาพนี้ มิได้เป็นเพียงความกังวลมากเกินควรต่อปัญหาที่มีอยู่จริง 

(3) ผู้ป่วยพยายามเพิกเฉย หรือเก็บกดความคิด ความต้องการ หรือมโนภาพที่เกิดขึ้น หรือหักล้างโดยความคิดหรือการกระทำอื่น ๆ 

(4) ผู้ป่วยตระหนักดีว่าความคิด ความต้องการ หรือมโนภาพที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ นี้ มาจากจิตใจของตนเอง (มิได้ถูกสอดแทรกโดยเดิมไม่เคยคิดมาก่อนเลย ดังใน thought insertion) 

อาการย้ำทำ (compulsion) มีความหมายตามข้อ (1), (2), (3), และ (4): 

(1) พฤติกรรมที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ (เช่น การล้างมือ การจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบ การตรวจดูสิ่งต่าง ๆ) หรือกิจกรรมทางจิตใจที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ (เช่น การสวดมนต์ การนับ การคิดคำในใจซ้ำ ๆ ) ซึ่งผู้ป่วยรู้สึกว่าจำเป็นต้องทำเพื่อตอบสนองต่อการย้ำคิด หรือ เป็นไปตามกฎซึ่งต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด) 

(3) พฤติกรรม หรือกิจกรรมทางจิตใจมีจุดมุ่งหมายเพื่อป้องกันหรือลดความทุกข์ทรมาน หรือป้องกันเหตุการณ์หรือสถานการณ์ที่น่ากลัวบางอย่าง ; อย่างไรก็ตาม พฤติกรรม หรือกิจกรรมทางจิตใจ ไม่ได้เกี่ยวโยงตามความเป็นจริงกับสิ่งที่ผู้ป่วยต้องการหักล้างหรือป้องกัน หรือเห็นได้ชัดว่ามากเกินควร 

B. ณ เวลาใดเวลาหนึ่งของการดำเนินโรคนี้ ผู้ป่วยตระหนักว่าอาการย้ำคิด หรืออาการย้ำทำ  นี้ เป็นมากเกินหรือไม่มีเหตุผล หมายเหตุ: กรณีนี้ไม่ใช้สำหรับเด็ก 

C. อาการย้ำคิด  หรืออาการย้ำทำ ก่อให้เกิดความทุกข์ทรมาน และเสียเวลาไปมาก (มากกว่า 1 ชั่วโมงต่อวัน) หรือรบกวนต่อกิจวัตรตามปกติ การงาน (หรือการเรียน) หรือการเข้าสังคมหรือสัมพันธภาพทางสังคมอย่างมาก 

D. ไม่ได้เป็นโรคอื่น ที่อาจพบมีลักษณะย้ำคิด หรือย้ำทำ เป็นบางเรื่องโดยเฉพาะได้ (เช่น การหมกมุ่นในเรื่องของอาหาร โดยเป็น Eating Disorders; การดึงผม โดยเป็น Trichotillomania; การจดจ่ออยู่กับเรื่องรูปร่าง โดยเป็น Body Dysmorphic Disorder; การหมกมุ่นอยู่แต่เรื่องการใช้สาร โดยเป็น Substance Use Disorder; การหมกมุ่นต่อการมีโรคที่ร้ายแรง โดยเป็น Hypochondriasis; การหมกมุ่นเรื่องความกำหนัด หรือจินตนาการทางเพศ โดยเป็น Paraphilia; หรือ การครุ่นคิดแต่เรื่องความผิดของตนเอง โดยเป็น Major Depressive Disorder) 

E. ความผิดปกตินี้มิได้เป็นจากผลโดยตรงด้านสรีรวิทยาจากสาร (เช่น สารเสพติด ยา) หรือจากภาวะความเจ็บป่วยทางกาย 

 การดำเนินโรค

ประมาณสองในสามของผู้ป่วยเริ่มมีอาการก่อนอายุ 25 ปี อายุเฉลี่ยเมื่อเริ่มมีอาการ 20-22 ปี อาการมักเรื้อรัง โดยมากจะมีอาการมากเป็นช่วงๆ

สาเหตุ

1. พบว่าผู้ป่วยมีการทำงานของสมองเพิ่มขึ้นในสมองส่วน orbitofrontal cortex, cingulate cortex และ head of caudate nucleus ทั้งนี้บริเวณเหล่านี้อาจรวมกันเป็นวงจรที่มีการทำงานมากเกินปกติในผู้ป่วย OCD

2. ในด้านระบบประสาทสื่อนำประสาทเชื่อว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติในระบบซีโรโตนิน (serotonin) ทั้งนี้โดยมีการศึกษาพบว่าเมื่อให้สารที่เป็นเพิ่มซีโรโตนินแก่ผู้ป่วย OCD พบว่า ผู้ป่วยมีอาการมากขึ้น

3. ทฤษฎีการเรียนรู้ เชื่อว่าการเกิดภาวะเงื่อนไขมีบทบาทสำคัญในการเกิดอาการทั้งอาการย้ำคิดและย้ำทำ การรักษาโดยใช้วิธีพฤติกรรมบำบัดเป็นการเข้าไปขจัดภาวะเงื่อนไขที่เกิดขึ้น

การรักษา
การรักษาด้วยยา

1. ยาแก้ซึมเศร้า ยาที่รักษาได้ผลดีใน OCD เป็นยาที่จัดอยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ต่อ ระบบซีโรโตนิน เช่น clomipramine และยาในกลุ่ม selective serotonin reuptake inhibitors (SSRI) ทุกตัว ได้แก่  fluoxetine และ fluvoxamine (เพิ่มข้อความ .. paroxetine, sertraline และ escitalopram)

1.1 clomipramine เริ่มต้นให้ขนาด 25 มก.ต่อวัน ปรับขนาดยาได้จนถึง 150-200 มก.ต่อวัน ควรให้ยาส่วนใหญ่ในตอนเย็นหรือก่อนนอน พบว่าโดยมากผู้ป่วยทนฤทธิ์ข้างเคียงจากยาขนาดสูงไม่ได้

1.2 fluvoxamine เริ่มต้นให้ขนาด 50 มก. ต่อวัน แล้วค่อยๆเพิ่มยาจนได้ขนาด 150-300 มก.ต่อวัน อาการข้างเคียงที่อาจพบได้แก่ คลื่นไส้ มือสั่น ง่วงซึม

1.3 fluoxetine เริ่มให้ขนาด 20 มก.ต่อวันในตอนเช้า อาจเพิ่มขนาดถึง 40-60 มก.ต่อวัน อาการข้างเคียงที่อาจพบได้แก่ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ กระสับกระส่าย นอนไม่หลับ

ยา clomipramine อาจได้ผลดีกว่ายากลุ่ม SSRI  แต่ก็มีข้อจำกัดคืออาการข้างเคียงมาก ฤทธิ์ในการรักษาอาการอาจเห็นผลชัดหลังจากสัปดาห์ที่ 4 และอาการที่ดีขึ้นนั้นไม่ถึงกับไม่มีอาการเลยทีเดียว ผู้ป่วยมักกลับมามีอาการอีกได้บ่อยหลังจากหยุดยา อย่างไรก็ตามพบว่าคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยดีขึ้นมาก สามารถเข้าสังคมได้ ความทุกข์ทรมานจากอาการลดน้อยลง

2. ยาคลายกังวล ในผู้ป่วยที่มีความวิตกกังวลอยู่สูงอาจใช้ยาในกลุ่ม benzodiazepine ในระยะสั้นๆ ยาในกลุ่มนี้ไม่มีผลในการรักษาอาการย้ำคิด หรืออาการย้ำทำ

 การรักษาวิธีอื่น

การรักษาที่ได้ผลดีคือ พฤติกรรมบำบัด โดยให้ผู้ป่วยเผชิญกับสิ่งที่ทำให้เขากังวลใจและมิให้ตอบสนองย้ำทำตามที่เคยกระทำ ตัวอย่างเช่น ผู้ป่วยที่มักล้างมือ ก็ให้จับของที่ผู้ป่วยรู้สึกว่าสกปรก ให้รออยู่ช่วงหนึ่งจึงอนุญาตให้ล้างมือ การฝึกจะทำตามลำดับขั้น เริ่มจากสิ่งที่ผู้ป่วยรู้สึกกังวลน้อยไปหามาก และระยะเวลาที่ไม่ให้ล้างมืออาจเริ่มจาก 10-15 นาที ไปจนเป็นชั่วโมง หากการรักษาได้ผลผู้ป่วยจะกังวลน้อยลงเรื่อยๆ จนสามารถจับสิ่งต่างๆ ได้โดยไม่ต้องรีบไปล้างมือดังก่อน

การรักษาโดยวิธีนี้ได้ผลค่อนข้างดี โดยพบว่าแม้หลังจากหยุดรักษาแล้วก็ยังคงผลอยู่นาน หากมีอาการก็มักไม่รุนแรงเท่าเดิม   ผลการรักษาจะดีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับ ความชำนาญของผู้รักษา ความร่วมมือของผู้ป่วย และครอบครัวของผู้ป่วยจะต้องให้ความร่วมมือด้วย เพราะนอกจากจะฝึกทำขณะพบผู้รักษาแล้วผู้ป่วยยังต้องฝึกที่บ้านด้วยเช่นกัน

 แนวทางในการรักษา

อย่าบอกให้ผู้ป่วยหยุดทำหรือหยุดคิดซ้ำๆ การบอกใช้ไม่ได้ผล ก่อนจะมาพบแพทย์ผู้ป่วยใช้วิธีการมาแทบทุกชนิดแล้วแต่ไม่ได้ผล

การรักษาไม่ควรใจร้อน อาการของผู้ป่วย OCD มักจะค่อยๆ ดีขึ้น อาจไม่เร็วอย่างที่คิด โดยทั่วไปแล้วผู้ป่วยจะสังเกตว่าความกลัดกลุ้มและกังวลใจลดน้อยลง ต่อมาระยะเวลาที่ใช้ในการย้าคิดหรือย้าทำก็จะลดน้อยลง ผู้ป่วยรู้สึกว่าตนเองสามารถฝืนความอยากกระทำของตนเองได้มากขึ้น ผู้ป่วยที่ตอบสนองต่อยาอาการจะดีขึ้นร้อยละ 50-70 ส่วนใหญ่แล้วการตอบสนองจะเห็นผลเต็มที่ในปลายเดือนที่สาม

ในผู้ป่วยที่อาการรุนแรงหรือมีผลกระทบมาก เมื่อผู้ป่วยอาการดีขึ้นระดับหนึ่งแล้ว ควรคงยาไว้ระยะหนึ่ง ขนาดยาจะลดลงจากขนาดที่เคยใช้ขณะที่อาการยังมากอยู่ โดยทั่วไปให้ยานานประมาณ 1 ปี การลดยาควรลดขนาดลงอย่างช้าๆ เช่น ลด clomipramine 50 มก. ทุก 2 เดือน

 ตัวอย่างผู้ป่วย
สอน อายุ 25 ปี มาพบแพทย์เนื่องจากอยากหายจากอาการทำซ้ำๆ เขาให้ประวัติว่าตนเองดำเนินกิจการร้านอาหารมาได้ประมาณ 3 ปี โดยเปิดใกล้ศูนย์การค้า กลางคืนหลังเลิกงานจะให้คนงานเฝ้าร้าน ส่วนตนเองกลับมานอนที่บ้าน

ประมาณ 1 เดือนก่อน ขณะกลางคืนเกิดไฟไหม้จากคนงานปิดเตาแก๊สไม่หมด แต่เสียหายไม่มากเนื่องจากมีคนช่วยดับไว้ทัน หลังจากนั้นทุกครั้งที่ปิดร้าน ตนเองจะต้องไปตรวจดูว่าคนงานปิดแก๊สแล้วหรือยัง บางครั้งไปดูซ้ำๆ ถึง 10 ครั้ง บางคืนขณะขับรถกลับบ้าน ระหว่างทางเกิดความไม่แน่ใจขึ้นมาว่าได้ตรวจเตาแก๊สครบหมดทุกเตาแล้วหรือยัง จนต้องขับกลับไปตรวจดูใหม่อีก

ช่วง 1 สัปดาห์นี้อาการเป็นบ่อยขึ้น ตอนกลางวันก็ต้องคอยไปตรวจดู เขาทราบว่าตนเองกังวลมากเกินเหตุ เพราะตรวจครั้งเดียวก็น่าจะพอ แต่พอตรวจเสร็จ สักครู่ก็เกิดความไม่สบายใจขึ้นมาอีกว่าปิดหมดแน่แล้วหรือยัง ความไม่สบายใจนี้มีมากจนต้องกลับไปดูอีก ทั้งๆ ที่คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

เขาให้ประวัติเพิ่มเติมว่าเคยมีอาการคล้ายๆ กันนี้ตอนช่วงวัยรุ่น ครั้งนั้นเป็นหลังจากต้องสอบซ่อมหลายวิชา มีความกังวลว่ามือสกปรก ล้างมือวันละ 20-30 ครั้ง เคยรักษากับจิตแพทย์ที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

ผู้รักษาให้การวินิจฉัยว่าเป็น obsessive compulsive disorder ให้การรักษาโดย clomipramine อาการผู้ป่วยดีขึ้นจนกลับสู่ปกติภายใน 3-4 เดือน

(นพ.มาโนช หล่อตระกูล, นพ.ปราโมทย์ สุคนิชย์)

----------------------------------------------------------

เพิ่มเติม 4 กค 2555

ศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ
(Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center)
ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

 ทางภาควิชาจิตเวชศาสตร์ได้เห็นความสำคัญของการให้บริการการรักษาและศึกษาวิจัยในโรคย้ำคิดย้ำทำ จึงได้มีโครงการจัดตั้งศูนย์บำบัดรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center) โดยมุ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ในระดับประเทศ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของจิตแพทย์ แพทย์ และบุคคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติ ช่วยลดผลกระทบทางด้านจิตใจ การทำงาน การใช้ชีวิตของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด

รูปแบบบริการ เป็นการให้บริการตรวจรักษา ให้คำปรึกษารายบุคคลและแบบกลุ่ม
สถานที่ แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี
ช่วงเวลาให้บริการ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00 – 15.00 น.
เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

กณฑ์ผู้ป่วยที่จะเข้ารับบริการ 
1. เป็นผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ (obsessive-compulsive disorder)
2. อายุ 18 ปีขึ้นไป
3. สมัครใจ

โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผ่านจิตแพทย์เจ้าของไข้ที่ท่านรักษาอยู่เป็นประจำ หรือในกรณีผู้ป่วยใหม่สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์พยาบาล แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร 02-2011235, 02-2011245

หมายเลขบันทึก: 104540เขียนเมื่อ 19 มิถุนายน 2007 13:58 น. ()แก้ไขเมื่อ 11 ธันวาคม 2012 13:36 น. ()สัญญาอนุญาต: สงวนสิทธิ์ทุกประการจำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (234)

เรียน คุณหมอคะ

ดิฉันอายุ 27 ปี ป่วยเป็นโรค OCD และได้ไปพบจิตแพทย์แล้ว คุณหมอสั่งยา Lexapro 10 mgให้ทานวันละ 2 เม็ด  (มีอาการข้างเคียงคือนอนไม่หลับค่ะ) ตอนนี้ทานมาได้สองเดือนกว่าแล้วค่ะ แต่อาการขึ้น ๆ ลง ๆ ค่ะ บางวันก็ย้ำคิด ย้ำทำ มาก บางวันก็นิดหน่อย แต่โดยรวมแล้วดีขึ้นกว่าตอนเริ่มรักษาประมาณ 20-30% เท่านั้น เคยรู้สึกว่าอาการดีมากถึง 60% ด้วยค่ะ แต่ก็ไม่ stable เวลาไปพบจิตแพทย์ก็ไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เวลาท่านถามว่าดีขึ้นมั๊ย

คุณหมอมีความคิดเห็นยังไงบ้างคะ

ยา lexapro เป็นยาที่ดีขนานหนึ่งในการรักษาโรคนี้ครับ เท่าที่ฟังอาการยังไม่ค่อยนิ่ง ลองปรึกษาคุณหมอที่รักษาดูนะครับ คุณหมออาจปรับโดยเสริมยาอื่นเข้าไป หรือเพิ่มขนาดยาตามแต่เห็นเหมาะสมครับ

สวัสดีค่ะคุณหมอ...มาโนช

  • เป็นประโยชน์มากเลยค่ะ ครูอ้อยจะไปเล่าให้คุณแม่ฟังค่ะ
  • และก็...จะเตือนตนเองด้วยค่ะ
  • ขอบคุณมากค่ะ  บันทึกดีมีประโยชน์ค่ะ
ที่เป็นบ่อยก็คือไม่แน่ใจเวลาล็อครถ ต้องกลับมาดูใหม่ทุกทีบางครั้งก็ 2-3 ครั้ง จนต้องท่องในใจว่าล็อคแล้ว คิดว่าตัวเองยังปกติดีค่ะ มีคนเป็นกันเยอะเรื่องแบบนี้ ^ ^

ขอบคุณครูอ้อยครับที่แวะเยี่ยม ผมเจอบันทึกของครูอ้อยแทบทุกครั้งที่เข้า G2K จนเข้าครั้งไหนไม่ได้อ่านเหมือนไม่ได้เข้า G2K ^__^ 
สงสัยจังเลยว่าอะไรทำให้ครูอ้อยพลังเยอะอย่างนี้ครับ จะได้หามาทานมั่ง 

คุณ Little Jazz \(^o^)/ ครับ ผมเองก็คิดว่าเราเป็นอย่างนี้กันไม่น้อยครับ อืม และคุณ Little Jazz \(^o^)/ ก็น่าจะยังปกติดีนะครับ ^__^

เพราะถ้าจะถือว่าผิดปกติต้องมากกว่านี้เยอะครับ คือ คนที่เป็นเขาจะ

- ทำหลายครั้งมากเป็นสิบๆ ครั้ง
- พยายามเลิกหรือต่อต้านการกระทำอย่างนั้น แต่จะไม่สบายใจทุกครั้งที่ไม่ได้ทำจนยอมแพ้ ต้องกลับไปทำใหม่อีก
- เวลาส่วนใหญ่หมดไปกับอาการที่เกิดขึ้น เรียกว่า วันๆ หมกมุ่นอยู่กับแต่เรื่องนี้ จนไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นที่ควรทำหรือเรื่องอื่นบกพร่องไป
- เจ้าตัวรู้ดีว่าตัวเองผิดปกติไปจากก่อนและอยากหาย

  • สวัสดีค่ะ คุณหมอมาโนช ..

ขอบคุณค่ะ สำหรับบทความ  เพราะตัวดิฉันเองก็ค่อนข้างมีอาการเสี่ยงแบบนี้

และเคยคิดจะปรึกษาจิตแพทย์ กับอาการที่คิดว่าตัวเองคล้ายกับคนที่เป็นออทิสติกด้วยล่ะค่ะ 

เพราะเครียดหรือคิดมากไปหรือเปล่าก็ไม่รู้

สวัสดีค่ะ คุณหมอมาโนช

ขอบคุณนะคะที่ให้ความคิดเห็นเกี่ยวกับ ยา Lexapro แต่ขออนุญาติถามต่ออีกนิดนึงค่ะ คือว่ายานี้ทานแล้วทำให้อารมณ์ดีผิดปกติรึปล่าวคะ

ขอบคุณค่ะ :)

ผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ตั้งแต่5-6  ขวบโดยประมาณ  ตอนนั้นน่าจะเรียนอยู่ราวๆ ป3-ป4 ปีนี้ผมอายุ 45 ปีแล้ว รักษาโรคนี้ตอน อายุ 19 ปี คือเป็นจนทนไม่ไหว ผสมกับการทำงานค้าขายอยากหนัก ผสมความเครียด ความหวาดกลัว จนต้องเลิกทำงานไปถึง 2-3 ปีเพื่อไปรักษาตัว อาการของผมคือ ชอบไดด่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ ทั้งด่าพระ ด่าศาลพระภูมิ ศาลเจ้า และด่าบิดา มารดา โดยไม่สามารถยับยั้งใจได้ และต้องมาขอโทษตลอดเวลา ทำให้เกิดอาการย้ำทำ ทุกวันนี้ สามารถทำงานได้ปกติ แต่ขอบอกเลยว่า หมอที่หาไม่สามารถช่วยได้ (เป็นจิตแพทย์ระดับประเทศด้วยครับ)ต้องช่วยตัวเอง ด้วยการอ่านตำรา แพทย์จากเมืองนอก ซึ่งผมซื้อมาอ่านเมื่อกว่าสิบปีที่ผ่านมา ผสมกับการกินยาทุกวันอย่าได้ขาด และผมขอแนะนำนะครับ สำหรับคนที่เป็นแบบผมคือ ด่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คือช่างมันด่าได้ด่าไป อย่าไปเสียเวลาขอโทษ อย่าคิดว่าเป็นสิ่งผิด ยิ่งเราต่อต้านด้วยการขอโทษมันจะเป็นปฎิกิริยาลูกโซ่ คือย้ำคิดย้ำทำไม่มีสิ้นสุด สำหรับผมตอนนี้ ไม่ห้อยพระ พยายามยุ่งกับเรื่องสิ่งศักดิ์สิทธิ์ให้น้อยที่สุด แม้จะทำได้ยากในบางครั้ง แต่ทุกวันนี้ชีวิตก็ดีขึ้น แม้จะไม่ 100%ก็ตาม แต่ก็ดีกว่าเมื่อก่อนมาก  สำคัญที่สุดคือ กินยาสม่ำเสมอและ เชื่อมั่นในตำราแพทย์ คืออย่าไปสนใจคิดได้คิดไป เรื่องชั่วๆ ถือว่าไม่ใช่ตัวเราก็ จะสบายใจขึ้นครับ

หนูคิดว่าหนูเป็นโรคนี้ตั้งแต่ ม.1จนปัจจุบันอยู่ ม.6ก็ยังเป็นอยู่ อาการคือเวลาทานอาหารจะชอบนับจำนวนคำของอาหาร  ล้างมือบ่อย ชอบดึงหนังบริเวณริมฝีปากจนทำให้เลือดที่ปากไหลบ่อยมาก หนูอยากจะหายจากโรคนี้มากแต่ก็ไม่เคยหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงสิ่งที่ทำอยู่ได้สักที่ คุณหมอช่วยบอกวิธีการหักห้ามใจไม่ให้คิดถึงเรื่องที่กำลังคิดอยู่ได้ไหมค่ะ

                                                 ขอบพระคุณค่ะ 

ผมเองคนนึงก็มีอาการย้ำคิดย้ำทำโดยกลัวสิ่งสกปรกมากเป็นพิเศษโดยเฉพาะกับสุนัขจะต้องระแวงว่าจะโดนสุนัขมาชนทุกครั้งที่ออกจากบ้าน โดยเคยรักษาด้วยยาSEROXAT ซึ่งมีราคาสูงมากครับจนรักษาไม่ไหวรักษาแบบหยุดๆหายๆ ตอนนี้อาการเริ่มเป็นหนักขึ้น อยากขอรบกวนถามคุณหมอมาโนชหน่อยครับว่าพอจะมียาที่รักษาอาการที่ดีกว่านี้และราคาไม่สูงเท่านี้บ้างหรือไม่ครับและควรทำอย่างไรถ้าเคยรักษาแล้วหยุดไปนานพอสมควร ครับ

ขอบพระคุณ คุณ หมอล่วงหน้านะครับ

 

คุณ ploy ครับ โดยทั่วไปแล้วยาไม่ทำให้อารมณ์ดีกว่าปกติครับ  ไม่งั้นคนคงซื้อมากินกันเป็นแถวๆ

-----------------

คุณธนากรครับ คำแนะนำที่ให้ดีมากเลยครับ คุณเป็นคนที่เข้มแข็งครับ

------------------

คุณเหมืยวครับ

การหักห้ามใจเป็นสิ่งสำคัญแต่ต้องมีขั้นตอนพอสมควร ลองถามที่ http://www.thaimental.com นะครับ

-------------------

คุณเศรษฐ์ครับ ยาที่ถูกและได้ผลดีคือ fluoxetine ซึ่งมีผลิตในประเทศเม็ดละประมาณ 2 บาท ลองปรึกษาคุณหมอดูนะครับ หมออาจปรับยาตามอาการอีก

-----------------

เรียนทุกท่าน ผมดีใจครับที่เพจนี้เป็นประโยชน์กับผู้สนใจ จะพยายามหาข้อมูลในเรื่องต่างๆ มาให้เพิ่มเติมนะครับ 
ประเด็นสำคัญที่อยากเรียนทุกท่านคือ ผมไม่มีเวลาตอบคำถามต่างๆ ครับ (ขอโทษด้วยครับ) ดังนั้น ถ้าต้องการปรึกษาเรื่องการใช้ยาหรือการรักษาต่างๆ  ปรึกษาที่ http://www.thaimental.com  จะเร็วกว่าครับ  ที่นั่นเป็นชุมชนความรู้ทางสุขภาพจิตที่ดีมากเลยครับ ที่สำคัญมีจิตแพทย์ที่พร้อมให้คำตอบอย่างรวดเร็วครับ

ผมมีอาการเหมือนกับคุณ9. ธนากร ตกใจเหมือนกันที่มีคนเป็นแบบเราด้วย ขอขอบคุณ คุณ ธนากร มาก และอยากเป้นกำลังใจให้ทุกคนที่มีอาการแบบนี้ คนเราเลือกเกิดไม่ได้แต่เลือกที่จะเป็นได้ เราต้องเข้มแข็งและเอาชนะมันให้ได้ เพื่ออนาคต และเพื่อคนที่เรารัก ทุกอย่างสามารถแก้ไขได้ ขอเพิ่มเติมจากคุณ ธนากร ว่า ลอง ทำสมาธิ ศึกษาธรรมะ รู้จักปล่อยวางก็น่าจะช่วยได้ครับ ใครมีประสบการรณ์ เอามาลงได้นะครับ มันสามารถช่วยคนอื่นที่มีทุกข์ได้ และคุณก็จะได้บุญมากด้วย

ผมเคยเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่ตอนประมาณ 8 ขวบ แต่มันก็หายไปอย่างสนิท จนถึงตอนนี้ผมอายูได้ 16 แล้ว อาการมันยิ่งแย่กว่าเก่าคือ มัวแต่คิดซ้ำๆ เกี่ยวกับว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างตัวเองไปดูหนังมา แล้วก็มีความคิดที่จะเล่าให้เพื่อนฟังว่าหนังเรื่องนี้สนุกดีแล้วก็จินตนาการว่าจะไปบอกเพื่อนว่ายังไงไปเลื่อยๆๆ จนหยุดกังวลไม่ได้...แล้วก็ยังกังวลเกี่ยวกับกลัวลายบนมือถือจะลอกจนต้องหยิบมาดูซ้ำๆ อยู่หลายรอบจนวันๆเสียเวลาไปกับโรคนี้นานมากเกือบ 6 ชั่งโมง เป็นๆ หายๆ ทรมารมากๆๆ ไม่กล้าบอกครอบครัวด้วย ไม่รู้จะทำยังไงดี :'(

555 ผมพอรู้วิธีการรับมือ

ผมพอรู้วิธีการรับมือครับเพราะผมเองก็เป็นคนป่วยในโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน โรคย้ำคิดย้ำทำนี้เป็นโรคที่ประหลาดที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอมาเลยครับเพราะว่าเราเองไม่ได้ไปทำอะไรให้เป็นทุกข์ เราก็เป็นทุกข์เอง เราเองก็ไม่อยากที่จะบอกเรื่องโรคนี้ให้คนอื่นรู้เพราะกลัวว่าคนอื่นเขาจะไม่เข้าใจ เราเองก็ที่จะพยายามลืมมันแต่ว่าก็ลืมไม่ได้ หรือบางครั้งเราเองก็ลืมมันได้แล้วแต่แล้วเราก็กลับคิดถึงมันขึ้นมาใหม่

*แต่ที่ผมอยากจะบอกทุกท่านก็คืออย่าพยายามลืมมันมากเกินไปแต่จงพยายามไม่กลัวมันให้ได้ แล้วจากนั้น

ลองไม่คิดไม่ทำมันสัก10วินาทีดูครับนะครับ แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้มันย้ำคิดย้ำทำต่อไปนะครับ ถ้าเกิดทำได้ก็ขอให้ลองไม่คิดไม่ทำมันสัก20วินาทีดูนะครับ แล้วจากนั้นก็ปล่อยให้ย้ำคิดย้ำทำตามสมองต้องการอีก ถ้าเกิดทำได้อย่างนี้ไม่ย้ำคิดย้ำทำให้เพิ่มเวลาเป็น60วินาทีดูนะครับ ถ้าเกิดทำได้ก็ขอให้ไม่ย้ำคิดย้ำทำเพิ่มขึ้นเป็น2ชั่วโมงนะครับ แล้วถ้าเกิดทำได้แล้วถือว่าคุณหายจากอาการocdแล้วนะครับ เพราะขนาดไม่ย้ำคิดย้ำทำ2ชั่วโมงยังทำได้ เพราะฉนั้น ถ้าเกิดคุณจะไม่ย้ำคิดย้ำทำสัก3ชั่วโมงก็น่าจะได้นะครับเพราะแค่เพิ่มเวลาไม่ย้ำคิดย้ำทำมาแต่ครึ่งหนึ่งเอง แล้วจากนั้น 5ชั่วโมงก็ทำได้ 8ชั่วโมงก็ทำได้ 12ชั่วโมงก็ทำได้ 18ชั่วโมงก็ทำได้ 24ชั่วโมงก็ทำได้ 2วันก็ทำได้ 30วันก็ทำได้

2เดือนก็ทำได้ 12เดือนก็ทำได้ 2ปีก็ทำได้ 10ปีก็ทำได้ ลองทำให้ได้สักสิบปีก่อนนะครับพอคุณทำครบ10ปีปุบก็ค่อยกลับมาย้ำคิดย้ำทำอีกครั้งก็ได้ครับยังไม่สาย อิอิ

แต่ทุกครั้งที่ทำนี้ต้องอย่าเครียดเด็ดขาดนะครับ(อันนี้สำคัญมาก)แล้วถ้าเกิดคุณสามารถไม่ย้ำคิดย้ำทำไปแล้ว10ชั่วโมงแล้วชั่วโมงที่11กลับมาย้ำคิดย้ำทำอีกก็ไม่ต้องเสียใจนะครับ เพราะว่าคุณกำลังป่วยอยู่สามารถไม่ย้ำคิดย้ำทำสัก10ชั่วโมงได้ก็ถือว่าหายจากocdแล้วครึ่งหนึ่ง ***สุดท้ายนี้วิธีการรักษาที่ดีที่สุดก็คือผ่อนคลายความเครียดก็โรคนี้ครับเพราะเชื่อไหมครับว่าถ้าคุณผ่อนคล้ายความเครียดมากขึ้นเท่าไรคุณก็ใกล็หายจากocdมากขึ้นนะครับ*** ถ้าตรงการติดต่อก็ ทาง [email protected] ได้เลยครับ

ที่จริงผมก็เคยลองวิธีนี้แล้ว....และมันก็เคยได้ผลสักระยะหนึ่งด้วย..ต้องเอาชนะใจตัวเองให้ได้...แต่พอนานๆเข้าก็กลับคิดเรื่องเดิมขึ้นมาอีกและก็ห้ามใจตัวเองไม่ให้หยุดคิดไม่ได้ก็เลยกลับมาเป็นอีกรอบ :( แต่ก็ขอบคุนนะคับที่ช่วยบอกแล้วผมจะพยายามลองทำอีกรอบและเอาชนะใจตัวเองให้ได้ :)

ขอบคุณที่แนะนำมากครับ หลายๆความเห็น เป็นประโยชน์มากเลยครับ ตอนที่ผมนั่งพิมพ์ตัวอักษรบนแป้นนี่ จิตใจมันก็พยายามที่จะย้ำคิดอยู่อะครับ แต่ผมก็พยายามหักห้ามใจอยู่

ผมเลิกบุหรี่ก็เลิกมาแล้ว หลังจากสูบมาเกือบ10ปี แต่ไอ้โรคนี้มันจะยากกว่าการเลิกสูบบุหรี่หรือเปล่า จะพยายามลองเลิกดูครับ

อยากจะทราบว่าพอจะมีอาหาร ผัก หรือผลไม้อะไรบ้างที่จะพอช่วยให้โรคนี้บรรเทาลงได้บ้าง...

ดิฉันมีสามีติดเหล้ามากๆ ไปรักษาที่แผนกจิตเวชเมื่อ 2 ปีที่แล้วอาการก็ดีขึ้นแต่เมื่อ 6 เดือนก่อนหน้านี้ไม่ได้พาไปพบแพทย์ต่อเพราะคิดว่าเลิกดื่มแล้ว แต่กลับตรงกันข้าม..ดื่มหนักกว่าเดิมอีก อาการที่พบก็เป็นมากกว่าเดิม ตอนนี้ดิฉันใกล้จะเป็นโรคจิตแล้ว เพราะพฤติกรรมของเค้าแย่ลงทุกๆวัน ดิฉันก็ไม่รู้จะปรึกษากับใคร เพื่อนๆ ผู้ใหญ่ก็ไม่กล้าจะคุยให้ท่านฟัง ใครที่เจอปัญหาแบบนี้ขอ e-mail Address หน่อยได้ไหมคะ จักขอบคุณมากเลยค่ะ เผื่อจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นได้

แกนหลักของอาการย้ำคิดย้ำทำคือ ความกลัว ซึ่งเกิดจากข้อมูลจากประสาทสัมผัสไม่ว่าจะเป็นข้อมูลใหม่หรือที่ถูกเก็บไว้ในระบบความจำ เชื่อมโยงไปยังสมองส่วน limbic system แล้วกระตุ้นให้เกิดการตอบสนองต่างๆ

ที่น่าสังเกตคือ การขาดหายของข้อมูล มักจะกระตุ้นให้เกิดความไม่แน่ใจ เช่น เห็นมือสกปรก -> ล้างมือ -> รู้สึกสกปรก(ภาพของความสกปรกยังค้างอยู่)-> ล้างมือ แล้วก็จะวนเป็นวงวน

สังเกตได้ว่า ปัจจัยที่ทำให้เกิดวงจรอุบาทว์ คือ ความรู้สึกว่าสกปรก ซึ่งคือการขาดหายไปของภาพ สัมผัส ของความสะอาดในสมอง หรือพูดได้ว่า การล้างมือไม่ได้เชื่อมโยงกับความรู้สึกสะอาดอย่างเต็มที่ ทำให้เกิดความไม่แน่ใจ จนทำให้เป็นวงวน ซึ่งก่อความรำคาญอย่างยิ่ง

การใช้ยา SSRIs เป็นการเพิ่มการเชื่ยมโยงของเซลล์ประสาท ลดการขาดหายไปของข้อมูล ควรร่วมกับพฤติกรรมบำบัดเพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษา

วิธีเพิ่มการเชื่อมต่ออย่างหนึ่งง่ายๆ คือ การลองอยู่กับความย้ำคิดโดยไม่ย้ำทำ อาจลองเริ่มจากน้อยๆ ไปหามาก ในระดับที่ผู้ฝึกรับได้ เช่น ต้องตรวจสอบทุกครั้งหลังจากล็อกประตูรถ ก็ลองล็อกแล้วยืดเวลาตรวจสอบออกไป อาจเป็น หนึ่งนาที แล้วค่อยตรวจสอบ จากนั้นจึงเพิ่มเวลาขึ้นเป็น ห้านาที ครึ่งชั่วโมง ชั่วโมง แล้วแต่ความสามารถของผู้ฝึก วิธีการนี้จะเพิ่มระดับการเชื่อมต่อของเซลล์ประสาท ระหว่างการล็อก กับความรู้สึกว่าล็อกแล้ว ให้ดียิ่งขึ้นโดยใช้เงื่อนไขของเวลา

ที่สำคัญอย่าพยายามต่อต้าน ความรู้สึกย้ำคิด เหมือนกับคำกล่าวที่ว่า "อย่าคิดถึงวัวสีแดง" ลองสังเกตนะครับ ร้อยทั้งร้อย จะมีภาพวัวสีแดงอยู่ในหัว

ลองปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญครับ จะได้รับแนวทางในการรักษาที่ถูกต้อง

เรียนคุณโชค

อาหารที่ดีเป็นปัจจัยของสุขภาพดีเสมอครับ คำถามของคุณประมาณว่า "มีน้ำมันแบบไหนที่เติมแล้วช่วยบรรเทาให้อุบัติเหตุน้อยลง?" ลองตอบคำถามนี้ดูนะครับ

อาหารที่ดีต่อสมองก็พวกปลาที่มี DHA EPA เช่นปลาทู ส่วนอาหารที่เพิ่มระดับ Serotonin เช่น กล้วย ส่วนผักต่างๆ นั้นดีต่อสมองอยู่แล้วครับ

อาหารเป็นปัจจัยหนึ่งเท่านั้นครับ ที่สำคัญคือ ความคิด You are what you think.

อยากจะบอกว่าอาการของโรคเกิดขึ้นมาดดยตัวฉันเอง แทบไม่รู้ตัวเลย ตอนเช้าจะใช้เวลานานมากในการอาบน้ำโดยเทียบกับเมื่อก่อนโดยตื่นเช้ากว่าเดิมแต่ไปทำงานสายอยู่บ่อยๆ เพราะอาบน้ำนานมาก ล้างสบู่ที่ตัวกลัวว่าจะไม่หมด ฟอกสบู่ที่ตัวหลายรอบมาก กลัวไม่สะอาด รู้สึกทรมานมากๆ มันเริ่มมีผลกระทบต่อชีวิตแล้วอ่ะค่ะ แล้วเวลาล้างมือ ก็ล้างมือทั้งวันกลัวว่ามือจะไม่สะอาด หยิบจับอะไรนิดเดียวก็ต้องไปล้างมือแล้ว กระทบต่อชีวิตประจำวันแล้ว ทำไงดีทรมานกับอาการแบบนี้จัง

สวัสดีค่ะคุณหมอ .... มาโนช

  • คุณหมอคะ  เหลือเชื่อเลยค่ะ บันทึกนี้ คุณหมอเขียนตั้งแต่ปีที่แล้ว ปี 60
  • แล้วมาบรรจบ ครบ 20 สิงหาคม 51 พอดีเลย
  • เก่า แต่มีความหมายเสมอค่ะ
  • โรคเดียวกับบันทึกนี้หรือเปล่าคะ  วิตกจริต...เป็นอย่างไรหนอ 

ขอบพระคุณค่ะ  คิดถึงเสมอค่ะ

ขอบคุณ คุณนิวนะครับสำหรับคำแนะนำ

ผมก็เป็นอย่างนี้เหมือนกัน เวลาจัดตารางสอนไปโรงเรียน พอจัดเสร็จก็ต้องเช็คแล้วเช็คอีก ตอนนี้ผมเลยเอากระเป๋าไปวางไว้นอกห้อง  แต่พอตอนเช้าก็ต้องเช็คอยู่ดี มันห้ามใจไม่ได้ ทั้งๆที่ก็มั่นใจแล้วว่าไม่ขาดอะไร แต่มันก็ต้องดู ผมไม่รู้ว่าจะแก้ปัญหายังไงดี ผมเริ่มเป็นตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2551 ตอนนี้ผมอยู่แค่ม.1

เป็นโรคซึมเศร้ามา 2 ปีแล้วทาน Lexapro กับ Prenarpil ร่วมด้วย เริ่มแรกจิตแพทย์บอกว่าเป็นขั้นรุนแรง ทาน Lexapro 2 เม็ดและลดลงมาเรื่อยๆ ระหว่างรักษาชอบแอบหยุดยาเอง สุดท้ายต้องกลับมาทานใหม่ และมีปัญหาเรื่องนอนหลับ นอนเองไม่ได้ทานยานอนหลับมา 2 ปีแล้วคู่กับ Lexapro แต่ตอนนี้เริ่มมีปัญหาคือมึนงง ไม่สามารถขับรถได้ ขมคอ ไม่อยากอาหาร เบลอๆ จำอะไรไม่ค่อยได้ ช่วงนี้เป็นหนักมาก บางวันตื่นมาบวมโดยเฉพาะหน้าจะบวมมากทั้งที่ตัวผอมมาก คุณหมอก็ได้แค่ปรับยาแล้วรอดูผล ถ้าไม่ทานยานอนหลับจะได้ไหมคะ แล้วมีวิธีช่วยให้หลับเองอย่างไรบ้างคะ ตอนนี้ไม่ได้ทำงานเลย ทำอะไรที่ใช้สมาธิ ความคิดไม่ค่อยได้คิดไม่ออก เบลอๆ ค่ะ เป็นมาตั้งแต่หลังปีใหม่แล้ว ตอนนี้หนักมากค่ะ

ผมอายุได้ 17 ปี ได้เเล้วครับ ผมมีอาการมาเเล้ว 4 ปีกว่าเเล้วครับ ตั้งเเต่ผมอยู่ ม.2 ครับ ผมพึงมาทราบว่ามีอาการยําคิดยำทำ ตอน ม.3 เเล้วมีอาการหนักขึ้นเรื้อย จนผมรู้สึกว่า มีอาการของโรคซึมเศ้ราตามมาอีกครับ ผมรู้สึกมีการหนักมากขึ้น จนเกิดปัญหาเข้าสังคมไม่ได้ เเต่ไม่สำตัญมากนัก เเต่ผมยังมาอาการหนักกว้าเดิม อีกผมเข้าอาบนํา 3-4 ครั้ง เเละเดินซำซากทั้งวัน ร่วมทั้งล้างจาน ล้างเเล้ว ล้างใหม่ ทั้งหมดที่กล่าวมาด้วยเหตุผลกว่าสิ่งที่คิดไม่ดีเป็นจริง ต้องกลับทำมาเเล้วเเล้วคิดให้ดีถึงสบายใจไม่งั้น ผมจะคิดซำ ทรมานไป 1-2 วัน ผมลองเข้าทุกเวป ลองทำตามที่หมอตามบอร์ดต่างๆเเนะนำ เเต่อาการดีได้พักเดียวเเล้วเกิดอาการหนัก ผมไม่กล้าโทรไปยังศูกร์ต่างๆ เลย อยากจะไปพบจิตเเพทย์ อยากถามว่า ควรไป ร.พ.ใด ต้องนำเงินไปเท่าใด [เผื่อผมต้องใช้ยาครับ]

ผมมีอาการที่ว่า อยู่ดีๆ ก็คิดอะไรร้ายๆหรือที่เป็นทางลบขึ้นมาอ่ะครับ เช่น เรียนๆอยู่ ก็มีความคิดจะขว้างหรือโยนรองเท้า ทั้งๆที่ในใจไม่เคยอยากทำอะไรแบบนั้น(อยู่ดีๆ ความคิดก็มาเองแล้วก็หายไป) ตอนแรกไม่ใส่ใจเท่าไหร่ แต่ช่วงนี้อยู่ๆมันก็มาถี่ขึ้นครับ บางที อยู่ดีๆก็คิดเรื่องร้ายๆ เกี่ยวกับคนที่รู้จักขึ้นมาครับ ทั้งที่ผมก็รู้สึกนับถือเขาอยู่มากๆ

พอจะแก้ไขเบื้องต้นอะไรได้บ้างครับ ขอบคุณครับ

(ตอนนี้ ผมก็กินยารักษาอาการ panic อยู่ครับ)

ผม...เบื่อ...เบื่อ...เบื่อ...ครับ...

ไม่อยากไปไหน...ชอบอยู่บ้าน...

และก็ไม่มั่นใจในตนเองเลย...

ทำงานไม่ได้มา2ปีแล้วครับ...

...ช่วยด้วย...

คุณธนากรค่ะช่วยแนะนำหนังสือที่คุณอ่านได้ไหม

จะได้ไปหามาอ่านบ้างค่ะ

ผมก้อเป็นเหมือนกันครับ

ก้อเข้าใจความรู้สึกของทุกคนนะครับ

ว่ามันทรมานมากเเค่ไหน

บางทีเห็นคนอื่นเขาใช้ชีวิตตามปกติก้ออิจฉาเขาเหมือนกันที่ไม่ต้องมาเป็นเหมือนเราวันๆมานั่งย้ำคิดย้ำทำ (เสียเวลาในการใช้ชีวิตประจำวันมาก)

เเต่ผมก้อเเนะนำให้คนอื่นๆที่เป็นลองฝืนตัวเองดูครับ เเล้วก็อย่าไปคิดมาก

ผมก้อเข้าใจทุกคนนะว่ามันทำยาก(เพราะผมก็เป็นเหมือนกัน)

เเต่ผมก้อ อยากให้ทุกคนพยายามครับ

ขอให้คนที่ป่วยเป็นโรคนี้หายไวๆกันทุกคนนะครับ

ผมก็เป็นเหมือนกันครับคือ ชอบทำอะไรที่ซ้ำๆจนทำให้ผมรำคานใจอย่างมากผมเคยคิดที่จะเลิกคิดในสิ่งนั้นหลายวิธีมากแต่มันก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลย คือยังไงมันต้องทำในสิ่งนั้นให้ได้ เช่น ตอนเริ่มแรกนั้นผมทำอะไรแล้วก็ชอบนับ 1 ถึง 4 ทุกครั้ง ถ้าไม่ทำจะรำคานอย่างมาก ผมทำจนชิน กลายเป็นว่าถ้าไม่ทำนั้นจะอยู่ไม่สุข คิดแต่จะทำในเรื่องนั้นตลอด ต่อมาเมื่อผมเลิกนับ 1 ถึง 4 ได้สำเร็จก็เปลี่ยนไปเป็นการทำอย่างอื่น เช่น การล๊อกกลอนประตู ซ้ำๆ ต้นเหตุคือวิตกว่าโจรจะเข้าบ้าน จึงคิดว่าฉันต้องลุกไปล๊อกกลอนนะ เพราะฉันไม่มั่นใจว่าฉันล็อกแล้วหรือยัง ผมควรทำไงครับ

ผมมีอาการย้ำคิด ครับเป็นอย่างแรง ชอบคิดซ้ำๆ คิดมากก บางทีคิดจนปวดหัวแล้วนอนไม่หลับเลยครับ ทรมาณมากก หมอให้ยา abilify มา side effect เยอะแยะเลยครับ แล้วมันมีอาการอาเจียน ด้วยความที่ย้ำคิดเป็นพื้นฐานอยู่แล้วกินไม่ได้เลยครับ

อาเจียนหมด ทรมาณสุดดเลย

เราเป็นอาการกลัวความสกปรก คือเมื่อก่อนเป็นคนซกมกมาก และม่ายน่าเชื่อฉันเคยว่าน้องชายที่จะทำอะไรต้องจัดอยู่เป็นเวลานานมาก ตอนนี้ฉันเป็นยิ่งกว่า ฉันล้างมือวันละหลายสิบครั้ง จนตอนนี้ล้างมือแทบไม่ได้ นิ้วอักเสบแล้ว และก็เป็นแผล เลือดไหลด้วย ไม่คิดว่าว่ามันจะร้ายแรงขนาดนี้ ฉันอยากหายจากอาการย้ำคิดย้ำทำเสียที

โรคย้ำคิดย้ำทำ หาหมอที่ศูนย์สุขภาพจิตเด็กและเยาวชนติดองค์การเภสัชกรรมตรงข้ามโรงพยาบาลรามา ค่ายาอย่างดีรวมค่ารักษาเริ่มต้นประมาณ 1,600 บาทแต่ถ้ายาธรรมดาจะถูกกว่านี้ หรือตรวจตามโรงพยาบาลใหญ่ๆแผนกจิตเวช

ผมเป็นโรคนี้เหมือนกัน เชื่อมะผมเกือบจะฆ่าตัวตายเพราะโรคนี้ด้วยซ้ำ เพราะผมย้ำคิดย้ำทำเกือบทุกๆเรื่อง และกังวลในทุกๆเรื่องในชีวิต มันรู้สึกรำคาญมากนะ และก็อยากจะหยุดอาการแบบนี้ อยากจะไปหาหมอนะ แต่ไม่รู้ว่ามันจะช่วยได้จริงๆอะป่าว ใครมีอะไรอยากจะเล่าอะไรหรือให้คำแนะนำ [email protected] ครับ

ผมไม่รู้ว่าเป็นโรคนี้หรือเปล่าครับ คือ ผมกลัวที่แคบ มืด แออัดครับ พอรู้สึกว่าอยู่ในที่ๆปิด เช่น โรงหนัง ห้าง ในรถปรับอากาศ รถตู้ยิ่งน่ากัว แท๊กซี่ยังเคยไห้เขาจอดกลางทางเลยครับ เมื่อความรู้สึกนั้นมา หน้าจะมืด เหงือที่มือ จะออก ตัวเย็น

หรือแค่มีคนพูดประมาณว่า สมมติ นะครับ อยู่ในออฟฟิต เอ้าไฟตก/แอร์ดับ อะไรประมาณนี้ นะครับ อาการก็จะมา ผมจะกระวนกระวาย อยากออกจากจุดนั้น เพื่อ ไห้ได้มองเห็นหรือ สูดอากาศ ที่โล่งๆครับ ใครพอรู้ ช่วยแนะทีครับ ไม่รู้จะทำยังไง

สาเหตุ--เมื่อก่อนก็ไม่มีอาการกระวนกระวายหรือหน้ามืดแค่กลัว ที่คิดว่าเป็นสาเหตุจริงๆ คือ ผมไป เที่ยว ตจว.นั่งรถ ปอ.2 คือไม่มีห้องน้ำในตัว วันนั้นหยุดยาวคนเลเดินทางกันจนเบียด ทั้งยืนทั้งนั่ง คนรถก็พยามเปิดแอร์แรงๆ แต่มันก็ยังไม่ค่อยจะทั่วถึง ทีนี้ผมาถึงกลางทางแอร์ตัวนึงเสียรถถจอกเพื่อลงไปดู เขาก็ไม่ยอมเปิดไห้ลงอากาศเริ่มร้อนผมก็อึดอัดคนก็เบียด แค่นั้นแหละหลับ พอซ่อมเสร็จผมขอลงกลางทาง ตัวงี้ซีดขาวยังกะผีดิบ แข่งขาไม่มีแรงเลย ต้องต่อรถที่เป็นรถร้อนกว่าจะถึงก็มืดค่ำ จากนั้นมา กลับมากรุงเทพก็ ขึ้นรถ ปอ. ไม่ได้เลยครับ

ใครพอรู้ช่วยทีครับผม

โรคนี้ไม่น่ากลัวแต่ก้องงตัวเองบ่อยๆๆ เหมือนกันบางครั้งปิดลูกกุญแจบ้านแล้ว

ก็จะขึ้นรถต้องกลับไปดูลูกกุญแจอีกครั้งว่าปิดบ้านหรือยังอะไรทำนองเนี่้ย

หรือบ้างทีทำงานเสร็จแล้วตรวจเสร็จแล้วกลัวว่าจะไมุ่ถูกต้องกลับมานับใหม่อีก

ใครมีวิธีทีจะไม่ย้ำคิดย้ำทำอีกก้อบอกกันนะค่ะ

ผมมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว คือ Bipolar Disorder ซึ่งแน่นอน ทรมาณสุดๆ

โรคนี้เกิดจาก อาการซึมเศร้า + คึกคะนองคุมไม่ได้ + ย้ำคิดย้ำทำ เป็นต้น

พูดตามตรง ท้อมาก เพราะฉะนั้นผมไม่อยากให้ทุกตนอ่อนแอ อยากให้สู้กับมัน

ตอนนี้ผมต้องการกำลังใจมากๆเลยครับ...

เป็น ocd มาตั้งแต่อายุ 20 ค่ะ และเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ

เพิ่งมารักษาเมื่อสามปีที่แล้วนี่เอง

คุณหมอให้ทาง Zoloft ค่ะ ทานไปหกเดือน อาการก็ดีขึ้นมาก

พอทานไปหนึ่งปี ก็ไม่นับอะไรอีกเลย ชีวิตมีความสุขมาก

นอกจาก OCD หายแล้ว ยังสามารถออกไปเที่ยวข้างนอก หรือไปไหนมาไหนคนเดียวได้ ทั้งที่แต่ก่อนจะไม่กล้าเรย

ทานยามาตลอดค่ะ พออาการทรงได้ปีนึง คุณหมอก้อลดยาให้

แต่พอลดไปหกเดือน อาการกลับมาอีก ตอนนี้ก้อต้องเริ่มต้นใหม่ค่ะ

ไม่ได้เป็นหมอ...

ขออนุญาตเจ้าของบันทึก ขออนุญาตให้ความเห็น...

วิธีง่ายๆ ที่เคยใช้อยู่..  คือ ให้จดสิ่งที่ต้องทำในชีวิตประจำวัน  เพราะในชีวิตประจำวันย่อมมีสิ่งที่อาจต้องทำซ้ำๆ กันทุกวัน จนเป็นอัตโนมัติ  และ สิ่งที่ต้องทำ หรืออาจต้องทำ เป็นครั้งคราว  แล้วจดรายการไว้ก่อน..  ทุกครั้งที่ทำแล้วก็ทำเครื่องหมายไว้  พอไม่แน่ใจว่าได้ทำหรือยัง ก็เอาที่จดไว้มาดู...

เช่น  จำได้ว่าสมัยก่อน เวลาจะออกจากบ้านพัก... ชอบลืมปิดแอร์ ปิดพัดลม...  บางครั้งก็ลืมกุญแจไว้ในห้องแล้วออกจากห้องไป ทำให้เข้าห้องไม่ได้...  ตอนที่เริ่มขับรถใหม่ๆ ก็ชอบลืมกดล็อกประตูรถ...  ก็จะจดรายการเหล่านี้ไว้ในกระดาษ  พอจะก้าวเท้าออกจากห้องพัก ก็ตรวจรายการครั้งหนึ่ง...  พอจะสตาร์ทรถ ก็ตรวจรายการอีกครั้งหนึ่ง... จะก็ทำให้ลดความกังวลใจได้  ระหว่างวันก็จดสิ่งใหม่ที่ต้องทำไว้อีก...  พอนานๆ เข้า สิ่งที่เราเคยทำซ้ำๆ ก็จะเคยชินเป็นอัตโนมัติ โดยไม่ต้องจดรายการ..  เหลือแต่สิ่งใหม่ๆ ที่ยังต้องจดเป็นคราวๆ

เชื่อว่า วิธีนี้ อาจช่วยให้ลดความกังวลใจลงได้บ้าง... 

ผมก็เป็นครับ โรคนี้ตอนเป็นทรมานมาก ผมเคยคิดอยากตายบ่อยมากๆ ผมล้างมือจนมือผมลอก ผิวหนังออกเป็นขุยๆ ผมนั่งจมกับความทุกข์ทรมาน ไม่เปิดไฟ ไม่ฟังใคร ผิดกั้นตัวเองไว้กับความกลัว ต้องดรอปเรียน ไป1+1เทอม (เทอม2กับซัมเมอร์เทอม)คนรอบข้างบางคนก็เหมือนรังเกียจผม มองผมเป็นตัวประหลาด เพื่อนจากที่เคยสนิทบางคนก็เหมือนเค้าวางตัวกับผมไม่ถูกเลยไม่ค่อยอยากมาหาผม เพราะผมกลัว HIV จนขึ้นสมอง ออกจากบ้านก็ลำบากมากๆ เจอคนตัวเป้นตุ่มทีผมลงรถนั่งแท๊กซี่กลับบ้านมาอาบน้ำ สาเหตุจากเท่าที่ปรึกษามา เป็นเพราะตอนเด็กๆผมมีคนที่ผมรักและเคารพมากๆ เป็นโรคHIVตาย2คน ทำให้ผมกระเทือนใจมากๆๆ แต่จากวันนั้นผมก็ผ่านมา ประมาณ4-5เดือนละครับ หลังจากไปพบจิตแพทย์และก็ counsellor ทุกอย่างดีขึ้นตามลำดับ ผมไม่ต้องมานั่งจัดอะไร ล้างมือบ่อยๆเท่าเดิม แต่ก็ยังมีกังวลบ้างเวลาเจอคนตัวเป็นตุ่มก็ยังเกร็งๆ แต่ก็สามารถอยู่ใกล้ได้ถ้าไม่แบบเหวอะน่ากลัวอะไรมาก แล้วก็ต้องทานยาไปอีก1ถึง2ปีประมาณนี้อะครับ เท่าที่หมอบอก

ใครที่ป่วยเป็นโรคนี้ ถ้าอยากได้กำลังใจแอดเมลมาหาผมได้นะครับ หรือถ้ามีอะไรที่ผมช่วยได้ก็ยินดีที่จะช่วยนะครับ

[email protected]

เราโดนผู้ชายหลอกแล้วก็มักจะคิดซ้ำๆเสมอว่าผู้ชายคนนั้นเลวเมื่อไหร่ที่คิดถึงเค้าก็มักจะมีคำว่าเลวติดตามมาเสมอเราเป็นโรคย้ำคิดใช่มั๊ยหรือคนที่เพิ่งเจอเรื่องเศร้าๆมาจะเป็นแบบนี้ทุกคนหรึป่าวใครรู้ช่วยตอบเราที

อย่าคิดมากครับ ผมก็เป็น แต่ก็คิดนะว่ามันเป็นปมด้อยบวกพรสวรรค์ เคยสังเกตไหมครับว่า เราไม่เคยลืมหรือพลาดอะไร อย่างเช่นทำของหายเลย ทำปมด้อยให้เป็นปมเด่นสิครับยังมีวิธีแก้ครับ ถึงผมจะไม่หายขาด แต่ก้อทุเลาลงมาก ยิ่งช่วงนี้เข้าพรรษา ก็คือ นั่งสมาธิครับ ก่อนไปทำงานทุกวัน ผมนั่งแล้วกำหนดลมหายใจแล้วเริ่มคิดถึงอดีต เรื่องอะไรก็ได้ ทั้งดีและไม่ดี แล้วหายใจเข้าคิดว่า ปล่อย หายใจออก คิดว่า วาง ต่อมาก็ ปัจจุบัน และอนาคต ตามลำดับครับ และก็ มาคิดว่าเสื้อผ้าไม่ใช่ของเรา เงินทองไม่ใช่ของเรา แม้กระทั่ง ร่างกายที่คิดว่าของเรายังไม่ใช่ของเรา ตายไปเอาไปไม่ได้หรอกครับ และคิดอย่างนี้ทุกครั้งที่อาการเกิดขึ้น คิดเลยครับว่า สิ่งที่เราย้ำคิดอยู่นั้นเวลาตายเราเอาไปไม่ได้แน่นอน ปล่อยวางมันเถอะครับ คิดได้อย่างนี้แล้วทุเลาลงแน่นอน ถ้ายังไม่พอให้พิจารณาดูว่าสิ่งที่เราย้ำอยู่นั้น สำคัญไฉน ยกตัวอย่างเช่น เราย้ำอยู่ว่าเราล้างมือรึยัง เราคิดเลยครับว่า สมมุติว่าไม่ล้างหรือลืมล้างแล้วตายไหม คนอื่นเค้าก็ไม่ล้างบ่อยหนิ เมื่อพิจารณาแล้วว่าไม่ตายสักหน่อยก็เลิกทำสิ บอกตัวเองอย่างนี้ครับ วิธีข้างบนที่บอกก็ดีครับ จดไว้แล้วติ๊กดูแต่มีข้อเสียครับ หากทำไปนานๆจะกลายเป็นส่วนหนึ่งในการย้ำคิดครับ ติ๊กแล้วก็มาติ๊กอีกซ้ำไปมา ไม่ดีแน่ ไงก็ปรึกษากันได้ครับ [email protected] หายกันถ้วนหน้านะครับ

เป็นเหมือนกันค่ะเครียดมากเลย

แต่ทำอะไรไม่ได้ค่ะ รู้สึกว่าบาปมากเลยค่ะ

พยายามจะไม่คิดแล้วแต่พอเจอก็คิดอีกค่ะ

และรู้สึกอารมณ์ร้อนมากเลยค่ะ คิดจนปวดหัวค่ะ

พยายามเลิกยิ่งเลิกยิ่งปวดหัว

เหมือนเป็นคนที่เลวมากเลยค่ะ

เพราะชอบคิดแต่ทางไม่ดี

อยากทราบที่รักษาที่ดีๆค่ะ

คุณความคิดที่ 46ครับ แล้วไม่ทราบว่าคุณไปพบหมอหรือยังครับ

ถ้ามีอะไรให้ช่วยหรือต้องการพูดคุย ระบาย ต้องการกำลังใจติดต่อมาได้ [email protected]

ผมต้องการช่วยคนที่เป็นแบบเราๆเพราะเข้าใจว่ามันแย่แค่ไหนครับ

อ่านๆดูแล้ว ดูเหมือนกุก้เปง กำ... _ _""

หนูเป็นแบบ ค. 9 ค่ะ หนูเป็นมาตั้งแต่ ม 2 แล้ว ตอนนี้หนู ม 5 แล้ว

หนูไม่กล้าบอกใครเลย แต่หนูทรมานมากๆ ทรมานจนอยากไปเกิดใหม่เลย

หนูร้องไห้ทุกวัน เพราะหนูด่าทุกๆอย่าง ลืมได้แค่ ห้านาที -สิบนาที ก็กลับมาคิดอีก

ทำให้วันๆนึง หนูหมกมุ่นอยุ่กับการขอโทษซ้ำแล้วซ้ำเล่า

เหมือนพูดอยู่คนเดียวอะค่ะ

ใครมาเห็นก็ต้องว่าหนุเป็นโรคจิต แต่หนุไม่ได้เป็น

หนูอยากจะหยุดค่ะ

แต่ถ้าไม่ได้ขอโทษ หนูกลัวค่ะ กลัวมากๆ กลัวว่าจะมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น

คิดแต่แง่งบ ด่าทอสิ่งต่างๆที่เคารพ

ทั้งที่หนูไม่อยากทำแบบนั้น ทำไมค่ะ ทำไมหนูต้องเป็นแบบนี้ หนูไม่เข้าใจ

บางทีหนูก็คิดอยากฆ่าตัวตาย เพราะหนูเหนื่อยค่ะ

บางรอบหนูพูดว่า หนูขอโทษเป็นร้องครั้ง วันต่อมาหนุต้องไปหาหมอ เพราะคอเจ็บ

มันเป็นอะไรที่ทรมานมากๆ หนูอิจฉาเพื่อนของหนู อิจฉาทุกคนที่ไม่เป็นแบบหนู

หนูยอมล้างมือวันละร้อยรอบ ดีกว่าเป็นแบบนี้ค่ะ

หนูไม่มีความสุขเลย ช่วยด้วยค่ะ

ลูกสาวพี่ก็เป็นค่ะ เครียดมากเลยเขาจะดึงผม จนหัวล้านเป็นจุดกว้างมาก เขาอายุสิบสองปีแล้วเป็นมาตั้งแต่เรียนอยู่ป.3 ตอนนี้อยู่ม.1แล้ว สงสารก็สงสาร ตีก็แล้ว ปลอบก็แล้วหาหมอทางจิตเวชก็ไม่หายทั้งให้ยามากินก็ไม่หาย ทั้งจะให้รางวัลว่าถ้าหนูมาหาหมอเวลานัดครั้งหน้าถ้าหนูไม่ดึงผม ได้ผลบ้างไม่ไม่ได้ผลบ้าง แล้วก็ดึงผมอีก บางทีดึงมากกว่าเก่าจนหมอยอมแพ้ เปลี่ยนหมอก็แล้วก็รักษาไม่ได้ผล กินยาจนอ้วนฉุคือผลข้างเคียงที่หมอให้ยามากิน ทั้งบนบานศาลกล่าว พระที่ไหนว่าศักดิ์สิทธิ์ เจ้าพ่อเจ้าแม่ ที่ไหนที่ว่าแน่ พี่ไปบนมาหมดแล้วไม่เคยได้เสียเงินซื้อของไปแก้บนเลยซักที่( เวลาเขาดึงผมล้านเป็นกระจุก เราต่อว่าเขาว่าดึงผมอีกแล้วเขาก็จะเถียงว่าไม่ได้ดึงเถียงคอเป็นเอ็นว่าไม่ได้ทำทั้งๆที่หัวล้านเห็นชัดๆ)หมอคนไหนเก่งๆช่วยพี่หน่อยหรือใครที่รู้จักหมอหรือวิธีรักษาช่วยหน่อยค่ะ พี่จะตายก่อนลูกแล้วค่ะ เขาเป็นเด็กชอบคุยสนุกชอบเต้นชอบร้องเพลงเสียอย่างเดียวนี่แหละที่รักษาไม่หาย

สาเหตุอาการมาจากเริ่มต้นจากการถือเคล็ดคิดเองจินตนาการเองว่าแบบนี้ต้องอย่างนี้เป็นความเชื่อเองแต่ก็ไม่ไช่

ถึงคุณความเห็นที่ 49 คับ ผมเคยเป็นหนักเท่าคุณ และมีอาการกลัวเหมือนคุณ ต้องพูดขอโทษตลอดเวลา

ผมเคยหายขาดไปสักพักหลังได้พบกับหมอ ตอนนี้ผมกลับมามีอาการบ้าง

ผมแนะนำให้ปรึกษาครอบครัวครับ แล้วไปพบหมอ ผมมั่นใจว่าชีวิตคุณจะดีขึ้นไม่มากก็น้อยคับ

ผมมีอาการคล้าย หรืออาจจะเป็นเหมือนกับคุณเลยก็ว่าได้ครับ email มาคุยนะคับ อย่างน้อยคุณก็จะได้รู้ว่า

ไม่ได้มีแค่คุณคนเดียวที่เป็นอย่างนั้น ผมก็เป็นเหมือนกันคับ ต้องพูดขอโทษกับตัวเองตลอดเวลา

ผมเองก็ไม่กล้าบอกครอบครัวในตอนแรก ด้วยเหตุผลหลายๆประการ คิดว่าคุณคงคิดเหมือนกัน

ผมมีอาการในวัยใกล้เคียงกับคุณ แต่ตอนนี้ผมทำงานแล้ว สิ่งสำคัญที่จะช่วยได้เยอะคือเพื่อน และครอบครัวคับ

ผมแนะนำให้บอกครอบครัวคับ การที่ผมกล้าบอกพ่อและแม่ของผมมันทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไปเยอะมาก

ผมยืนมาถึงทุกวันนี้ได้ก็เพราะท่าน สู้ๆคับ การทำอะไรที่ไม่เคยทำครั้งแรกสำหรับพวกเรา

มันยากกว่าคนอื่นมากๆ แต่ขอให้ได้ทำคับ

ยังไงก็้ email มาคุยกันนะคับ คุณไม่ได้อยู่และเป็นเช่นนั้นคนเดียวคับ [email protected]

คุณยังอายุน้อยคับ อย่าไปกลัว พลังชีวิตคนเรามันมากกว่าที่คิดเยอะคับ

ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนคับ

[email protected]

ฟังทางนี้ ตอนแรกผมไม่รู้ ตั้งแต่อายุ16 จากน้อยๆ จนมากขึ้นเรื่อยๆ เป็นมาจนอายุ29 อาการคือ นั่งอยู่กับที่และคิดๆๆๆๆ โดยเริ่มจากมีอาการโน่นนี่นั่นก่อน แล้วก็หาทางแก้โดยความคิดอีกที ซึ่งซับซ้อน และเหนื่อยมาก ถ้าคิดได้ไม่ลงพอดีจังหวะก็จะต้องคิดใหม่ ไม่งั้นรู้สึกแก้ไม่ได้ ตอนแรกย้ำทำโดยการกระทำก่อน แล้วเริ่มมีปัญหาการเข้าสังคมหนักขึ้นเลยต้องเปลี่ยนมาย้ำทำในใจ อายุ29เป็นหนัก นั่งคิดทั้งวันไม่ได้ทำอย่างอื่นเลย สุดท้ายไปหาหมอ ร.พ รามาฯ แผนกจิตเวช หมอให้ทานยา ปวดหัวมาก กินไปได้3วัน หยุดยา และนั่งสมาธิ นั่งสมาธิ และนั่งสมาธิ ฝืน ฝืน ฝืน และฝืน อาทิตย์เดียวดีขึ้นเยอะอาการทุกอย่างเริ่มควบคุมได้ หรือเป็นก็ไม่มากนิดๆหน่อยๆ พออยากจะหยุดก็หยุดได้เลย และพูดกับตัวเองเสมอว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง จนตอนนี้ผมอายุ33แล้ว ก็เรียกว่าหายแล้วก็ว่าได้เพราะจากอาทิตย์นั้นที่นั่งสมาธิและฝืน มันก็หยุดทุกอย่างได้จากวันนั้นจนวันนี้ ถึงมีคิดขึ้นมาบ้างก็ควบคุมได้แล้ว บางทีก็ห่างเป็นเดือนคือลืมไปเลยว่าเคยเป็น ลองดูครับแก้ได้ด้วยใจตัวเอง และอย่าลืมข้อสำคัญนะครับว่า "มันไม่ใช่เรื่องจริง"

ดิฉันเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเช่นเดียวกันค่ะ คือจะคอยคิดอยู่เสมอว่าปิดน้ำที่บ้านไม่สนิท แล้วก็จะคิดว่าน้ำจะพุ่งออกจากก๊อกแบบแรงๆพุ่งไม่หยุด แล้วจะทำให้เสียค่าน้ำหลายบาท พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดค่ะแต่ไม่สำเร็จ ทุกวันก่อนเข้านอนในแต่ละคืน ไม่เว้นแม้

นอนกลางวันก็ตาม จะต้องไปตรวจดูก๊อกน้ำทุกก๊อกในบ้าน แบบจ้องตาไม่กระพริบนานๆ ในแต่ละก๊อก ใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมงในแต่ละวัน นี่ไม่นับนอนกลางวันนะค่ะ ก็ต้องไปตรวจดูก๊อกก่อนเข้านอนกลางวันเหมือนกัน ทรมานมาก.......

บางครั้งก็ต้องตัดใจให้สามีช่วยดูน้ำและมารายงานให้เราค่ะ ว่า "ปิดก๊อกน้ำทุกก๊อกในบ้านแล้ว ไม่มีก๊อกไหนเปิดทิ้งไว้จนน้ำพุ่งออกมาเลยซักก๊อก" เป็นโรคประสาทมากค่ะ ทรมานจริงๆๆๆๆๆ บางครั้งสามีก็รำคาญเราด้วย

อาการของดิฉันเริ่มเป็นมาเมื่อประมาณอายุ 22 ปีค่ะ (ปัจจุบันอายุ 34 ปีแล้ว) คือตอนอายุ 22 ปีนั้น ก๊อกน้ำที่บ้านหักค่ะ

น้ำพุ่งออกมาแบบไม่หยุดเลย และตอนนั้นนอนหลับไม่รู้ตัวค่ะ ตื่นมาอีกทีน้ำนองพื้นห้องน้ำเต็ม ก็เลยฝังใจตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา

ก็เป็นๆ หายๆ แต่มาหนักตอนอายุ 34 นี่หละค่ะ และก็ตอนอายุ 30-31 ปี ก็มีอยู่ช่วงหนึ่ง คิดว่าตัวเองมือสกปรกเหนียวตลอดเวลา

ก็ล้างมือ เช็ดมือตลอดเวลาค่ะ สะสมมาเรื่อยๆ โรคประสาท

พยายามหักห้ามใจไม่ให้คิดไม่ให้เดินไปดูก๊อกน้ำ ก็ทำไม่ได้ค่ะ มันนอนไม่หลับ ได้อ่าน website นี้ก็จะลองไปหาหมอซักทีค่ะ

เผื่อจะช่วยได้บ้าง ทรมานมากค่ะ ในแต่ละวัน

หนูก็เป็นเหมือนกันคะ

แต่ไม่ได้เป็นเกี่ยวกับการรักษาความสะอาด แต่จะเป็นทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ไม่ทราบว่ามีใครพอจะเป็นเหมือนกันบ้างไม๊

คือทุกวันนี้งานที่ทำอยู่จะต้องเกี่ยวข้องกับตัวเลขตลอดเวลา เกี่ยวกับdemandของลูกค้า แล้ววันๆนึงหนูจะต้องตรวจorderของลูกค้าใบละไม่ตำกว่า10รอบ เป็นอยู่อย่างนี้ทุกๆวัน ทั้งๆที่เห็นอยู่กับตาว่าตัวเลขมันถูกต้องแล้ว แต่ก็ไม่เชื่อจะคิดว่าตาลายรึเปล่า เลยต้องตรวจใหม่อยู่อย่างนี้ ทรมานมาก งานอื่นที่ได้รับมอบหมายจะloadตลอดเวลา เพราะต้องมาทำงานพวกนี้ซ้ำๆ จนตอนนี้ทนไม่ไหวคะ ต้องลาออกจากงานที่ทำอยู่เลย เพราะเครียดมาก และคิดว่าจะไปหาหมอ ไม่ทราบว่ามีหมอที่ไหนแนะนำบ้างไม๊คะ นอกจากนี้ยังมีฑฤติกรรมการตั้งนาฬิการปลุกในโทรศัพท์มือถือที่คืนๆนึงจะตั้งเป้น 20-30 รอบ ต้องจ้องมือถือจนน้ำตาไหลถึงจะวางใจได้ ไม่ณุ้วิธีแก้เหมือนกันคะ T_T

วิธีที่พวกคุณๆกล่าวมาหนูลองมาเกือบหมดแล้วคะแต่ก็ยังหยุดพฤติกรรมแบบนี้ไม่ได้ ตอนนี้เสียงานไปแล้ว เลยกลัวว่าวันข้างหน้าจะต้องเสียทุกๆอย่างไป.......แนะนำด้วยคะ

ออกกำลังกายครับ หายชัว...................

ออกกำลังกายต้องทำทุกวันไหม

ถึงน้องเด็กเศร้า (55)  หนูต้องไปหาคุณหมอเเล้วทำตามคำเเนะนำของหมอนะจ๊ะ  มีคนที่เป็นมากกว่าหนูอีก  หนูต้องมีกำลังใจนะ  โรคเเบบนี้เกิดมาจากความคิด เป็นความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจคิด  เเต่พอมันคิดเเล้วมันมีอาการมันทำให้เราทุกข์  พอทุกข์เราก็อยากควบคุมอยากห้ามหรือไม่อยากให้มันเกิดอีก เเต่ทว่ายิ่งห้ามหรือควบคุมไม่อยากให้มันเกิดมากเท่าไหร่มันก็ยิ่งจะเป็นมากขึ้น  ทางที่ดีนอกจากการทำตามคำเเนะนำของหมอเเล้ว หนูลองหันมาสนใจธรรมมะให้เป็นที่พึ่งของตัวเอง  โดยเริ่มจากการฝึกสติดูก็ได้นะ                                                                        

                                                                                      เป็นกำลังใจให้จ๊ะ

เปนเหมือนกานค่ะ...ย้ำทำ...ทำแล้วทำอีกทำทุกๆๆอย่างซ้ำๆๆๆจนรู้สึกหรือคิดว่ามันเสร็จสมบูนถึงจะเลิกทำ จนบางครั้งต้องกำหนดครั้งที่ทำ พอทำถึงกำหนดก้หยุดทำด้วยการตัดใจ...และก้พูดออกเสียงหรือสั่งตัวเองว่าพอ ไม่ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทรมานมากค่ะ เหมือนคนเปนบ้า บางครั้งทำๆๆแล้วมันหยุดไม่ได้จิงๆๆก้เปลี่ยนลักษณะการทำ เช่นเเปรงฟันปัดจากล่างไปบนก็จะเปลี่ยนเปนบนไปล่างมันก้จะเลิกทำ เหนื่อยๆๆๆเสียเวลามากๆๆด้วย มันไม่ได้ย้ำทำอย่างใดอย่างหนึ่ง...แต่มันย้ำซะทุกอย่าง ตอนเช้าก่อนไปเรียนก้ต้องเผื่อเวลา3ช.ม สำหรับอาบน้ำแต่งตัว เพิ่งเปนอ่ะ20พอดีเยย ท้อออออออออออออมาก... เปนกำลังใจให้ทุกคนสู้ๆๆนะคะ

คือว่าเราก็เป็น จวนี้อายุ16ละ ไม่รู้ว่าภายภาคหน้าจะเป็นยังไง เราคิดตลอดว่า กลัวบนไม่ได้ตั้งใจ คือว่า เราคิดมาตลอดว่า ว่าที่เรามีชีวิตแบบนี้มันเกี่ยวกับการบนหรือเปล่า มีทั้งๆที่เราก็รู้ว่าไม่ได้บน เราต้องพูดกับตัวเองหลายๆครั้ง เกี่ยวกับความตาย อะไรแบบนี้ พอเจอศาลก็ต้องพูดว่าไม่ได้ตั้งใจบน ทั้งๆที่เราก็รู้ว่าเราคิดมากๆ จนเราไม่กล้าพูดกับใครเกี่ยวกับเรื่องนี้ พอเจอศาลก็กลัว กลัวจนจะบ้า กลัวเผลอบน กลัวมาก จนตอนนี้ ไม่กล้าเดินผ่านศาล เจอทุกๆที่ต้องไหว้ เรียนก็คิดแต่เรื่องนี้ แต่เราก็รู้ตัวเองว่าเราไม่ได้ตั้งใจบนไม่ได้ตั้งใจคิด แม้แต่นิดเดียว

ผมก็เป็นคนหนึ่งครับที่เข้าข่ายโรคนี้....โรคย้ำคิดย้ำทำ เกลียดมันมากขอระบาย....ผมลองไตร่ตรองแล้วคือผมคงกังวลมากไปกับทุกคนรอบข้างหรือสิ่งต่างๆ อึดอัดมากที่ต้องกลัวที่ต้องขอโทษกับสิ่งที่ได้คิดไป...ขอให้ทุกคนต่อสู้น่ะครับเป็นกำลังใจให้.และผมก็ขอขอบคุณมากที่มีเว็บนี้และก็มีคนที่เป็นอย่างผมที่ให้กำลังใจกัน.ผมได้พยายามที่จะหยุดมันแต่ก็ไม่ประสบผลซักที...

ต่อไปนี้ ผมจะเลิกกลัวสิ่งที่ผมคิดว่าผมได้ทำผิดหรือคิดผิดต่อครอบครัวหรือทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำให้ผมกลัวและกังวล เพราะอะไรรู้ไหม สิ่งตางๆเหล่านี้มีแค่เราคนเดียวเท่านั้นที่รู้เเละคิดกลัวมัน....ทุกสิ่งแค่เข้ามาในสมองเราแค่ความคิดเทานั้น ผมคิดว่าคงจะหยุดมันได้...จงคิดว่ามันไม่มีจริง...ทุกคนจงโชคดีครับ.ผมจะลองต่อต้านมันอีกสักตั้งเพราะผมเข้าใจทุกคนที่เป็น.ได้ผลยังไงจะเลาให้ฟังอีกที....มีสองสิ่งที่ทำให้เราเป็นเยี่ยงนี้ คือ กังวล และ กลัว ฉะนั้นเราจะทำลายมันและทำลายมันให้สิ้นซากที่มันทำลายการใช้ชีวิตประจำวันของเรา....สู้น่ะครับ [email protected] ระบายมันออกมาให้ผมฟังได้ครับ.

มีคนรู้จักเป็นคนที่ชอบดูหมอดูดวงมากๆ แล้วเชื่อเรื่องผีสางเทวดาเข้าเส้น แบบว่าทุกลมหายใจเข้าออกเป็นเจ้าเทวดาไปซะหมด ไปดูมาเมื่อวันก่อนว่าดีแล้ว ก็ยังไม่เชื่อต้องไปดูอีกหลายที่ ดูแล้วดูเล่า บ้านช่องนี่ย้ายแทบจะทุกมุมทุกซอก ทุบตรงนั้น ต่อเติมตรงนี้ ขุดตรงโน้น กั้นตรงนี้ แบบว่าแทบทุกวัน ประมาณว่าเทวดาไม่พอใจ ต้องทำ ไม่ทำคนในบ้านจะเป็นโรคบ้างอะไรบ้าง ขัดสนเงินทอง แต่ที่เสียไปกับเรื่องดังกล่าว เป็นเงินหลักล้าน แต่เช้านี้ยังไม่รู้กินอะไรให้สุขภาพร่างกายแข็งแรง ต้องดูแลรักษาสุขภาพอย่างไรให้ไม่ป่วย และอื่นๆอีกมากมายที่ไม่ได้สนใจตัวเองและคนรอบข้าง แบบนี้จะต้องทำอย่างไร ให้เค้ารู้ว่า อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด เราดูแลเอาใจใส่คนในครอบครัวดีแล้วหรือยัง ออมเงินหรือใช้จ่ายอย่างประหยัด ลงทุนอย่างรอบคอบ ช่วยหน่อยคับ เพราะคิดว่าทำงานเก็บเงินมาเท่าไหร่ก็ไม่เหลือ ขอบคุณครับ

ดิฉันก็เป็นคนหนึ่งค่ะที่มีอาการดังกล่าว คือ ชอบคิดเรื่องอะไรซ้ำๆ กันวันละหลาย ๆ รอบและเป็นเช่นนี้มาเมื่อตนเองได้เข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง ดิฉันจะเป็นอาการแบบนี้อีกครั้งในตอนที่อาบน้ำหรือทำอะไรทุกอย่างต้องตกเป็นต้วเลขที่คิดว่าเป็นสิริมงคลแก่ตนเองเช่น การอาบน้ำต้องอาบให้ครบ 9 ขันก่อนถูสบู่เป็นต้น เวลาไปวัดแล้วเจอพระสงฆ์ที่ตนรู้จักก็ดีไม่รู้จักก็ดี ก็จะทัศนคติลบเกิดขึ้นกับท่านเหล่านั้นเสมอ ๆ แม้ว่าจะมีจิตใจส่วนหนึ่งค้านว่าไม่ควรคิดเช่นน้นก็ตาม เวลาอยู่บ้านหรือที่ทำงานไปเยี่ยมคนป่วยที่โรงพยาบาลก็จะล้างมือบ่อย(ควรทำนะสำหรับปัจจุบัน)แต่ก็บ่อยมาก ๆ จนตนเองก็รู้สึกว่าต้องตั้งคำถามกับตนเองว่าทำไม และอยากให้อาการดังกล่าวทุเลาเบาบางลงบ้างค่ะ

มีอาการย้ำคิดย้ำทำจนจะทำงานไม่ไหวแล้วค่ะ ทั้งชีวิตประจำวัน ความสกปรก กังวลเกี่ยวกับคราบเลือด กลัวเชื้อ HIV มีความคิดไม่สมเหคุ สมผล หลายอย่างแต่อดคิดไม่ได้ค่ะ ทรมานร้องไห้แทบทุกวัน เหนื่อยจังยาก็กินไม่ได้ค่ะ ตั้งครรภ์อยู่ด้วย ทำไงดี ฮือๆๆๆ

เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ สู้ๆๆๆ ค่ะ หากเราท้อถอย โรคนี้จะไม่ปรานีเราเลยกลับยิ่งซ้ำเติมให้เป็นมากขึ้นกว่าเดิม เราทำอะไรไม่ได้นอกจากทำใจ ว่า มันไม่ใช่เรื่องจริง เราคิดไปเองแล้วก็ทุกข์ไปเอง โรคนี้จะไม่สามารถทำอะไรเราได้หากเราไม่ยอม ตามความคิดนั้น (ทำได้ยาก ก็ต้องพยายาม ได้บ้างไม่ได้บ้างดีกว่าไม่ลองฝืน )การทำสติบางครั้งก็ช่วยได้บ้างนะ แต่หากในบางเรื่องการใช้สติอาจไม่ทันหากเราไม่สามารถรับรู้ได้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือเราคิดไปเอง ทางเดียวที่เป็นไปได้คือ เริ่มรู้ว่าจะคิดไม่ดีให้เบนความสนใจเป็นการทำอย่างอื่นอยู่กับปัจจุบันให้ได้อดีตคืออดีต หากเผลอคิดไปแล้วและกังวลไป เราก็ต้องทำใจให้ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง หรือหากเป็นจริงเราก็ต้องยอมรับได้ เราก็เป็นเหมือนกันนะโรคนี้ ตอนนี้พยายามอยู่อย่างหนักเลยล่ะ

สวัสดีค่ะท่านอาจารย์มาโนช

 

ห่างหายไปเนิ่นนาน หากยังระลึกถึงนะคะ มา มากราบสวัสดีเนื่องในวาระดิถีขึ้นปีใหม่นะคะ 

 

ขออาราธนาคุณพระศรีรัตนตรัย ดลบันดาลให้คุณหมอและครอบครัวประสบความสุข

สุขภาพแข็งแรง มีแรงกายแรงใจ คิดหวังสิ่งใดให้สมปรารถนาตลอดปีนี้ และตลอดไปค่ะ

 

Stoney Happy all times, Life is Summer Time ….  Happy, Healthy & Wealthy ka.

 

เราคิดว่าเราก็เป็นโรคนี้เหมือนกัน

ชอบล้างมือบ่อยๆ ไม่อยากจับของอะไรสกปรก เพราะคิดว่าอาจจะมีเชื้อโรคติดมือมา

ก่อนจะนั่งโต๊ะทำงานที่บริษัท ก็ต้องเอาทิชชู่ชุบน้ำเช็ดโต๊ะก่อน

เพราะกลัวว่าระหว่างที่เราไม่อยู่ จะมีคนมานั่งแล้วทำโต๊ะสกปรกไว้

สิ่งของส่วนตัว ก็จะไม่ชอบให้ใครมาแตะต้องค่ะ

ตอนนี้กำลังพยายามศึกษาเกี่ยวกับโรคนี้ และพยายามแก้ไขตัวเองอยู่ค่ะ เพราะรู้ว่ามันไม่ดี

แต่ที่รู้สึกแย่ที่สุดก็คือ คนที่บ้านไม่เข้าใจค่ะ

แม้เราจะอธิบายให้พ่อแม่ฟังแล้วว่าเป็นโรคชนิดหนึ่งที่เกิดขึ้นได้

แต่พ่อแม่ก็ไม่เข้าใจ ชอบดุด่าอยู่เรื่อยๆว่า ทำไมไม่เลิกทำซักที

พยายามบอกแม่ว่า มันยากที่จะฝืนตัวเอง มันไม่ใช่อะไรที่จะแก้ได้เร็วๆ ต้องอาศัยเวลา เขาก็ไม่เข้าใจค่ะ

ตอนนี้ทะเลาะกับแม่อยู่ ไม่ได้คุยกันเลย

เศร้ามากๆค่ะ

ถ้ามีข้อแนะนำอะไร ช่วยบอกด้วยนะคะ ตอนนี้กำลังเศร้ามากๆจนไม่อยากทำอะไรเลยค่ะ

ผมก็เป็นโรคนี้มานานหลายปีแล้วครับ

อาการของผมเกิดมาจากความกังวลและกลัวจริงๆครับ เช่น กลัวลืมปิดแกส เพราะกลัวไฟไหม้ ต้องคอยเช็คคอยถามคนโน้นคนนี้ให้เขาช่วยเช็คให้อีกที จะได้สบายใจ, เวลาปิดสวิตไฟก็กลัวว่าจะปิดไม่สนิท ต้องคอยปิดเปิด ปิดเปิด เป็นสิบๆครั้ง เพราะกลัวว่าถ้าปิดไม่สนิท เกิดไฟฟ้าลัดวงจร เดี๋ยวไฟไหม้อีก, ปลํ๊กไฟก็ตรวจแล้วตรวจอีกเป็นหลายๆนาที เพราะกลัว ลืมเสียบปลั๊ก tv ทิ้งไว้รึป่าว ปลั๊กพัดลมดึงออกรึยัง (จะเป็นมากๆช่วงไม่มีใครอยู่บ้าน และต้องออกจากบ้านเป็นคนสุดท้าย)

เวลากด atm พอกดเสร็จเก็บบัตรใส่กระเป๋าตัง ก็ดูแล้วดูอีกว่าเก็บหรือยัง มันอยู่ในกระเป๋าแล้วนะ กลัวลืมเก็บมา เดี๋ยวใครเอาไป เงินหายอีก ต้องแจ้งความอีก

เวลาจอดรถ พอล็อครถเสร็จ ก็ดึงเปิดประตูดูว่าล็อคแน่แล้วนะ อยู่ตั้งหลายรอบจนที่จับจะพังอยู่แล้ว เพราะกลัวเดี๋ยวมีคนมาขโมยรถไป

เท่าที่ผมสังเกตุ คนที่เป็นโรคนี้ จะอาบน้ำนานครับ อาจจะเพราะกลัวไม่สะอาด ล้างแล้วล้างอีก

จากเหตุการณ์ของผม สาเหตุมาจากความ กลัว ล้วนๆเลยครับ ทุกวันนี้พยายามฝืนตัวเองโดยคิดว่า เออ ตรงนี้ตรวจแล้ว ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็เกิดไปเลย ดูครั้งสองครั้งก็พอ เหมือนต้องเอาความกล้า มาชนะความกลัวครับ

อีกกรณีที่ทำให้อาการดีขึ้นคือ ให้ใครอีกคนมาตรวจตามอีกครั้ง ถ้าผมต้องออกจากบ้าน ถ้ามีคนมาตรวจต่อจากผมอีกที ผมจะตรวจเร็วมากครับ คือดูครั้งเดียวผ่านเลย เพราะคิดว่า การที่มีคนมาตรวจซ้ำอีกทีคงไม่พลาด

เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ

ขอบคุณสำหรับบทความดีด้วยครับ นพ.มาโนช หล่อตระกูล, นพ.ปราโมทย์ สุคนิชย์

เราก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นโรคนี้ เป็นตั้งแต่วัยรุ่น นี่ก็จะสามสิบอยู่แล้ว เครียดมาก....... เวาลาอาบนน้ำจะนานมาก รู้ตัวว่าเป็นโรคนี้แต่ไม่กล้าไปหาหมอจิตเวช กลัวคนอื่นไม่เข้าใจ คิดว่าเป็นคนบ้า ฮือๆๆ จะทำไงดี ใครก็ได้ช่วยที

เราเป็นโรคนี้เหมือนกานนะ เรารู้สึกดีนะ ที่ไม่มีแต่เราคนเดียวที่เป็น แหะๆ เราเป็นน้ำคิดย้ำทำ แบบออกแนวไสยศาสตร์ ศาสนาอ่ะนะ บางครั้งก้อหมดกำลังใจเหมือนกาน สู้ๆนะทุกคน

เป็นแบบนี้ก็เหมือนตายทั้งเป็น

เราเหนื่อยมากแล้ว

อยากหายจริงๆ

อย่างน้อย เราก็ไม่ได้ตัวคนเดียว ใช่ไม๊?

เราก็เป็นอะ เรารู้สึกว่าเราเป็นมานานแล้ว

มันทรมานจริงๆ มันคิดในสิ่งที่เราไม่อยากคือ มันรู้นะว่าไม่ดีแต่มันไม่ยอมหลุดออกไปสมองเราซะทีอะ

เรารู้สึกว่าเราเป็นคนไม่ดีเลยที่คิดแบบนี้อะ

แต่ปีที่แล้วเราไม่มีอาการนี้เราก็ดีใจมาก แต่พออยู่ดีๆมันจะเป็นมันก็เป็นอะ มันไม่ยอมหยุดคิด

ใครเคยไปปรึกษาแพทย์บ้างอะ เป็นยังงัยบ้าง เล่าให้ฟังด้วยนะคะ

สวัสดีครับ ไม่นึกเลยว่าผมจะมีเพื่อนเยอะแบบนี้ :) ผมเองก็เป็นโรคนี้มาตั้งแต่ราวม.ต้น นี่ก็อายุ 30 แล้วก็ยังเป็นอยู่ แต่พึ่งมารู้ตัวว่าเป็นตอนไม่กี่เดือนมานี้เองครับ อาการคล้ายๆกับ คห. 49 และ 60 เลยครับ โดยเฉพาะคห. 60 นี่เหมือนมากๆ จนแทบจะกลัวสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไปเลย ผมลองศึกษาดูจากเว็บต่างประเทศ เขาเรียกอาการ OCD ประเภทนี้ว่า "Sinner" ครับ

ผมเองก็ไม่กล้าไปหาหมอ เพราะอายครับ คนรอบข้างผม(น่าจะ)ไม่รู้เลยว่าผมเป็น เพราะฉะนั้นผมเลยไม่ได้กินยา แต่พยายามปฏิบัติตาม Behavior Therapy อยู่ครับ วิธีการคล้ายๆกับที่คุณหมอมาโนชได้เขียนไว้ในบันทึก ผมเลยลองหาวิธีการเพิ่มเติมดู พบว่าจริงๆแล้วมันมีอยู่หลายวิธีด้วยกันเลยครับ

ตอนนี้ผมกำลังพยายามปฏิบัติตามวิธีการที่ชื่อว่า "Four Step Method" ของ Dr. Jeffrey Schwartz อยู่ครับ ซึ่งผมดูจากวิธีการแล้วดูตรงใจมากทีเดียว ผมขอสรุปสั้นๆว่ามันมี 4 ขั้นครับ

  1. Relabel - รู้ตัวว่ากำลังเป็น OCD และกำลัง Response ต่อ OCD ไม่ต้องสนใจอย่างอื่น แค่รู้ตัวไว้ก็พอ
  2. Reattribute - เข้าใจโรค OCD อย่างจริงจัง ว่าเป็นอาการผิดปกติทางสมอง ซึ่งสามารถแก้ไขได้
  3. Refocus - พยายามปรับสติให้ไม่ตั้งมั่นอยู่กับการทำ "พิธีกรรม" เพื่อลบล้างอาการ OCD ครับ อย่างน้อยให้พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ทำพิธีกรรมให้ได้สัก 15 นาที แล้วก็ค่อยๆเพิ่มเวลาให้นานขึ้น พยายามทำสิ่งอื่นที่เราทำแล้วรู้สึกดีก็ได้ครับ
  4. Revalue - ปรับความคิดใหม่ว่าสิ่งที่เรากระทำมันไม่จริง ลดคุณค่าของมันและมองแต่ความเป็นจริง

ถ้าสังเกตดูจะเห็นว่า FSM นี่มีลักษณะที่ใกล้เคียงกับหลักการทางพุทธศาสนามากเลยครับ ซึ่งจริงๆก็มีเขียนไว้โดย Dr. Schwartz เองว่าเป็นวิธีการที่ใกล้เคียงกับการระลึกสติของพุทศาสนาจริง (น่าสนใจเหมือนกันว่าฝรั่งกลับเข้าใจพุทธศาสนา ดีกว่าชาวพุทธเช่นเราซะอีก) ช่วงนี้ผมเลยพยายามหาเวลาว่าฝึกสติ นั่งสมาธิบ้างเท่าที่เวลาจะอำนวย

ตอนนี้ผมรู้สึกว่าอาการของผมดีขึ้นบ้าง มากทีเดียว อย่างน้อยถ้าไม่อยู่ต่อหน้าศาล หรือผ่านศาลแต่ไม่ได้มอง ก็พอจะระงับอาการได้บ้าง ไม่เหมือนแต่ก่อนแทบจะต้องท่องคาถาในใจตลอดเวลาไม่หยุด

ผมพยายามคิดตลอดว่าการกระทำตะหากที่สำคัญ ไม่ใช่ความคิด ความคิดกับอารมณ์มันมาๆไปๆไม่ใช่ของเรา ตัวตนจริงๆของเราตะหากที่กำหนดการกระทำ ถ้ามัวแต่ไปทำพิธีกรรมลบล้าง สู้เอาเวลาไปทำสิ่งดีๆจะดีกว่า

(อีกประการที่อาจจะช่วยได้สำหรับคนที่เป็นแบบผม คือคิดว่าถ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์มีจริง ท่านคงเข้าใจครับว่าเรามีอาการทางประสาท ถ้าท่านทำทุกอย่างที่คนมาบน โลกก็คงวุ่นวายแน่ ที่สำคัญเราทรมานจากความคิดที่ไม่ดี แปลว่าเราก็ไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น)

มาลองแนะนำดูครับเผื่อช่วยได้ครับ ผมเองก็จะพยายามต่อไป

ผมเป็นคนนึงที่เป็นโอซีดี ตอนนี้อายุ 27 ปีคับ อาการก่อนไปหาหมอคือกลัวโรคเอดส์ ไปหาหมอหมอให้ lexapro มากินกับ xanax และ pernazien มากิน ผมกินได้เกือบปี แล้วก็หยุดยาเอง สุดท้ายอาการก็เป้นๆหายๆ ตอนนี้ก็เป็นหนักที่สุดเท่าที่เคยมีอาการเเล้ว นะคับ ผมพอทราบว่าสาเหตุของผมมาจากอะไร ซึ่งตอนนี้ก็ปล่อยให้ตัวเองทุกข์ทรมานมาก งานการเริ่มเสีย ชีวิตรักเริ่มแย่ พ่อแม่ก็ไม่คุยกับท่าน เพราะท่านบอกว่าจะเป็นอะไรก็เรื่องของแก ฉันเลี้ยงแกดีที่สุดแล้ว ก้ไม่เป้นไรคับ ผมก็ได้แต่ยอมรับชะตา ตอนนี้หันมาเลี้ยงหมา เพื่อนๆเริ่มห่างหายไปทีละน้อย พ่อแม่ของแฟนก้คงคิดว่าผมเป็นอะไร ผมเริ่มมีอาการซึมเศร้า นี่ถ้าผมเป็นเอดส์ด้วยและเป็นโอซีดีด้วย ผมคงอยู่ในโลกนี้ไม่นานแน่ๆ อ่อ่ เรื่องด่าสิ่งศักสิทธิืผมก็เป็นคับ เป็นตั้งแต่เด็กแล้ว นึกทำร้ายคนทั้งที่ไม่อยากทำก็เป็น ไม่อยากมองหน้าอกผู้หญิงก็ห้ามไม่ได้ อันหลังนี่ตอนนี้เป็นปัญหาที่ผมทรมานจิงๆคับ แต่ผมก็ยังนอนหลับสบายดีนะ

ผมเป็นโรคนี้มาน่าจะตั้งแต่ก่อน 10 ขวบ เขียนหนังสือนี่ต้องวนหัวจนกลมและดำ เพื่อนๆมันล้อกันยกใหญ่ว่าจะวนไปถึงไหน

มาถึงสาเหตุของโรค หลังจากผมอ่านกระทู้หลายๆอัน ผมสรุปน่าจะมาจาก ความกลัวโน่นนี่นั่น และการเลี้ยงดูที่ผิดๆของผู้ปกครองมีส่วนมากครับ

ผมคิดว่าวิธีแก้คือการเผชิญกับสิ่งที่กลัว ออกกำลังกายหนักๆ ถึงขั้นเล่นเพื่อความเป็นเลิศได้ยิ่งดี อันนี้ผมว่าช่วยได้นะ หาหมอผมกลัวผลข้างเคียงของยาครับ

ตอนนี้ผมยังไม่ดีขึ้นเลย แต่ผมเชื่อว่าการออกำลังกายช่วยได้ เพราะช่วงที่ผมเป็นนักฟุตบอล ตลอด 10 กว่าปี ผมแทบไม่มีอาการ แต่ตอนนี้ผมไม่ได้เตะฟุตบอลเลย มันกลับมีอาการครับ เพราะฉะนั้นกีฬาช่วยได้คับ

ปล.ดูจากการเขียนบทความจะทราบว่าผมเป็นโอซีดีแน่นอนคับ เพราะการเรียงประโยคที่วกไปวนมา นี่แหละคับ อาการของโอซีดี

ผมก็เปนครับ ยังไม่้หายดีเลย

พยายามทำอะไรให้ช้าๆ รุ้สึกตัวอยุ่เสมอว่ากำลังทำอะไร ครับ

มีไรคุยกันนะครับ [email protected]

เป็นเหมิอนกันคะกำลังรักษาอยู่ รู้สึกทรมานมากตอนแรกนึกว่าตัวเองเป็นโรคจิต

อยากหายเร็วๆ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ

ย้ำคิดได้แต่อย่าย้ำทำนะครับ คือผมเนี่ยก็เป็นมานานละ เป็นตั้งแต่ก่อนที่จะเรียนแพทย์ซะอีก แต่ไม่มีใครรู้ และก็ไม่เคยบอกใครด้วยครับ กลัวคนอื่นจะไม่เข้าใจหาว่าผมเรียนจนบ้าซะอีก ตอนแรกผมก็ไม่รู้นะครับว่าผมเป็นอะไร พอได้มาเรียนวิชา Psychology ผมก็มานึกอ๋อเลยครับว่าเราเป็นโรคนี้ ที่บอกว่าย้ำคิดได้แต่อย่าย้ำทำนี่ สำหรับผมได้ผลจริงๆ นะครับ คือสมองคนเราเนี่ยมันสั่งห้ามไม่ให้คิดไม่ได้หรอก มันไม่เหมือนอวัยวะส่วนอื่นอย่างแขน ขา อะไรพวกนี้ที่เราพอจะห้ามได้ ยิ่งห้ามไม่ให้มันคิดมันเหมือนจะยิ่งคิดนะครับ เราก็ปล่อยให้มันลอยไปตามกระแสความคิดที่มันจะคิดนั่นแหละ แต่ถ้าเราไม่ย้ำทำเนี่ย เดี๋ยวมันจะค่อยๆ ลดอาการย้ำคิดไปเอง ตอนแรกๆมันอาจจะทรมานมากๆเลย อยากจะย้ำทำมากๆ แนะนำนะครับถ้ามีเวลาตอนเย็นๆนะ ไปออกกำลังกายให้มันหนักๆไปเลยครับ เราจะเกิดอาการเพลียแล้วมันจะไม่ค่อยคิดอะไรมาก สุดท้ายครับย้ำคิดได้แต่อย่าย้ำทำนะครับ ถ้าย้ำทำนี่เดี่ยวมันจะครบองค์ประชุมแล้วจะลำบากเอานะครับ

ผมมีอาการย้ำคิดย้ำทำอย่างมาก มีอาการหลายรูปแบบ ทั้งเรื่องตรวจการล็อคของบ้าน ล็อคสิ่งต่างๆ การกลัวทำของตกหล่น การระวัง ระแวงเกินควรในการกรอกเอกสาร การทำสิ่งต่างๆเกี่ยวกับเอกสารหรือระบบอิเล็กทรอนิกส์ ความสะอาด ความปลอดภัย พิธีรีตอง ความแท้จริง และอื่นๆ ผมยังไม่ได้ไปพบจิตแพทย์ และ ได้รับความทุกข์ทรมาน ทำให้เสียเวลา เสียหายต่อบุคลิกภาพ สัมพันธภาพ การทำงาน การดำรงชีวิต จากอาการเหล่านี้มาก

ข้อความที่ผู้ตั้งกระทู้โพสท์ไว้ว่า "ผมไม่อยากทำ ชีวิตมันมีเรื่องอื่นอีกเยอะ มันพอแล้ว แต่ ... ในที่สุด... ผมก็ทนไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำ" เป็นข้อความที่โดนใจผมมาก อาการผมหนักถึงขนาดบางทีผมต้องจดใส่กระดาษหรือถ่ายรูปไว้เพื่อยืนยันว่าได้ทำสิ่งนั้นไปแล้ว ยิ่งสมัยนี้มีโทรศัพท์มือถือที่ถ่ายรูปได้ทำให้ถ่ายรูปได้ง่าย ทั้งที่หลายเรื่องเป็นเรื่องที่ควรเป็นปกติธรรมดาสำหรับคนทั่วไปเรื่องเหล่านั้นไม่ได้สำคัญที่ควรค่ากับการจดบันทึก

ผมขอยกตัวอย่างเรื่องหนึ่ง ช่วงนี้ที่หวาดระแวงมากเรื่องเกี่ยวกับกุญแจมาก เมื่อปีก่อน ซึ่งก่อนนั้นผมก็ย้ำคิดย้ำทำมากอยู่แล้ว วันหนึ่งผมนำรถยนต์ไปซ่อมที่อู่รถ ซึ่งก่อนผมนำรถไปส่งที่อู่ซ่อม แน่นอน ผมย่อมตรวจตราเป็นอย่างดี ผมเอาสิ่งของออกจากรถแทบทุกชิ้นที่เอาออกได้ กุญแจรถที่เตรียมจะส่งให้ช่างแยกไว้ต่างหากซึ่งเป็นกุญแจรถหนึ่งดอกเท่านั้น ไม่มีกุญแจอื่นปนเลย ผมระแวงระวังเรื่องการโดนเอากุญแจไปปั๊มเป็นอย่างมาก ครั้งอื่นๆที่ซ่อมรถก็ระวังเช่นกัน ก่อนส่งมอบรถผมตรวจดูอย่างดีว่าไม่มีของตกหล่น เรียกได้ว่าตรวจทุกซอกทุกมุมเลยก็ว่าได้ พอผมส่งมอบรถพร้อมกุญแจรถให้ช่างซ่อมที่อู่แล้ว ผมก็ไปเดินที่อื่นและร้านอาหารอยู่หลายชั่วโมงจนกระทั่งมารับรถยนต์กลับซึ่งก็เรียบร้อยดี แล้วผมก็ขับรถกลับบ้านพอจะเข้าบ้านผมก็หยิบพวงกุญแจบ้านของผมอีกพวงหนึ่งซึ่งมีกุญแจสำคัญหลายดอก เพื่อจะไขเข้าบ้าน ซึ่งเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างอัตโนมัติ แล้วผมก็เกิดนึกระแวงสงสัยตัวเองว่า วันนี้ตั้งแต่ส่งมอบรถยนต์ให้ที่อู่จนกระทั่งกลับถึงบ้าน ผมไม่ได้ใช้พวงกุญแจบ้านนี้เลย ผมระแวงว่า ผมหยิบกุญแจพวงนี้ออกมาจากกระเป๋ากางเกงที่ผมใส่อยู่แน่นอนใช่ไหม ไม่ใช่หยิบจากที่ตกหล่นอยู่ในรถยนต์ ผมเสียใจที่ผมไม่ได้นำพวงกุญแจบ้านนี้ออกมาใช้ในช่วงระหว่างเวลาที่ส่งมอบรถยนต์ไปแล้ว กับเวลาที่ไปรับรถยนต์กลับ เพื่อจะได้เป็นการยืนยันว่า ผมพกพวงกุญแจบ้านนี้ติดตัวอย่างแน่นอนไม่ตกหล่นอยู่ในรถยนต์ แม้ว่าด้วยเหตุผลทั้งหลาย ผมไม่มีทางทำกุญแจตกหล่นในรถนต์อย่างแน่นอนเพราะผมตรวจดูเรื่องของตกหล่นอย่างดียิ่ง แต่ความระแวงนี้ทำเอาผมสติแตก แม้ทั้งว่าผมจะได้ใช้ความระมัดระวังอย่างถึงสุดแล้วก็ยังพบจุดโหว่ ถ้ามีใครเอากุญแจบ้านไปป๊มมันจะเกิดผลเสียหายที่ผมรับไม่ได้ เหตุการณ์ครั้งนั้นคนธรรมดาอาจเห็นว่ายังไม่เห็นมีเหตุการณ์ร้ายอะไรเกิดขึ้นเลย ( ซึ่งความจริงก็ไม่มีเหตุการณ์ร้าย ) แต่หลังจากนั้นอาการย้ำคิดย้ำทำก็รุนแรงมากขึ้นไปอีกจากเดิมที่มากอยู่แล้ว ไม่เพียงกุญแจ ยังมีสิ่งของอีกหลายสิ่งที่ต้องระวัง การจะทำสิ่งต่างๆ หลายอย่างที่ควรจะเป็นอย่างอัตโนมัติของผมจะมีพฤติกรรมที่ขัดจังหวะเพื่อยื่นยันสิ่งที่ทำในแต่ละขั้นด้วยการเพ่ง การย้ำหรืออื่นๆ ให้แน่ใจว่าทำอะไรไปแล้วบ้าง ตอนนี้ผมยกตัวอย่างมาเรื่องเดียวแต่ตอนนี้ผมมีจุดที่ระแวงระวังมากมายหลายจุด ในการดำเนินชีวิตประจำวันต้องทนทุกข์กับเรื่องไม่ควรเป็นเรื่องอยู่มาก และบางทีก็ไม่ใช่ความรอบคอบ เพราะเรามัวแต่เพ่งระวังกับเรื่องหนึ่งจนอาจเผลอกับเรื่องอื่น และพอพลาดก็คิดมากต่ออีก จึงเขียนมาระบายครับ

ขอเพิ่มเติมเกี่ยวกับเรื่องการย้ำคิดย้ำทำของผม (Wn. ความเห็น 78 )เรื่องกุญแจบ้าน ย้อนไปเมื่อสิบกว่าปีก่อน ผมเคยเก็บพวงกุญแจบ้านไว้ในกระเป๋าเป้สะพายของผมวางไว้ แล้วโดนคนขโมยกระเป๋าเป้สะพายนั้นพร้อมด้วยสิ่งของในกระเป๋าเป้นั้น พวงกุญแจบ้าน และสิ่งของอีกหลายอย่าง รวมทั้งนามบัตร สิ่งที่บ่งบอกถึงที่อยู่บ้านของผมได้ และ ต่อมาที่บ้านของผมก็เคยมีโจรขึ้นบ้านด้วย แต่คงจะไม่ใช่จากเหตุกุญแจนั้น เพราะมีร่องรอยถูกงัดแงะ ต่อมาบ้านของผมมีการซ่อมแซม ต่อเดิม จนกระทั่งปัจจุบันกุญแจต่างๆที่ใช้เปลี่ยนไปจากเดิมนั้นแล้ว นอกจากเรื่องกุญแจแล้ว มีเรื่องระวังที่ลักษณะคล้ายคลึงกัน เช่น password , ข้อมูลส่วนบุคคล , การเข้าถึงข้อมูลทางเอกสาร , อิเล็กทรอนิกส์ ครับ

ใครเป็น โอซีดี กับเรื่องHIV

มาคุยกันได้นะครับผมเองเปนแพทย์

งานก้อทำงานกับสารคัดหลั่งใน รพ

อยากพูดคุยระบาย กับเพื่อนๆที่เป็นเหมือนกันครับ คุณไม่ได้อยู่คนเดียวนะครับ

[email protected]

ผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำครับ โรคนี้มีความเกี่ยวข้องกับโรคซึมเศร้า โรคแพนิค การกลัวโดยไม่มีเหตุผลอันควร ผมเขียนเรื่องของผมไว้ในบล๊อคครับ จะเขียนเรื่อยๆ (ตอนนี้ดีขึ้นมากจนเกือบหายแล้ว) ลองดูนะครับ เป็นกำลังใจให้คุณ http://ocdepression.blogspot.com/

สวัสดีค่ะ รบกวนถามหน่อยค่ะ มีญาติเป็น OCD อยากทราบว่า

1. โรค OCD นี้ เป็นนานๆ จะเป็นอันตรายหรือไม่คะ

2. ถ้าเขาหยุดงานอยู่กับบ้าน ซึ่งเป็นการหลีกเลี่ยงปัญหาทางหนึ่ง จะช่วยได้หรือไม่ และจะมีอาการอย่างอื่นมาแทนหรือเปล่า หากเขามาอยู่บ้านอ่าค่ะ

จะดีใจดีมั้ยครับที่มีเพื่อนที่เปิดเผยตัวในระดับนึงกว่า 80 คนแล้ว

เพื่อนๆพี่ๆน้องๆคิดว่ามีความเป็นไปได้มั้ยคับที่เราจะทำเหมือนฝรั่งเค้าอ่าคับ คือการทำเป็นกลุ่ม สร้างสมาคม

จัดคนที่เป็นโรค ocd มานั่งคุยกัน พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น ใครใช้ยาอะไรยังไง รักษากันแบบไหน โดยมีการนัดมีทติ้ง อะไรประมาณนี้อ่าคับ และเชิญวิทยากรที่เป็นจิตแพทย์มาพูดคุย บอกถึงวิธีการใช้ชีวิต การดูแล รักษา ตลอดจนคนที่เป็นแล้วดีขึ้นแล้ว ทำยังไงถึงหาย

คือผมก็อยากทราบนะคับว่า คนที่เป็นโรคนี้กันส่วนใหญ่ทำอาชีพอะไรกัน แล้วมันรบกวนมากมั้ย เรียนหนังสือได้มั้ย คาดว่าต่อไปในอนาคตจะไหวมั้ย ผมคิดว่าคนที่เป็นโรคนี้ก็ สามารถทำงานได้อยู่บนโลกนี้ได้อย่างสง่างาม เหมือนคุณโรเบิร์ต ฮิวส์ อ่าคับ

คือหนังเรื่อง The avitor ที่ ลีโอนาโด้ ดิคราปิโอ้ เล่นเป็นพระเอกอ่าคับ นั่นอ่าเหมือนผมเลย 5555 อยากมีความสำเร็จ ติดเซ็กส์ กลัวเชื้อโรค ย้ำคิดย้ำทำ ยังไงอยากฝากความเห็นไว้นะคับ

[email protected] คุยกันได้นะคับ เฮ้ออออเหนื่อยกับความคิดความกลัว ผุดๆๆๆๆๆๆ

เป็นเหมือนกันค่ะ ตอนเด็กๆจะกลัวพวกผีและวิญญาณมาก ขนาดนอนต้องห่มผ้าทั้งตัวไม่ให้ส่วนใดในร่างกายโผล่ออกมาจากผ้าห่ม แม้แต่ปลายเท้าหรือปลายผม แต่ตอนนี้ไม่กลัวขนาดนั้นแล้ว

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ก็คิดลบหลู่ วิญญาณที่กลัวมากก็ยังลบหลู่ แล้วก็ต้องบอกว่าขออภัยที่ลบหลู่ทุกครั้งที่คิด เวลาผ่านพระ ศาล พระพุทธรูปก็ต้องยกมือไหว้ แต่บางทีเขินคนรอบข้างก็ไหว้ในใจเอา เวลาราดน้ำไปโดนมด ตบยุง หรือแม้กระทั้งอาบน้ำแปรงฟันก็จะไหว้และขออภัยตลอดเพราะกลัวว่าจะบาปที่ทำให้สิ่งมีชีวิตตาย (อาบน้ำก็กลัวแบคทีเรียตายอ่ะ)

เชื้อโรคนี่กลัวมาก เมื่อก่อนเด็กๆ เวลาโดนอะไรที่รู้สึกว่าสกปรกก็จะเป่ามือ ไม่รู้ทำทำไม พอโตขึ้นมากลัวหนักกว่าจากเชื้อโรคกลายเป็นกลัวโรคร้ายเช่นมะเร็ง ร้องให้ไปหลายรอบ กลัวเอดส์ ไปหาหมอเพื่อตรวจสองครั้ง (เมื่อก่อนเคยมีอะไรกับแฟนเก่า พอเลิกกันก็เลยกลัว) ตรวจแล้วนึกว่าจะดีขึ้นหนักกว่าเดิม กลัวว่าจะติดมาทั้งที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงรึเปล่า มีแผลแล้วไปชนคนติดเชื้องี้ ทานอาหารที่มีการปนเปื้อนของเชื้องี้ โอยสารพัดจนจะบ้าอยู่แล้ว ตอนนี้ก็ยังกลัวอยู่ อ่านหนังสือธรรมมะก็ช่วยได้นะ แต่อยากหายขาดเหลือเกิน

ดีใจที่ไม่ได้เป็นคนเดียวในโลก จริงๆยังกลัวอะไรมากกว่านี้ และมีอาการย้ำคิด และย้ำทำมากกว่านี้อีกเยอะมากเลย แต่ขี้เกียจพิมพ์แล้วค่ะ (เยอะจริงๆ) ยังไงก็เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ เห็นด้วยกับ คห.83นะ อยากพูดคุยกับคนที่เป็นและเข้าใจเรา

คุณ นักศึกษาแพทย์ ที่เปนโอซีดี

ผมเองก้อเปนแพทย์เหมือนกัน เพิ่งจบ extern

อยากคุยด้วยมากๆ

ยังไงอีเมลล์มานะครับถ้าได้อ่าน [email protected]

คห.๘๔ โดนใจมากครับ คือผมก็มีอาการคล้ายๆคุณ

เช่น เวลานอนต้องห่มผ้าให้มิดชิดทั้งตัว(ของผมยกเว้นหัวนะ ไม่ได้คลุมโปง)

สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคารพบูชา บางครั้งความคิดลบหลู่มันก็จี้ดขึ้นมาในหัว แต่ไม่เคย "ทำ" นะครับ (ยังดีที่ได้แต่คิด)

และก็รู้สึกผิดกับความคิดดังกล่าว พยายามต่อต้านมัน

อีกอย่างที่คล้ายกันอีกคือ เวลาอาบน้ำ ชำระล้างร่างกาย ขับถ่าย หรือทำอะไรทำนองนี้ จะรู้สึกว่ามันบาป

เพราะมันมีเชื้อโรคและแบคทีเรีย ที่ต้องตายไป(โชคร้ายของพวกมันจริงๆ) ก่อนจะอาบน้ำเสร็จก็จะต้องอุทิศบุญให้

หมิหนำซ้ำ ผมยังอุทิศบุญให้พวกเชื้อโรค แบคทีเรีย ไวรัส และเหล่าสรรพสัตว์ทั้งหลาย

ที่ต้องเสียชีวิตจากการชำระล้าง การปรุงอาหาร ที่อยู่ในอาหารที่นำมารับประทานด้วย

ตอนนี้ ดิฉันมีอาการแบบว่า เวลานั่งมอเตอร์ไซค์แล้วอยากกระโดนลงจากรถมาก ๆ คิดแบบนี้มาประมาณ 1 เดือนแล้ว จนตอนนี้มีอาการกลัวมอเตอร์ไซค์ไปแล้ว ตอนนี้มีอาการคิดหมกมุ่นอยู่กับเรื่องการตายแทบจะตลอดเวลา คิดมากตลอดเลยไม่อยากจะให้มีอาการแบบนี้เลยนะ มีเพื่อน ๆ คนไหนเป็นแบบนี้บ้าง เราเคลียดมาก ๆ เลย พยายามหาอะไรทำ พอว่างจากตรงนั้นมันก้อผุดเข้ามาในสมองอีก

มีอะไรแนะนำมานะคะ [email protected]

ดีใจจังมีเพื่อนที่เป็นอย่างเราเยอะแยะเลย เพราะตอนนี้อาชีพที่ทำอยู่(เปิดร้านกาแฟและเบเกอรี่)ก็ทำไม่ได้แล้ว เพราะมันเหมือนกระตุ้นให้ต้องเจอกับความสกปรกเรื่อยๆ ประกอบกับพฤติกรรมลูกค้าที่ไม่ได้รักษาความสะอาดอย่างที่ใจเราคิด ซึ่งเมื่อตอนเด็กๆเคยมีอาการกลัวสกปรกมาพักนึงแล้วหายไป หลังจากเรียนจบแล้วมาทำร้านดังกล่าวก็กลับมามีอาการอีก ฮือๆเราควรทำยังไงกับชีวิตดี ใครมีประสบการณ์ช่วยมาแชร์กันด้วย

***อยากรู้ว่าคนที่เป็นโรคกลัวสกปรกควรจะประกอบอาชีพอะไรดี ดำเนินชีวิตกับผู้คนในสังคมแบบเนียนๆได้ยังไงไม่ให้เป็นจุดอ่อน แล้วมีโอกาสจะได้ตอบแทนบุญคุณพ่อแม่หรือทำประโยชน์อะไรให้ใครบ้างมั้ย อยากคุยกับทุกคนที่เข้าใจ

อีเมลล์มาคุยกับผมได้ครับ [email protected]

คุณ ABC แล้วคุณจะได้รู้ว่าอาชีพผม กับโรคนี้มันยังอยู่ได

เหมือนความเห็นที่ 84 เลยค่ะ

ตอนเด้กๆจำได้ว่า ยังไม่ถึง 10 ขวบ ก็คิดแต่เรื่องตาย เศร้าเสียใจที่เกิดมา รู้สึกว่าน่าจะตายๆไปซะ

กลัวผีมากกก กลัวที่มืด ตอนเด็กต้องนอนคลุมกลัวผีมาจับขา แล้วจะสวดมนต์ขอตลอดว่าอย่าให้เจอผี

ทุกวันนี้ก็ยังเป็นอยู่เวลาเข้าโรงหนัง ตัวอย่างหนังผียังไม่กล้าดู

ตอนเด็กของทุกอย่างต้องอยู่เป็นระเบียบเลื่อนไป 1 เซนยังรู้เลย

เวลาไปรร กลับมาบ้าน เจอเสื้อผ้าของตัวเองพับไว้ไม่เรียบร้อย ก็จะกรี๊ดๆแล้วร้องไห้ไปนั่งพับผ้าไป

ทุกวันนี้ดีขึ้นนิดหน่อยแต่ของก็ต้องวางที่เดิม ถ้าเปลี่ยนที่ก้จะพยายามวางให้เข้าที่

ชอบเก็บของเก่ามาก กระดุมลูกปัด เก็บหมดเพราะคิดว่าสักวันคงได้ใช้ ถุงพลาสติก ถุงกระดาษเก็บหมด

เวลาไหว้พระสวดมนต์ ก็จะมีลบหลู่ด่าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็นบ่อยมาก แล้วพยายามจะห้ามความคิด รู้สึกเสียใจทุกครั้ง ไม่เข้าใจว่า ทำไมถึงคิดแบบนี้

เวลาดูหนัง เกี่ยวกับวันสิ้นโลก อะไรเกี่ยวกับประมาณเนี้ยจะหดหู่มาก บางครั้ง เป็นอาทิตย์เลยก็มี เพื่อนก็งงว่าอินอะไรมากกับหนัง

มีครั้งหนึ่งฝนตกหนักมาก น้ำท่วมเลยหัวเข่าขึ้นมาก็สติแตก กลัวน้ำท่วม

บางครั้งทำอะไรผิดนิดหน่อยก็จะกลับมาคิดๆๆ วนไปวนมา จนรู้สึกกลัวการผิดพลาด ไม่กล้าจะทำอะไร กลัวโดนตำหนิ

เวลาดีใจจะดีใจมาก มีอาการจิตตกบ่อยๆ คิดถึงเรื่องความตายบางครั้ง แต่ก็ไม่กล้าฆ่าตัวตายเพราะรู้สึกว่าเป็นบาป

ทุกวันนี้คนรอบข้างไม่มีใครรู้ เพียงแต่จะรู้สึกว่าเราเป็นคนเข้าใจยาก

อยากหายจากโรคนี้ค่ะ อยากมีความมั่นใจและไม่ตื่นตระหนกง่าย หมอที่รู้จักกันบอกว่า ทางแก้ต้องสวดมนต์ไหว้พระเยอะๆ นั่งสมาธิมากๆ แล้วก็ปล่อยวาง

เคยไปดูดวง หมอบอกว่า มันเกิดจากกรรมชาติที่แล้วเคยร่วมกับเพื่อนไปลบหลู่สมณะสงฆ์ ทำให้กรรมตกถึงชาตินี้

ทุกวันนี้พยายามทำใจค่ะ ไม่คิดอะไรมาก

ใครมีวิธีดีๆช่วยแนะนำกันด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ

เราก้อเปนเหมือนกัน ชีวิตอยู่ไม่ค่อยเปนสุขเลย เราเคยพยายามอยู่หลายครั้งให้ไม่ย้ำทำ แต่พอไม่ทำและมันก้อเป็นกังวล

ไม่สบายใจเลย วันๆทำไรไม่เป็นสุขเลย มัวแต่กังวล เราอยากเป็นเหมือนคนปกติ อยากลองไปหาหมอดูเหมือนกัน แต่เราไม่กล้าบอกแม่ นี่เราก้อเพิ่งทำงานได้แค่เดือนเดียวเอง อาการย้ำคิดย้ำทำมันส่งผลกระทบกับงานเรามาก ถ้าเราไม่หายเราคงไม่ผ่านโปรแน่ๆ เพราะวันๆเราจะไม่มีสมาธิทำงานเลย เรื่องที่เราเป็นหนักๆก้อเป็นเรื่องสมุดเซ็นชื่อ ที่ทำงานเราจะมีสมุดเซ็นชื่อไว้ให้เซ็นเข้างานและมีปากกาผูกไว้กับสมุด ตอนเราทำงานเราชอบเดินไปดูสมุดเซ็นชื่อว่าเราเซ็นชื่อครบทุกวันรึปล่าว พอกลับมาโต๊ะ เราก้อจะคิดอีก ก้อจะเดินไปดูอีก วันนึงไม่ต่ำกว่าห้ารอบ บางทีก้อเดินไปดูว่าตอนที่เราดูเช็คเมื่อกี๊เราเอาปากกาที่ผูกไว้ไปขีดสมุดเค้ารึป่าว เราเปนแบบนี้มาประมานสองอาทิตแล้ว บางทีพี่เค้าก้อจะถามเราว่ามีปันหาอะไรกับสมุดเซ็นชื่อรึป่าว เราก้อได้แต่นิ่ง เราไม่สบายใจเลย เราไม่อยากให้เสียการเสียงาน เราว่าจะไปหาหมอแต่ก้อไม่รู้จะไปหาที่ไหนและจะไปเริ่มพูดกับหมอว่ายังไง ใครมีประสบการณ์จากการที่เคยรักษากับหมอบอกเราทีนะ ถ้าแนะนำหมอให้เราจะขอบคุนมากเลย เราเครียดมากๆ ก่อนหน้านี้ก้อเคยเป็นมีอาการเกี่ยวกับการตรวจดูแก๊ส การล็อคบ้าน ปิดพัดลม เตารีด ที่หนีบผม อะไรแบบนี้อะค่ะ เราคงกลัวไปเอง เราก้อรู้นะ แต่เราบังคับตัวเราเองไม่ได้ กลุ้มมากเลยค่ะ เรามีอาการทางจิตรึป่าว เครียดมากๆ

แอด e-mail คุณ runtaro ไปแล้ว ถ้าไม่รังเกียจอยากปรึกษา คุยเรื่องนี้ด้วยอ่ะค่ะ

ผมไม่อยากทำ ชีวิตมันมีเรื่องอื่นอีกเยอะ มันพอแล้ว แต่ ... ในที่สุด... ผมก็ทนไม่ได้ถ้าไม่ได้ทำ <<<<< ประโยคนี้โดนใจมากเลยค่ะ

ลองไปพบจิตแพทย์นะครับ

แล้วเล่าอาการต่างๆให้ท่านฟังอย่างละเอียด ห้ามปิดบังเรื่องใดๆ ให้บอกไปให้หมดตามจริง

จากนั้นท่านจะได้รับยาประมาณนี้

๑. Zoloft (Sertraline [hydrochloride]) 50 mg (ยานี่แพงเอาการอยู่นะ เม็ดละประมาณ ๕๐ บาทแหน่ะ)

๒. Perphenazine 2 mg

๓. Clonazepam 2 mg

๔. BCO (Vitamin B Complex)

ใครที่รู้ตัวว่ามีอาการของโรค รีบไปพบหมอซะ จะได้หายไวไว

ขอให้โชคดีครับ ;)

ไปพบหมอเพื่อปรึกษาอาการเถอะค่ะ เราไปที่บำรุงราษฏ์ พบคุณหมอสเปน ตรวจทุกวันยกเว้นวันเสาร์ คนน้อยดีไม่พลุกพลันในบริเวณพื้นที่ตรวจ ค่าหมอ 600 บาท แล้วคุณจะได้ยาเริ่มต้น 2 ตัว คือ deanxit กับ fluoxitine ช่วง 4 สัปดาห์แรกจะกระวนกระวายใจหลัง 4-6 สัปดาห์ อาการจะดีขึ้น แล้วงด deanxit ทานแต่ fluoxetine อย่างเดียวต่อ ขนาดทานต้องปรึกษาแพทย์ เพราะอาการหนักเบาแต่ละคนไม่เหมือนกัน ต้องให้แพทย์วินิฉัย ไปพบแพทญ์เถอะค่ะ เพราะรู้ว่าอาการแบบนี้มันทรมาณมาก ตอนนี้ใช้ fluoxetine มามากกว่า 10 ปี แต่เป็นๆ หายๆ ส่วนใหญ่เกิดซ้ำหลังจากมีความเครียด กดดันเรื่องงาน และสภาพแวดล้อมบางอย่างที่เจอ จนทำให้มีอาการประมาณวิตกจริตย้ำคิดย้ำทำแบบคุณเลยค่ะ ชีวิตมีความสุขดีเมื่อกลับมาใช้ยา และโชคดีที่งดยาได้ตอนตั้งท้อง ได้วางแผนการใช้ยาอย่างดีก่อนงดเพื่อตั้งท้อง 2 ท้องค่ะ ดิฉันอยู่กับมันมานานมาก จนเวลามีอาการก้อจะไปหาแพทย์ ยอมรับว่าเมื่อกลับมาเป็นก้อต้องยอมรับว่าเป็น เหมือนเราไปหาตอนปวดท้อง ไม่สบาย คุณหมอท่านก้อปฎิบัติกะคนไข้ดี เหมือนเราเป็นผู้ป่วยในแผนกอายุรกรรม เป็นกำลังใจให้กะทุกคนที่เป็นโอซีดีค่ะ

วีว่า

ผมก็เป็น และอยากจะหาย คืออาการก็จะกลัวสิ่งสกปรก ต้องคอยล้างมือหลายๆครั้ง ยิ่งตอนเข้าห้องน้ำ ตอนที่ล้างมือและต้องจับก๊อกน้ำ และตอนล้างมือเสร็จต้องไม่ให้มือสัมผัสกับก๊อกน้ำ บางครั้งถึงขนาดเปิดน้ำทิ้งไว้ไม่ยอมปิดก๊อกน้ำเลย หรือ อมน้ำไว้ในปากแล้วบ้วนออกมาล้างมือ อาการของผมมันดูน่าอายถ้าจะบอกให้คนอื่นรู้ แต่ก็ทรมานใจ และอยากระบายให้คนอื่นรู้บ้าง ยิ่งถ้าเป็นสมัยเป้นวัยรุ่นยิ่งอาการหนักเลย(อ๋อตอนนี้ผมอายุ25ปี) ตอนกระพริบตาต้องนับให้เป็นเลข หรือพูดอะไรซ้ำๆ หรือบ่นซ้ำๆ และไม่อยากสัมผัสกับคนที่เราไม่ชอบและมองว่าเขาสกปรก แต่เมื่อไหร่ที่เผลอไปสัมผัส ก็ต้องรีบไปล้างมือถูสบู่ นานๆเลย แต่ตอนนี้ก็ไม่ถึงขนาดนั้น แต่ก็ ยังมีอยู่บ้าง เช่นล้างมือตอนเข้าห้องน้ำ ที่บอกในตอนแรกนั่นแหละครับ ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง จะไปหาหมอ ก็อาย กลัวมีประวัติติดตัว และกลัวคนจะรู้และมีผลต่อหน้าที่การงาน

ลูกชายอายุ 18 ปี ตอนเล็กๆ เป็นคนไม่กล้าพูดกับใคร ไม่กล้าแสดงออก แต่ไม่มีอาการย้ำทำย้ำคิด พึ่งมาเป็นตอนอายุ 16 กว่าๆ

คืออาการเขาจะมีเปลี่ยนไปเรื่อยๆ กลายเป็นคนพูดมากกว่าปกติ ชอบคุยกับคนแปลกหน้า เริ่มจากสนใจแต่หุ่นตัวเอง กลัวว่าจะผอมส่องกระจกทั้งวัน สนใจแต่เรื่องกล้าม พอต่อมาก็มี อาการเพิ่มขึ้นคือใครขัดใจไม่ได้ ถ้าขัดใจก็จะอาละวาด เกวี้ยงข้าวของ แต่ถ้าไม่ขัดใจก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่อยู่คนเดียวไม่ได้ จะต้องมีคนอื่นชวนคุย หรือโน้มน้าวจิตใจไปทางเรื่องอื่น ถ้าอยู่คนเดียวจะกระวนกระวายออกข้างนอก หรือจะเครียด เวลาอยู่ในบ้านเราคุยกับเขาพูดเสียงปกติ และเขาจะต้องบอกว่าให้เราพูดเบาๆ เดี๋ยวคนอื่นว่า ทั้งๆที่เราไม่ได้พูดเสียงดังเลย แล้วก็จะมีกลุ่มวัยรุ่นอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งอยู่ข้างบ้านชอบกินเหล้าเสียงดังกัน เขาก็จะเริ่มเครียด โมโห หาว่ากลุ่มนั้นนินทาว่าเขา แต่ถ้าไปอยู่ที่อื่นหรือเป็นบุคคลวัยรุ่นกลุ่มอื่นก็จะไม่เป็นไร และเขามักจะร้อนต้องเอาน้ำรดหัวรดตัวอยู่ตลอดทั้งวัน เขาจะนั่งไม่คอยอยู่กับที่ จะต้องลุกเดินอยู่ตลอดเวลา นั่งซักแป๊บก็จะลุกเดินออกไปมองบ้านตรงกันข้ามว่ามีกลุ่มวัยรุ่นกลุ่มนั้นนั่งอยู่รึเปล่า บางทีเขาก็จะออกไปนั่งคอยจ้องว่ากลุ่มนั้นจะนินทาเขาหรือเปล่า ตอนนี้เขาก็อยู่บ้านเฉยๆ ไม่ได้ทำอะไร วันวันก็เล่นเกมส์ เล่นเน็ต ฟังเพลง ไม่ค่อยมีเพื่อนมีแต่แม่เป็นเพื่อน แต่เขาก็พูดคุยเหมือนคนปกติธรรมดา ไม่เคยใช้ยาเสพติดใดๆ เพราะอยู่ในสายตาของแม่ แต่เคยติดบุหรี่จัด แต่แม่พาไปเลิก แต่ก็ยังเลิกไม่ค่อยได้ เผลอก็แอบดูด เวลาที่เขาโกรธเขาก็จะต้องพยายามดิ้นรนไปหาบุหรี่มาดูดทุกที แต่อาการที่แม่หนักใจก็คือ เวลาเขาจะดูหนังฟังเพลงเขาก็จะคิดแต่เรื่องหายใจเข้าออก หรือนับตัวเลข ทำให้เขาดูหนังฟังเพลงไม่รู้เรื่อง ทำให้เขาทุกข์ใจมาก ต้องใส่ซาวเบาว์ที่หูอยู่ตลอดเวลา นั่งดูหนังก็ไม่ได้ ต้องนอนดู พอเวลาจะนอนหลับ ก็ต้องใส่หูซาวด์เบ๊าฟังเพลง ไม่งั้นเขาก็จะคิดเรื่องการหายใจ/นับตัวเลข ทำให้เขานอนไม่หลับ แม่ว่าเขามีอาการร้อนรนเดินไปก็เดินมาทั้งวัน นั่งไม่อยู่กับที่ นอกจากเวลาเล่นเน็ต ถึงจะนั่งนานหน่อย แต่เดี๋ยวก็ลุกเดินอยู่ดี อาการคิดเรื่องการหายใจพึ่งเป็นมาซัก 8-9 เดือนนี้ และตอนนี้รู้สึกว่าจะมากกว่าเดิม ทำให้เขาเครียดมาก และเวลาแม่คุยกับเขาถ้าเป็นคำถามที่เขาไม่สนใจ แม่ต้องถามเขาหลายครั้ง บางทีต้องถาม 5-6 ครั้งถึงจะตอบ บางทีก็ไม่ตอบเลย (สิ่งที่เขาสนใจคือเรื่องของนักดนตรีวงหนึ่งและเกี่ยวกับเพลง)

กับเพลง) ถามปุ๊บตอบปั๊บ เวลาทานอาหารก็มักจะหกเรี่ยราด เหมือนคนเป็นสมาธิสั้น แต่คุณหมอบอกว่าไม่ใช่ ตอนนี้ก็รักษาตัวอยู่

ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดอยู่ประมาณ 2 ปี ต้องเปลี่ยนยาบ่อยๆ เพราะอาการเขาขึ้นๆ ลงๆ บางทีบางอาการก็หายไป บางทีก็กลับมาเป็นอีก และบางทีเขาจะโมโหอาละวาดโดยไม่มีสาเหตุ แต่ช่วงนี้จะหูแว่วว่าวัยรุ่นกลุ่มนั้นนินทาทุกวัน แต่ถ้ากลุ่มนั้นไม่มานั่งก็ไม่มีอ

อะไรเกิดขึ้น อยากทราบว่าอาการที่เป็นแบบนี้มีโอกาสที่จะรักษาหายหรือเปล่า จะรักษานานเท่าไร เพราะตอนนี้ก็รักษามา 2 ปีกว่าแล้ว ก็ไม่เห็นมีวี่แววว่าจะหายเลย ดิฉันรู้สึกทุกข์ใจท้อแท้มากที่ลูกเป็นอย่างนี้ บางครั้งเคยคิดว่าถ้าตายไปทั้งแม่ทั้งลูกเลยก็คงจะหมดปัญหา จะได้ไม่ต้องสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้านอีก คุณหมอหรือใครก็ได้ที่มีคำแนะนำที่ดี ช่วยกรุณาชี้แนะด้วย จะขอบ

คุณมาก ดิฉันมืดแปดด้านแล้ว ไม่รู้ว่าเวรกรรมอะไร ต้องมาพบเจอกับสภาพแบบนี้ ทุกวันนี้ทุกข์ทรมานมาก

แนะนำวิธีหนึ่งที่สะดวกและได้ผลพอสมควรครับ คือ การออกไปรับแสงแดด

ในต่างประเทศมีงานวิจัยหลายชิ้นว่าอาการหดหู่ ซึมเศร้า รวมถึงอาการย้ำคิดย้ำทำ มีความสัมพันธ์กับการได้รับแสงแดดในแต่ละวัน เนื่องจากอาการดังกล่าวส่วนหนึ่งมาจากความไม่สมดุลของฮอรโมนในร่างกายเช่น เซโรโทนิน ในประเทศที่มีแสงแดดน้อยเช่น อังกฤษ แคนาดา จะพบว่ามีผู้ที่เกิดอาการดังกล่าวในฤดูหนาว หรือใบไม้ร่วง รวมถึงช่วงที่ท้องฟ้ามืดครึ้มต่อกันนานๆ เพิ่มมากกว่าช่วงฤดูอื่นๆของปี

นักวิทยาศาสตร์พบว่า กระบวนการสร้างเซโรโทนินนั้น ทางหนึ่งเกิดจากการกระตุ้นจากแสงแดดผ่านเรตินาในดวงตา ทำให้รู้สึกสดชื่น ตรงข้ามกับเวลาที่อยู่ในที่มืดๆร่างกายจะปรับตัวโดยการสร้างฮอร์โมนเมลาโทนินทำให้รู้สึกอยากพักผ่อน ฮอร์โมนสองตัวนี้ทำหน้าที่เหมือนเป็นนาฬิกาชีวิตประจำตัว ซึ่งการที่เราได้รับแสงแดดประมาณครึ่งชั่วโมงต่อวันเป็นอย่างน้อยจะทำให้การสร้างฮอร์โมนเซโรโทนินสมดุลขึ้น อาจออกไปพักสายตายืนกินขนมที่ระเบียงบ้างซักครู่ระหว่างการทำงาน หรือหลังอาหารเที่ยงหาที่เดินเล่นกลางแจ้งซักครู่ก็เป็นวิธีที่ดี แต่ถ้ารู้สึกว่าแดดแรงเกินไปก็เลือกช่วงเช้าหรือช่วงเย็นในการรับแสงแดดก็ได้ หวังว่าคงจะช่วยได้บ้างนะครับ โชคดีครับทุกๆคน

ใครไม่เข้าใจพวกคุณก็ช่างหัวพวกเขา แต่ ผมเข้าใจพวกคุณดีครับเพราะผมก็เป็น OCD เรามาสู้กับโรคนี้ด้วยกันนะครับ [email protected]

อยากทราบว่าโรคย้ำทำย้ำคิด ควรจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลศรีธัญญาแบบนอนพักที่นั่นดีหรือเปล่า เพราะรักษาแบบไปเอายา

มาทานที่บ้าน รู้สึกไม่ดีขึ้นเลย ทานยามาสองปีกว่าแล้ว ยิ่งคิดมากกว่าเดิม

เป็นเหมือนกันโดยเกิดจากผู้ใหญ่ ที่เลี้ยงดู คนรอบๆๆๆข้างคอยถามตลอด ถามย้ำ 3-4 ครั้ง เช่น ปิดไฟ ยัง ปิดน้ำยัง พอลืมก็จะถูกดุตั้ง เป็นแต่เด็ก เดี๋ยวนี้คิดอะไรก็จะย้ำคิดย้ำทำอยู่ซ้ำๆๆๆๆๆ เรื่อยๆๆๆๆ เรื่อยๆๆๆ เรื่อยๆๆๆๆๆๆ พูดซ้ำๆๆๆ คิดซ้ำๆๆๆๆๆ ปิดน้ำแล้วปิด อีก ต่อไปจะรักษาตัวเอง จะไม่คิด ไม่ทำซ้ำอีก จะพยายามไม่กังวล ถ้าลืมก็คือลืม ชั่งมัน.

ดิฉันเข้าใจพวกที่เป็นโรคนี้ดี แต่มันสามารถทำให้คุณอยู่ในโลกนี้ได้อย่างมีความสุขโดยการเข้าวัดปฏิบัติธรรมถึงแม้ความคิดเราจะไม่ดีต่อศาสนาหรือผู้มีพระคุณก็ตาม ฝึกทำสมาธิวิปัสนา 14 จังหวะ ของหลวงปู่เทียนนะแล้วคุณจะค่อย ๆ ดีขึ้น ไม่ต้องไปยึดติดกับความคิด ถ้าคิดก็ปล่อยให้คิดไป แต่ถ้าไปปฏิบัติทำวัตรแล้วคุณจะดีขึ้น จะเกิดปัญญาหาทางแก้ไขปัญหา ถ้าไม่ทำคุณอาจเครียดและทำลายร่างกายของคุณเอง ปัจจุบันดิฉันไม่เอาความคิดมาเป็นอารมณ์ อาจจะรู้สึกผิดบ้าง แต่ก็ไม่นาน จำไว้ว่าทุกข์เกิดแล้วก็ดับไป สุขเกิดขึ้นแล้วดับไป แล้วเราจะยึดติดอะไร คิดว่าถ้าตายไปแล้ว คุณจะกลับมาปิดน้ำปิดไฟได้ไหม คุณต้องหัดตัดใจให้มั่นใจตัวเอง

อย่าไปคิดเรื่องบาปมากนัก คิดเสียว่า ทำดี เราต้องได้ดี ทำชั่ว เราก็ได้ชั่ว ให้พระท่านเป็นผู้นำทางชีวิต อย่ากลัวที่จะเข้าหาผลบุญจะช่วยให้เราหายคิดย้ำคิดย้ำทำ เน้นต้องพากเพียรปฏิบัตินะคะ แล้วเราจะหายดี คิดบาปเข้าหาพระ คิดทำร้ายผู้มีพระคุณทำดีกับท่าน

และอย่ายึดติดกับรูป รส กลิ่น เสียง แล้วคุณจะดีขึ้น โดยไม่ต้องไปพบแพทย์เหมือนดิฉัน อยู่ในโรคนี้อย่างมีความสุข และไม่คิดมากคะ เป็นกำลังใจให้ ทุกอย่างมีทางออกนะคะ

27.05.010

ประวัติ: ปรกติผมเป็นคนช่างจดจํา และคิดมากจนเหมือนมกมุ่น กับทุกสิ่ง ขี่อาย ชอบระแวงชอบคิดมากว่าเราทําผิดอะไรใหม ไม่ชอบเวลาคนมองหน้าอิอิ ชอบไฝ่ฝันชอบออกแบบ ชีวิตให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ ชอบช่วยเหลือคน ชอบทําแต่สิ่งที่ดีดี ไม่ชอบอยู่กับสิ่งที่วุ่นวาย อาจเป็นเพราะตอนเด็ก พ่อแม่แยกทางกัน ครอบครัวมีปัญหา ฐานะค่อนข้างปานกลาง หรือจะเรียกว่าจนดีหว่า และได้เจอแต่สิ่งที่วุ่นวายในชีวิตยิ่งกว่าละครนําเน่า เคยจําได้ว่าเคยจับปากกามาเขียนคําเดิมทุกครั้งตอนประถม แต่นึกว่าตัวเองปรกติเลยไม่คิดอะไร พอเริ่มโตชีวิตกลายจากหน้ามือเป็นหลังมือ ผมกับมีทุกอย่างที่คิดว่าขาดหายไป อยู่กินเกินคําว่าสุขสบายเกินกว่าเด็กอายุ 18 ปีด้วยกัน ได้ทําทุกอย่างที่อยากทํา ได้เที่ยวเกือบรอบโลก ไปทุกที่ที่อยากไป และอยู่ๆ ตอนนั้นก็มีความรู้สึกถามตัวเองว่า เราเกิดมาทําไม ทําไมบนความสุขที่เราควรจะมื ถึงได้ดูหดหู่และว้าเหว่อย่างนี้ ถ้าเกิดตายตอนนี้คงไม่เสียใจเพราะว่าได้ทําอะไรหมดแล้ว ด้วยความเข้าใจว่าเราเป็นวัยรุ่นอาจมีความคิดแบบนี้เลยห้ามใจว่านี้ คงเป็นสัจธรรม ลืมบอกไปว่าผมสนใจเรื่อง ธรรมะ เป็นอย่างยิ่ง และชีวิตก็เป็นอย่างนั้นมาตลอด

จากนั้นได้ไม่นานผมอายุ24-25 เบญจเพศว่างั้นอิอิ ชีวิตผมก็เหมือนนางสินอีกครั้งเห้อ ปัญหาทุกอย่างกับมาทับถม หมดหน้าที่ หมดเงิน หมดงาน มีปัญหาร้อยแปด ถูกคนใกล้ชิดหักหลัง หัวใจที่ให้ใครไปแบบเต็มๆ เพื่อน พี่ น้อง มารู้ทีหลังว่าเขาเป็นอย่างอื่น หักแปร้บ แปร้บ เพราะไม่เคยเจอมาก่อนในชีวิตเห็นแต่ในละคร อาการชอบคิดชอบทําว่าเราจะโดนคนนั้น คนนี้ว่าเรา นินทาเราก็กลับมาอีกครั้ง จนกะทั้งผมได้เก็บเอาสิ่งต่างๆมาเข้าตัว เอง และเก็บตัวอยู่บ้านไม่ออกไปใหน ดูหนัง ฟังเพลง เศร้ากับชีวิตอีกครั้ง อยู่มามันหนึ่งได้อ่านข่าวเกี่ยวกับพระเอากับหมา อ่านไปสะอิดสะเอียนไปว่าทําได้ยังไวหว่า ยังไม่ทันหายจะอ้วก สมองชั่วก็รัวคิดกะหนํา มึงเอาหมา มึงเอาหมา นับร้อยรอบ เราก็ได้แต่อยากหยุด ก็เลยด่าไอ้ชั่วหยุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ เจ้าข้าเอ่ย ไอ้ชั่วเจ้ากรรมกับติดแง๊ก ในสมองเรา ยิ่งอยากหยุดยิ่งคิด จากนั้นสมองเจ้ากรรม กับจําแต่สิ่งที่ไม่ดี พอไม่นานมันก็เริ่มด่าคนไปทั่ว ยังพอทน แต่ดั้นไปด่าบุพการี คุณครับผมอยากจะกินยาตายไปตรงนั้นเลย ร้องให้ทุกคืน อยากจะพูดให้ท่านฟังแต่ไม่กล้ากลัวท่านเสียใจ อันอื่นยังพอทนแต่นี้พ่อแม่อันเป็นที่รักของเรา ด้วยความเชื่อในพระธรรมยิ่งทําให้คิดไปต่างๆนานา ว่าเราทํากรรมอะไรไว้ถึงเป็นเช่นนี้ จะตกนรกไม่ได้พุดได้เกิด ไม่ว่าจะทําอะไร สมองชั่วกับจดจําแต่สิ่งที่ไม่ดี เป็นๆ หายๆ อยู่อย่างนี้ ผมเคยพูดปัญหานี้กับญาติสนิท เขาบอกว่าเขาก็เคยเป็น แอบคิดด่าพระ แต่ก็ไม่นานก็หาย แต่คุณรู้ใหมว่าการพูดครั้งนั้น ทําให้คนใจบุญอย่างผมแอบคิดด่าพระแต่ก็ตัดได้ทัน เพราะจดจําเอาคําพูดของเขามาอีก ช่วงหลังๆเวลาเจอใครที่มีปัญหากับเรา แทบอยากจะอาเจียนออกมาเลยทีเดียว เป็นอย่างนี้มาเกือบ 4ปี แต่ปีแรกหนักเกือบทุกวัน ดีที่ผมสนใจเรื่องพระธรรมก็เลยปล่อยว่าง ผ่านมาได้แบบผ่อนเบาแต่ก็ไม่หายขาดจาก 100 เหลือ 50 จนกระทั้งผมตัดสินใจบวช เพราะไม่ไหว อยากตอบแทนพ่อและแม่ และอยากขอโทษท่านสุดขีด ไม่ว่าความคิดใดใดที่เป็น อกุศลผมก็อย่าได้แคร์ จากไม่คิดว่าจะบวชเลยเพราะห่วงหล่อ มีเหตุผลต่างๆ นานากลัวผีบ้างล่ะ กับบอกพ่อและแม่ว่าจะบวช ทุกคนงงมากเพราะผมได้ปฏิเสธตลอด ตอนบวชก็ดีมากแต่มีแว๊บหนึ่ง ใจคิดอกุศลแต่ไม่มากและไม่เป็นอุปสักใดๆ เพราะท่านบอกให้ปัดไปด้วย พุทธ โธ และผมก็ได้มีโอกาศนั้งสมาธิทุกวันจากที่ไม่เคยนั่งมานานแสนนาน ธรรมะช่วยได้น่ะครับไม่มากก็น้อย เพราะคุณจะสงบและรู้จักปล่อยวางมากขึ้น OCD จาก 100 เป็น 50 ตอนนี้เหลือ 10 แล้ว แต่มันจะมาอีกทุกครั้ง ถ้า เครียด เจอเหตุการที่ตึงเคลียด สับสน นอนหลับไม่เพียงพอ อยู่คนเดียว นี้จากการสังเกตุการข้างต้นน่ะครับ เพราะมันมีอีก อิอิ

ผมเคยคิดว่าสิ่งที่ผมเป็นอยู่นี้จะมีแค่ผมตนเดียวในโลกที่มีปัญหาอย่างนี้ เคยอยากไปหาหมอแต่ก็กลัวว่าคนจะว่าบ้า และอายที่จะเหล่าให้ใครเขาฟัง ซึ่งมันหมายถึงงานด้วย คนรอบข้าง ครอบครัว (และคิดว่าคงไม่มียาใหนรักษาหรือหยุดความคิดเราได้) นอกจากจะรอตกนรกอย่างเดียวและจะรับกรรมกับภาระกรรมนั้นๆ อย่างยินดี เพราะเพื่อพ่อแม่เรายอมได้ ในเมื่อมันไม่มีอะไรรักษาแล้ว?

ผมเคยหาข้อมูลจากที่ต่างๆก็ไม่รู้ว่ามันคือโรคอะไร หรือมีใครเป็นบ้างแต่ก็ไม่เคยเจอ จนกระทั้งผมได้หาข้อมูลอีกครั้ง จนกระทั้งได้รู้ว่าโรคนี้มีอยู่จริงในโลก และมีคนทั่วโลกได้รับปัญหานี้อยู่แต่ไม่รู้วิธีแก้ บางคนเป็นมากกว่าเราด้วย อาจเกี่ยวกับชีวิตเลยก็มี บางคนน่าสงสารอย่างจับใจ ร้องให้เกือบทุกคืน ผมเลยรู้ว่ามันทรมารแค่ใหน เพราะสิ่งที่เขาเป็น เรารับรู้ถึงความรู้สึกนั้นดี

วันนี้ผมเลยเกิดแรงบันดาลใจอยากจะเขียนเรื่องของตนเอง ให้คนที่เป็นอยู่ หรือคิดว่ากําลังเจอปัญหาเดียวกันได้อ่านว่าคุณไม่ใช่คนเดียวที่เจอปัญหานี้ และอยากให้ทุกคนได้ช่วยกันรักษากันและกันแบบขั้นต้น จนกว่าจะถึงขบวนการรักษาด้วยยา หรือ อื่นๆ เพราะกําลังใจคือสิ่งที่สําคัญมากสําหรับโรคนี้

ขอบคุณกะทู้หมอ มาโนช มากที่อธิบายให้เราได้รู้ว่าสิ่งที่เราเป็นอยู่ว่ามันคืออะไร และทําให้รู้ว่าโรคนี้ (สามารถรักษาได้) จากที่บอกไว้ตอนแรกว่าตอนนี้ผมหายจาก 100 เป็น 50 เหลือ 10 แล้ว พอได้รู้ว่าผมเป็นโรคอะไรก็เลย อยากไปหาหมอดูเดือนหน้านี้ เพราะอยากหายจากอาการย้ำคิดย้ำทำ ผลจะเป็นยังไงเดี๋ยวผมจะมารายงานเป็นระยะๆ น่ะครับ

ส่วนใครอยากถามหรือคุยกันเกี่ยวกับเรื่องนี้แอ็ดมาคุยก็ได้น่ะครับ

[email protected]

เป็นกําลังทุกคนให้หายเร็วๆน่ะครับ ส่วนใครคิดว่าตัวเองจะเป็นบาปจากความคิดของตนเองแล้วนั้น ผมมีคําหนึ่งอยากฝากไว้

พระองค์ท่านผู้ประเสริฐอภัยให้กับสัปสัตว์ทั้วปวง และทุกคนก็มีความดีในตัว จงหามันจนเจอน่ะครับ อย่าโทษตัวเอง ท่านบอกเอาไว้ว่าไม่มีใครห้ามความคิดได้ถ้าเราไม่มีสติมันจะไหล ไปลงที่ตําเสมอ เพราะเหตุนี้จงมีสติอย่ากลัว สู้กับมัน

โชคดีครับ

อาการของผมคือมีความคิดในหัวว่า เป็นอย่างนั้น เป็นอย่างนี้มันไม่ปกติ คนเราในชีวิตมันมีเรื่องผ่านเข้ามามากมาย บางอย่างก็ไม่ได้ตั้งใจ อีกทั้งมีมโนภาพเกี่ยวกับเรื่องวิตถาร มีความคิดไม่ดีอยู่เรื่อย ๆ ผมเองก็อยากจะคิดสิ่งดี ๆ เหมือนคนดี ๆ เค้าคิดกัน พยายามที่จะกำจัดมันออกไปแต่ยิ่งพยายามมันก็ยิ่งมีพลัง เลยกับมาคิดว่าอย่างนั้นเราก็อยู่กับมันไป ต้องกล้าเผชิญกับความคิดต่าง ๆ ที่มันผุดขึ้นมา แต่ละวันก็จะมานั่งดูความคิด มานั่งดูจิตว่าคิดอะไร ยิ่งเรื่องที่คิดแล้วรู้สึกไม่สบายใจวิตกกังวลคนส่วนใหญ่จะพยายามที่จะไม่คิดมัน เหมือนคำกลอนที่ว่า "ยามอ่านท่องนั่งสือเรากลับลืม เรื่องโศกเรื่องเศร้าซึม เรากับจำ"แต่สำหรับผมต้องคิดมัน ตอนแรก ๆ ก็วิตกกังวล หลังจากนั้นมันก็จะค่อย ๆจางไป เหมือนบางคนอยู่ในที่มืดก็จะมองไม่เห็นแต่พออยู่ในที่มืดนาน ๆ ตาเราก็จะสามารถมองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ มันก็จะเหมือนกับอย่างนั้น ผมก็ทาน fluoxetine ขนาด 20 mg. ตอนนี้ทานวันละ 2 เม็ด เช้ากับกลางวันหลังอาหาร คาดว่าก็คงจะทานไปตลอด

คนเคยเป็น และหายไปโดยไม่รู้ตัว

----------- ขอบคุณคุณหมอมาโนช คุณหมอปราโมทย์ และผู้มาเปิดเผยความลับของตัวเองที่มีค่าต่อคนอื่นทุกคนครับ

ยาวนานตั้งแต่ปี 50-53 นี้

อาการ ผมเคยเป็น คิดคำไม่ดีต่อแม่ คิดภาพไม่ดีต่อพระพุทธรูป ตั้งแต่บวช จนสึกออกมา และคงเป็นแบบไม่รู้ตัวอีกหลายปี เพราะเกิดภาพนั้นอีก ต่อมาผมได้อ่านหนังสือที่ร้านนดอกหญ้าเกี่ยวกับจิตวิทยา ได้เห็นคร่าวๆว่ามีคนทีอาการอย่างนี้แต่ไม่ได้ซื้อไปหาดูอีกก็หาไม่เจอ(ตอนนั้นเลย เพราะไม่ได้ตัดสินใจซื้อดูเล่มอื่นอีก) เสียดายมาก อาการเลยไม่หาย ต่อมาได้ยินว่าเป็นโรคนี้ ก็ไม่ค่อยเข้าใจนัก

วิธีแก้ ตอนแรก ทรมานมากไม่รู้ว่าทำอย่างไร และทำให้กลัวบาปกรรม(จากความคิดที่ไม่ได้คิดเองนั้น)มากๆ ต้องพยายามแก้ไขโดยการหลีกเลียง ไม่มอง ไม่คิด ถึงสิ่งเหล่านั้น

ต่อมา คิดแก้โดยวิธีขอโทษ บรรเทาไปได้นิดนึง

ต่อมา ทราบว่า ความคิดคนเราเกิดขึ้นแล้ว จะหายไป เราควบคุมไม่ได้ (ขันธ์ รูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาน คือร่างกายและจิต(4 อย่าง)เราควบคุมมันไม่ได้) (มันคงเกิดขึ้นด้วยสาเหตุบางอย่างที่จะกล่าวต่อไป)

จึงค่อยๆปล่อยวาง ไม่ไปสนใจมัน มันจึงหายไปเอง

สาเหตุทีเกิดทึ่คิดเอาเอง 1. สาเหตุเริ่มแรก คงเกิดจากความคิดที่ดิ้นรน จากที่เราห้ามความคิดเวลาทำสมาธิ(ทำสมาธิผิดวิธี ไปห้ามความคิด ความจริงต้องรับรู้ความคิดที่เกิดขึ้นแล้วปล่อยมันไป เมื่อนำได้ก็จึง คิดคำภาวนาแทน ไม่ใช่ห้ามความคิด

2. ต่อมา อาจจะเกิดจาก เราทำสมาธิไม่ได้ หรือทำผิดศีล หรือคิดว่าตัวเองทำผิดศึล จีงทำให้ กลัว บาป ทำให้จิตเกิดการต่อต้าน หาทางออกที่จะทำลายความขัดแย้งในใจ จิตหาทางต่อต่านความเชื่อเดิม(เป็นไปเอง เพื่อไม่ต้องให้คนเองยอมรับความผิด) ไม่ยอมรับความเชื่อเดิม

สรุปการแก้ไข รู้ว่าความคิดมันเกิดขึ้นมาเอง(มีสาเหตุให้เกิด แต่ยังไม่ต้องไปสนใจ) ก็ปล่อยมันไป แล้วจะหายไปเอง

เราไม่มีเจตนาให้เกิด มันเกิดขึ้นมาเอง จะบาปหรือไม่บาปก็ช่างมัน(เพราะควบคุมไม่ได้ แต่ความจริงสิงที่ไม่ได้มีเจตนาทำไม่เป็นบาปกรรม เพราะกรรมเกิดจากเจตนาถ้าไม่ได้เจตนาไม่บาป อันนี้มันเกิดสาเหตุทางจิตอื่น ที่ทำให้มันเกิดขึ้นมาเอง เราไม่ได้เจตนา)

มันเกิดขึ้นมาแสดงว่ามีสาเหตุ เราอาจจะคิดหาสาเหตุของมัน ทำความเข้าใจ เมื่อเข้าใจแล้วก็ยอมรับ คิดทางบวกในการแก้ไข และปล่อยวางไป ก็จะหายขาด

ขอให้ทุกท่านได้บุญกุศล และหายขาดจากความเจ็บไข้นี้ทั้งมวล และได้ถึงความรู้ในจิตทีว่า ตัวตนคือความรู้ตัวชี่วขณะของจิตที่เกิดดับทุกขณะ ไม่มีตัวตนถาวร เป็นเพียงการรับรู้ชัวขณะที่ไหลไปเหมือนกระแสน้ำ กระแสไฟฟ้า รู้แล้วปล่อยวาง จิตสงบ สันติ ทำสิ่งที่ดีต่อตัวเอง ครอบครัว สังคม และเพื่อนมนุษย์ ตามหน้าที่ทางโลก ไปจนสงบสุขในที่สุด

อาการ ocd ของผม เหมือนกับคุณ ความเห็นที่ 52 คือต้องใช้ความคิดมาแก้ความคิดที่กลัวกังวลอีกที ซึ่งต้องให้ความคิดและความรู้สึกมัน “ลงล็อค” ให้มันเกิดความรู้สึกว่าใช่ ถูกต้องแล้ว จึงจะหยุดได้ แต่ปัญหาคือ ความรู้สึกว่าใช่ มันเกิดยากหรือไม่เกิดขึ้นเลย จึงทำให้ผมต้องย้ำคิดและย้ำทำไปเรื่อยๆ จากที่สังเกตมา อาการ ocd ของผมมีหลายแบบ แต่จะรุนแรงที่สุดกับการอ่านพวกข้อความตัวหนังสือต่างๆ ในบางประโยคที่คาดหวังว่าต้องรู้ให้ถูกต้อง เพราะจะเกิดความคิดว่ามันยังไม่ใช่อยู่ตลอด จนทำให้ต้องอ่านซ้ำไปซ้ำมาอย่างมาก เป็นร้อยๆรอบ

ยกตัวอย่างเช่น ผมกลัวว่าสิ่งของที่ผมซื้อมาจะเป็นของปลอม (ทั้งๆที่ซื้อจากร้านของแท้) กลัวว่าสินค้าถูกสับเปลี่ยน (เช่น เมื่อนำไปส่งซ่อม)

“พิธีกรรม” ที่ผมทำ คือ คิดลำดับเหตุการณ์ในอดีต หรือหาเหตุผลในใจ ว่าเราได้ทำทุกอย่างถูกต้องแล้ว (แต่การคิดจะต้องมี dialog หรือลำดับที่ครบถ้วน สมบูรณ์ตามกฏที่ใจตั้งขึ้น) หรือ อ่านข้อความใดๆที่จะยืนยันได้ว่าสินค้านั้นคือของแท้หรือไม่ได้ถูกสับเปลี่ยน ซึ่งผมต้องเฝ้าคิดเฝ้าอ่านข้อความซ้ำๆ เป็นสิบๆ เป็นร้อยๆรอบ แต่สุดท้ายก็ไม่ “ลงล็อค” อยู่ดี หรือในตอนวัยรุ่น มีช่วงหนึ่ง เกิดความคิดว่า คนเราต้องกะพริบตาจริงหรือ เห็นคนอื่นกะพริบตาก็ไม่เชื่อ ต้องมาย้ำคิดย้ำทำโดยการไม่กะพริบตา จนให้น้ำตามันไหล มันแสบตา และกะพริบเอง ทำแบบนี้ซ้ำๆอยู่หลายครั้ง ความกลัวกังวลบางเรื่องก็เรื้อรังไปเป็นปีๆ และต้องหาทางย้ำคิดย้ำทำ หลาย ชม. บ้าง หลายวันบ้าง หลายเดือนบ้าง อาการเหล่านี้สร้างความทุกข์ทรมานให้ผมตั้งแต่เริ่มเข้าวัยรุ่นจนตอนนี้ก็สามสิบกว่า มันรบกวนชีวิตผมอย่างมาก ทั้งการเรียน การทำงาน และความสุขในชีวิต ถ้าผมไม่เป็นโรคนี้ผมคงไปได้ไกลกว่านี้ เพราะนิสัยส่วนตัวเป็นคนที่ไม่หยุดนิ่ง ชอบความท้าทาย ชอบทำอะไรใหม่ๆ

จากการวิเคราะห์ตนเองเล่นๆ อาการ ocd ของผมน่าจะเกิดจากปัจจัยหลายๆอย่างเท่าที่ระลึกได้ ดังนี้

1.ผมเป็นลูกคนเดียว ตอนเด็กๆเป็นคนหวงของมาก และเป็นคนที่ค่อนข้างหลงใหลวัตถุสิ่งของ

(น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นocdกับสินค้าราคาแพงที่ซื้อมาอยู่เสมอ เช่นกลัวว่าเป็นของปลอม ฯลฯ)

2.เป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบ ต้องมั่นใจว่าสิ่งที่ตนเองรู้นั้น ถูกต้องที่สุด (เลยเป็น ocd กับการอ่าน) ต้องมั่นใจว่าสินค้าที่ซื้อมานั้นสมบูรณ์ที่สุด (เลยเป็น ocd กับวัตถุสิ่งของ)

3.ตอนเด็กๆถึงวัยรุ่นเป็นคนที่กังวลง่าย ตื่นเต้นง่ายมาก ไม่มั่นใจในตนเอง

4.เวลาอาการกำเริบมากๆ จะปวดสมองซีกซ้าย ซึ่งเป็นด้านของ ตรรกะ เหตุผล

ตอนนี้อาการ ocd เบาบางลงกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งผมก็ไม่ได้ไปพบแพทย์ เพราะเชื่อว่า ยาไม่ได้ทำให้หายขาด และสาเหตุส่วนใหญ่น่าจะมาจากปมบางอย่าง ที่อาจเกิดจากถูกวางเงื่อนไขผ่านประสบการณ์ในตอนเด็กๆที่ฝังตัวอยู่ในจิตไร้สำนึกมากกว่า แต่ที่ผมยังรอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ เพราะมีจิตใจที่ค่อนข้างอึดที่จะ “ทน” กับมันครับ ขอมาแชร์วิธีการบรรเทาอาการ ocd แบบส่วนตัวของผมแล้วกัน เผื่อท่านจะได้ใช้เป็นเทคนิคเพิ่มเติมนอกเหนือจากการไปพบแพทย์ ดังนี้

1.อย่าสู้ เพราะการสู้หรือความพยายามจะกำจัดอาการ ocd จะยิ่งทำให้อาการรุนแรงขึ้น

2.ให้พยายามทำใจยอมรับ อาการ ocd ในแบบ “นัวๆ” ไป คืออย่าตั้งใจคิดหรือทำอะไรเพื่อที่จะกำจัด ocd แบบจริงจัง พยายามชะลอการย้ำคิดย้ำทำออกไปให้นานที่สุด

3.อย่าให้ความสำคัญกับ “พิธีกรรม” ที่คุณทำเพื่อที่จะขจัดความกลัวกังวล ให้มากนัก อย่าลืมว่า พิธีกรรมต่างๆคือ กฏเกณฑ์ที่คุณสร้างมันขึ้นมาเอง จริงๆแล้วมันไม่มีอะไรตายตัว หรือ ถูกต้อง 100% ocd ตั้งอยู่บนความกลัวที่ไร้เหตุผล ถึงเราจะรู้ว่ามันไร้เหตุผลแต่เราก็อดทำไม่ได้ แต่จงอย่าไปให้คุณค่ามันเต็มร้อย

4.พระธรรมคำสอนของพระพุทธองค์ช่วยได้จริงๆครับ จุดหมายสูงสุดของชีวิตคือการปล่อยวางทุกสรรพสิ่ง สุดท้ายแล้วเราต้องตายทุกคน และในโลกนี้ไม่มีอะไรที่สมบูรณ์แบบ

5.ความเครียดเป็นตัวกระตุ้นให้อาการกำเริบครับ โดยเฉพาะถ้าความเครียดนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งที่เรากลัวอยู่แล้ว ดังนั้น พยายามอย่าเครียด ให้นึกถึงการปล่อยวางเข้าไว้

6.แต่ถ้าอาการกำเริบ และมันอยากจะย้ำคิดย้ำทำ จนทนไม่ไหว ก็ปล่อยมันให้ทำไป แต่จำไว้ว่า อย่าหวังความ perfect จาก “พิธีกรรม” ให้หาทางหยุดแบบนัวๆ คือไม่ต้องหวังว่า อาการ ocd มันจะหายวับไปจากตัวเราทันที (มองย้อนกลับไปข้อ 1)

7.วิธีบำบัดตนเองของคุณ คห.ที่ 20 น่าสนใจมากครับ

รู้สึกดีที่ได้พบเพื่อนที่มีอาการแบบเดียวกัน เพราะเราจะเข้าใจกันและกันว่าโรคนี้มันทรมานขนาดไหน ขอให้ทุกท่านมีอาการทุเลาลงเรื่อยๆ และเป็นปกติสุขในที่สุดครับ ผมเชื่อว่า บางอย่างก็เป็นกรรมเก่าแต่ข้อดีของมันยังพอมีคือ ถ้าเราพิจารณาได้ ocd จะทำให้เราปล่อยวางทางใจได้เร็วกว่าคนทั่วไปครับ ที่สำคัญ อย่าคิดฆ่าตัวตายเด็ดขาดครับ มันไม่ใช่ทางแก้ การฆ่าตัวตายคือสิ่งที่เลวร้ายกว่าการเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำครับ

เราก็เป็น ตอนนี้เราอายุ 14ปี

เราชอบคิด เกี่ยวกับเรื่องความตาย เรากลัว ตาย อะไรประมาณ นั้น เเละเราก็ กลัว พ่อเเม่พี่น้องญาติ จะตายจากเราไป

เรารู้ว่ามนุษย์ทุกคนจะต้องตาย แต่มัน ก็ ยัง จะคิด บางที หู เเว่ว บางที มีภาพขึ้นอยู่ในหัว

เรากลัว ตัวสั่น ร้องไห้

ตอนนี้เพิ่งเริ่มรักษา

เราเชื่อว่าเราจะหายจากโรคนี้ สู้ๆๆๆ

ขอบคุณทุกๆ กะทู้ค่ะ ที่ช่วยกันแบ่งปันความรู้และประสบการณ์

ที่แท้ มันก็เป็นอาการชนิดหนึ่งนั่นเอง ตอนที่ไม่รู้ก็จะรู้สึกทรมานใจมากเพราะนึกว่าเราเป็นคนเดียว ตอนนี้รู้แล้วว่ามันเป็นสิ่งที่ใครคนอื่นๆ ก็เป็นกันได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้น ไม่ต้องเครียดนะคะ ทุกอย่างแก้ไขได้ รักษาได้ เรื่องปกติของชีวิตค่ะ

สรุปก็คือ... เราเป็นโรคนี้ T^T

มีญาติ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ.. ประวัติคือ น้องบอลเป็นลูกคนที่ 3 ของพี่น้องทั้งหมด 6 คน (คนแรกเป็นผู้หญิง จบแพทย์ คนที่ 2 ก็เป็นผู้หญิง เรียนจบเทคนิกการแพทย์ คนที่ 3 คือ บอล คนที่ 4 เป็นผู้หญิง กำลังศึกษา คนที่ 5 เป็นชายและเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ คนที่ 6 เป็นหญิง กำลังเรียน ) ครอบครัวมีฐานะดี (รวยมาก) บอลเป็นลูกชาย ที่พ่อ แม่ คาดหวังในตัวบอลมาก คุณพ่อเข้มงวดทุกอย่างกับบอล ซึ่งตลอดเวลาอาการบอลก็ปกติ จนเมื่อน้องชายเสียชีวิต พฤติกรรมบอลก็เปลี่ยนไป มีอาการย้ำคิดย้ำทำ เช่น เข้าห้องน้ำก็จะเรียบผ้าเช็ดเท้า จัดรองเท้าให้เป็นระเบียบ มีการเปิดปิดประตูรถซ้ำๆ เคยถามบอลว่าทำไม่ต้องเปิดๆปิดๆ บอลบอกว่าเค้ายังขึ้นไม่หมด (เค้าคือใคร....X(บอลอายุ29 ปี ตอนนี้เรียนอยู่ปี 3 เนื่องจากบอลเรียน และก็ลาออก แล้วก็สอบเข้าใหม่ โดยให้เหตุผลว่า จะเอาเกียรตินิยมให้ได้ เลยยังไม่จบ) แม่พาบอลไปพบแพทย์ แพทย์ระบุว่าบอลเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ แพทย์ให้ยามาทาน บอลทานยาซักพัก แต่แม่มองว่าทานยาไม่เกิดประโยชน์มีแต่ง่วงกับซึม เลยเลิกกินยา แต่ก็ไม่มีการปรับพฤติกรรมอะไรและไม่ได้ไปหาหมออีกเลย คำถามน่ะคะ

1. จะทำอย่างไรต่อไป 2. ควรปรับพฤติกรรมอย่างไร 3.อาการจะหายมั๊ย

ตอนนี้ใครพอมีอะไรที่ทำให้หายบ้างค่ะ เพระน้องเราเป็นอยู่ ทรมารมากสงารน้องค่ะ

อยากให้เขาหาย..แต่ก็เป้นมากขึ้นทุกที

ช่วยตอบเมลล์ด้วยค่ะ [email protected]

อยากรู้ว่าใครที่เป้นอยู่มีวิธีรักษาอย่างไรบ้างรบกวนตอบเมลล์ด้วยนะค่ะ

เห็นน้องชายเป็นอยู่ทุกวันนี้สงสารเขามากเลย

ไปหาหมอกินยาก้ไม่หายสักที

เห็นเขาบอกอยากคุยกับคนที่เป็นด้วยกันถึงจะรู้เรื่อง

ใครที่เป้นอยู่ช่วยส่งเมลล์กลับมาด้วยนะค่ะ

[email protected]

เจอปัญหาแย่มากๆเหมือนกันคร่ะ เราเป็นคนที่อาบน้ำนานมาก ส่วนใหญ่จะเป็นลักษณะที่ ต้องย้ำลูบฟองออกให้หมด กลัวที่จะล้างฟองออกไม่หมดอ่ะคร่ะ และก้อต้อง ก่อนอาบน้ำเสร็จต้องล้างมือในลักษณะหลักการล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอนเลย ตรงเนี๊ยะแหล่ะที่ใช้เวลานานมาก คือเมื่อก่อนเป็นมากกว่านี้อีกคร่ะ หยิบจับอารัยสกปรกต้องล้างมือทันทีเลย แต่เด๋วนี้พอทนด้ายคร่ะ คิดว่าก้อหายไประดับนึงแล้วล่ะคร่ะ แต่ยังเหลืออาการอาบน้ำนานเนี่ยแหล่ะ ม่ายรู้เมื่อไหร่จาหายซักที กลัวเป็นปัญหาต่อการใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่นคร่ะ และอยากรู้ว่าจิงๆแล้วเราหลังจากอาบน้ำจิงๆแล้วเราต้องล้างมือที่ถูกต้อง 7 ขั้นตอนเลยรึเปล่าคระ ช่วยตอบหน่อย ตอนนี้ความรู้สึกแย่มากๆเลย และการที่เวลามีคนส่งของหั้ยเรา แล้วเราจะจับไม่เต็มมือ จะจับในมุมที่คิดว่าสกปรกน้อยที่สุด หรือสัมผัสโดนเค้าน้อยที่สุด ทำยังงัยจาหายด้ายบ้างคระอย่างนี้.......

เราก็เป้นโรคย้ำคิดย้ำทำ ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะะไร ต้องทำซ้ำตลอด ทรมานมาก ไปหาจิตแพทย์แล้วก้ไม่หาย

อยากรู้ว่ามีคนที่เป็นแล้วรักษาหายหรือเปล่าคะ ถ้ามีช่วยมาคุยกันหน่อย ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ

เราก็เป้นโรคย้ำคิดย้ำทำ ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะะไร ต้องทำซ้ำตลอด ทรมานมาก ไปหาจิตแพทย์แล้วก้ไม่หาย

อยากรู้ว่ามีคนที่เป็นแล้วรักษาหายหรือเปล่าคะ ถ้ามีช่วยมาคุยกันหน่อย ขอคำแนะนำหน่อยนะคะ ขอบคุณมากคะ

[email protected]

ผมก็เป็นอาการย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน เพิ่งมาเริ่มเป็น ปี52 ตอนแรกก็ปกติดี แต่พอปี52 บ้านผมโดนขโมยขึ้นบ้านเพราะว่าไม่ได้ติดเหล็กดัด โดนขโมยไปประมาณ 15000 บาท ถ้าไม่สังเกตก็จะไม่รู้นะว่าขโมยขึ้นบ้าน เพราะมันไม่ได้รื้อข้าวของอะไร แต่ผมเป็นคนช่างสังเกตเลยรู้ แล้วก็ได้ติดเหล็กดัดเรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่นั้นก็เริ่มมีอาการวิตกกังวล มากคิดเรื่อย ๆ จากเรื่องขโมย ก็เป็นเรื่องอื่นๆ เช่น การถอดปลั๊กไฟ การยกเบรคมือรถยนต์ กลัวกุญแจบ้านตกหล่นหาย กลัวปิดน้ำไม่สนิท ดับธูปไม่หมด เป็นต้น(ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นเลย หรือเป็นก็เล็กน้อยมากไม่เหมือนปัจจุบัน) จนทำให้ตัวเองรู้สึกโกรธ และรำคาญตัวเอง

บอกตรงๆ ว่าไม่กล้าไปหาหมอ เพราะว่าอายและกลัวผลข้างเคียงของการใช้ยา เลยพยายามใช้วิธีพฤติกรรมบำบัด แต่ว่ายังไม่ค่อยได้ผลเพราะว่าตัวเองบ่อยครั้งยังใจไม่แข็งพอ ต้องทำให้เข้มแข็งกว่านี้ จึงจะได้ผล

ขอเป็นกำลังใจให้ทุกท่านที่เป็นอาการนี้ หายกันทุกท่านนะครับ ผมเข้าใจความรู้สึกนี้ดีครับ บางคนอาจมองว่าเป็นคนประสาทไร้สาระ บ้า หรือเป็นตัวตลก ถึงผมจะเป็นแต่ผมก็ไม่เคยโกงใครนะครับ ไม่เคยเบียดเบียน ทำร้าย/ทำลายคนอื่นตลอดประเทศชาติ

ผมว่าข้อดีของพวกเรายังมีอีกเยอะ อยากให้อาการนี้มาทำลายอนาคตของเราเลยครับ

ขอให้ทุกคน หาย ๆ ๆ มีสุขภาพจิตเป็นปกติดี ร่ำรวยเงินทองและความสุข แต่อย่าลืมประกอบแต่กรรมดี ทำทาน รักษาศีล นั่งสมาธิ ด้วยนะครับ

* บางที ผมก็คิดว่ามันอาจเป็นโรคกรรมเก่าที่เพิ่งมาออกอาการในตอนนี้ก็ได้ ว่าไปนั้นเลยไม่รู้จะหาเหตุผลอะไรแล้ว :)

เมล์มาคุยกันก็ได้ ผมว่าเป็นการระบายอย่างหนึ่งทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น (การคุยกับคนที่ไม่เข้าใจเรา เค้าจะคิดว่าเราบ้า)

อย่างน้อยผมก็สบายใจขึ้นมาระดับหนึ่งแล้ว หลังจากได้เขียนระบายความรู้สึกตัวเองลงในบอร์ดนี้ครับ

มีเพื่อนแฟนต่างชาติเป็นโรคนี้เหมือนกัน ล้างมือบ่อยๆ แต่ทำไมคิดว่ามือสกปรกเวลาจับของ แล้วถ้าใส่ถุงมือที่สะอาด จะกล้าจับไหม และไม่ต้องล้างมือน่ะ

แฟนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกัน เจออะไรทิ่ม อะไรเกี่ยวไม่ได้ ต้องเอามือเข้าไปลูบแล้วนับไม่รู้กี่ครั้ง บางทีก็ชอบขอมือเราไปนับ นับไมรู้กี่สิบรอบ เวลาเป็นแผลก็ห้ามโดนตัว บางทีเราก็เครียด อึดอัดเหมือนกัน อยากรู้ว่าโรคนี้มีทางหายขาดไหมเพราะไปหาหมอกินยา ก็มีแต่อาการง่วงนอน ซึม โรคก็ไม่หายซักที

โรคนี้ต้องรักษาไปนาน ๆ และก็ต้องไม่ทำมัน ซึ่งไม่ได้แต่ต้องพยายามไม่ทำมัน จะหายได้ค่ะ ต้องหาหมอกินยานะค่ะไม่อย่างนั้นจะเป็นมากขึ้น สู้ ๆ นะ

ผมก็เป็นโรคนี้เครียดสุดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังคุยกันได้ [email protected]

เมื่อกี้พิมพ์แสดงรายละเอียดอาการของผมไปตั้งเยอะ แต่พอ พิมพ์ รหัส สุ่มผิด มันก็ หายหมดเลย เครียดจัง ยังไงถ้าใครอยากแลกเปลี่ยนประสบการณ์ก็คุยได้ ครับ 0810725827 หรือ [email protected] เอก อยู่ที่โคราช ครับ

ต่อจาก...118. อาจจะยาวววววววนิดนึงแต่รบกวนเพื่อนๆช่วยอ่านหน่อยน่ะ

ผมเคยรักษามา 2 ปี อาการไม่ดีขึ้น ทั้งศรีธัญญาและสมเด็ดเจ้าพระยา อีกอย่าง ผลข้างเคียงของยาแรงมากจนทนไม่ไหว เช่น อาการ ง่วงมากกกกกกกก และเป็นอุปสรรคต่อการทำงาน จึงไม่แน่ใจว่าระหว่างไปรักษากับไม่ไปรักษาอันไหนมันเครียดกว่ากัน จึงเลิกรักษา และกลับมาที่บ้านทำใจ อยู่ 2-3 ปี จนปัจจุบัน ปัจจุบัน เป็นตำรวจที่โคราช เพิ่งเป็นได้แค่5 เดือน พอมีอาการแปลกๆเพื่อนร่วมงานเริ่มถาม ว่า ป่วยรึป่าว ผมก็ตอบว่าสบายดี ....555 อันที่จริงก็ไม่ขำหรอก.....

อันที่จริง ผม 15 จน ตอนนี้อายุ 28 แล้ว ยอมรับว่าอาการแรงขึ้นเรื่อยๆ ใช้วิธีประคองมันเรื่อยๆ อาการแต่ละอย่างค่อนข้างต่างจากเพื่อนที่พิมพ์โต้ตอบกันในบอร์ดนี้น่ะครับ อย่างเช่น ผมไม่มีอาการล้างมือบ่อยๆ แน่นอน อาการผมมีดังนี้

1.เวลานั่งข้างๆใครดวงตาผมมันจะเหลือบมองคนข้างๆตลอดเวลาซึ่งเป็นที่น่ารำคาญของคนข้างๆและตัวผมเอง ผมรู้ว่าคนข้างๆเค้าต้องหาว่าผมแอบมองเค้าอยู่แน่ๆ แต่แท้ที่จริงแล้วผมบังคับลูกกะตาผมไม่ได้ ซึ่งอาการนี้ทำให้ผม ทำกิจกรรมต่อไปนี้ลำบากมาก อย่างเช่น

1.1 นั่งเรียนในห้องเรียน ซึ่งผมเคยเรียนที่มหาลัยปิดแห่งหนึ่งซึ่งต้องนั่งติดใกล้ชิดกันทำให้ผมเรียนที่นั่นได้แค่2.5 ปีจึงลาออกเพราะ ผมทนไม่ไหวกับอาการที่เป็นอยู่... วันสุดท้ายที่ผมตัดสินใจลาออกเพราะผมได้ไปนั่งเรียนวิชาหนึ่ง ตำแหน่งที่ผมนั่งเรียนนั้นผมนั่งอยู่คนเดียวรอบๆข้างเก้าอี้ผมไม่มีใครกล้านั่งรอบๆเลย ผมรู้สึกเหมือนถูกรังเกียจมากเพราะหลายๆคนคงเคยนั่งใกล้ผมมาแล้ว และคงรู้แล้วว่านั่งข้างๆผมมันน่ารำคาญแค่ไหน ....ผมก็เลยลาออกวันนั้นเลย

หลังจากนั้นก็ไปเรียนราม ซึ่งห้องเรียนกว้างมาก ผมก็ พยายามเลือกที่นั่งที่ไม่มีคนรอบข้าง จึงเรียนจบมาได้ ขอบคุณ ม.ราม จริงๆเลย

1.2 นั่งดูหนังในโรงหนัง

1.3 นั่งทำงาน เคยไปทำงานเอกชนที่นึง เค้าให้ผมนั่งตรงข้ามกับเจ้านายทำให้ผมต้องเหลือบมองเค้าตลอดเวลาทำให้ผมต้องบังคับลูกกะตาผมตั้งแต่เช้าจนเลิกงานทำให้เหนื่อยมาก จึงทำงานลำบากมาก ทำได้ 3 วัน ทนไม่ไหวก็ชิ่งออกเฉยๆเลย

2.เวลาพูดน้ำลายเยอะมากบังคับน้ำลายให้หยุดไม่ได้เลย ส่วนมากคู่สนทนาก็ จะเบื่อผมมาก ซึ่งผมจะดูออก

3.เวลาพูดกับใครถ้าไม่หลบตา ก็จะจ้องตาแบบลูกตาแทบทะลุออกจากเบ้าตาเลยปวดมาก เพราะบังคับให้มองตาคู่สนทนาแบบธรรมชาติไม่ได้เลย

4.เวลาพูดจะติดอ่างมาก

5.เวลาออกจากบ้านหรือทำงานก็ จะเช็คตลอด อันนี้คงเหมือนกับเพื่อนทุกคนในนี้น่ะผมว่า.... แต่เพิ่มเติมอีกคือ เวลาทานข้าว ผมมักไม่แน่ใจตัวเองว่าตัวเองได้กินข้าวหมดจาน ยัง ก็เลย มักจะจ้องดูที่จานหลายรอบมากว่าข้าวหมดยังทั้งๆที่หมดแล้วแต่ก็ไม่แน่ใจอยู่ดี

ปัจจุบันนี้ เครียดมาก เพราะอาการของผมส่วนมากจะทำให้คนอื่นเดือดร้อน เช่นคนนั่งข้างๆผมจะรำคาญทุกคน คนที่มาพูดคุยกับผมก็จะรำคาญทุกคนเช่นกัน ตอนนี้ผมก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน ไม่เคยมีแฟนเลยยยยยยย แต่.........

อาการของผมมักจะมีปฏิกิริยาตอบสนองกับวัย 15-60 ซึ่งเวลาที่ผมยู่ใกล้กับวัยเด็กและคนที่แก่มากๆ ผมจะรู้สึกปกติ เหมือนผมไม่ได้เป็นอะไรเลย เพราะผมคิดว่ากลุ่มคงเหล่านี้คงไม่ได้สนใจอะไรในตัวผม

ตอนนี้ทำงานเป็นตำรวจ กลุ้มใจว่า ถ้าให้ผมไปนั่งประชุม ให้ผมไปนั่งทานข้าวกับคนเยอะๆ ให้ผมไปนั่งทำงานใกล้ๆใคร ผมจะทนได้แค่ไหน เพราะทุกครั้งที่อาการกำเริบ มักจำทำให้คนรอบข้างเดือดร้อนเสมอ และก็จะแสดงท่าทางรำคาญผมจนผมสามารถสังเกตได้ ซึ่งนั่นเป็นเรื่องใหญ๋สำหรับผม แต่ก็คงทนต่อไปเพื่อแม่...................

ไปล่ะเจ้านายเข้ามาในห้องล่ะ ขอตัวก่อนน่ะครับ...........

สวัสดีอีกรอบครับ ผมเป็นคนนึงที่รักษาอาการ ocd มาประมาณปีครึ่งได้แล้ว ผมเคยลงเมลและเล่าเรื่องไว้ในเว็บนี้ ผมเชื่อว่ายังมีคนอีกมากยังมีทุกข์เพราะอาการอยู่ ผมอยากเป็นกำลังใจให้ทุกๆท่านนะครับ บางท่านถามว่าโรคนี้เป็นแล้วหายได้ไหม ผมเชื่อว่าได้ครับ แต่ต้องทานยา และ ใช้พฤติกรรมบำบัด ผมเชื่อว่าหายได้ เพราะตอนนี้ตัวผมมีอาการโรคนี้เหลืออยู่น้อยมาก ปัจจุบันสามารถทำในสิ่งที่แต่ก่อนไม่สามารถทำได้ตั้งหลายอย่าง เพียงแต่ยังมีอาการกลัวบ้างบางที ซึ่งมันดีกว่าแต่ก่อนมากเลยครับ ผมรู้สึกว่าใช้ชีวิตได้ง่ายกว่าเก่าเยอะเลยครับ กางเกงยีนส์แต่ก่อนผมซักทุกครั้งที่ใส่ แต่นี่ผมใส่มาจะสี่เดือนแล้วยังไม่ได้ซักเลย (อันนี้ซกมกครับ 555) มือก็ไม่ค่อยได้ล้าง ที่เล่ามาทั้งหมดนี้ผมอยากจะเล่าให้ทุกๆคนรู้ว่ามันดีขึ้นได้ครับ ถ้าคุณพยายาม เพียงแต่คุณต้องมีกำลังใจ และคนรอบข้างก็ต้องเข้าใจคุณด้วย ในกรณีอย่างผม ผมโชคดีที่พอที่บ้านรู้ว่าเป็นแม่ก็หาความรู้เรื่องโรคนี้ พวกยายผม เพื่อนแม่อะไรที่สนิทกับผม ก็ไปฟังสัมมนาเกี่ยวกับโรคนี้ ทำให้พวกเขาปฏิบัติตัวกับผมได้ถูก และทำให้อาการผมดีขึ้นไวพอสมควร อีกสิ่งที่สำคัญไม่แพ้กันนะครับ การออกกำลังกาย หรือพวกกิจกรรมยามว่าง ช่วยได้เยอะจริงครับ ทำให้เราเข้าสังคมง่ายขึ้นและลดความซึมเศ้ราจากอาการของโรคได้มากขึ้นด้วยครับ

ทั้งหลายทัง้มวลนี้เป็นข้อมูลที่มาจากคนไข้(ผมเอง)โดยตรงนะครับ ไม่รู้ว่าจะถูกตามหลักวิชาการไหม

ถ้าท่านใดอยากมีเพื่อนคุย เพื่อนร่วม(โรค) ก็แอดมาหาผมได้นะครับ [email protected] แม็กครับ ขอโทษพี่ๆบางคนที่เมลมาแล้วไม่ได้ตอบนะครับ พอดีบางทีมีเผลอกดลบเมลเยอะๆแล้วมันพลาดลบไปบ้าง ยังไงส่งมาซ้ำได้นะครับ แอดมาคุยเรื่องสัมเพเหระก็ได้ครับ อยากให้ทุกท่านมีกำลังใจครับ ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เป็นโรคนี้

เราก็เป็นเหมือนกันนะโรคนี้ มันทรมานมากๆจนอาจเปลี่ยนแปลงชีวิตเราได้ทั้งชีวิตเลยหากเรายอมแพ้มัน

ขั้นแรกหากอาการเป็นมากก็น่าจะกินยานะเราว่า เราก็กินยาอยู่เหมือนกันแรกๆไม่อยากกินกลัวติดยาแล้วต้องกินตลอดชีวิตแต่ก็ต้องกินเพราะทนอยู่อย่างทุกข์ทุกๆๆวันไม่ไหว อ่ะแต่ความจริงมันไม่ต้องกินตลอดชีวิตหรอกถ้าอาการดีขึ้นเราก็ค่อยๆลดขนาดยาลงจนกระทั่งไม่ต้องกินเลยแต่อันนี้ต้องอยู่ที่แพทย์เป็นคนพิจารณานะ กินยาอย่างเดียวไม่ได้ผลหรอกต้องใช้พฤติกรรมบำบัดร่วมด้วยคนใกล้ชิดสำคัญที่สุดที่จะช่วยในเรื่องนี้ได้นะไม่ว่าจะเป็น พ่อ แม่ พี่น้องหรือถ้าใครแต่งงานแล้วสามี ภรรยาก็มีส่วนสำคัญนะ ต้องช่วยๆกันเราจะได้ไม่รู้สึกเหมือนต้องแบบรับความทุกข์ไว้คนเดียว

สู้ๆๆๆไม่มีอะไรได้มาง่ายๆหรอกขอให้เราสู้ๆไปพร้อมๆกันนะ

ถึงคุณแม๊ก.................................

1. ไปรักษาที่ไหนครับ จะได้ลองไปดูมั่ง

2. ขอเข้าแก๊ง ocd ด้วยคน

3. ขออนุญาตุถามและตอบในนี้เลยน่ะครับ

จาก.......................เอก............................

คือผมเป็นราชการจะทำเรื่องขอเบิกโรค ocd ได้มั้ย แต่ผมเคยได้ยินว่า ถ้าทำเรื่องขอเบิกต้องระบุชื่อโรคในใบเสร็จด้วย แล้วถ้าต้นสังกัดผมรู้ว่าผมเป็นโรคอะไร ผมจะทำไงดี

พอได้อ่านข้อความของหลายๆท่านแล้ว ทำให้ผมรู้ว่าไม่ได้มีผมคนเดียวที่เป็นโรคนี้ แต่ยังมีเพื่อนๆอีกหลายคนร่วมชะตากรรมเดียวกับเรา อาการของผมมันคงเริ่มตั้งแต่สมัยเด็กๆ เท่าที่พอจำได้จะเป็นอาการของการไหว้พระๆๆๆๆๆขอให้คุ้มครองพ่อ แม่ พี่ น้อง ปู่ ย่า ตา ยาย ลุง ป้า น้า อา...สัตว์ที่เรารัก และอื่นๆๆๆๆๆๆแล้วก็จะหมุนมือเป็นวงกลมๆๆๆอยู่หลายทีจนรู้สึกว่าลงล๊อค อาการล้างมือก็มีช่วงหนึ่งล้างบ่อยมากๆแต่ตอนนี้ลดลงแล้ว แต่ช่วงนี้ที่เป็นหนักคือ การปิดไฟ ปิดประตูบ้าน ปิดร้าน คือเวลาทำอะไรก็แล้วแต่ผมจะนับ 123-12-123-12-1 แล้วจะจินตนาการเป็นรูปสามเหลี่ยมไปด้วยตามตัวเลขที่เรานับแล้วก็จะกระชากประตูไประหว่างนับเลขจนพอใจ จึงจะหยุดได้ กลัวร้านข้างๆเค้าว่าเราบ้าเหมือนกัน ไม่อยากเป็นแบบนี้เลยทำไมต้องมาเกิดกับตัวเราด้วยก็ไม่เข้าใจ เวรกรรมหรือว่าอะไรก็ไม่รู้ แต่พอได้มาอ่านของเพื่อนๆก็เข้าใจหัวอกของคนเป็นโรคนี้เลยว่ามันทรมาน แต่ยังงัยก็ขอเอาใจช่วยทุกคน ให้อาการดีขึ้น ทุกวันนี้พยายามคิดว่า อะไรจะเกิดมันก็เกิด ว่าจะลองนั่งสมาธิดู ได้ผลยังงัยจะมาแจ้งให้ทราบอีกทีนะครับ สู้ๆนะครับทุกคน เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะ

ไม่ทราบว่าคนท้องจะเป็นได้มั๊ยค่ะ อารมณ์หนูไม่เหมือนเดิมค่ะ ขึ้นๆลงๆจนพักนี้หนูทะเลาะกับคนไหนบ้านบ่อย ไม่มีความสุขเลย

เรียนคุณหมอและทุกท่านค่ะ

ตอนนี้ดิฉันอายุ 27 ปี กำลังศึกษาอยู่ปริญญาโท

ก่อนหน้านี้ประมาณกลางเดือนมิถุนายนแพทย์ได้วินิจฉัยว่าเป็นโรคทางจิตเวชคือ panic (โรคตื่นตระหนก) ซึ่งเป็นอาการแรกเริ่มของโรคซึมเศร้า และได้รับการรักษามาเป็นระยะเวลา 4 เดือน โดยมียาหลัก ๆ คือ Fluoxetime 20 mg และ Alprazolam 0.25 mg

ขณะนี้ อยู่ในช่วงลดปริมาณยา และจะหยุดยาได้หลังรับยาครบ 6 เดือน

วันนี้บังเอิญเจอบทความเรื่องโรค "ย้ำคิดย้ำทำ"

ซึ่งจากการวิเคราะห์เบื้องต้น คิดว่าตัวเองก็เป็นโรคนี้อยู่เหมือนกัน โดยสรุปเป็นประเด็นได้ดังนี้

1.คิดว่ามือสกปรกอยู่ตลอดเวลา และต้องล้างมือวันละหลาย ๆ ครั้ง

2.คิดด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ตัวเองเคารพ หยุดยั้งความคิดไม่ได้ และสุดท้ายจะรู้สึกผิด

3.กังวลเรื่องการปิดไฟ ปิดน้ำ เตาแก๊ส ปิดประตูบ้าน และพยายามตรวจสอบหลาย ๆ ครั้ง ว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีก่อนออกจากบ้าน

4.ต้องจัดให้สิ่งต่างๆ วางอยู่เท่าๆ กัน จัดของให้อยู่เป็นระเบียบ อยู่ในที่ๆ เคยอยู่ และระยะห่างสองข้างต้องเท่า ๆ กัน

5.คิดซ้ำๆ หรือมีภาพขึ้นมาในจินตนาการซ้ำๆ ในเรื่องที่ตนเองเห็นว่าน่ารังเกียจหรือเป็นเรื่องผิด ซึ่งมักเป็นเรื่องทางเพศ ความก้าวร้าว หรือเกี่ยวกับศาสนา

6.ทิ้งสิ่งของไม่ได้ รู้สึกเสียดาย

7.กลัวสิ่งที่มองไม่เห็น ตอนนอนพยายามหันมองไปที่ประตู กลัวใครจะบุกเข้าห้อง ไม่อยากยื่นแขนขาออกนอกเตียง กลัว

ฯลฯ

หลังจากได้รับยากลุ่มดังกล่าว รู้สึกอาการดีขึ้น แต่ตอนนี้ยังไม่ได้ไปพบจิตแพทย์เพื่อตรวจดูอาการย้ำคิดย้ำทำ

ซึ่งตอนแรกไม่คิดว่า จะเป็นอาการของโรค คิดว่าเป็นเพราะนิสัยส่วนตัว และไม่จำเป็นต้องรักษา

สำหรับผู้ที่ต้องการพูดคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์เขียนมา หรือ แอตมาคุยกันได้ค่ะ

[email protected] เนยค่ะ

ขอขอบคุณทุกความคิดเห็นนะคะ

เรียนถามคุณหมอนะคะ

ดิฉันมีอาการที่ชอบคิดตลอดเวลาว่าสามีต้องนอกใจ ต้องมีผู้หญิงคนอื่นอีก คิดอย่างนี้ประจำตั้งแต่ลืมตา หรือแม้กระทั่งหลับยังเก็บไปฝัน และชอบเช็คโทรศัพท์ซ้ำๆ หลายๆครั้งว่าแอบโทรหาใคร จิตใจหมกมุ่นครุ่นคิดแต่เรื่องนี้ จนไม่มีใจทำงาน บางครั้งที่โทรหาเค้าพอเค้าไม่รับก็คิดไปสาระพัดว่าต้องทำอะไรอยู่กับใคร คิดมากๆๆๆๆๆจนมือและขาไม่มีแรง ทำงานไม่มีสมาธิ ไม่อยากคุยกับใคร เก็บตัวเงียบอยู่คนเดียว และจะเป็นอาการอย่างนี้ตลอดทุกวัน จนทำให้สามีรำคาญ แบบนี้ถือว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำได้มั้ยคะ ไม่สบายใจมาก อยากหยุดคิดแบบนี้ พยายามมากๆๆๆ แต่ทำไม่ได้ พอพยายามที่จะไม่คิดมันกลับรู้สึกเครียดเหมือนเราถูกบังคับ อาการยิ่งแย่ไปใหญ่ ช่วยด้วยนะคะ คุณหมอหรือผู้รู้ทั้งหลาย ทรมานมากๆๆๆจริง หรือจะแอดมาที่ [email protected]

ผมเองเพิ่งจะรู้วันเองครับว่าผมเป็น "โรคย้ำคิดย้ำทำ" เพิ่งจะมาเจอกระทู้นี้ โดยมีอาการหยุดคิดเรื่องที่ไม่อยากคิดไม่ได้ ทุกครั้งที่คิดก็สะเจ็บหัวใจแปลบๆ และจะจินตนาการให้รู้สึกแย่ไปเรื่อยๆ และจะคิดแทรกขึ้นมาทุกเวลาที่ทำอะไรอยู่ก็ตาม มันทรมานจริงๆ ครับ แต่ผมมั่นใจว่าผมจะต้องหายจากอาการนี้ให้ได้ ขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคน และตัวผมเองให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้

ปล. สำหรับผมแล้วผมคิดว่าการออกกำลังกายน่าจะช่วยผมได้ เพราะเคยออกกำลังกายแล้วรู้สึกสมองปลอดโปร่งขึ้นมาก

ผมเคยเป็นหนัก แต่มหัศจรรย์ แค่ออกกําลังกายกีฬาที่ตัวเองชอบ (ตะกร้อ) อาการมันแทบหายไปหมดเลย กินอิ่ม นอนหลับ...ลองออกกําลังกับกีฬาที่ตัวเองชอบดูครับ 7 วันเห็นผล ค่อยทําไม่ต้องหักโหมครับ

ช่วยตอบกระทู้ 123 ทีๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ได้โปรด

กระทู้ที่ 123 คะ ในฐานะที่เป็นข้าราชการเหมือนกัน ในความคิดเห็นของดิฉันคิดว่าคุณต้องเลือกที่จะเสียเงิน หรือเลือกที่จะให้ที่ทำงานรู้เรื่องการรักษา แต่ดูแล้วคุณจะแคร์สายตาคนรอบข้าง เพราะฉะนั้นอาจต้องยอมจ่ายเงินไปโดยไม่ต้องทำเรื่องเบิก อันนี้แค่เป็นแนวทางนะคะ คุณก็พิจารณาด้วยตัวคุณเอง ยังไงก็เป็นกำลังใจ

คห 123 ครับ ถ้าเป็นข้าราชการสามารถไปทำใบเบิกตรงกับที่รพ.นั้นได้ครับ

รอเวลาเขาตรวจเช็คสัก 2-3 สัปดาห์ ถ้าผ่าน ทีนี้เวลาไปรับยาก็จะไม่ต้องชำระเงินสดครับ

ทางโรงพยาบาลเขาจะไปหักกับกรมบัญชีกลางเอง

เพราะฉะนั้นเรื่องการไป รพ. เบิกยาก็จะไม่ผ่านหน่วยงานต้นสังกัด ไม่มีต้องรายงานใครว่าเราป่วยเป็นอะไร

ลองไปถามเรื่องนี้กับ รพ.ที่คุณรักษาดูนะครับ

กระทู้ที่ 123 ต้องดูนะคะว่าคุณเบิกจ่าายตรงหรือผ่านหน่วยงาน ถ้าเป็นส่วนท้องถิ่นจะเบิกจ่ายที่หน่วยงาน หากเป็นหน่วยงานอื่นน่าจะเบิกจ่ายตรง

หนูชื่อ ชลาลัย อายุ 12 ปีคิดว่าตัวเองน่าจะเป็นโรคย้ำคิดค่ะ เพราะว่าบางครั้งก็เอาสมุดเก่าๆมาจัดรียงคิดว่าจะทิ้งแต่ก็ไม่ทิ้ง พอทิ้งไปแล้วก็แบบว่า เศร้าเลย ว่าตัวเองว่าทิ้งไปทำไม หนูเคยคิดว่าตัวเงเป็นโรคประสาท เพราะหนูเคยคิดฆ่าตัวตายและถามแม่ว่าให้หนูเกิดมาทำไม ตอนนั้นหนูอายุ 3 ขวบและมีจิตนาการกว่าคนอื่น เพื่อนหนูบอกว่าหนูเก็บกด

บางครั้งหนูก็เกลียดพ่อ ทั้งๆที่ไม่อยากคิดอย่างนั้น หนูเป็นโรคเครียดด้วย หนูควรทำยังไงกับาการเหล่านี้ดีค่ะ หนูพยายามคิดว่ามีคนอื่นลำบากว่าหนู แต่หนูก็อดคิดไม่ได้ว่า ที่เราเกิดมาเป็นสิ่งที่ดีมั๊ย ที่พ่อมีฟนใหม่มันก้เป็นเรื่องส่วนตัวของพ่อ(แม้ว่าจะมี 1 ในนั้นท้องก็ตาม) สำหรับน้า(คนที่ท้องกับ...เค้าคอยให้คำปรึษาหนุ) เค้าบอกว่ารื่องที่หนูคิดเป็นเรื่องเกินตัวแต่ยังไงก้ตามหนูก็เกิดคิดตกไม่ได้ว่าถ้าเราตายไปทุกอย่างจะดีขึ้นมั๊ย หนูเลยลองเปิดเว๊บเกี่ยวกับปัญหาฆ่าตัวตายดู ว่าการที่เราฆ่าตัวตายนั้นเป็นการสร้างปัญหาและความเสียใจให้กับคนอื่น และมีหลายสิ่งที่หนูคิดที่จะลืมปัญหานั้นไปทั้งไท่ลืมไม่ได้...ขอบคุณค่ะ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยตอบกระทู้ 123 ให้ วันนี้ผมไปทำเรื่องเบิกจ่ายตรงที่ รพ. จิตเวช โคราช แล้ว อีกเดือน นึง คงได้รักษา สู้ต่อไป 5555

เมื่อก่อนก็เป็นเป็นมากด้วยค่ะ คือ ทำอะไรต้องนับเช่นบ้วนปากแปรงลิ้น 5 ครั้ง ย้ำคิดย้ำทำมากจนรำคาญตัวเอง ยังเคยดิดว่าเป็นคนเดียวในโลกเลยที่เป็นแบบนี้ ที่บ้านก็รักษาตั้งแต่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ไสยศาสตร์ แต่ไม่มีอะไรดีขึ้นค่ะ จนได้เจอหมอที่ช่วยเราได้มากค่ะ

ที่วิชัยยุทธ อยากบอกว่าหมอชื่อ พงศธร แผนก จิตเวช เก่งมากค่ะ ตอนนี้ชีวิตก็ดีขึ้นมากค่ะ ไม่ย้ำคิดและนับทุกสิ่งเหมือนก่อน คือเป็นน้อยลงมากค่ะ อยากบอกทุกความเห็นว่าทุกอย่างแก้ไขได้ค่ะ อย่าท้อแท้

ที่โพสมาหนูป็นทุกอย่างเลยตั้งแต่เด็กๆจนตอนนี้ 30 แล้วค่ะ อาการเหล่านี้ก็ดีขึ้นมากจนเกือบหายแต่ต้องกินยาตลอดนคะ

แล้วหนูยังเป็นซึมเศร้าอีก กลัวจะเป็นโรคต่างๆมากมาย(ทุกโรค55) แม่และครอบครัวหนูเครียดจนไม่ไหวไม่รู้ลูกเป็นอะไร

แต่ตอนนี้ไม่เครียดมากแล้วค่ะเป็นเพราะยาที่กินได้ผลดีมาก ลองปรึกษาหมอดูนะคะ ช่วยได้จริงๆ สุดท้ายอยากบอกว่ามันเป็นมาจากความกังวลในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นค่ะลองคิดดูดีๆว่าเราย้ำคิดย้ำทำเพราะกลัวเหตุการณ์ข้างหน้าจะเกิดสิ่งที่ไม่ดีกับเราค่ะ เลยเป็นโรคนี้ สุดท้ายนี้ ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้หายเป็นอาการนี้ทุกคนนะคะ พระเจ้ารักคุณค่ะ อยากฝากคำพูดนี้ให้ทุกคนอ่านค่ะ เราต้องมี

ดวามรัก เต็มไปด้วยความหวัง สันติสุข ไม่มีความกลัว สดชื่น มั่นคง ปัญหาทุกอย่างได้รับการแก้ไข ค่ะ

และมีหมอไหนรักษาดีๆบ้างคะในกทม. รบกวนหลายๆคนช่วยแนะนำหน่อยค่ะ

ขอบคุณมาก

อยากรู้จังว่าโรดแบบนี้รักษามีค่าใช้จ่ายเท่าไร นานไหมจะหาย บัตรประกันสังคมรับหรือไม่ใครรู้ช่วยบอกทีนะ

ตอบคุณ ket ค่าใช้จ่ายในการรักษาขึ้นกับว่าใช้ยาอะไรค่ะ แต่เดี๋ยวนี้ก็มียาราคาไม่แพงแต่ใช้ได้ผลก็เยอะนะคะ นานไหมกว่าจะหายขึ้นกับคนไข้ค่ะ ส่วนใหญ่ถ้ากินยาอย่างเดียวก็เป็น 1-2ปีค่ะ จากนั้นค่อยๆลดยา จนคุมอาการได้ก็ไม่ต้องใช้ยาแล้วค่ะ แต่ถ้าอาการยังมีอยู่อาจต้องใช้ยาต่อไปอีกค่ะ จนกว่าอาการจะดีขึ้นส่วนใหญ่แพทย์มักแนะนำให้ใช้พฤติกรรมบำบัด ร่วมด้วยถึงจะได้ผลและผลในการรักษาจะยั่งยืนกว่าการใช้ยาอีกค่ะ แต่ถ้าอาการเป็นมากแล้วไม่สามารถใช้พฤติกรรมบำบัดได้ก็ต้องให้กินยาก่อนค่ะ ถ้าพออาการดีขึ้นบ้างแล้วค่อยมาใช้พฤติกรรมบำบัดร่วมด้วยค่ะ สิทธิ์การรักษา เป็นบัตรประกันสังคมก็ใช้ได้นะคะแต่เวลานำใบเสร็จไปเบิกค่ารักษาต้องระบุโรคด้วยค่ะ

หนูคิดว่าหนูเป็นโรคยำ้คิดยำ้ทำ แม่หนูก็เป็นโรคนี้เช่นกัน แต่หนูไม่ค่อยขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพราะพ่อแม่ไม่ได้เชื่อมาก แต่นอกนั้นก็คล้ายๆ แล้วแต่ช่วงว่ายำ้อะไร ช่วงหนึ่งหนูย้ำเรื่องความสกปรกเพราะเรียนวิชาสุขศึกษาหนูก็ย้ำล้างมือมาก ช่วงหนึ่งเรียนวิทยาศาสตร์เรื่องอาการท้องผูก หนูก็บ่นกับพ่อว่าหนูทำไมไม่ถ่ายทุกวัน พยายยามเข้าห้องนำ้ทุกเช้า ช่วงหนึ่งหนูก็ดูโฆษณาว่าต้องกินน้ำวันละ๘แก้ว หนูก็ต้องไปซื้อนำ้ขวดทุกเที่ยง ช่วงหนึ่งแม่บอกให้หนูประหยัด หนูก็ประหยัดจนมีเรื่องกับครู เพื่อนมากมาย เป็นต้น หนูรู้สึกว่ายิ่งโตก็ต้องยิ่งเป็นหนักมากขึ้น ช่วงหลังๆย้ำมากจนไม่เป็นตาอ่านหนังสือสอบเพราะมัวแต่ไปกังวลเรื่องอื่นๆ พ่อคิดว่าหนูควรทำอย่างไร อาการหนักขั้นไหนแล้วหรือค่ะหนูต้องไปกินยารึเปล่าค่ะ

คือหนูเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำไหมคะบางครั้งรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นดรคประสาททรมานมากค่ะ

เช่น ก่อนนอนก็คิดเรื่องแฟนจะนอกใจไปคุยกับใคร เวลาโทรไปแล้วไม่รับสายหนูก็คิดๆๆๆๆๆๆๆมาเป็นเดือนๆแล้วคะและร้องให้มากกก

บางครั้งถึงกับเก็บเอาไปฝันว่าทะเลาะกับแฟนหลายหนและร้องกรี๊ดว่ามึงเลิกกับกูตื่นขึ้นมาตอนเช้าเลยปรากฎว่ามันคือความฝันเราก็ตลกขำตัวเราเองมาเราเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆเลยค่ะ ตอนนี้เครียดค่ะบางทีกวาดบ้านแล้วก็ต้องกวาดซ้ำๆกลัวไม่สะอาดมีฝุ่นนิดหน่อยก็ต้องกวาดไหม่ให้สะอาดเลย เครียดมากค่ะ บางครั้งต้องนอนร้องให้คิดฟุ้งซ่านเป็นแบบนี้มาเป็นปีๆแทบไม่ต้องคิดเรื่องอะไรแล้วค่ะเรียนก็ไม่สามารกเรียนได้ปวดหัวตอนเรียนก็ยิ่งแย่สมาธิหายไปหมดเลยค่ะหนูว่าหนุ่เป็นหรือปล่าวค่ะพอจะมียาทำไห้หายจากโรคนี้บางไหมค่ะ

สาเหตุหลักๆคือ แฟนนอกใจบ่อยๆและเราจับได้จึงเกิดอาการจิตหลอนบ้าไปแล้วค่ะ

ใครมีวิธีช่วยหนูได้บ้าง ตอนนี้อายุ20 ปี

แอดมาคุยกันนะคะ

นางมยุรี รัตนดาดาษ

อยากปรึกษาหมอเรื่องการถอนผม ลูกสาวชอบถอนผมไปรักษาก็ไม่ดีขึ้น เพราะจะถอนผมเพิ่มทุกวันจนเห็นหัวเหว่ง บางที่ กินยาที่หมอให้ก็เอาไม่อยู่ แกก็ไม่มีความอายเพื่อน ๆ น่ากลัวจังไม่รักสวยรักงามเลย ไม่รู้จะทำอย่างไร

ผมก็เพิ่งรู้ตัวเองว่าเป็นได้ไม่นานนี้ครับ (5 เดือน) ตอนนี้ก็อายุ 35 แล้ว ครับ เรียนจบปริญญาเอกจากเมืองนอก เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัย มีตำแหน่งทางวิชาการ เป็นผู้บริหารของมหาวิทยาลัย หลังๆทำงานหนัก เครียดๆ เลยเกิดอาการย้ำคิด และวิตกกังวลกับเรื่องต่างๆ พื้นฐานก็เป็นคนเก็บกดอยู่แล้ว ช่วงที่เป็นทรมานมาก จนคิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าแน่ๆ นอนไม่หลับ เลยหันไปนั่งสมาธิ ช่วงแรกๆก็ดี แต่นานไปเหมือนยิ่งกดความคิด (นั่งเองแบบไม่มีใครสอน) ยิ่งอาการหนักกว่าเดิม กลายเป็นว่าย้ำคิดเรื่อง การตาย (มรณสติ) กลายเป็นกลัวตายขึ้นสมอง พยายามต่อสู้อยู่ประมาณ ครึ่งปี และจะเป็หนักในช่วงทำสมาธิจนแทบทำไม่ได้ เครียด แน่นหน้าอก นอนไม่หลับ เอาไปเอามากลายเป็นการย้ำคิดเรื่องนอนไม่หลับ เลยทำให้นอนไม่หลับจริงๆ ทรมานมากครับช่วงนั้น เห็นว่ามันไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นและไม่กล้าบอกใครด้วยแม้แต่แฟนตัวเอง หลังๆไม่ไหวเลยโทรบอกพี่สาวที่บ้าน พี่สาวก็บอกว่าก็เคยเป็นพักนึง(ประมาณครึ่งปี)ช่วงอายุเท่าๆกัน (ตายหละหว่า เป็นโรคกรรมพันธ์หรือนี่) เลยตัดสินใจไปโรงพยาบาลจิตเวช นั่งทำแบบสอบถาม 600 กว่าข้อ สรุปออกมาคือ เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ หมอบอกว่า คนต่างจังหวัดไม่น่าเป็น....(ซะงั้น)...หมอให้ Fluoxetin 20 mg กินสองเม็ดเช้า กับยาคลายเครียด (Lorazepam) กินก่อนนอน.....อาการดีขึ้นครับ แต่มีแกว่งๆบ้างช่วงเครียดๆ....แต่ปัญหาการนอนยากยังรบกวนอยู่บ้าง.....ช่วงนี้มีอาการย้ำคิดเรื่องการกำหนดสติลงที่การเคลื่อนไหวของกาย (จริงๆก็ไม่มีสติหรอกครับเป็นการเพ่งซะมากกว่า 5555) แต่ก็ไม่ยอมแพ้ครับพยายามกำหนดสติแบบหลวงพ่อเทียนอยู่ ล้มบ้าง ลุกบ้าง (ส่วนใหญ่จะล้ม) ก็สู้ๆไปครับ โชคดีเป็นคนชอบออกกำลังกายทุกวัน โรคทางกายเลยไม่มี(ตรวจร่างกายมาก็ปกติดีคับ) ไม่ได้เป็นหวัดกะเขามาหลายปีแล้วครับ

ผมคิดว่าไม่มีอะไรที่จะเสียไปเพียงอย่างเดียว การป่วยครั้งนี้ผมได้อะไรกลับมาเยอะ จากคนไม่เคยสนใจธรรมะ ก็หันหาธรรมะ จากคนเสเพลกินเหล้า ก็ละจนจะเลิกแล้วครับ จากคนคิดมากไปซะทุกเรื่อง ก็คิดที่จะวาง จากคนที่คิดว่า ทำอะไรต้องได้ กลายเป็นว่าช่างมันเถอะ ทำดีที่สุดก็พอ ทำเหตุปัจจุบันให้มันดีก็พอ ....จากคนบ้างาน ทำงานวันละ 14-15 ชั่วโมง ก็ลดเหลือ 8 ชั่วโมงพอแล้ว ที่เหลือทำอย่างอื่นพักผ่อน

ชีวิตย่อมนำสิ่งที่ดีมาให้เราเสมอ....ถ้าไม่ถึงวิกฤติ ชีวิตก็ไม่เปลี่ยน....ในทางที่ดีขึ้น....ใช่ไหมครับ.....

ตอนนี้อายุ20กำลังจะ21ค่ะ

เราเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำมาได้หนึ่งปี นี่เข้าปีที่สอง และเป็นโรคซึมเศร้าสิบกว่าปีนับตั้งแต่เริ่มเป็นโดยไม่รู้ตัวจนไปหาหมอ

ตอนแรกเราไม่รู้ ว่าเราเป็นอะไร เพราะเศร้าตลอดเวลา เหมือนมีชีวิตอยู่ไปวันๆ ไม่อยากทำอะไร นั่งร้องไห้บ่อย ตอนเด็กๆ ก็จะมีอาการกลัวความสกปรก แต่พอเพื่อนว่าเรามากๆ ก็เลยเลิกๆ ไป

อาการปัจจุบัน เวลาออกจากบ้านก็กลัวลืมปิดไฟบ้าง เตาบ้าง คิดว่าดึงปลั๊กพัดลมหรือยัง ปิดแก๊สหรือยัง ต่างๆ นาๆ ต้องเดินเข้าไปดูอีกรอบ ทิ้งข้าวของไม่ลง ล้างมือบ่อยถ้าคิดว่าสิ่งที่จับสกปรก ซึ่งเราไม่ได้คิดว่าตัวเองเป็นโรค

จนเรามีอาการคิดไม่ดีต่อสิ่งที่เคารพไปในทางอนาจาร มันจะมีภาพผุดขึ้นมา เห็นก็ไม่ได้ เป็นแบบนี้ตลอด แรกๆ ก็ไม่เท่าไหร่ ถ้าไม่เห็นไม่เป็นไร แต่พอช่วงหลังๆ ไม่เห็นก็คิด เราพยายามสู้กับมันมากๆ ไม่คิดๆๆ ทุกข์ทรมาน อาการเหมือนคนหัวใจสลาย นั่งร้องไห้เพราะมันทุกข์ใจมากๆ ทรมานใจสุดๆ คราวนี้เริ่มมีอาการตื่นกลัว หูแว่ว เห็นอะไรดำๆ วิ่งไปมาบ้าง

ในที่สุดเราก็ไปหาหมอค่ะ(อาการหูแว่ว เห็นอะไรดำๆ หรือกลัวหายไปแล้ว) และเล่าทุกอย่างให้หมอฟัง ทั้งอาการที่เป็น ทั้งเรื่องสมัยเด็กจนโต(หมอถาม) ซึ่งเราคิดในตอนนั้นว่า เราปกติ หมออาจจะบอกว่าเราคิดมากไปให้กลับบ้านไปนอน แต่ปรากฏว่าหมอบอกอาการเรามาค่ะ ซึ่งตรงกับสิ่งที่เราเป็นมากๆ

เขาบอกว่าเราเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ และมีอาการซึมเศร้าด้วย

เราเพิ่งจะเริ่มรักษาได้อาทิตย์เดียวค่ะแต่ที่เรามาเขียน เพราะอยากเป็นกำลังใจให้คนที่เป็น ว่าคุณไม่ได้เป็นคนเดียวนะคะ คือเราตอนยังไม่เจอเวปนี้เราทุกข์มากค่ะ ทรมานมาก เราไม่รู้ว่าทำไมเป็นแบบนี้ คนอื่นเขาก็ไม่ได้เป็น พอได้มาอ่านทุกความเห็นเราก็รู้ว่าไม่ใข่แค่คนเดียวที่เป็น รู้สึกดีและมีกำลังใจมากขึ้น

ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองเป็นหรือสงสัยข้องใจ ไปพบแพทย์ดีที่สุดค่ะ ทุกโรงพยาบาล มีแพทย์จิตเวชทั้งนั้นค่ะ แต่อาจจะเข้าเป็นบางวัน เพราะไม่ใช่โรงพยาบาลเฉพาะ เราแนะนำให้โทรไปสอบถามทางโรงพยาบาลที่ไปสะดวกหรือไปประจำว่ามีหมอทางจิตเวชหรือไม่ หมอเข้ากี่โมง มาวันไหน หมอชื่ออะไร ผู้หญิงผู้ชาย หรือคุณอาจจะระบุไปเลยว่าอยากพบหมอผู้หญิงหรือผู้ชาย เพราะการรักษาต้องพบแพทย์บ่อยค่ะ ไม่ได้ไปรักษาเหมือนเราเป็นหวัด

นี่เป็นสิ่งที่เราประสบกับตัวเองมา อยากให้คนที่กำลังข้องใจหรือว่าเป็นแล้วไปหาหมอค่ะ เอาพ่อแม่พี่น้องไปเป็นเพื่อนก็ได้ อย่ารอให้มันเป็นหนักๆ เลยค่ะ ที่เราออกมาพูดไม่ใช่ว่าเราดีแล้วสบายแล้ว แต่เราเข้าใจว่าคนที่เป็นมันทุกข์ทรมานมากๆ ค่ะ บอกใครก็ไม่มีใครเข้าใจ พูดไปสิบรอบแต่คนฟังกลับหาว่าเราคิดไม่ดี ฉะนั้นไปหาหมอดีที่สุดค่ะ ให้หมอวินิฉัย

หนูก็เป็นโรคนี้ค่ะ มันทรมานมากเลย

หนูเป็นโรคที่แบบ กลัวของตก กลัวมือสกปรก

กลัวนู่นกลัวนี่ คิดมากไปหมดเลย

อยากหายไวๆค่ะ คิดว่าชีวิตนี้คงจะไม่หายแน่เลย

พึ่งรู้ว่าที่ทำคือโรคชนิดหนี่ง

เราเป็นคนหนี่งที่ ชอบทำอะไรซ้ำๆ ทั้งที่พึ่งไหว้พระไป กลับคิดว่ายังไม่ได้ไหว้ ต้องลุกขึ้นมาไหว้ใหม่ บางวันกว่าจะได้นอนต้องไหว้หลายๆที จนแฟนถามว่าทำอะไร ทำไมต้องไหว้หลายๆที ซึ่งเราเองก็ตอบไม่ได้ และตอนนี้กำลังท้องอยู่ยิ่งเป็นหนักกว่าเดิม ชอบคิดบางทีไม่อยากคิดแต่บังคับให้สมองไม่คิดไม่ได้ บางทีกำลังขอพร สมองเราเองก็คิดเห็นแต่สิ่งไม่ดี ทั้งๆที่ขอพรดี สมมติว่า ขอพรว่าให้ลูกออกมาร่างกายแข็งแรงแต่แว็บนึงก็คิดเห็นภาพเด็กที่ไม่แข็งแรง เราก็ต้องขอพรเดิมซ้ำๆอีกที ว่าขอให้ลูกแข็งแรง เป็นอย่างนี้ทุกวันเว้นแต่วันใหนที่เผลอนอนหลับ มันทรมานมากจิงๆนะคะ สงสารตัวเองที่สุดเลย

ถึงคุณ filox [IP: 124.121.120.210] 
25 มกราคม 2554 16:09 

 

เคยมีอาการแบบเดียวกันเมืิ่อสี่ปีที่แล้วค่ะ และสามารถเอาชนะได้ และตอนนี้หายเป็นปกติ สบายและโล่งมาก ถ้ายังไงต้องการคำปรึกษา เมลล์มาได้นะคะ [email protected]

เคล็ดลับที่ทำให้หาย คือเราต้องไม่พยายามไปแก้มันค่ะ  เมื่อเราคิดขึ้นมาให้กำหนดว่า คิดหนอ...ที่มันทำให้เราทุกข์ เพราะ เราปักใจและเชื่อว่า ความคิดนี้เป็นสิ่งไม่ดี ไม่ควรทำ เราผิดที่คิด วิธีแก้ คือ ให้มองว่ามันเป็นแค่ความคิดที่ลอยอยู่ในหัว คิดแล้วก็ผ่านไป ไม่ได้ติดอยู่กับตัวเรา  เมื่อ เรามองว่า ความคิดนี้ หรือภาพนี้ เป็น "กลางๆ" เป็นแค่กลุ่มก้อนความคิดหนึ่ง ไม่มีปัญญัติว่าดีหรือร้าย...ความกังวลซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการย้ำคิดย้ำทำ จะหายไป แล้วซักสามสี่วัน จะโล่งขึ้นมาก จนหายสนิทในที่สุด  

และ สำคัญมากกกคืนะคะคือ อยู่กับปัจจุบันค่ะ ไม่ต้องกังวลว่ามันจะคิดอีก

ขอให้โชคดีค่ะ

โม

ผมเพิ่งเห็นโฆษณาใน tvว่า ThaiPBS วันพฤหัสที่ 3 กพ. 54  นี้เวลา 2 ทุ่มครึ่ง ? รายการ sponge จะมีวิธีการแก้อาการย้ำคิดย้ำทำ ยังไงก็ลองดูกันนะครับ

รู้สึกว่าตัวเองเป็นโรคแบบนี้มาเกือบจะปีนึงแล้ว

จากสิ่งที่เรานับถือ  สิ่งที่เรารัก  และชีวิตที่เคยมีแต่ความสุข

ตอนนี้แทบจะไม่มีอีกแล้ว

ไม่ว่าจะมองอะไรก็ตามที่เราเห็น  ผมมองว่ามันไม่ดีไปหมด

เวลาหยิบจับของ หรือวางอะไร ต้องรู้สึกว่าสิ่งๆนั้น อยู่ตรงกลางตลอด

สิ่งที่นับถือ ผมก็คิดว่าเกลียด คิดหยาบคาย

แม้แต่ผู้มีพระคุณ เราก็คิดว่าเราไม่นับถือเค้า

มีแฟน จะทำอะไรกับแฟน หรือมองหน้าแฟนเรา 

เราก็คิดเป็นคนอื่นไปซะหมด  แฟนเสียใจมาก  และผมก็เสียใจ

ที่ทำไม จากที่เคยดี ๆ ตอนนี้มันเหมือนมีอะไรมาควบคุมความคิด จินตนาการเราเอาไว้

แทนที่จะเป็นตัวเรา แต่กลับรู้สึกว่า มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเอง

บางครั้งอยากจะฆ่าตัวตาย จะได้ไม่ทรมานแบบนี้อีก (ไม่รู้เวรกรรมหรือเปล่านะ)

ผมต้องทำยังไงบ้าง อยากจะหยุดคิด แต่ก็ทำยากเหลือเกิน 

ต้องทำยังไง อาการแบบนี้ถึงจะดีขึ้น

ต้องใช้ยาช่วยหรือเปล่า ? 

ตอนนี้ผมอยากให้ชีวิตกลับมาดีขึ้นอีกครั้ง ไม่ใช่มาจมกับความทุกข์ทรมานแบบนี้

ผมไม่อยากเป็นตลอดชีวิต ผมกลัวว่า หากวันหนึ่งผมทนไม่ไหว ผมยอมแพ้มัน

ผมอาจจะต้องเสียใจไปตลอดชีวิตเลยก็ได้

 

ช่วยบอกผมที ผมต้องทำยังไงถึงจะชนะอาการพวกนี้

 

 

 

ถึงคุนข้างบน

 

อย่าเพิ่งท้อใจไปค่ะ  ดิฉันเคยเป็นแบบคุณและเคยทรมานอยากฆ่าตัวตายเช่นกัน

ขณะนี้อาการเหล่านั้นหายเป็นปลิดทิ้งแล้ว โดยไม่ต้องมียา ไม่ต้องไปหาหมอใดๆทั้งสิ้น

ประเด็นของโรคนี้ และวิธีที่ดิฉันหาย  ก็เพียงแค่ "ไม่สนใจ" มันค่ะ  คือมันอาจจะเข้าใจยากแต่ทีแรก  ที่คุณเศร้า และคุณทรมานเกี่ยวกับ"ความคิด" เป็นเพราะคุณไปยึดว่ามันไม่ดีไงคะ  ไปยึดว่า คำๆนี้ เป็นคำหยาบ ทำแบบนี้ไม่มี พอเกิดคุณทำขึ้นมาจริงๆ มันก็เลยทุกข์

วิธีคือ มองแค่มันคือความคิด  ไม่ต้องพยายามแก้ใข ไม่ต้องพยายามหยุดความคิด แค่ปล่อยให้มันคิด และมองเป็นกลางๆว่า มันก็แค่ความคิด ไม่ได้มีความหมายแง่ร้ายหรือดี พอความกังวลว่า คุณจะคิดอะไรแย่ๆอีก หายไป....อาการก็จะบรรเทาลง ทุกอย่างจะคลายตัวเองค่ะ

เป็นอยู่เหมือนกันครับ อาการของผมคล้าย ๆ กับของคุณ k. กับ คุณ เนย มาก ๆ ทรมานมากครับตอนเป็น ผมเริ่มเป็นตั้งแต่เด็ก ๆ แล้ว จนตอนนี้ก็ 30 กว่าแล้ว เคยมีช่วงที่หายอยู่พักนึง ช่วงที่เป็นหนัก ๆ ก็มีหลายช่วงเลย ในช่วงประมาณ ม.3 บวกลบปีสองปี เป็นหนักมาก ๆ ครับ ที่ว่าคล้ายกับคุณ k. ก็ตรงเรื่องปิดเปิดประตู ผมก็เป็นเช่นนั้นครับ คือระหว่างปิดเปิดประตูจะมีความคิดเรื่องไม่มีแทรกเข้ามา เราต้องคิดเรื่องดี ๆ เพื่อเป็นการหักล้างอยู่ตลอด  จะต้องเดินเข้าเดินออกอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะคิดเป็นเรื่องดี ๆ ได้    เรื่องเวลา ทุกครบรอบชั่วโมง เช่น เวลา 09.00 น. พอเข้าเวลานี้ถ้าความคิดเป็นเรื่องไม่ดีหรือมีจินตนาการในเรื่องที่เลวร้ายขึ้นมาละก็  จะต้องรอชั่วโมงต่อไป นั่นคือ 10.00 น. พอถึงตอนนั้นก็ต้องคิดหรือจินตนาการเรื่องดี ๆ ให้ได้ และกว่าจะถึงเวลานั้น ก็จะไม่ทำอะไรเลย (ไม่กินข้าว,ไม่กินน้ำ,ไม่ดูทีวี ฯ ) จนกว่าจะถึงเวลาที่จะแก้เป็นเรื่องดี ๆ  และถ้าถึงเวลาแล้ว ยังคิดเรื่องดี ๆ ไม่ได้ ก็ต้องรอต่อไปนั่นคือ 11.00 น.  ถ้ายังคิดไม่ทันอีก ก็ต้องรอไปเรื่อย ๆ เชื่อไหมครับ เคยมีวันที่ผมทำไม่ได้ กว่าจะได้กินข้าวมื้อแรก ก็ 20.00 เข้าไปโน่น  และระหว่างนั้นก็ไม่ทำอะไรเลยนะครับ   เป็นหนักครับ  แม้แต่ตอนลุกจากที่นอนตอนเช้า  ก็ต้องคิดให้เป็นเรื่องดี ๆ ครับ (เรื่องนี้ปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่ ) ถ้าเวลาลุกขึ้นแล้วมีมโนภาพเรื่องไม่ดีเข้ามาละก็  ต้องล้มตัวลงไปนอนใหม่ ( ตอนเข้านอนก็เป็นเช่นกัน ) จนกว่าจะจินตนาการเรื่องดี ๆ ตอนลุกหรือเข้านอนได้ 
พอมาเรียนอุดมศึกษา  ก็มีแฟน ช่วงอยู่กับแฟนกับเพื่อน ๆ ไม่เป็นครับ หรือเป็นก็ไม่เป็นหนัก แบบเบา ๆ ก็เช่น เวลาใส่เสื้อผ้าแล้วคิดเรื่องไม่ดี ก็ถอดออกแล้วใส่ใหม่ ก็ไม่บ่อยครับ มาก ๆ ก็แค่ 3-5 รอบ
เหนื่อยครับ  ถ้าใครไม่เป็นไม่รู้  ผมเข้าใจเลย ใครที่เป็นแบบนี้ มันน่าสงสารครับ บางครั้งเราก็กลัวอะไรแบบที่ไม่มีเหตุผล  เช่น ถ้าเราไม่แก้หรือไม่คิดเรื่องดี ๆ เพื่อหักล้างกับความคิดหรือมโนภาพแย่ ๆ ได้ ก็กลัวว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบที่เราคิด กับคนหรือบุคคลที่เรารักหรือรู้จัก  จึงต้องแก้ไขคิดเรื่องดี ๆ ให้ได้  ไม่ว่าจะทำสักกี่ครั้ง ก็ต้องทำ เคยเป็นนะครับ ถึงขึ้นอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้ว จะออกไปนอกบ้านละ  ได้ยินเสียงหรือเจอข่าวไม่ดีจากในทีวีขึ้นมาละก็  ต้องย้อนกลับไปอาบน้ำใหม่แล้วแต่งตัวอีกรอบ และระหว่างอาบน้ำแต่งตัวต้องต้องจินตนาการเรื่องดี ๆ ทุกขั้นตอน กว่าจะอาบน้ำแต่งตัวใหม่เสร็จก็ปาเข้าไป 3-4 ชั่วโมง  กว่าจะได้ทำอะไรต่อ   เฮ้อ !!! เป็นไปได้..บ้าไหมละครับ
สงสารตัวเองและสงสารทุกคนที่เป็น  หายยากเหมือนกันครับโรคนี้ มันอยู่ที่จิตและความคิดของเรา ที่ไหลและไม่อยู่นิ่ง วิ่งตลอดครับ ยากที่จะจับให้คิดเรื่องดี ๆ ได้ตลอด  ยิ่งช่วงไหนที่อยู่คนเดียว ยิ่งเป็นหนัก 
วิธีแก้ไขเท่าที่ผมพอทำได้เพื่อบรรเทาอาการ(ไม่เคยใช้ยาครับ) ก็คือ อย่าอยู่คนเดียว เพราะความคิดจะฟุ้งซ่านมาก ๆ และเวลาอาการกำเริบเราทำได้แบบไม่ต้องแคร์ใครเพราะไม่มีใครรู้ นั่นก็จะทำให้เป็นหนัก    และอีกอย่างก็คือ  ต้องปล่อยวาง  นั่นคือต้องคิดให้ได้ว่า การจะเกิดอะไรคิดไม่ใช่อยู่ที่เรา มันมีหลายสาเหตุและปัจจัยผสมกัน  ไม่ใช่ว่าเราคิดไม่ดีเรื่องนั้นแล้วจะต้องเป็นแบบนั้นเพราะเรา   ก็ต้องพยายามคิดแบบนี้ครับ  เราต้องไม่ทำตามจิตเรา ต้องเอาชนะที่จะทำอะไรซ้ำ ๆ  ซึ่งก็ได้ผลบ้างและไม่ได้ผลบ้าง เพราะบางเรื่องมันเป็นเรื่องที่เรารู้สึกว่าร้ายแรง ไม่แก้ก็ไม่สบายใจ ก็ต้องพยายามคิดเรื่องดี ๆ แก้ไขให้ได้ ถึงจะทำอะไรต่อไปได้
แต่ก็จะพยายามครับ  ต้องสู้ต่อไปครับ

 

ตอนเเรกอาการที่เป็นคือ ชอบสังเกตก๊อกน้ำว่าผมปิดน้ำ สนิดหรือยัง ผมเป็นอาการเเปลกนี้มาเกือบๆ 3 เดือน ตอนเเรกคิดว่าตัวเองบ้า คือตอนเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จ ก็ต้องนั่งมองก๊อกน้ำ ว่ามันปิดสนิดยัง ดูหลายๆรอบ เเต่หลังๆผมทนไม่ไหวกับการทำเเบบนี้ ผมจึงตัดใจ เมื่อเข้าห้องน้ำเสร็จ จะไม่ดูมัน ตอนเเรกๆก็รู้สึกเหมือนตัวเองขาดอะไซักอย่าง เเต่พอผ่านไป 1 อาทิตย์ ไม่น่าเชื่ออาการเเบบนี้ก็หายไปเลย ผมเเนะนำนะครับ เราต้องกล้าที่จะลืม ต้องลองผืนใจดู 1 อาทิตย์  สามารถเเก้ได้ ขอบคุณครับ

คือว่าหนูก็เป็นนะคะ คือว่าหนูเล่นเกมอะคะเเล้วหนูก็รู้จักคนนั้นทางเกมเเล้วเราก็เเลกเบอร์กับเมล เเล้วเราคุยกันมาเดือนสองเดือนคะเเม่หนูก็รู้ว่าหนูคุยกับมันเเต่เเม่ก็ตักเตือนหนูเเล้วบอกว่าไม่ต้องคุยกับมันอีกเเต่หนูดันอยากคุยกับมันอีก มาวันหนึ่งคนนั้นมันมาด่าหนูเเล้วก็ไม่คุยกับมันเลยเเล้วก็เปลี่ยนเบอร์คะ คือว่าหนูเห็นหน้ามันในmsn เเละหนูจำเสียงมันได้อะคะ เเล้วมันมาหลอนในหัวหนูมานานมากอะ มันไม่ยอมออกซะทีมีเเต่เรื่องของมันมาวนเวียนอยู่นั่นเเหละ หนูไม่ได้ชอบมันนะคะเเต่มันมาด่าหนูถึงพ่อเลยอะ เเล้วในตอนนี้ก็มีเเต่เรื่องของมันที่มันมาหลอนในหัวอะ

ทำไงดีคะช่วยหน่อยคะหนูก็เป็นย้ำคิดย้ำทำคะ T T

ผมก็เป็นเหมือนกันครับ แต่ตอนนี้แทบจะไม่มีอาการให้เห็นเลยครับนานๆทีจะมาทีแต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมากมาย จริงอย่างที่คุณหมอบอกเลยครับผมเริ่มเป็นตอนอายุ 20 ปีพอดีเลยครับ ตอนนั้นรู้สึกแย่มากอย่างที่ทุกคนในที่นี้รู้ดีว่ามันแย่แค่ไหน สาเหตุที่สำคัญที่สุดคือ "ความกลัว" ครับ กลัวว่าความคิดการกระทำนั้นเป็นสิ่งที่ผิดจะมีผลในทางลบต่อตัวเรา ผมไม่ได้ไปหาหมอหรือรักษาทางการแพทย์นะครับ สิ่งที่ผมใช้รักษานั้นคือ ใจของเราเอง เราต้องคิดว่าแค่นี้ทำไมเราจะทำไม่ได้ คนอื่นเค้าโชคร้ายกว่าเรานับไม่ถ้วนในโลกนี้เป็นแสนเป็นล้าน คนยากจนจนไม่มีอะไรจะกิน คนเกิดมาพิการ คนขอทาน คนในประเทศที่อดอยาก คนที่ไม่มีความพร้อมเลยของชีวิต แล้วเค้าเหล่านั้นทำไมอยู่ได้ บางคนประสบความสำเร็จกว่าคนดีๆทั่วไปเสียอีก เราครบ32 แล้วทำไมเราจะอยู่จะสู้ไม่ได้ ทั้งที่เราพร้อมกว่าพวกเค้าตั้งเยอะ ลองไปหาอ่านประวัติคนที่ประสบความสำเร็จหลายๆท่าน ที่มีพื้นหลังที่น่าเศร้าดูสิครับจะได้มีกำลังใจในการสู้ต่อไป อย่าไปโทษตัวเองครับว่าคิดไม่ทำไม่ดี ให้คิดว่ามันเป็นของมันเองมันบังคับไม่ได้เพราะฉะนั้นมันไม่ใช่ตัวของเรา ถ้าเป็นตัวของเราเราต้องควบคุมมันได้สิ ปล่อยวาง.... ลองสังเกตดูว่าความคิดหรือการกระทำมันเกิดขึ้นมาจากสาเหตุใด การคิดการสังเกตแบบนี้จะช่วยให้เราไม่คิดถึงเรื่องย้ำคิดย้ำทำนั้น และจะมีสมาธิอีกด้วย หาเหตุผลของมันดูแล้วไม่ช้าก็จะได้รับคำตอบของตัวมันเอง สุดท้ายนี้อยากจะฝากบอกทุกคนว่า "ใจเรานั้นสำคัญที่สุด จะสู้หรือจะถอยขึ้นอยู่กับตัวคุณ" และที่สำคัญ   อย่ากลัวความจริง 

อย่าลืมคิดบวกคิดในแง่ดีไว้เยอะๆนะครับ ถึงจะทำได้ยาก เราก็ฝึกคิดดีบ่อยๆ แล้วมันก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นมาเองตามลำดับ ยังมีสิ่งดีๆในชีวิตรอคุณอยู่อีกมากมายครับ ลองหาดู

ทำไมด้านข้างมันแหว่งอ่ะคะ อ่านไม่เข้าใจ

คือเจอลูกค้า ชอบตามของ ตามๆๆๆแล้วก็ตาม พูดแล้วว่าของกำลังมาก็ตามๆๆ ซ้ำๆๆ แล้วก็เมล์ตัวหนังสืออันโตๆมาว่าเมื่อไหร่จะมา ทั้งที่มันแค่ 7 วันเอง ก็บอกไปแล้วก็ยังตามๆๆๆ ส่งsms มาขอ Tracking Number ตอนเช้า ตอนบ่าย ส่งมาขออีกแล้ว เพิ่งเป็นลูกค้ากันหนแรก ยอมส่งSMS ไปบอกเลยว่า ไม่ขายให้แล้ว มันน่ารำคาญมาก คนอย่างนี้เป็นโรคหรือเปล่า แล้วที่เป็นนี้เป็นเด็กวัยรุ่นด้วยนะคะ ไม่ใช่คนแก่ มันทำให้อีกฝ่ายจะป่วยไปด้วยนี่สิ ประสาทเสียมากค่ะ มันแย่ตรงนี้

สามีดิฉันเป็นโรคยำคิดยำทำกลัวความสกปรกกลัวเลือดเป็นอย่างมาก แรกๆที่เขาเป็นบุคคลิกจะเปลี่ยนไปจากเดิมมาก จะซึมนั่งไม่พูดไม่จาขับรถก็คอยหลบสิ่งสกปรกจนดิฉันจับสังเกตุได้เพราะเกือบเกิดอุบัติเหตุ ทุกวันนี้รักษาโรคนี้อยู่8 เดือนแล้วแต่การก็ยังไม่นิ่ง คนรอบข้างคือดิฉันก็ต้องรักษาตัวเองด้วยเพราะเครียดจัด แถมลูกชายก็ได้รับพันธุกรรมโรคยำคิดยำทำจากพ่อเขาด้วย ดิฉันสงสารลูกมากช่วงใดที่เครียดอาการของลูกเองก็จะกำเริบเช่นกัน บางทีดิฉันก็ท้อใจเพราะต้องรับภาระหนักเหลือเกิน โชคดีหน่อยที่ทางบ้านพอมีฐานะมิเช่นนั้นดิฉันคงไมอยู่ในโลกน้อีกแล้ว โรคนี้ทรมานทั้งผู้ป่วยและคนรอบข้างเอามากๆ เท่าที่ถามหมอบอกว่าไม่หายขาด ดิฉันโชคร้ายเหลือเกินแต่พอมาเจอข้อคิดจากพวกคุณๆก็ทำให้ดิฉันคิดว่าตัวเองยังมีเพื่อนอยู่ช่วยปลอบใจกันหน่อยนะคะ

โอ๊ย เครียดๆๆๆๆ

หนูเพิ่งอายุ14เองค่ะ

แต่ดันมาเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ

มันทรมานมากเลย พยายามจะไม่ทำอะไรๆซ้ำ แต่มันก็อดไม่ไหวทุกที

เป็นเกือบทุกข้อที่กล่าวมาเลย

ขนาดวางผ้าไว้บนเตียงเฉยๆก็ยังจัดแล้วจัดอีก ทั้งๆที่มันก็อยู่ของมันดีอยู่แล้ว

อยากจะร้องไห้

คือรู้นะว่าทำอะไรอยู่ แต่ก็ฝืนตัวเองไม่ได้

อยากไปเป็นคนมักง่ายจัง อย่างน้อยก็มีความสุขกว่า

ไม่ต้องหวาดวะแรง ทรมานแล้วก็เครียดเหมือนที่เป็นอย่างทุกวันนี้

ทำเอาจนจะบ้า

มันหยุดคิดไม่ได้

พอเห็นพระหรือพระพุทธรูปอะไร อยู่ๆคำด่ามันก็โผล่ขึ้นมาในหัว

พยายามไม่คิดแล้วแต่มันดันคิดอีก

ทรมานจนไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว

อีกอย่างนึงคือเวลาถือของมีคมอะไรก็อยากเอามาตัดนิ้วตัวเอง

แทงตัวเอง

แทงคนอื่น

ทั้งๆที่ไม่อยากจะทำเลย

พยายามฝืนหรือยั้งมือไว้

อ่านหนังสือก็อ่านแต่บรรทัดเดิมๆ ข้อความเดิมๆ อ่านแล้วอ่านอีก

ทั้งๆที่อยากจะอ่านไปหน้าอื่น แต่ก็หยุดสายตาตัวเองไม่ได้

พอพิมพ์อะไรสักอย่างในคอม หนูก็จะลบตัวอักษรตัวนึงแล้วพิมพ์ตัวนั้นใหม่

แล้วก็ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่าหนูจะพอใจ

แล้วก็สารพัดย้ำคิดย้ำทำอะไรหลายๆอย่าง

ทำไงดีคะ

มันทรมานมากเลย

มันทรมานจนหนูอยากจะร้องไห้เลย

ตอนนี้กำลังพยายามรักษาตัวเองอยู่

ก็ดีขึ้นมานิดนึง

แต่อาการก็ยังมีเยอะ

หวังไว้อย่างเดียวว่าหนูจะได้หายเหมือนคนปกติซักที

เพื่อนหนูก็เริ่มสงสัยแล้วว่าหนูเป็นอะไร

มีแต่หนูคนเดียวที่รู้อาการ

เพราะหนูจะเป็นแบบนี้ตอนอยู่คนเดียวหรือตอนเพื่อนเผลอ

อยากขอแค่อย่างเดียว

คือขออยากกลับมาเป็นปกติอีกครั้งนึง

จะมีหวังมั้ยคะ...

อาการย้ำคิดย้ำทำที่เคยเป็น

1. อายุ 10-12 ปี เกิดจากคืนหนึ่งที่เราหิวน้ำมาก อาการหิวน้ำทุกครึ่งชั่วโมง ไม่ได้กินเหมือนจะตาย ตอนนอนต้องเอาน้ำไว้บนหัวนอน ตอนไปโรงเรียนต้องเอาน้ำพกใส่ถุงไปกินตามทาง

2. อายุ 16-27 ปี มีวันหนึ่งที่ทานข้าวและทานขนมหวานมากจนมีอาอาการข้าวติดคอ ตั้งแต่นั้นมาก็บ้วนเสมหะทุกครั้งก่อนทานข้าว เพราะคิดว่าเสมหะจะติดคอ กลัวตาย อาการนั้นคิดว่าทานข้าวแล้วข้าวติดคอ เป็นมาตลอดหลายปี ตอนอายุ 21 ปี อาการข้าวติดคอรุนแรงมากจนกินไม่ได้ ผอมแห้งแรงน้อย จึงต้องไปหาหมอ หลังจากหมอคุยไปมา จึงบอกให้เราไปหาจิตแพทย์แต่ก็ไม่เคยไปหาเลย

3. อายุ 23 – 32 ปี เป็นอาการเหนื่อยง่าย ปกติเป็นคนไม่แข็งแรงแต่ชอบเล่นฟุตบอล มีวันหนึ่งไปแตะฟุตบอลนานประมาณ 70 นาที และเหนื่อยมากร่างกายรับไม่ไหว หัวใจเต้นแรงและเร็วมาก ร่างกายมือชา เท้าชา กลัวตายจึงรีบขึ้นแท็กซี่ไป รพ.เลิดสิน เข้าออกซิเจนประมาณ 30 นาที หัวใจจึงเต้นเป็นปกติ ตั้งแต่นั้นมา

พอเล่นฟุตบอลไปสัก 20 นาทีก็จะเป็นอาการเหนื่อยหอบตลอด เครียดสะสม และต่อมา คิดย้ำๆตลอดว่าตัวเองนอนไม่หลับ เป็นคนหลับยากเกิดจากคิดซำๆซ้ำไปซ้ำมาวันละหลาย 10 รอบ

4. คิดด่าพระ,ด่าพระพุทธรูป สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เกิดจาก เมื่อต้นเดือน เม.ย. 54 นี่เอง ผมไปปฏิบัติธรรม 3 คืนที่วัดแห่งหนึ่ง คือปกติเป็นคนสนใจธรรมะอยู่แล้ว เพราะคยบวชมา พอคืนแรกจิตกำลังจะนิ่งก็มีมารหรือความจิตดีกับจิตเลว ปะทะความคิดกัน จิตเลวครอบงำได้และมีโรคนี้มาก่อนอยู่แล้ว(แต่ไม่รู้ตัว) จึงเครียดบ้าง ดีบ้าง เพราะสวดมนต์ตลอด แต่สวดมากๆ จิตไม่น้อมนำ มันต่อต้านตลอดทำให้เราหัวใจเต้นแรง เหมือนคนดันประตูกันไปมา จะไปข้างใดข้างหนึ่งก็ไม่ไป บางวันนั่งรถเมล์ไปทำธุระ แทบจะโดดออกมากลับบ้านเพื่อนั่งสมาธิ เวลาเข้านั่งสมาธิสงบบ้าง ด่าบ้างอยู่อย่างนั้น กลัวบาปมากๆเลย แต่เราก็หายทุกครั้งโดยนั่งสมาธิชั่วโมงกว่าจึงจะหายแต่ไม่หายขาดนะ เห็นรูปพระไม่ได้เลย จิตเผลอคิดไม่ดีตลอดดีที่ได้กุศลตลอด พอมาเปิดเน็ตดูถึงรู้ว่าเราไม่ใช่คนเดียวที่เป็นอย่างนี้ อ๋อ! รู้แล้วว่าเราเป็นโรค

วิธีแก้ไข

1. คิดรู้ว่าเราเป็นโรค ไม่ผิดศีลธรรมหรอก เพราะพระพุทธเจ้าพระองค์ตรัสว่า กรรมเกิดจากเจตนาทาง วาจา ใจ เท่านั้นจึงจะมีผล ส่วนทางใจนั้นมันจะไปกั้น มรรค ผล นิพพานคือใจไม่เป็นกุศล ไม่ปล่อยจิตให้ว่าง โดยการไม่น้อมนำเข้าสู้สายเลือด จะไม่สามารถ ได้อัปนาสมาธิ เข้าถึงฌานได้ สวรรค์นั้นคือแค่ไม่ทำบาป ก็ได้ขึ้นสวรรค์แล้ว

2. ปล่อยวางตามความเป็นจริง ให้พิจรณาความ “ว่าง” เหมือนที่ท่านพุทธทาสสอนมากๆ

3. เอาตัวเราออกมานอกผืนโลกกลมๆที่เราอยู่ เหมือนว่าเราเป็นดาวเทียมที่มองโลกใบเล็กนี้ๆได้ เห็นเป็นกลมๆอยู่ เราก็จะได้คติว่า แม้แต่แม่น้ำเจ้าพระยาเรายังมองไม่เห็นเลย แล้วเราจะแบกโลกอยู่ทำไม

4. คนที่เป็นโรคนี้ ส่วนมากจะกลัวตายเป็นพิเศษ คุณว่าจริงไหม ฉะนั้นก็อย่าไปคิดมันให้คิดว่า เมื่อถึงคราวตายมันจะตายเอง เมื่อไม่ถึงเวลามันไม่ตายหรอก

5. คนที่เป็นอาการอย่างนี้ส่วนมากจะเป็นคน sensitiveและฉลาด บางคนฉลาดมากๆ คือคิดโลกอย่างลึกซึ้งกว่าคนอื่นๆ ซึ่งถ้าใช้สติ ปัญญาในทางที่เป็นประโยชน์แล้ว ก็จะช่วยให้ตัวเอง ประสพความสำเร็จมากกว่าคนอื่นๆด้วยซ้ำ

6. บอกเพื่อนเราที่ไว้ใจได้ว่าเราเป็นโรคนะOPC ไม่ใช่โรคจิต,หรือบ้า ผมคิดว่าคนปกติทุกคนเป็นหมอเราได้ครับ ขึ้นอยู่กับว่าจะเข้ากับจริตเราหรือเปล่า

ปัจจุบัน ทุกข้อที่กล่าวมาหายหมดแล้ว เกิดจากการใช้ธรรมะด้วย การฝึกจิตด้วยเข้าช่วยด้วย หลังจากที่รู้ว่าเป็นโรค ผมก็ใช้จิตบำบัด บำบัดเองจากจิตภายใน นั่งสมาธิบ้างแต่ต้องชั่วโมงกว่าๆจึงจะดีขึ้น เหลืออาการแค่ 10 เปอร์เซ็นต์ คิดว่าจะหายขาดภายใน 1 เดือน( พ.ค.54) แน่นอนครับ ใครที่เป็นโทรมาปรึกษาได้นะครับ ผมชอบช่วยเหลือคนอยู่แล้ว ได้กุศลดี โทร 083-0512867,089-0683303 ปัจจุบัน เป็นผู้จัดการ(คุณติ๊ก)

มันทรมานมากเลยค้ะ ถึงแม้มันจะเป้นแค่ความตคิดแต่มันเหนื่อยนะค่ะ หนูอยากหายค่ะทำยังไงดี หนูควรจะทำไง ควรไปหาหมอไม๊ค่ะ หนูไม่อยากเป็นแบบนี้อีกแล้ว บางทีก็นึกลบหลู่พระที่เราเคารพแต่ก็พยายามหาข้อหักล้างว่าเราไม่ได้คิด พยายามทำให้มันเป้นเรื่องดีแต่ก้ทำไม่ได้ บางทีก้คิดไปเองว่าคนโน้นคนนี้ต้องโกรธเกลียดเราแน่เลย แค่โทไปแล้วเค้าไม่รับ ก้คิดไปไกล ตคิดไปถึงว่าเค้าไปรุ้อะไรมารึเปล่ามีใครนินทาเราไห้ฟังรึเปล่า

พอมาอ่าน หนูคิดว่าหนูเป็นนิดหน่อย ตอนแรกหนูไม่รู้ตัวเลย คือ ก่อนนอนหนูจะจินตนาการเรื่องต่างๆซ้ำแล้วซ้ำอีก เช่น จินตนาการว่าเข้าไปอยู่ในระเบียงสีขาวทอดยาวไปไกลสุดสายตา วันต่อมาหนูก็จะคิดอีก คิด คิดต่อไปเรื่อยๆจนติด ถ้าไม่ได้คิดจะนอนไม่หลับ แล้วหนูชอบล้างมือซ้ำๆ เป็นอุปสรรคมากค่ะ หนูไม่ค่อยมีเพื่อน พอมีเพื่อนแล้วเพื่อนไม่ได้คุยด้วย หนูจะคิด คิดว่าพวกเพื่อนๆเกลียดหนูแน่ๆเลยก็เลยชวนคุย แต่หนูไม่ใช่คนช่างพูดพอคุยแล้วจะคิดว่าเขารำคาญเราหรือเปล่า ก็เลยเงียบ พอเงียบแล้วก็คิดต่อไปเรื่อยๆ ตอนนี้หนูอยู่ม.6 ตอนป.5เคยทำเรื่องน่าอายอย่างหนึ่ง แล้วเพื่อนเอาไปบอกคนอื่นๆ แล้วมันจำมาตลอด พอหนูคิดเรื่องนี้หนูจะเริ่มร้องไห้ แต่กหยุดคิดไม่ได้ แล้วที่บ้าน ย่าเป็นคนปากจัดมาก เรื่องที่หนูไม่ได้หรือทำเขาจะเอามายัดเยียดให้หนูแล้วด่าหนูจนได้ ไม่ว่าเรื่องนั้นจะดีหรือไม่ดี แต่หนูก็นึกไม่ออกว่าเคยทำหรือเปล่า คือหนูจะจำอะไรไม่ได้เลย เหมือนความจำเสื่อมเลยค่ะ เเล้วตอนเด็กหนูเคยนำเพลงใกล้รุ่งไปดัดแปลง แล้วพอโตมาก็คิดว่าบาปแน่ๆ แล้วหนูจะเริ่มคิด คิดๆๆๆๆๆ หนูเคยคิดว่าศาสนาพุทธไม่ดี ตอนโตมายอมรับว่าดีแล้วนึกถึงอดีตว่าทำไมเคยคิดอย่างนั้น และจะเริ่มคิดซ้ำๆจนสติจะเเตกเลยค่ะ เรื่องเลขทะเบียนรถก็เข้าข่าย เช่นทะเบียน 3569 หนูจะเอา 3+5=8, 6+9=15 เอาคำตอบมารวมกันได้23แล้วจะเอา3กับ2มารวมกันเป็น5แล้วก็ถอดรากอีก คือ ทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว เสื้อผ้าจะเปลี่ยนวันละสองสามรอบเพราะคิดว่าไม่ดี

เฮ้อ มีอีกเยอะค่ะ หนูเป็นมาตั้งแต่เด็กเลย ตอนนี้อายุ17แล้ว ไม่รู้ว่าจะรักษาได้รึเปล่า แล้วหนูยังเป็นโรคกลัวที่กว้างอีก เจอคนเยอะๆหนูจะตัวแข็งทื่อ คิดว่าคนอื่นจะจ้องตัวเองด้วยสายตามุ่งร้าย เวลาเดินจะไม่ยอมเดินกลางๆ จะเดินริมๆเพื่อให้มีที่ยึดเกาะ ถ้าหนูออกไปในที่กว้างๆหนูจะชวนคนอื่นๆคุยเพื่อข่มความกลัว หรือไม่ก็ทำตัวให้เล็กที่สุดเท่าที่ทำได้ บางครั้งเครียดมากจะเข้าไปอยู่ในตู้เสื้อผ้าเเคบๆแล้วขังตัวเองไว้ในนั้น เวลานอนจะดึงหมอนข้างมาใกล้ตัวให้มากที่สุด ให้ตัวเองชิดกำเเพงเข้าไว้เพื่อความอุ่นใจ และจะเกาะหมอนข้างไว้ไม่ให้ออกไปไกลๆ และหนูเป็นคนชอบเรื่องมนุษย์ต่างดาวมาก จะคิดเสมอว่าอยากให้มนุษย์ต่างดาวมาโจมตีโลก และฆ่าทุกคนไป และหนูคือคนเดียวบนโลกที่รอดอยู่ หรือไม่ก็เราตายคนเดียว แต่คนอื่นกลับถูกพาไปยังโลกที่ดีกว่าโลกนี้ ตอนแรกหนูคิดว่าไม่เป็นอะไร มันก็แค่จินตนาการ พอมันเริ่มฟุ้งซ่านคิดทุกๆครึ่งถึงหนึ่งชั่วโมงแล้วเป็นความคิดเลวร้าย หนูจะเริ่มร้องไห้ว่าทำไมต้องคิด หรือไม่ก็ถ้าเรื่องที่เราคิดเป็นจริงทำไมเราต้องตายคนเดียว หรือรอดคนเดียว ทั้งๆที่ตัวเองเป็นคนคิดและจินตนาการแท้ๆ เอ่อ เรื่องนี้เกี่ยวด้วยหรือเปล้าก็ไม่รู้ แต่หนูคิดว่าหนูอาจเป็นโรคทางจิตด้วยเหมือนกันน่ะค่ะ

ผมก็เคยเปนนะ อาการคล้ายๆแบบนี้เลยเวลาคิดอะไรจะคิดให้มันเห็นไปถึงโครงสร้างเลยอะคับ เช่นมองโต้ะก็จะนึกไปถึงตะปูถึง

อุปกรณ์แล้วก็จะคิดซ้ำๆอยู่อย่างนั้นเมื่อมอง เห็นอะไรก็จะคิดอย่างนี้มันปวดหัวมากเลยคับ เวลาเล่นกีฬาเล่นอะไรก็จะคิดมาก

คิดกลัวว่าตัวเองจะทำผิดกฎกลัวจะทำอะไรน่าอายๆไป ทำให้ผมจะกดดันเสมอ เมื่อทำอะไรต่อหน้าคนอื่น เมื่อกดดันมากก็มักจะ

ไม่สำเร็จเพราะไม่มีสมาธิ แต่เวลาทำอะไรตอนอยู่คนเดียวก็ทำได้ตามปรกติ ชอบจินตนาการแปลกๆเห็นใครทำอะไรนิดหน่อย

ก็คิดว่าเค้ามีปฎิสัมพันธ์กับเรา มันทรมานมากเลยคับต้องคิดตลอดเวลา ระวังตลอดเวลา สิ่งเหล่านี้ทำให้นอนยากด้วยคับ ...

หนูคิดว่าคนเกือบ 70% เป็นโรคนี้ค่ะสาเหตุหลักอาจจะเกิดจากความเครียด อาการซึมเศร้าเลยทำให้สมองพยายามคิดสิ่งต่างๆ

ขึ้นมาจากจิตใต้สำนึกเพื่อให้ความรู้สึกของตนเองดีขึ้น เเละอาจจะเกิดมาจากสิ่งเเวดล้อม ความรัก ความเข้าใจ ความอบอุ่นจากครอบครัว เเละสังคมที่เห็นเเก่ตัว

ผมก็มีปัญหาคิดว่าตัวเองเป็นโรคประสาทเหมือนมีอะไรอยู่ในห้วเรื่องที่คิดไม่ออกฟุ้งซ่านไม่มีสมาธิชอบทำอะไรแปลกๆแล้วชอบคิดเรื่องเดิมๆวนไปมา

ในหนังสือ ทางสายเอก ของหลวงพ่อจรัญ เขียนไว้น่าสนใจจึงอยากนำมาบอกต่อครับ

พระพุทธเจ้า ตรัสว่า เจตนาเป็นกรรม

การกระทำโดยมีเจตนาเกิดขึ้นในตอนใดตอนหนึ่งถือว่าเป็นกรรมทั้งสิ้น ส่วนการกระทำที่ไม่มีเจตนา คือใจไม่ได้สั่งให้ทำ ไม่จัดว่าเป็นกรรม เช่น คนเจ็บซึ่งไม่ไข้สูง เกิดเพ้อคลั่ง แม้จะพูดคำหยาบออกมา เอามือเท้าไปถูกใครเข้าก็ไม่เป็นกรรม ทั้งนี้โดยหลักเกณฑ์ที่ว่า ถ้าผู้ทำไม่มีเจตนากระทำแล้ว การกระทำนั้นก็ไม่เป็นกรรม

ผมก็มีปัญหาย้ำคิดย้ำทำอย่างมากครับ ในเรื่องของความคิดผิดๆที่เกิดขึ้นเองเมื่อก่อนก็พยายามข่มไม่ให้คิด ทำให้อึดอัดมาก หลังๆมานี้พอได้ศึกษาธรรมะผมคิดว่าอาการเกี่ยวกับความคิดที่เราไม่ได้ตั้งใจนั้นไม่น่าจะเป็นความผิดใดๆนะครับ คือ ตอนนี้ผมปล่อยความคิดอิสระไปเลยอยากคิดอะไรก็ช่างมัน พยายามควบคุมการแสดงออกทางร่างกายให้ดีแทน อย่างเช่นเวลาผมไปวัด ใจมันจะคิดลบหลู่ก็ปล่อยมันแต่ผมจะพยายามรักษากริยามารยาทที่ดีใว้ให้ได้ก็พอ ตอนนี้เรื่องความคิดลบหลู่พระไม่เป็นปัญหากับผมแล้ว แต่อาการย้ำคิดย้ำทำอื่นๆ ก็ยังเป็นอยู่ ผมเป็นคนมีปัญหาสุขภาพหลายเรื่อง บางอย่างก็รักษาไม่ได้เป็นโรคติดตัวมาแต่กำเนิด พยายามไปหาหมอเก่งๆมาหลายที่แล้วดีขึ้นบ้างไม่ดีขึ้นบ้าง ระยะหลังๆมีคนแนะนำให้ทำบุญ สวดมนต์อุทิศส่วนกุศล แล้วขออโหสิกรรม จากเจ้ากรรมนายเวร เอ้อออออออ แรกๆก็ไม่เชิ่อ แต่พอทำไปสักพัก หลายๆวันเข้า อาการต่างๆทั้งร่ายกายจิตใจมันดีขึ้นจริงๆนะครับ ตอนนี้ชีวิตดีขึ้นเรื่อยๆ อยากให้ลองปฏิบัติกันครับ ใช้เวลาสวดมนต์ ก่อนนอนทุกวันประมาณ 5 นาที แล้วก็หมั่นทำความดีในลักษณะต่างๆเช่น บริจาคหนังสือธรรมะ ช่วยเหลือผู้อื่น ฯลฯ เพื่อจะให้การอุทิศส่วนบุญกุศลของเรามีประสิทธิภาพขึ้น เจ้ากรรมนายเวรจะได้อโหสิกรรมให้เร็วขึ้นครับ

***************************************************************************

บทสวดมนต์จากหนังสือของหลวงพ่อจรัญ

-บูชาพระรัตนตรัย-

อิมินา สักกาเรนะ พุทธัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ ธัมมัง อะภิปูชะยามิ

อิมินา สักกาเรนะ สังฆัง อะภิปูชะยามิ

-กราบพระรัตนตรัย-

อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ (กราบ)

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม ธัมมัง นะมัสสามิ (กราบ)

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ สังฆัง นะมามิ (กราบ)

-ขอขมาพระรัตนตรัย-

วันทามิ พุทธัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ ธัมมัง,สัพพะเมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต,

วันทามิ สังฆัง, สัพพะ เมโทสัง, ขะมะถะเม ภันเต

-นมัสการ-

นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (๓ จบ)

-ไตรสรณคมน์-

พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ

ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ

สังฆัง สะระณัง คัจฉาม

ทุติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ

ทุติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ พุทธัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ ธัมมัง สะระนัง คัจฉามิ

ตะติยัมปิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ

-พระพุทธคุณ-

อิติปิ โส ภะคะวา อะระหัง สัมมาสัมพุทโธ

วิชชาจะระณะสัมปันโน สุคะโต โลกะวิทู

อะนุตตะโร ปุริสะทัมมะสาระถิ

สัตถา เทวะมะนุสสานัง พุทโธ ภะคะวาติฯ

-พระธรรมคุณ-

สะวากขาโต ภะคะวะตา ธัมโม

สันทิฏฐิโก อะกาลิโก เอหิปัสสิโก โอปะนะยิโก

ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหีติฯ *

(* อ่านว่า วิญญูฮีติ)

-พระสังฆคุณ-

สุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

อุชุปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

ญายะปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

สามีจิปะฏิปันโน ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

ยะทิทัง จัตตาริ ปุริสะยุคานิ อัฏฐะ ปุริสะปุคคะลา

เอสะ ภะคะวะโต สาวะกะสังโฆ

อาหุเนยโย* ปาหุเนยโย* ทักขิเณยโย* อัญชะลี กะระณีโย

อะนุตตะรัง ปุญญักเขตตัง โลกัสสาติฯ

-คำอธิษฐานอโหสิกรรม-

ข้าพเจ้าขออโหสิกรรม กรรมใดที่ทำให้แก่ผู้ใดในชาติใดๆก็ตาม

ขอให้เจ้ากรรมและนายเวร จงอโหสิกรรรมให้ข้าพเจ้า อย่าได้จองเวรจองกรรมต่อไปเลย

แม้แต่กรรมใดที่ใครๆ ทำข้าพเจ้าก็ตาม ข้าพเจ้าขออโหสิกรรมให้ทั้งสิ้น

ยกถวายพระพุทธเจ้าเป็นอภัยทาน เพื่อจะได้ไม่มีเวรกรรมต่อไป ด้วยอานิสงส์แห่งอภัยทานครั้งนี้

ขอให้ข้าพเจ้า ครอบครัว บุตรหลาน ตลอดจนวงษาคณาญาติและผู้อุปการะคุณของข้าพเจ้า

มีความสุขความเจริญ ปฏิบัติ แต่สิ่งดี และสิ่งที่ชอบด้วยเทอญ..

-บทแผ่เมตตา-

สัพเพ สัตตา

(สัตว์ทั้งหลาย ที่เป็นเพื่อนทุกข์ เกิดแก่เจ็บตาย ด้วยกันทั้งหมดทั้งสิ้น)

อะเวรา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีเวรแก่กัน และกันเลย)

อัพยาปัชฌา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้ พยาบาทเบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย)

อะนีฆา โหนตุ

(จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด อย่าได้มีความทุกข์กาย ทุกข์ใจเลย)

สุขี อัตตานัง ปะริหะรันตุ

(จงมีความสุขกายสุขใจ รักษาตนให้พ้นจากทุกข์ภัยทั้งสิ้นเทอญ)

-บทอุทิศส่วนกุศล-

อิทัง เม มาตาปิตูนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ มาตา ปิตะโร

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่มารดาบิดาของข้าพเจ้า ขอให้มารดาบิดาของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง เม ญาตีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ ญาตะโย

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า ขอให้ญาติทั้งหลายของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง เม คุรูปัชฌายาจะริยานังโหตุ สุขิตา โหนตุ คุรูปัชฌายาจะริยา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า ขอให้ครูอุปัชฌาย์อาจารย์ของข้าพเจ้า จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เทวะตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เทวา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จแก่เทวดาทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เทวดาทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เปตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เปตา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เปรตทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เปรตทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ เวรีนัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ เวรี

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง ขอให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

อิทัง สัพพะ สัตตานัง โหตุ สุขิตา โหนตุ สัพเพ สัตตา

(ขอส่วนบุญนี้จงสำเร็จ แก่สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง ขอให้สัตว์ทั้งหลายทั้งปวง จงมีความสุข)

-กรวดน้ำให้เจ้ากรรมนายเวร-

ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายของข้าพเจ้า

ที่ข้าพเจ้าได้เคยล่วงเกินท่านไว้ ตั้งแต่อดีตชาติจนถึงปัจจุบันชาติ ท่านจะอยู่ภพใดหรือภูมิใดก็ตาม

ขอให้ท่านได้รับผลบุญนี้ แล้วโปรดอโหสิกรรม และอนุโมทนายบุญแก่ข้าพเจ้าด้วยอำนาจบุญนี้ด้วยเทอญ

ให้กำลังใจทุกคนนะค่ะ สู้ๆ กับความคิดของตัวเองให้ได้

ใจเย็นๆ นะค่ะ

สู้ๆ นะตัวเอง ให้กำลังใจส่ำเหม่อ

//////////////คุณทุกๆคนที่ป่วยจะต้องหายจากอาการป่วยนี้แต่ต้องใช้เวลาอย่าต่อต้านหรือบีบบังคับความคิดนะ คุณต้องมีความเชื่อและศรัทธาว่าคุณเป็นคนดีในสังคมและไม่ได้ทำสิ่งที่เลวร้ายเพียงแต่ความคิดนั้นเป็นสิ่งที่ฟุ้งซ่านไปเองเท่านั้นเอง คุณต้องมีสตินะขอเป็นกำลังใจให้ทุกๆคน ลองไปปฏิบัติธรรมที่วัดนะหมั่นทำบุญใส่บาตรทำแต่ความดีฝึกสมาธิบ่อยๆชีวิตของคุณจะดีขึ้นเรื่อยๆ(รับรองหายแน่ๆชัวร้อยเปอร์เซนต์)///////////////

เป็นเหมือนกันครับ ไม่มีความสุขเลย ทุกวันต้องคอยคิดซ้ำไปมาจนกว่าจะคิดเรื่องที่ดีๆได้ จนไม่อยากทำอะไรแล้วขนาดอาบน้ำยังไม่อยากทำเลย เพราะกลัว เข้าไปแล้วจะคิดว่าตัวเองลืมของวางไว้ทั้งที่ๆจริงก็ไม่ได้ลืมอะไร ต้องนั่งมองอยู่อย่างนั้นจนกว่าจะคิดว่ามันไม่มีจริงๆ

ผมทรมานมากกับโรคนี้ เหนื่อยมากเหนื่อยจนไม่อยากอยู่อยากมีชีวิตแล้ววันๆผมไม่ทำอะไรเอาแต่ล้างมือกลัวไปหมดทุกสิ่งกลัวคนจะวางยา กลัวจะเป็นโรคต่างๆ ท้อใจมากคับ พ่อแม่ก็ม่เข้าใจเอาแต่ดุด่าว่าใส่ตลอดเพราะผมชอบเก็บของไปทิ้งผมพยายามจะหยุดแต่มันหยุดไม่ได้ นอนไม่เต็มอิ่มสักวัน นอนบางทีก็ไม่หลับตื่นมากแล้วก็ปวดหัวตลอด อ้างว้างมากพ่อแม่ก็ไม่สนใจทิ้งเราไม่เคยมาใส่ใจดูแลทั้งๆที่แม่ผมเป็นพยาบาล เวลามีปัญหาก็เอาแต่ว่าใส่ผมอารมณ์เสียใส่ผมตลอดไม่เคยฟังปัญหาของผมเลย ผมจึงไม่อยากพูดแล้วเวลาเขาถามอะไรผมจึงไม่บอก ผมมาเรียนที่กรุงเทพอยู่คนเดียวไม่รู้จะปรึกษาใครเหนื่อยมาก พ่อแม่ก็เอาแต่ว่าๆมีความเชื่ออะไรผิดๆ จนวันนี้ผมทนไม่ไหวเลยหาข้อมูลดูก็เพิ่งรู้ว่าเป็นโรคนี้จริงๆจังๆ ใครพอรู้ทางรักษาที่ไม่ต้องใช้ยาช่วยผมด้วยนะครับ อยากหนีไปไกลๆจังเลย.

ผมก็เป็นเบื่อมาก คิดซ้ำๆอยู่นั่น ทำซ้ำๆอยู่นั่น ผมจะมีเลขมาเกี่ยวด้วย เวลาจะทำอะไรก็ต้องทำไปมา 5 ครั้ง เช่นอ่านหนังสือประโยคเดิม ขนาดอ่านข้อความของคนอื่นก่อนหน้าก็ต้อง5ครั้ง ถ้าไม่ครบจะใจไม่ดี แต่ถ้าเกิน ก็จะต้องเป็น 10 14 20 29 59 ถ้าเป็นจำนวนอื่นจะใจไม่ดีเช่นกันกลัวว่าใครจะเป็นอะไร เบื่อมากที่ตัวเองต้องมาทำอะไรวนไปวนมาหลายๆครั้ง ตอนแรกผมคิดว่าผมเป็นโรคประสาท และมีผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้ แต่ไม่กล้าบอกใคร เพราะกลัวคนอื่นจะหาว่าบ้าโรคอะไรไม่เคยเห็น แต่ผมก็มาเจอกระทู้นี้เลยรู้ว่ามันคือโรคย้ำคิดย้ำทำและไม่ได้มีเราคนเดียวที่เป็น แต่ยังมีคนอื่นอีก ดังนั้นผมจะพยายามไม่สนใจอะไรอีกละ จะฝืนตัวเองให้ได้ จะไม่ยอมทำตามความคิดแบบนี้อีก ขอให้ทุกคนพยายามนะครับ สู้ๆครับผม

มันก็คือก็โรคประสาทนั่นแหละครับ ไม่ใช่โรคจิต คล้ายๆแต่ไม่เหมือน รักษาได้ด้วยยาและพฤติกรรมบำบัดครับ

เป็นเหมือนกัน มีเพื่อนทักเลย บอกว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือเปล่า รู้สึกตัวเองทำงานช้าลงมาก เวลาทำงานต้องทำซ้ำแล้วซ้ำอีกลงสีแล้วลงสีอีก รู้สึกไม่พอใจเลย รู้สึกด้อยค่า ในขณะที่เพื่อน ทำงานวันหนึ่งได่สิบสองชิ้น ของเราทำงานสองวันได้แค่สามชิ้น คือทำซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้นไม่พอใจสักที

เวลาพูดอะไรกับใครพอเขาทำหน้านิ่งใส่ก็จะรู้สึกไม่ดีชอบคิดเองคนเดียวว่าเขาไม่ชอบแล้วจะรู้สึกแย่ทั้งวัน จะพูดตื้อนู่นตื้อนี้จนเพื่อนรำคาญใจ

คิดมาก กลัวหลายเรื่อง

เวลาพูดพรีเช็นท์งาน ในสมองก็จะคิดเรื่องเดิมๆอยู่ตลอดเวลาเพราะกลัวคนจะไม่เข้าใจงานที่ตนนำเสนอ จึงกลายเป็นพูดวกไปวนมาจนเสียงาน เพราะพูดเรื่องเดิมซ้ำอยู่ประมาณสี่ห้ารอบ

รู้สึกเครียดที่ตัวเองเป็นอย่างนี้ แต่อีกใจก็ไม่กล้าไปหาจิตเเพทย์

ผมก็เป็นครับ

สมัยย่างเข้าวัยผู้ใหญ่ ตั้งแต่อายุ 18 - 19 ปี (ปัจจุบันอายุ 37 ปี) ผมมีความคิดวิตกกังวลหลายเรื่อง คิดซ้ำ ๆ วนเวียน อยู่กับเรื่องไม่เป็นเรื่อง ทั้งเรื่องกลัวจะหยิบมีดมาทำร้ายตัวเอง คิดในใจด่าทอพระพุทธรูปสิ่งศักดิ์สิทธิ์ หมกมุ่นอยู่กับอาการเจ็บป่วยทางร่างกาย ทั้ง ๆ ที่ไปตรวจสุขภาพมาแล้วก็ไม่ได้เป็นอะไรก็ยังย้ำคิดว่าตนเป็นโรคโน้นโรคนี้ จนกลายเป็นโรคซึมเศร้า เมื่อเริ่มเป็นตอนย่างเข้าเรียนมหาวิทยาลัยอาการแย่มาก นอนก็ไม่หลับไปพบจิตแพทย์ ได้ยาคลายกังวลมา ทานไปแล้วแทนที่อาการจะดีขึ้นกลับกลาย เป็นกังวลขึ้นมาอีกว่าถ้าหยุดทานจะนอนไม่หลับ ย้ำคิดอยู่ตลอดเวลา ถ้าวันไหนไม่กินยาก็กลัวว่าจะนอนไม่หลับ เลยไม่กล้าทานยาเลย ยิ่งย้ำคิดก็ยิ่งกังวลมากคืนนั้นก็ไม่ต้องนอน เป็นแบบนี้ทุกวันทุกข์ทรมานมาก รู้สึกเห็นใจและอยากให้กำลังใจคนที่เป็นเหมือนกัน

แต่ผมก็มีช่วงเวลาที่หายไปเป็นปกตินะครับ หายไปเป็นสิบ ๆ ปีเลยทีเดียว แต่บางทีถ้าจิตใจเราอ่อนแอมันก็กลับมาเป็นใหม่ได้ แต่เราก็พยายามประคับประคองจิตใจของเราโดยอาศัยประสบการณ์ ที่เราได้เรียนรู้จากการรักษาตนเองจนหายมาใช้ เรียกได้ว่าปัจจุบันถึงแม้จะมีความคิดเหล่านั้นอยู่บ้าง แต่มันก็ไม่สามารถมารบกวนจิตใจจนไม่เป็นอันกินอันนอนเลย ผมเชื่อครับว่าทุกคนมีโอกาสหายขาดได้ เพียงแต่คุณต้องใช้เวลา

ปัจจุบันผมใช้วิธี หมั่นเจริญสติ โดยวิธีง่าย ๆ คือ สังเกตดูความเคลื่อนไหวของกายและใจแบบหลวงพ่อเทียนครับ ช่วยได้มาก และคิดว่าหลาย ๆ คนน่าจะลองปฏิบัติดู เพราะทำง่าย วิธีการก็ง่าย ๆ ขอเพียงอย่าขี้เกียจทำ ถ้าเราอยากหายเราต้องมีความอดทนครับ เพราะถ้าทำบ่อย ๆ ก็จะกลายเป็นนิสัยของเราไปเอง เพียงแค่หมั่นสังเกตดูความเคลื่อนไหวของกายและใจ ในขณะที่เราเคลื่อนไหวทุกอิริยาบถ ไม่ต้องถึงขนาดจดจ้องนะครับ แค่พอสังเกตรู้อยู่ เช่น เดินก็รู้ว่าเดินอยู่ สังเกตดูในขณะย่างก้าว นั่งก็รู้อยู่ว่านั่ง กายและก้นสัมผัสเก้าอี้ นอนก็รู้ อิริยาบถต่าง ๆ ที่มีการเคลื่อนไหวก็หมั่นสังเกตรู้อยู่ กินข้าวอยู่ก็ให้รู้ถึงอาการบดเคี้ยวของฟันและความเคลื่อนไหวของลิ้นรับรส แปรงฟันอยู่ก็รู้ความเคลื่อนไหวของมือและรับความรู้สึกที่ฟัน รู้อะไรก็ได้ที่เกิดจากความเคลื่อนที่ของอวัยวะของเรา รู้แบบสบาย ๆ ในขณะที่รู้อยู่กับการเคลื่อนไหวของกายนั้น ถ้าใจเราหนีไปคิดหรือไปรับความรู้สึกอะไรก็ปล่อยมันครับอย่าไปห้ามความคิดความรู้สึกนั้น เพียงแค่รู้ว่าคิดก็พอแล้วปล่อยมันดูซิว่าจะคิดต่อหรือจะหยุดคิด เพราะยิ่งถ้าเราไปห้ามความคิดเราจะยิ่งฟุ้งซ่าน เราไม่สามารถห้ามความคิดได้ เพียงแต่ถ้าเรารู้ว่าเราคิดแล้วเราก็ค่อย ๆ ดึงความรู้สึกกลับมาอยู่ที่ความเคลื่อนไหวของกายเราเหมือนเดิม คิดอีกก็รู้แล้วค่อย ๆ ดึงกลับมา และเราก็ไม่ต้องไปรู้สึกโกรธหรือหงุดหงิดถ้าเราเผลอไปคิดนะครับ ฝึกแรก ๆ อาจรู้สึกอึดอัดครับ นั่นเกิดจากการที่เราไปพยายามกดข่มจิตใจมากเกินไป แต่เมื่อเรารู้ตัวว่าอึดอัดเพราะกดข่มเราจะค่อย ๆ ปล่อยมันได้เองแล้วมารู้สึกแบบสบาย ๆ ได้ ฝึกแรก ๆ ก็ใช้เวลาวันละ ชั่วโมง หลัง ๆ พอเริ่มรู้แล้วว่าขณะที่ฝึกอยู่จิตใจเราสบายขึ้นมาก เราเลยบอกตัวเองว่าถ้าเราอยากหายเราต้องทำตลอดเวลา แรก ๆ ก็คิดว่าตัวเองจะทำไม่ได้ เพราะใจเรามักจะหวนคิดถึงแต่ความทุกข์ทรมานอันเกิดจากความย้ำคิดกับเรื่องไม่เป็นเรื่องตลอดเวลา แต่ผมก็ไม่ท้อครับ ทำไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นนิสัยเคยชิน จนทุกวันนี้สภาพจิตใจดี้ขึ้นมากตอนนี้เรียกได้ว่า กลับมาเกือบปกติดีทุกอย่าง

อยากแนะนำอีกนิดครับ การปล่อยวางยอมรับความเป็นจริงสำคัญที่สุดครับ เมื่อเราฝึกเจริญสติจนกลายเป็นนิสัยของเราแล้ว เราจะเห็นก้อนความคิดที่มันผุดขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาสม่ำเสมอ เราจะรู้ได้ทันทีว่าความคิดเหล่านี้ เดี๋ยวก็เกิดขึ้นเดี๋ยวก็ดับไป ยิ่งเราไปพยายามหาทางจัดการให้ความคิดกังวลเหล่านี้ให้ออกไปจากใจเรา มันจะยิ่งฟุ้งซ่านมากขึ้นคิดต่อไปไม่รู้จบจักสิ้น ที่สุดแล้วเราจะไม่มีทางเอาชนะความคิดกังวลนี้ไม่ให้เกิดขึ้นได้ แต่ถ้าสติเรายังเจริญอยู่ ใจเราจะไม่รู้สึกหดหู่กังวลกับมันเลย เพราะสติที่เราเจริญตลอดจะช่วยประคับประคองไม่ให้ใจเราไหลไป และสติจะเข้าไปจัดการตัดความคิดปรุงแต่งเพิ่มเติม นั่นเอง

ในที่สุดเชื่อไหมครับว่า ถ้าเราเฉยกับมันเสีย คือยอมรับให้มันเกิดโดยไม่ไปจัดการอะไรกับมัน มันผุดขึ้นก็ปล่อยมันขึ้นมา ด้วยกำลังสติของเรา เราจะเห็นความคิดเหล่านี้เกิดขึ้นอยู่แล้วก็หายไปเอง บางทีถ้าไม่สังเกตแทบไม่รู็ตัวด้วยซ้ำว่าความคิดดับไปเมื่อไหร่

แล้วเมื่อถึงเวลานั้น สิ่งที่มันรบกวนจิตใจของเรามันจะทำอะไรเราไม่ได้อีกแล้ว เพราะเราไม่ไปใส่ใจมันอีกแล้ว เพราะเราได้จัดการกับมันด้วยวิธีวางเฉยมัน มันจะเกิดก็เกิดไป ช่างหัวมัน สติเราไม่ใส่ใจกับ มันก็เป็นแค่ก้อนความคิดเท่านั้นแล้วมันก็จากไป ก็เหมือนคนปกติที่คิดแล้วไม่ใส่ใจปล่อยผ่านไม่ไปย้ำมันอีก

มีอาการเหมือนกัน จำไม่ได้ว่าเริ่มมีอาการตอนไหน แต่ตอนนี้ทรมานมากอยากหาย อาการคือก่อนจะนอนก็ต้องคอยตรวจเช็คว่าล็อคประตูหรือยัง ทำซ้ำวันละเป็นสิบๆรอบ, ปิดแก็สหรือยัง, ของมีคมทุกอย่างก่อนจะนอนจะต้องเก็บไว้ให้มิดชิด กลัวว่าถ้าเกิดมีขโมยเข้ามาในห้องจะได้ไม่หยิบมีดหรือของมีคมเหล่านี้มาทำร้ายเรา, คอยดูที่ใต้เตียงหรือดูในตู้เสื้อผ้าว่ามีคนแอบอยู่ในนั้นหรือเปล่า ต้องคอยเช็คดู ไม่ทำไม่ได้ ถ้าวันไหนไม่ทำก็จะนอนไม่หลับ กลัวคนจะมาทำร้าย และเวลาทำงานยิ่งมีปัญหามาก ทรมานจริงๆ คือตอนจะส่งงานหรือส่งเมลล์ถึงลูกค้าก็ต้องตรวจเช็คหลายๆรอบ ตรวจแล้วตรวจอีกจนบางครั้งทำให้ส่งงานช้า บางทีส่งไปแล้วยังกลับมาเช็คอีก พอรู้ว่าตัวเองทำผิดก็จะทำให้วันนั้นทั้งวันไม่เป็นอันทำงานเลย แม้แต่เวลากลับมาที่บ้านก็ยังคิดถึงแต่เรื่องนั้น คิดว่าทำไมไม่ตรวจเช็คให้ดี ไม่ไหวแล้วนับวันยิ่งเป็นเอามาก

เป็นเหมือนกันค่ะ ทรมานมากๆ ดิฉันมีอาการคือมีความคิดลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ เจ้าที่เจ้าทาง เห็นศาลพระภูมิไม่ได้เลย เครียดมากๆค่ะ บางวันแทบจะบ้า อยากจะทำร้ายตัวเองที่ไม่เลิกคิดเสียที สงสารลูกมาก กลัวตัวเองจะอยู่กับลูกได้ไม่นาน กลัวเสียสติจนเป็นบ้า จนคิดจะเปลี่ยนการนับถือศาสนาแล้ว เพราะสามีเค้านับถือคริสต์ เค้าชักชวนไป เค้าบอกว่าอาจจะทำให้ดีขึ้นได้ ใจเรายังไม่อยากไปอ่ะ อยากทำบุญ แต่แฟนก็บอกว่าอาจเป็นเพราะศาสนาพุทธเข้าใจว่านี่คือสิ่งศักดิ์สิทธิ์พอมีความคิดไม่ดีกับสิ่งเหล่านั้นก็เลยกลัว แต่เรากลับกลัวยิ่งกว่านะ ถ้าเราไปนับถือคริสต์แล้วเราคิดว่าเค้าไม่ศักดิ์สิทธิ์เรายิ่งจะลบหลูืหรือป่าว โอ๊ยเครียดค่ะ แล้วตอนนี้ 03.48แล้ว นอนไม่หลับ เพราะสาเหตุนี้แหล่ะค่ะ เข้ามาอ่านวิธีแนะนำของหลายๆท่านแล้ว จะพยายามทำตามค่ะ บางวิธีเคยทำแล้วได้ผลบ้างไม่ได้บ้าง อาจเป็นเพราะความอดทนน้อยเกินไป จะพยายามอีกครั้งค่ะ ขอบคุณทุกท่านมากนะคะสำหรับคำแนะนำ ขอบคุณจิงๆค่ะ

จากที่อ่านมาหลายๆท่านผมอยากแนะนำเพิ่มเติมเรื่องการนั่งสมาธิ ภรรยาผมเป็นวิตกกังวลนอนไม่หลับ ต้องกินยา lexaproและprenapil เหมือนกันเหตุเกิดจากดูข่าวน้ำท่วมมากช่วงเดือนพฤศจิกายนและเวลาเดียวกันลูกคนโตเป็นไข้หวัดใหญ่ต้องนอนโรงพยาบาล คนที่สองเป็นไข้เลือดออกต้องนอนโรงพยาบาล พี่สาวไปทำบุญบอกสามวันกลับแต่ไม่กลับหายไปหนึ่งเดือนติดต่อไม่ได้(ตอนหลังโทรมาบอกว่าไปนั่งสมาธิกับเพื่อนไม่ได้เอาโทรศัพท์ไป)ผมก็ต้องไปนอนเฝ้าลูกเธอจึงอยู่บ้านคนเดียวดูแต่ข่าวน้ำท่วมแผ่นดินไหวจนนอนไม่หลับต้องไปหาหมอที่โรงพยาบาล ระยะแรกมีผลข้างเคียงจากการกินยามาก(ยาคนละประเภทแต่อยู่ในกลุ่มเดียวกัน)ต้องปรับยามาเรื่อยๆปัจจุบันดีขึ้นมากจากการสวดมนต์และอ่านหนังสือธรรมของหลวงพ่อพุทธทาสเรื่องความไม่ยึดมั่นถือมั่น การเห็นธรรมชาติอันลึกซึ้งคือการเห็นความเป็นเช่นนั้นเอง และหนังสือหลวงปู่ชา ต้องอ่านซ้ำหลายๆครั้งเพื่อให้เกิดความเข้าใจในบทความที่ท่านสอนสำหรับน้องๆที่เป็นโรคนี้น่าจะฝึกสมาธิกับชมรมยุวพุทธแห่งประเทศไทยลองศึกษารายละเอียดจาก web.ดู สำหรับภรรยาผมดีขึ้นมากแล้วคงเหลืออาการไม่อยากไปใหนทั้งๆที่เดิมเป็นคนชอบเที่ยวทำบุญ ผลจากการป่วยทำให้รู้ว่าที่ทำบุญด้วยการไปทอดผ้าป่าบ้าง ทอดกฐินบ้าง ไปทำบุญตามวัดต่างๆตามเพื่อนบ้างนั้น บุญไม่ได้ช่วยเลยเพราะได้แต่ไปทำบุญแบบทิ้งๆขว้างๆตัวเองยังสวดมนต์ไม่เป็นเลยนั่นคือไม่เคยปฏิบัติ โรคนี้เป็นอาการทางจิตต้องศึกษาทางจิตต้องมี สติ สัมปชัญญะ เมื่อมีอาการต้องตามดูอาการว่าเกิดอย่างไรจากอะไรตามหาต้นตอให้เจอทุกครั้ง อาจจะยาก แต่คิดว่าไม่เกินความพยายามของแต่ละท่าน การออกกำลังก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน ขอเอาใจช่วย วัยรุ่นควรออกกำลังให้มากๆ

เครียดมากเลยค่ะ เป็นโรคนี้เหมือนกัน ที่กล่าวๆมาเราก็เป็นมาหมดแล้วค่ะ เราพยามหาข้อมูลในเนตหาเพื่อนที่เป็นเหมือนๆกัน เพราะเชื่อว่าใครไม่เป็นเองไม่เข้าใจหรอกค่ะ เราไม่กล้าปรึกษาใคร ไม่กล้าไปหาหมอด้วยกลัวที่บ้านรู้แล้วจะยิ่งเครียดตามเราไปด้วย

ส่วนเรื่องอาการ เราเป้นมาตั้งแต่เด็กๆ สักอายุ 17 ช่วงแรกๆเป็นทีละเรื่องค่ะ อยู่ๆก็คิดว่าจะไปลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งที่ไม่อยากทำเลย คิดด่าทอพ่อแม่ คิดทำร้ายคนอื่น ทั้งที่เราไม่ได้อยากทำ แต่เราหยุดคิดไม่ได้ว่า ได้ทำสิ่งนั้นลงไปหรือเปล่า อย่างเช่น เราเดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำหรือคลอง แล้วเจอเด็กยืนอยู่คนเดียว เราก็จะคิดไปว่าไปผลักเด้กตกน้ำ จนพอเราเดินผ่านไปแล้วเราก็ต้องหันกลับมามองอีกเป็น 10ๆ รอบ กลัวคนข้างๆมองว่าบ้าเหมือนกัน แต่มันหยุดไม่ได้ค่ะ จนปัจจุบันนี้ก็ยังเป็นอยู่

บางอาการเป็นแล้วก็หายแล้วนะคะ อย่างเรื่องล้างมือ เราก็เคยล้างจนมือลอกหมดเลยค่ะ เรื่องไม่ยอมกลืนน้ำลายต้องอมไว้เยอะแล้วแอบบ้วนใส่ถุง แต่พวกนั้นพอสักพักที่ไม่คิดถึงมันมันก็หายเองค่ะ แล้วเป็นเรื่องอื่นๆต่อไป T-T

แล้วมีเหตุการณ์ที่ทำให้เราเป็นอีกอาการคือ เราเดินผ่านถังขยะค่ะมีถุงพลาสติกมัดปากดิ้นกุกกัก เรานึกว่าหนูก็ไม่สนใจเดินผ่านไปมานั่งที่บ้านไป 10 นาทีก็ไม่สบายใจกลัวว่าเดี๋วหนูจะหายใจไม่ออกค่ะ เลยกลับไปที่ถังขยะใกล้ๆบ้านแล้วเปิดถุง แต่ในถุงมันคือลูกแมวค่ะเป็นลูกแมวจรจัดที่มาอาศัยในบ้านแล้วมันตายแล้วค่ะ เรารู้สึกผิดว่าควรจะช่วยเปิดถุงตั้งแต่ตอนนั้น เราไม่กล้าไปดูศพมันชัดๆ แต่เห็นพ่อบอกว่ามันน่าจะถูกรถชนแล้วมีคนเอามาใส่ถุงทิ้งมากกว่า แต่หลังจากนั้นเราก็ย้ำคิดย้ำทำตลอดเนื่องจากแถวบ้านมีลูกแมวและแม่แมวเยอะมากๆ เวลาเราเห็นถังใส่น้ำใบใหญ่ที่บ้าน เราต้องดูพร้อมนับเลขไปด้วยเป็น 10 รอบให้แน่ใจว่าไม่มีแมวตกลงไป ซึ่งไม่รู้ว่า ไปคิดภาพแมวขึ้นมาเองได้อย่างไร พยายามบอกตัวเองว่าไม่มีๆ แต่มันหยุดคิดไม่ได้ แล้วอาการนี้ก็ลามไปยังถังน้ำ บ่อน้ำและทุกๆที่เลยค่ะ

แล้วมีอีกแบบนึงที่เป็นหนักๆ แต่ที่อ่านมาไม่ค่อยเห็นใครเป็นกันเลย ก็คือเราจะกลัวสิ่งที่กลับไปแก้ไขไม่ได้ ตอนนี้เราอาการหนักมากเครียดจนนอนไม่หลับ ต้องมาหาเวบไซต์เขียนระบายค่ะ คือวันนี้เราไปตัดแว่นมาที่ร้านหมอตา หมอก็ให้เรานั่งรอที่เก้าอี้ข้างๆชั้นวางของที่วางยาหยอดตาทิ้งไว้ 3-4 หลอดแล้วก็มีแอลกอฮอล์งที่ชั้นล่าง คือพอเราเห็นเราก็คิดได้ล่วงหน้าเลยว่าต้องเกิดอาการย้ำคิดย้ำทำแน่ คือเราจะกลัวว่าเราจะเอายาหยอดตาพวกนั้นมาผสมกัน คือเรากลัวว่าเดี๋ยวหมอเอาไปหยอดให้คนไข้คนอื่นแล้วตาเขาจะบอดได้ แต่ในตอนนั้นถ้าหมอให้นั่งตรงนี้แต่เราไม่ยอมนั่งก็จะดูแปลกๆ ตอนนั่งลงขณะรอ เราพยายามทำให้ให้สงบและพยายามสู้กับความกลัวค่ะ โดยการจ้องมองไปที่ยาแต่ละหลอดตรงๆ ดูว่าแต่ละหลอดมียาปริมาณเท่าใด สีไหน เพ่งๆว่ามันอยู่ตรงนั้นไม่ได้เอามือไปแตะต้องนะ จนพยาบาลมาตามค่ะ แต่พอกลับมาบ้านมาถึงตอนนี้ก็ยังนอนไม่หลับเลยค่ะ เพราะว่าความคิดมันวนเวียนอยู่ในหัวตลอดว่า ได้ไปผสมยาในหลอดเขาหรือไม่ พยายามหาความคิดมาหักล้างว่า ไม่ได้เปิดขวดเลยนะ ถ้าเทก็ต้องรู้ ยาขวดนึงก็เต็มๆเทลงไปไม่ได้อีกแล้ว แต่ว่ามันหยุดคิดไม่ได้ค่ะ กลัวไปหมด กลัวว่าเขาจะเอาไปหยอดตาคนอื่นแล้วตาเขาจะบอด พยายามคิดว่ายาหยอดตาคงจะหยอดตาได้เหมือนกันแม้ผสมกันหลายแบบ แต่มันไม่ใช่ ไม่ได้แตะต้องหรอกนะ ไม่ได้ทำๆ แต่มันไม่สบายจริงๆค่ะ อยากจะโทรไปบอกให้หมอช่วยทิ้งยาทั้งหมดนั้นไป แต่ก็อธิบายไม่ได้ว่าทำไมต้องทำอย่างงั้น จะบอกว่าเราไปผสมมันก็ไม่ใช่ พูดแล้วมันดูแปลกๆมากๆ จะปล่อยเลยตามเลยก็ไม่สามารถสงบใจได้ค่ะ เข้าใจเรากันไหมคะ ใครพอมีคำแนะนำดีดีในกรณีอย่างนี้บ้าง

เท่าที่ผ่านมาช่วงนี้เป้นช่วงที่อาการหนักที่สุดค่ะ อายุ 26 หนักขนาดที่สามารถสร้างเรื่องขึ้นมาเองทั้งที่มันไม่ได้เกิดขึ้นจริง อย่างเช่นเรื่องยาหยอด แล้วก็มีเรื่องแบบเวลาไปเที่ยวสะพาน ไปเที่ยวภูเขาก็กลัวไปเองว่าทำให้ใครตกลงไป ทั้งที่บางทีไม่มีคนนั้นด้วยซ้ำ แต่พอคิดอล้วมันหาเรื่องที่จะย้ำทำไม่ได้เลยยิ่งเครียดมากๆค่ะ อยากฝากบอกคนที่เป็นอาการแบบล้างมือ กลัวสิ่งสกปรก ด่าทอไรพวกนี้อะ คุณโชคดีกว่าเรามาก อาการพวกนั้นเราเป้นมาหมดแล้วและหายขาดแล้ว ถ้าไม่ไปสนใจมันมากอย่างน้อยก็คิดว่าไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อนก็จะหายเองค่ะ อะไรที่เกิดกะตัวเราเรามั่นใจ อย่างคิดแทงตัวเอง แต่เรารู้ตัวว่าเราไม่ได้โดนแทงค่ะ เพราะไม่งั้นต้องเลือดไหลไรงี้ แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าคือในกรณีที่เราคิดว่าจะเกิดกับคนอื่น โดยที่เราไม่รู้ชะตากรรมของเขาอะค่ะ

ขอบคุณมากๆนะคะที่ให้เราได้แสดงความเห็น ขอให้เพื่อนๆร่วมชะตากรรมหายจากโรคนี้โดยเร็วรวมทั้งตัวเราด้วย สาธุ

ผมชื่อไอซ์คับ อายุ18ปี ผมมีอาการเหมื่อนกันคับคือผมชอบคิดอะไรที่ซ้ำๆและชอบคิดหลบหลู่พระพุทธเจ้าคับแต่พอคิดก็กลัวบาปจึงต้องคอยสวดมนต์อยู๋เลยๆจนคนที่บ้านหาว่าเราบ้าคับ โรคนี้ใครไม่เป็นไม่รู้หรอกว่ามันทรมานมากต้องมาคิดมาทำอะไรซ้ำๆตลอดเวลาเลย ผมพยายามที่จะเลิกคิดแต่เลิกไม่ได้คับทำไงดีคับ ช่วยด้วยคับ!

ผมคนหนึ่งที่เป็นครับ ตอนนี้ผมจะอายุ 34 แล้ว ทรมานเกือบทุกวันเลยครับ ผมอยากจะเล่าอาการให้ฟังนะครับ

- ตอนเด็ก อายุ 8-10 ชอบทำเสียง ฮึบๆๆๆๆๆๆ เป็นระยะๆ ที่บ้านก็รำคาญมาก บอกว่าเป็นสัณนิบาต รึไง คือถ้าไม่ทำก็จะทรมานใจไม่สบายใจ

- ตอนอายุ 12 ประมาณ ม .2 เวลา คิดไม่ดีกับใครก็รูสึกผืดมักเอากำปั้นมาบหน้าตัวเองประมาณ 6 ครั้ง หรือไม่ก็ เอามือหยิกขย้ำหน้าตัวเอง

- ตอนอายุ 13 ม.3 เวลา จะอ่านหนังสือ ก็จะทำหน้าและหายใจออก 3 ครั้ง เหมือนกับว่ามันจะทำให้เราอ่านหนังสือได้ดีอะไรอย่างนั้น

-ตอน อายุ 14 ม.4 ผมเป็นคนที่คุยกับคนไม่เก่งมนุษยสัมพันธ์ก็ไม่ค่อยดี เวลา มี ผู้หญิงมาคุยด้วยวันนั้นเราจะรู้สึกว่า ไม่อยากให้อะไรมันเปลี่ยน เวลาเปลี่ยนชุด ก็จะ ถอดเข้าถอดออกและพูดในใจว่า มีคนมาชอบเรานะ ถ้าใจบอกว่าไม่มีคนชอบก็จะถอดและใส่ใหม่ จนกว่าใจจะบอกว่าชอบ

- ตอน ม.5 ก็ กินข้าวตอนเช้าทุกวันแต่ละวันจะใส่เยอะมากและจะต้องทานให้หมดเหมือน แบบว่าแทบอ้วกก็ต้องกิน ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะทำไปทำไมแต่ไม่ทำก็ไม่รู้สึกสบายใจ

- ตอน ม. 6 ก็เวลาไป ซื้อของหรือไปที่ไหน พอเห็นคนที่ มีอาชีพรับจ้าง หรือว่าอาชีพ ค้าขายที่ตัวเราคิดว่าเป็นอาชีพที่ รายได้น้อย วันนั้ก็จะ ไม่ซื้อของ หรือถ้าซื้อของก็ต้องให้ คนพวกนั้น ไม่อยู่บริเวณนั้นแล้วถึงซื้อได้ แบบว่ากลัวว่าอนาคตจะทำอาชีพแบบนั้น เหมือนกับว่าเราสร้างกฏเกณฑ์ขึ้นมาเอง ทำไมก็ไม่รู้ถึงต้องสร้างกฏเกณฑ์แบบนี้ด้วย ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

- พอตอนเรียนในการอาชีพ ผมก็มักจะกังวล คนโน้นจะคิดยังไง คนนี้จะคิดยังไง แบบไม่ค่อยกล้า แสดงออกหรือเข้าสังคม

ช่วงนี้จะคิดวนไปวนมา อาการย้ำคิดย้ำทำก็ยังมีอยู่เรื่อยๆ แต่เราก็คิดว่าไม่มีอะไรมันธรรมดา

- แล้วยิ่งพอตอนอายุ 18 ขึ้นมาผมมักจะไม่ค่อยกล้าไหว้พระหรือเข้าวัด เพราะ ชอบคิดด่าสิ่งศักทธิ์สิทธิ์ในใจตลอด มีทุกๆครั้งเลยไม่รูว่าเป็นอะไร อันนี้ถือว่าเป็นความหนักใจผมมาก เพราะ ผมกลัวบาปมาก ทุกครั้งที่คิดไม่ดีก็มักจะ พูดในใจว่า อภัยในด้วยๆๆๆๆๆ

จะผวนในใจตลอดเลย ผมมักจะไหว้พระขอพรในใจไม่ได้ ต้องพูด เพราะ ถ้าขอพรในใจจะ มีคำเลวๆ ออกมา ก็กลัวจะเป็นเหมือนคำเลวๆในใจเวลาอธิฐานพระ

- ผมมักจะมีคนรักยาก เพราะว่า ผมมักเป็นคนย้ำคิดย้ำทำ และรู้สึกว่าจะเป็นโรคเครียดด้วย เลยทำให้ผมจะหงุดหงิด และอารมณ์เสียอยู่บ่อยๆ สุดท้ายผมก็ต้องแยกทางกับ ทุกคนเลย ผมรูสึกเหมือนว่า ผมไม่เป็นปกติเหมือนคนทั่วๆไป

- มีหลายครั้งคิดย้ำไปอยู่ในหัว ส่วนใหญ่จะเป็นการด่าในใจต่อสิ่งศักทธิ์สิทธ์ หรือผู้มีพระคุณทั้งหลาย ทั้งๆที่เราไม่อยากเลย ทุกครั้งก็ต้องกล่าวขอโทษในใจ มันจะต่อต้านในใจเรื่อยๆเลย เพราะถ้าไม่ ขอโทษในใจตัวเองก็จะรูสึกผิดและกลัวจะเกิดสิ่งไม่ดีกับตัวเอง

ผมเป็นคนที่เชื่อในกฎแห่งกรรมครับ ก็เลยรูสึกผิดไปใหญ่

- และตอนนี้ ผมก็รูสึกจะอยู่ใกล้วัดใกล้พระ นี่ก็มักจะกังวลเลยเลย เพราะ มักจะมีคำด่าในใจผุดมาตลอดเลย ตอนนี้จะสวดมนต์จะไหว้พระก็รูสึกว่า ทำไม่ได้เลย เพราะกลัวจะหลุดคำในหัวที่ไม่ดีออกไป ทั้ง ต่อสิ่งศักธ์สิทธิ์ ผู้มีพระคุณด้วย บางทีก็เป็นคำหยาบช้า

ที่ไม่น่าจะมีได้

-ทุกวันนี้ทรมานใจมาก บางทีก็ห้ามจะไม่คิดทำไม่ผวนคิดคำในหัวก็ทำไม่ได้ เพราะ มันไม่สบายใจเลย การงานผม ทุกวันนี้ ก็รู้สึกจะ ทำอะไรไม่ได้มากเลย

วันนี้ ผมก็รู้สึกว่า มีหลายคนก็เป็นอาการนี้เหมือนกัน ก็รู้สึกจะมีกำลังใจขึ้มาบ้างครับ

เราอายุ 34 แล้ว เป็นที่น่าแปลกใจ เพราะเราเห็นหลายคนแล้วที่รุ่นราวคราวเดียวกับเราเป็นโรคนี้ อย่างคุณออด เป็นต้น จนเราเคยได้ยินหลายคนพูดนะว่า คนรุ่นนี้ (เกิด พ.ศ. 2520) ทำไมไม่ค่อยปกติเท่าไหร่ มันเกี่ยวกันไหมคะ เราจะบอกอาการของเราให้ฟัง โรคนี้เราเป็นมานานแล้ว มีบางช่วงหายไปบ้างนะ ถ้าจำไม่ผิด แต่อาการแต่ละช่วงแต่ละเวลามันไม่เหมือนกัน ในอดีตเราจำไม่ค่อยได้แล้วว่าอาการมันเป็นไงบ้าง ดูเหมือนว่าความจำของเราจะสั้นลงด้วย ไม่ค่อยจดจำอดีตได้เท่าไหร่นัก แต่ตอนนี้อาการของเรา จะมีใครเหมือนเราบ้าง เราจะกลัว กลัวการโชคร้าย กลัวอะไรก็แล้วแต่ในเรื่องร้ายๆ เลยทำให้เราคิด คิดแต่สิ่งที่ดีๆ คิดและขอ อธิษฐาน ว่าขอให้เราโชคดี ขอให้โชคดีเหมือนคนโน้นคนนี้ และคนเหล่านั้นก็จะเป็นคนของประชาชน ดารา หรือคนดังๆ ในแวดวงต่างๆ ทั่วๆ ไป ที่เราชื่นชอบ ที่เราคิดว่าดี เช่น อั้ม พัชราภา บารัค โอบามา นิโคล คิดแมน หลายคนค่ะ ที่เราคิดว่าดีในสายตาเรา แต่ถ้าคนไหนที่เราคิดว่าไม่ดีในสายตาเรา เราก็จะไม่คิด แต่เมื่อไหร่ที่เราคิดถึงคนที่ไม่ดีคนไหนคนนั้น เราจะรีบเปลี่ยนความคิดให้เป็นเหมือนคนที่เราคิดว่าดี นึกออกไหมคะ เวลาอาบน้ำ เราก็จะหมุนไปหมุนมาใต้ฝักบัว และคิดว่าขอให้เราโชคดีเหมือนอั้ม พัชราภา ตุ๊กกี้ อะไรประมาณนี้ แต่ถ้าเราดันไปคิดถึงคนที่เราไม่ชอบ เราเกลียด หรือคนที่ตายไปแล้ว เราก็จะกลัว และจะอาบหมุนตัวอยู่นั่นแหละ ให้ตอนจบของการอาบน้ำเป็นเราโชคดีเหมือนใครก็ได้ที่เราว่าดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเราพิมพ์งาน เราจะชอบกดปุ่มบันทึกงานซ้ำๆ และนึกไปด้วยเรื่องขอให้โชคดี จนครั้งสุดท้ายต้องจบที่ให้โชคดีเหมือนคนที่เราว่าดี หรือกดปุ่มอันดู รีดู กลับไปกลับมา เพื่อให้ครั้งสุดท้ายโชคดีเหมือนคนที่เราว่าดี หรือพิมพ์ไปแล้วตอนพิมพ์นึกถึงสิ่งที่เราว่าไม่ดี เราก็จะลบข้อความนั้นแล้วพิมพ์ใหม่ มันทรมานมากค่ะ มันทำให้เราเสียเวลาในการทำงานมาก แต่เราก็พยายามแล้วว่าจะไม่ทำ แต่มันบังคับไม่ได้ค่ะ ถ้าไม่ทำ มันจะยิ่งทำให้ความคิดของเรามันเตลิดไปไหนต่อไหน และเกิดความกลัวมากขึ้น กลัวว่าจะเกิดนู่นนี่นั่น กลัวว่าความโชคร้ายมันจะติดอยู่ที่ตัวอักษรที่พิมพ์ เหมือนคนบ้าเลย แต่เรายังไม่บ้า ตอนใส่ยกทรงไม่เป็นค่ะ แต่ตอนใส่ กกน. เป็นค่ะ จนบางครั้งต้องเปลี่ยน กกน. ตัวแล้วตัวเล่า อยากหายค่ะ เคยคุยกับคนที่เป็น เค้าบอกให้ไปหาหมอที่รามาฯ ยังไม่มีเวลาไปเลยค่ะ ได้แต่ทรมานไปวันๆ จนเป็นเหมือนคนที่คิดอะไรอยู่ตลอดเวลา เก็บกด ใครที่เข้ามาในชีวิตเรา เค้าจะมองและคิดกันเกือบทุกคนว่าเราคิดไรอยู่ มีไรในใจ พยายามเฟค พยายามทำให้ปกติ แต่มันก็ไม่ปกติอ่ะคะ มันทรมานมากจริงๆ ตอนนี้อยากหายค่ะ อยากหายมากๆ ทำไงดี บางครั้งเบื่อ ไมอยากเจอใคร ไม่อยากพบ ไม่อยากพูดกับใคร แฟนเราเองก็ยังสงสัยว่าเราเป็นไร พยายามบำบัดด้วยตัวเองแล้ว แต่ทำไม่ได้สักที อยากลองใช้ยาค่ะ ถ้าเราใช้ยาแล้วดีขึ้น จะมาแบ่งปันต่อไปนะคะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นโรคนี้ค่ะ

แล้วแต่ละท่าน มีวิธีแก้เบื้องต้นกันไหมค่ะ

หรือต้องไปพบแพทย์เท่านั้นค่ะ

แล้วสาเหตุส่วนใหญ่ มาจากอะไรหรือค่ะ

เปนอยุ่เหมือนกันครับ ทรมานจริงๆ

เข้ามาอ่านรู้สึกดีใจบวกตกใจมาก เพราะผมก้อเปนหนักมากกก แต่จะบอกว่าโรคที่คู่กับocdที่น่ากลัวอีกอันก้อคือโรคระแวงคำพูด ต้องนั่งแก้สมการคำพูด ตลอดเวลา ผมรักษาตัวเองมานานมากแล้ว ยังไม่หายขาด แต่พอรู้แนวทางแล้ว

ลองหาหนังสือdr.claire weekes มาอ่านสิ ช่วยได้มากกนะ

อีกวิธีฝึกพุทโธ ควบคู่ ความรู้สึกตัวของหลวงพ่อเทียน จิตตสุโภ หาหนังสือคุณกำพล ทองบุญนุ่มมาอ่าน จิตสดใสแม้กายพิการ คนละปํญหาก้จิงแต่แนวทางเดียวกัน และสุดท้ายจาบอกว่าทำดีเยอะๆ มีชีวิตต่อไปให้ได้ แม้ว่าจะยากแค่ไหน สนุกกับอาการที่เข้ามาตลอดเวลา สนุกกับมัน หรือจาบันทึกอาการตัวเองในแต่ละวัน ไว้อ่านดู บางทีก้อช่วยให้ใจสงบได้ สู้ๆนะ

ลืมไปว่า นั่งสมาธิ เปนประจำ กำหนดลมหายใจ จนชิน ไม่ว่าจาเครียดแค่ไหน พุทโธ และรับรู้ถึงลมหายใจตัวเอง

อยากให้มีตั้งชมรมคนเปนโรคocdจัง จะได้ช่วยกันเพราะหาคนที่คุยแล้วเข้าใจไม่มีเลย ยินดีช่วยมากกกเลย ถ้ามีคนเหนด้วย

ไปพบจิตแพทย์คับ เอายามากิน หายแน่นอนคับ ถ้าปล่อยไว้มันไม่หายเองน่ะคับ หมอบอกว่า ถ้าปล่อยไว้นาน ไม่เพี้ยนก็บ้า คับ

เราเองเคยเป็นตอนอายุ 14 ก้อทานยารักษาจนคิดว่าหายแล้ว 20 ปีผ่านไปมันกลับมาใหม่ คราวนี้เป็นหนักกว่าเดิม คุณหมอบอกว่าเป็นเพราะคราวที่แล้วยังไม่หายขาด เนื่องจากทานแต่ยาอย่างเดียว ไม่ได้ฝึกพฤติกรรมบำบัดเผชิญสิ่งที่กลัว ตอนนี้ก้อกลับมารักษาใหม่ค่ะ เดือนหน้าจะครบ 1 ปีแล้ว ยาช่วยได้มาก ตอนนี้ก้อฝึกเยอะ ๆ ด้วย หายกลัว หายคิดย้ำ ๆ ทำซ้ำ ๆ ไปหลายอย่างแล้วค่ะ คุณหมอให้ฝึกสติระลึกรู้ว่าขณะนี้เรากำลังทำอะไร อย่าใจลอย จะช่วยได้เยอะ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะคะ ไปพบแพทย์เถอะค่ะ อย่ามัวทรมานเลย

อาณาวินทร์ งามพจน์

พบจิตแพทย์สิครับช่วยได้ มียารักษา

เราก็เป็นช่วงนี้เครียดมากเพราะ เข้าช่วงกลางคืนเมื่อไหร่หละไม่เป็นอันนอนเลย ต้องมานั่งหยิบจับของที่ต้องการเข้ามาในห้องนอนให้หมด ทั้ง ชาม ช้อน เข็มกลัด เสปย์ฉีดผม ทั้งๆที่รู้ว่ามันไม่ต้องใช้แต่ก็ต้องหยิบให้มันมาอยู่ใกล้ตัว ช่วยหน่อยเถอะค่ะ สงสารลูกมากเลยต้องมานั่งรอว่าแม่ทำอะไร พอลุกเค้าก็ลุกตาม เครียดมากเลยค่ะ [email protected] โทรมาคุยได้นะค่ะ 0871110237 เบ็ญค่ะ

เราก็เป็นเหมือนกัน

เราก็มีอาการย้ำคิดย้ำทำมากขึ้นเรื่อยๆทำยังไงดีถึงจะหาย ควบคุมความคิดไม่ได้เลย มันเป็นมากขึ้นกว่าเดิมอีก จะหยิบจับอะไรก้คิดถึงสิ่งที่ไม่ดีกลัวทุกสิ่งเลย รู้อยู่ว่ามันเป็นแค่ความคิด แต่อดที่จะทำตามมันไม่ได้เลยเหนื่อยใจจริงๆทำยังไงถึงจะหายช่วงบอกหน่อยอยากหายค่ะ

อยากหายจากโรคย้ำคิดย้ำทำมาก แต่ไม่รู้จำทำอย่างไรมันเป็นมากขึ้น บางครั้งก็รู้วิธีที่จะไม่ต้องทำตามมัน แต่บางครั้งมันอดที่จะคิดและทำตามไม่ได้ แต่ก่อนจำได้ว่าเป็นไม่กี่อย่าง แต่ตอนนี้มันเป็นมากขึ้นเกือบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการล้างมือล้างบ่อยมาก กลัวความสกปรก ชอบย้ำพูดบ่อยๆ ชอบหยิบจับอะไรแล้ววางของไม่ได้รู้สึกมีความคิดไม่ดีผุดขึ้นมาในหัว ให้เราต้องยำทำ บางครั้งเป็นมากจนปวดหัว ไม่อยากคิดแต่ทำไมมันเลิกคิดไม่ได้ ทรมานจริงๆ ไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว

ผมก้อเป็นคนหนึ่งที่เป็น OCD เป้นมาได้ เกือบ 10 ปีแล้ว มันทรมารมากผมรู้ดี และทุกคนที่เป็นคงเค้าใจความรู้สึกแต่ก้ออยากทุกคนสู้ต่อไปเพราะไม่ได้มีเราคนเดียวที่เป็น มีคนอาการหนักกว่าเราตั้งเยอะ เค้ายังอยู่ได้แล้วเราทำไมจะอยู่ไม่ได้ ผมสู้กับโรคนี่มานานพยามทำทุกอย่างเพื่อให้หาย ทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้เป็นภาระของใคร อยากหายจากโรคนี่อยากกับไปเป็นคนปกติ แต่ก้อยังทำไม่ได้ คิดฆ่าตัวตายวันละ 3 เวลาหลังอาหาร บางที่มีก่อนนอนอีกรอบ 555 งานหลักคือ OCD งานรอง อยากตาย แต่ผมไม่ยอมตายเพราะไอ้โรคงี่เง้ากระจอกแบบนี่หรอกผมจะต้องหาย กลับไปเป็นคนปกติผมจะสู้ๆจนกว่าผมกับโรคนี่จะตายไปข้างนึ่ง และผมก้ออยากให้ทุกคนสู้ไปด้วยกันนะครับใครที่อยากคุยแอดมาได้นะ [email protected] เพราะไม่มีคัยเข้าใจเรามากไปกว่าพวกเราเอง ขอให้ทุกคนหายไวๆๆนะคับ เราจะไปใช้ชีวิตอย่างคนปกติด้วยกันคับ

ผมก็เป็นเหมือนกันครับ อาการนี้ มันทรมานมาก อยากร่วมแลกเปลี่ยนชัยชนะ อาการนี้ครับ

Email: [email protected] Facebook: [email protected]

ผมอยากเปิด private group OCD ใน facebook เพื่อจะได้เข้ามาเป็นกำลังใจให้กันหนะครับ

มาเป็นเพื่อนกันใน facebook นะครับ

***เท่าที่ผมอ่านมา วิธีการรักษาคือ

  1. ให้มองความคิดที่ผุดขึ้นมา เป็นเรื่อง "กลางๆ" ไม่มีผิดถูก แต่เราไปยึดกับมันเอง แล้วอาการก็จะหายไปเอง

  2. ต้องสู้กับการย้ำทำ โดยการไม่ทำมันนานๆ ฝึกให้ได้ 10 - 15 -30 -60 นาที แล้วมันจะหายไปเอง (ชินชา)


เฮ้อ..โล่งอกนึกว่าจะเป็นไอ้อาการทรมารๆแบบนี้คนเดียวบนโลกซะแล้ว อาการที่เป็นมากของดิฉันคือคิดไม่ดีต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ค่ะ ไม่รู้จะทำยังไง บอกตรงๆเลยกลัวตกนรกมากๆ แต่ดิฉันคิดว่ามันคงอยู่กับเราไม่นานหรอกค่ะ มันเกิดขึ้น เดี๋ยวมันก็ดับไป เหมือนกฎไตรลักษณ์ เป็นกำลังใจให้ทุกคนนะค่ะ ทางที่ดีอย่าไปยึดติดกับมัน และศึกษาธรรมะจะเป็นทางออกที่ดีมากๆเลยค่ะ

เพิ่มเติม 4 กค 2555

ศูนย์บำบัดรักษาผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center) ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี

ทางภาควิชาจิตเวชศาสตร์ได้เห็นความสำคัญของการให้บริการการรักษาและศึกษาวิจัยในโรคย้ำคิดย้ำทำ จึงได้มีโครงการจัดตั้งศูนย์บำบัดรักษาโรคย้ำคิดย้ำทำ (Obsessive-Compulsive Disorder Treatment Center) โดยมุ่งเป็นศูนย์กลางในการให้บริการดูแลผู้ป่วยโรคนี้ในระดับประเทศ เป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้ของจิตแพทย์ แพทย์ และบุคคลากรที่เกี่ยวข้อง พร้อมทั้งเผยแพร่ความรู้เพื่อเป็นประโยชน์ต่อผู้ป่วยและญาติ ช่วยลดผลกระทบทางด้านจิตใจ การทำงาน การใช้ชีวิตของผู้ป่วยและผู้ใกล้ชิด

รูปแบบบริการ เป็นการให้บริการตรวจรักษา ให้คำปรึกษารายบุคคลและแบบกลุ่ม สถานที่ แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี ช่วงเวลาให้บริการ ทุกวันพฤหัสบดี เวลา 13.00 – 15.00 น. เริ่มเปิดดำเนินการตั้งแต่ 9 กุมภาพันธ์ 2555 เป็นต้นไป

เกณฑ์ผู้ป่วยที่จะเข้ารับบริการ 1. เป็นผู้ป่วยย้ำคิดย้ำทำ (obsessive-compulsive disorder) 2. อายุ 18 ปีขึ้นไป 3. สมัครใจรักษา

โดยผู้ที่สนใจสามารถติดต่อผ่านจิตแพทย์เจ้าของไข้ที่ท่านรักษาอยู่เป็นประจำ หรือในกรณีผู้ป่วยใหม่สามารถติดต่อสอบถามได้ที่เคาน์เตอร์พยาบาล แผนกตรวจผู้ป่วยนอก ภาควิชาจิตเวชศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี โทร 02-2011235, 02-2011245

อยากบอกทุกๆคนที่มีปัญหาเดียวกันครับ... ผมนั่งสมาธิแบบอานาปานสติแล้วได้ผลดีขึ้นมากเลยครับ ตอนนี้ไม่ต้องกินยาก็สามารถอยู่ได้สบายๆ ส่วนเรื่องคิดไม่ดีต่อสิ่งศักสิทธ์ เมื่อก่อนผมก็เป็นหนักเลยเดินเฉียดวัดไม่ได้ความคิดเลวๆปะทุออกมาเต็มสมอง หลังๆมานี้ผมคิดซะว่าเราไม่มีเจตนา คงไม่ใช่เรื่องผิดอะไรแล้วผมก็ปล่อยมันคิดไปตามใจเลย อิสระดี แค่เป็นคนดีก็น่าจะเพียงพอแล้ว

ผมก็เป็นครับ ตอนนี้ 34 แล้ว เท่าที่จำได้เป็นตั้งแต่ 10 ขวบเห็นจะได้ ไม่รู้ว่าจุดเริ่มต้นเกิดจากพฤติกรรมผิดๆ บางอย่างหรือเปล่า คือ ตอนเด็กๆ ครูที่โรงเรียนจะสอนไม่ให้พูดคำหยาบครับ เห็นมีเพื่อนคนนึงพูดคำหยาบแล้วจะตบปาก 3 ที (เห็นหลายๆ คนก็เคาะโต๊ะ) และก็ยกมือไหว้ขอโทษสิ่งศักดิ์สิทธิ์ รู้สึกว่าผมจะเลียนแบบครับ เพราะกลัวว่าได้ทำสิ่งที่ไม่ดีลงไป จากนั้นอาการก็เริ่มมีประปรายครับ เริ่มจากบางทีคิดด่าคนนั้นคนนี้ในใจ คิดด่าครู ก็จะตบปากและยกมือไหว้ครับ บางทีเวลาอธิษฐานต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์เช่น ขอให้เอ็นท์ติด หรือแม้แต่คิดถึงเรื่องที่อยากจะทำ ก็จะมีความคิดไม่ดีแทรกขึ้นมาว่าถ้าได้ยอมเอาชีวิตคนนั้นคนนี้ไปแลกเลย --" ก็จะเกิดความรู้สึกตัวว่าผิดซ้อนขึ้นมา แล้วก็ต้องยกมือไหว้ขอโทษอีก แล้วอธิษฐานซ้อนไปว่าถ้าเราจะเอาชีวิตใครไปแลกกับอะไรก็ตาม ให้เอาชีวิตเราไปแทนเลย...อาการเป็นอยู่เป็นระยะๆ โผล่ๆ หายๆ จริงๆ ไม่รู้ว่าอึดหรือไม่ค่อยสนใจตัวเอง แต่เราสังเกตว่า ตอนที่ไม่รู้สึกผิดมากเพราะเรายังไม่กลัวความคิดพวกนี้อย่างรุนแรง เอาใจไปอยู่กับกิจกรรมต่างๆ ในชีวิต มันก็จะไม่โผล่มาบ่อย อาจจะวันละครั้งสองครั้ง หรือหายไปหลายๆ วันก็มี แต่ถ้าเรารู้สึกผิดมากมันก็จะโผล่มาถี่ยิบทีเดียว บางครั้งก็มีความคิดประหลาดๆ (แต่ไม่ได้ตั้งใจจะทำเลยนะ) เช่น ยืนอยู่บนระเบียงตึก ก็คิดว่าโดดลงไปดีไหม เห็นเด็กตัวเล็กๆ บางครั้งก็อยากจะถีบ --" เห็นคนท้องก็อยากจะผลักให้ล้ม บางคร้ังก็ตกใจว่าเราเลวอย่างนี้เลยเหรอ แต่เนื่องจากไม่ได้ทำจริงมันก็ลืมๆ ไป นอกจากนี้ก็ยังมีอาการมาเช็คประตูห้องว่าล็อคหรือเปล่าเป็นสิบรอบ บางทีลงลิฟท์ไปแล้วยังขึ้นลิฟท์มาใหม่ก็มี บางทีรอรถเมล์หน้าคอนโดแล้วยังกลับมาเช็คประตูอีกก็มี --" แต่เริ่มตั้งแต่ปีที่แล้วมีปัญหากับที่ทำงานเครียดจนต้องลาออก รู้สึกเลยว่ามีอารมณ์ขุ่นเคืองมากๆๆๆ แล้วทีนี้เข้าร้านหนังสือหยิบหนังสือธรรมะขึ้นมาดู พอเห็นพระที่ปกเท่านั้นแหละ คำหยาบคายออกมาเต็มไปหมดเลย รู้สึกว่าเราด่าพระ แล้วทีนี้มันไม่เหมือน OCD ที่่ผ่านมาน่ะสิ ข้อแตกต่างที่รู้สึกก็คือเรารู้สึกผิดมาก กลัวบาปกรรม กลัวตกนรก ยิ่งกลัวก็ยิ่งเครียด แถมเครียดเรื่องลาออกจากงานอีก คำด่าพระก็เลยอยู่ในหัวไม่หยุด ตอนนั้นเรายังไม่รู้จักอาการ OCD ก็ใช้วิธีเดิมๆ คือ ยกมือไหว้พระแล้วกราบขอขมาในใจ แล้วตอกย้ำในใจว่าเราเคารพพระรัตนตรัย เป็นอาการนี้อยู่เป็นเดือนๆ จนพอเราเริ่มหายเครียด มันก็ค่อยๆ คลายลงแล้วหายไป ปีนี้มีอาการเครียดใหม่ คือปรับตัวกับที่ไปอยู่ใหม่ไม่ได้ อยากจะออกก่อนครบกำหนดขั้นต่ำที่เคยตั้งใจไว้ แต่ก็ไม่ออก เครียดมากๆ ทีนี้มีอาการมีมโนภาพทำร้ายบุพการีเลย มีคำที่คิดจะทำร้ายบุพการีผุดมาในหัว เราตกใจและเป็นกังวลมาก รู้สึกผิดมาก รู้สึกกลัวตัวเอง จนจิตตกรู้สึกหดหู่ซึมเศร้า ก็พยายามแก้ไขไปโดยวิธีเดิมๆ คือ อธิษฐานขอให้เราเป็นคนกตัญญู อธิษฐานว่าถ้าเราคิดจะทำร้ายบุพการีจริงๆ ขอให้เราโดนฟ้าผ่าตายไปก่อนที่คิดจะทำเลย ฯลฯ มันก็ไม่หาย ยิ่งผุดมาเรายิ่งเครียด ยิ่งรู้สึกผิด ใช้วิธีนั่งสมาธิก็แล้ว รู้สึกว่าเป็นการกดมันไว้ ซักพักมันก็โผล่มาอีก เครียดมากกๆๆๆๆๆ นี่ก็เป็นมาเดือนนึงละ เพิ่งมาพบว่าตัวเองเป็น OCD มาไม่นานนี้ ศึกษาวิธีการรักษาหลายๆ วิธีมาก (แต่ยังไม่ยอมไปหาหมอ) วิธีที่ทำแล้วทุเลาลงบ้างอยากจะแชร์ทุกคนมีดังนี้ครับ 1. เวลามันคิด ให้ถามตัวเองในใจว่าใครคิด เราอยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ เหรอ จริงๆ เราเคารพรักบุพการรีไม่ใช่เหรอ สิ่งที่คิดมันดีงามเหรอ ทำให้เราเป็นทุกข์หรือสุข ถ้าเป็นทุกข์แล้วคิดมันทำไม 2. เวลาอธิษฐานจิต เราก็ขอพรให้เรามีสติ มีปัญญา ที่จะละอกุศลนี้ออกจากจิตใจให้ได้ 3. ให้คิดว่ามันไม่ใช่ความคิดเรา เป็นโรคติดเชื้อ เราแค่แสดงอาการของมัน เมื่อมันไม่ใช่ความคิดเรา ก็อย่าไปกังวล และรู้สึกผิดกับมัน 4. พยายามลองมีอารมณ์ขันล้อเล่นกับมัน เช่น เวลามีความคิดทำร้ายบุพการีขึ้นมา เราก็คิด (แบบตั้งใจ) สำทับไปเลยว่า งั้นตดให้ดมเลย เป็นการประทุษร้ายแบบเล็กๆ น่ารักๆ (ผมพูดจริงๆนะ) เคยพยายามแปลงสัญญาณโดยคิดในใจว่า รักพ่อรักแม่แล้ว แต่ไม่ได้ผล อาจเป็นเพราะคล้ายๆ เราพยายามต่อต้านมัน ทีนี้เราก็ตามน้ำไปกับมันในด้านลบ เพียงแต่ทำให้เป็นแบบลบเล็กๆ ก็พอ 5. พยายามฝึกเจริญสติ อารมณ์อะไรเกิดขึ้นก็ให้รู้แล้วปล่อยวาง ฝึกที่จะไม่หลงไปในความคิด รู้แล้วละ อันนี้เป็นวิปัสนนา มีคนแนะนำแนวทางนี้กันมาก เราก็รู้สึกว่า work นะเวลาที่มีสติ (แต่เรายังสติอ่อนอยู่) ถ้าเราฝึกจนมีสติรู้ตัวอย่างดีมากๆ แล้ว น่าจะช่วยลดอาการ OCD ได้มากทีเดียว 6. พยายามหากิจกรรมอะไรทำให้มันลืมๆ ไป เช่น ออกกำลังกายให้เหนื่อยๆ (ช่วยได้มาก) หรือหาอะไรทำเพลินๆ ที่ต้องใช้สมาธิ เช่น เล่นเกม 7. พยายามลดความเครียด ออกจากบ้าน ไปเที่ยวเล่น 8. ปล่อยวาง อย่าจริงจังมากเกินไป ขอให้ทุกคนโชคดีและแก้ไขปัญหาตัวเองได้นะครับ ผมก็พยายามอยู่ คุณไม่ได้เป็นโรคนี้คนเดียว!

ยังไง ก็ขอขอบคุณทุกๆความคิดเห็นที่เข้ามาร่วมกันแชร์นะคะ เพราะถือเป็นกำลังใจที่ดีมากๆ เวลาเราเกิดทุกข์จากโรคนี้ พออ่านไปเรื่อยๆ ก็รู้ว่าเราไม่ได้เป็นคนเดียว

แต่ทุกๆคนเองก็นับว่าโชคดีกันอย่างนึงนะคะ เพราะเรารู้ว่าสาเหตุมาจากอะไร ก่อนหน้านั้น ดิฉันไม่ทราบว่านี่คือโรค เครียดแทบแย่ ถามตัวเองว่าทำไมถึงเป็นแบบนี้ บางที่ก็เครียดจนร้องไห้ เล่าให้ใครฟังไม่ได้เลย เวลาที่เป็นทำให้เสียความมั่นใจในการทำสิ่งต่างๆอย่างมาก แล้วก็จะเกิดความกลัวตามมา ทุกคนอยากมีชีวิตเป็นปกติทั้งนั้น พอเกิดโรคแปลกนี่ขึ้นมา อาจทำให้เรารู้สึกว่าตัวเองแตกต่างจากคนอื่น เหมือนเป็นคนมีปัญหาค่ะ ปลอบใจตัวเองทุกวันเลย

มาถึงวันนี้ วันที่ได้รู้ความจริง ดิฉันก็คิดซะว่า อืม...เราเป็นโรคทางจิตอย่างนึงนะ ความไม่ดีต่างๆในทางความคิดไม่ใช่ตัวเรา แล้วก็พยายามยึดธรรมะเป็นแนวทางค่ะ ง่ายๆเลย ทุกอย่างที่เป็นอาจจะเป็นเวรกรรมเก่าของเรา เหมือนกับคนอื่นๆที่อาจจะเป็นนั่นนี่ไม่เหมือนกัน เมื่อเกิดความคิดแล้วอย่าไปต่อต้าน เหมือนคำแนะนำที่ผ่านมาจากหลายๆท่านค่ะ แต่เราอย่าหมกมุ่น สวดมนต์ก่อนนอน ทำใจสบายๆ ตั้งสติ ฝึกสมาธิ จิตเราป่วยเราก็ต้องบำบัด ใช่ไหมคะ

ดิฉันเห็นด้วยกับความคิดหลายๆท่านที่ว่าเรื่องของ กรรม เจตนา ก้อนความคิดก้อนนึง การทำความเข้าใจ ยอมรับ สิ่งเหล่านี้เป็นแง่คิดที่ดีมากนะคะ ขอบพระคุณทุกท่านอีกครั้งค่ะ พวกเราต้องสู้ด้วยกันนะคะ อย่าย้อมแพ้กับโรคนี้ เพราะเมื่อใดที่คุณท้อถอย หมดอาลัยในชีวิต โรคนี้จะครอบงำชีวิตคุณทันที ขอให้ทุกคนเข้มแข็งค่ะ

ป.ล. สำหรับความคิดเห็นล่าสุด คุณ Jojo ขอเป็นกำลังใจให้คุณด้วยนะคะ สู้ต่อไปค่ะ มีปัญหาอะไรแชร์ๆเข้ามาได้เสมอนะคะ

ขอเพิ่มเติมอีกนิดนึงนะคะ บางทีเราอยากจะหายจากอาการพวกนี้ โดยการพยายามไปตั้งกฏเกณฑ์ขึ้นมาว่า ต้องหายๆๆ เป็นวิธีที่ไม่ได้ผลเท่าไหร่นะคะ อย่าไปตั้งระยะเวลาให้ตัวเองแบบนั้น เอาเป็นว่า ขอให้เป็นอยู่กับปัจจุบัน พยายามมีสติให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทุกวันนี้ดิฉันก็พยายามทำอยู่ค่ะ

ถ้าเราจัดการความคิด เสริมสร้างความเข้มแข็งให้ใจเราได้ ชีวิตเราจะมีความสุขมากขึ้นนะคะ ความสุขไม่ได้หายไปจากคุณเลย อยู่ที่ใจคุณต่างหาก แต่บางทีเรามักมองข้ามไป ถ้าเราทำได้ เราก็จะใช้ชีวิตได้อย่างปกติไม่แพ้คนอื่นเลย ทำงาน เรียน หรือกิจกรรมต่างๆ คุณสามารถโอเคกับสิ่งที่คุณทำได้หมด อย่าให้อาการนี้มาทำร้ายคุณจนเสียสมาธิ เสียการเรียน หรืองานนะคะ เพราะไม่งั้นแล้ว มันจะเหมือนว่า เราไปตัดตัวเราเองออกจากสังคม ทุกอย่างอยู่ที่ใจเราค่ะ ว่าเราสู้แค่ไหน คิดผิดไป เราก็สู้ใหม่ เท่านั้นเอง อย่าไปจมว่า ทำไมเราถึงเป็นอีกแล้ว คิดแบบนี้ท้อเปล่าๆค่ะ

ปัญหาและความคิดมีเข้ามาหาเราทุกวัน อยู่ที่เราว่าจะเลือกจัดการยังไง พยายามจะปรับแบบไหน แต่ข้อดีของโรคนี้ก็มีนะคะ มันทำให้เรารู้ว่า เราไม่ต้องไปแสวงหาความสุขอะไรใหญ่โตให้ชีวิต สุขที่แท้จริงคือ สุขที่ใจดวงน้อยๆของเรานี่แหละ รวมถึงการไม่มีโรคด้วย เราอย่าไปนึกว่าเราเป็นคนผิดปกตินะคะ เดี๋ยวนี้โรคภัยมีมากมาย เข้ามาหาคนเราทุกวัน ตัวเราเองก็แค่เป็นหนึ่งในนั้น เป็นโรคหนึ่งโรคเท่านั้นเองค่ะ เมื่อเป็นเราก็รักษา ดูแลตัวเองไป เหมือนกับโรคอื่นๆ จริงไหมคะ .........................

ผมก็เป็นครับ ทรมาณมาก เป็นมา 4ปีแล้ว ทรมาณเหลือเกิน ทุกวันนี้ใช้ยา lexotan 1.5 mg กับ อนาฟานิลอยู่

รบกวนท่านที่มีความรู้แอดมาหาทีนะครับ แนะนำ รพดี ๆ ให้ผมที ตอนนี้ผมรักษาอยู่ที่ รพ ธนบุรี ผมรู้สึกอาการผมคงที่ แต่ไม่ดีขึ้น และไม่แย่ลง จะแย่ลงบางที

ผมอยากเป็นคนปกติ ผมลืมไปแล้วว่าคนปกติเป็นยังไง ทรมาณเหลือเกิน T_T

ผมไม่ไหวแล้ว ช่วยผมด้วย

[email protected]

ถึงคุณ ssy ความคิดเห็นที่ 81 ค่ะ ดิฉันอยากทราบอีเมลล์ของคุณ มีเรื่องจะปรึกษาหน่อยนะคะ ดิฉันชอบวิธีการของคุณมากๆเลย

เพิ่งรู้ว่่ามีคนเป็นแบบเราเยอะเหมือนกัน นึกว่าเป็นอยู่คนเดียวในโลก ทรมานมากค่ะ

เริ่มเป็นตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ กลัวสิ่งสกปรก ไม่กล้าเข้าห้องน้ำสาธารณะ กลัวว่าจะมีผู้ชายที่ไหนมาช่วยตัวเองแล้วปล่อยอสุจิเอาไว้ กลัวอสุจิมาถูกตัว กลัวท้อง- -"

อาการต่อมา ด่าทอสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เริ่มจากตอนยกมือขอพรไหว้พระ ก็ดันไปคิดถึงแต่สิ่งร้ายๆ แทนในหัวสมอง อยากจะบ้าตาย แล้วก็กลัวว่าเราจะไปบนบานอะไร ทั้งๆ ที่ไม่ได้ต้องการบน ถึงกับไม่ยกมือไหว้พระ ไม่อยากเข้าวัด ไม่อยากมองไม่อยากเห็นอะไรที่เกี่ยวกับวัด พระ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ บลา บลา ไปพักนึง

แต่ปัจจุบัน อาการสองอย่างข้างต้นดีขึ้นแล้ว ถึงแม้จะยังขยะแขยงห้องน้ำชายสาธารณะอยู่มากๆ พยายามเดินให้ห่างที่สุดเท่าที่จะทำได้- -" แต่ปัจจุบัน เข้าวัดได้แล้วค่ะ=)

แต่ปัจจุบันนี้ ที่ทรมานมากที่สุด ทำเอาถึงกับอยากตายไปให้รู้แล้วรู้รอด จะได้ไม่ต้องย้ำคิดย้ำทำ ก็คือ เรื่องปิดน้ำ ถอดปลั๊กไฟ ล็อคประตูบ้าน ทำซ้ำไปซ้ำมาเป็นสิบกว่ารอบก็มี เสียเวลาในชีวิตไปอย่างมากๆ กลางคืนแทนที่จะนอน ก็มัวเสียเวลาย้ำคิดย้ำทำ ทำให้เสียเวลา และเวลานอนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ

ถ้าไม่ลุกไปย้ำทำก็จะย้ำคิดอยู่นั่น และนอนไม่ได้ค่ะ ไม่สามารถนอนได้ ทรมานจริงๆ

ปัจจุบัน รอบเตียงที่นอนจะรายล้อมไปด้วยเครื่องใช้ไฟ้ฟ้าสารพัด แต่อะไรที่เอาไปเก็บซ่อนในรถได้ ก็จะเอาไปเก็บในรถแทน ตัดปัญหาต้องมาเช็คดูว่า มันเสียบปลั๊กอยู่หรอป่าว ปัจจุบัน นอนกับเตารีดอยู่บนเตียงค่ะ (ถอดปลั๊กแล้ว) ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ อยู่ข้างเตียง เพื่อจะได้เป็นการมั่นใจว่า มันปิดสนิทแล้ว หรือไม่ได้ใช้งานอยู่ จะได้นอนหลับ

ในห้องนอน ไม่มีทีวีหรือวิทยุใดๆ ทั้งสิ้น เนื่องจากเคยมี แล้วปิดทีวีแล้ว ปิดทีวีอีก เพราะคิดว่ายังไม่ได้ปิด คือ ปิดแล้ว ก็กดเปิดใหม่ เพื่อจะได้ปิดมันอีก กดปุ่มแช่จนกว่าจะแน่ใจว่าทีวีปิดแล้ว เลยแก้ปัญหาด้วยการไม่เอาทีวีหรือวิทยุ ไม่ดูก็ได้วะ ไม่งั้นกลางคืนก็นอนไม่หลับ ไม่มั่นใจ กลัวทีวียังไม่ได้ปิด (ทั้งๆ ที่มันปิดแล้ว- -")

ก๊อกน้ำ ก็ปิดแล้วปิดอีก ปิดอยู่นั่น จนก๊อกจะพังอยู่แล้ว กลัวยังไม่ได้ปิดน้ำ อาการจะเป็นมาก ช่วงก่อนนอน ถ้ารู้สึกว่า ก็อกปิดไม่สนิท ก็จะนอนไม่ได้ หรือไม่ก็บ้าคิดไปว่า มือเราไปเปิดก๊อกน้ำทิ้งไว้แน่เรย ต้องลุกไปปิด ไปจับก๊อกน้ำดูอีกรอบ ทรมานมากๆๆๆๆๆๆๆๆๆ กว่าจะนอนได้ ตอนนี้ แก้ปัญหาโดยการเปิดประตูห้องน้ำทิ้งเอาไว้กว้างๆ เอาวะ ถ้าไม่ได้ยินเสียงน้ำไหล น้ำหยดอะไร แสดงว่า ก็อกปิดสนิทแล้วอ่ะนะ เป็นอันว่า นอนได้- -"

ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็ดูแล้วดูอีก ประตูบ้านต้องล็อคสองรอบเป็นอย่างต่ำ เพื่อความมั่นใจว่า บ้านตรูล็อคแล้ว- -" ไม่งั้นออกไปทำงาน ก็จะเครียดทั้งวัน เพราะกังวลว่าบ้านยังไม่ได้ล็อค โจรจะเข้าบ้านมั๊ยเนี่ย- -" ทั้งๆ ที่ตอนกลางวันก็มีคนอยู่บ้าน ถ้าโจรเข้า เค้าก็คงโทรฯ มาบอกแล้ว- -"

ถ้ามีใคร เช่น เพื่อนบ้านแอบสังเกตตอนเราออกจากบ้าน เค้าก็คงว่า อินี่บ้าแน่ๆ ล็อคกุญแจแล้ว ไขใหม่ จะได้ล็อคอีกรอบ- -"

ก่อนออกจากบ้านไปทำงาน ก็ดูน้ำ ดูไฟ ดูแล้วดูอีก ทุกอย่างต้องย้ำสองรอบเป็นอย่างต่ำ ส่วนใหญ่มากกว่าสองรอบ สิ่งเหล่านี้ทำให้ไปทำงานสายบ่อยมาก อยากจะบ้าตาย ถ้าเอาเตารีดใส่รถไปทำงานได้ ก็ทำแล้ว แต่ทำไม่ได้ เพราะกลัวคนที่บ้านที่อยู่ด้วย จะว่าเราบ้าแน่ๆ บอกใครก็ไม่ได้ ว่าอาการย้ำคิดย้ำทำเราหนักขนาดนี้ คือ เค้ารู้กันอยู่ว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ แต่ไม่รู้ว่าเป็นหนักจนอยากตายให้รู้แล้วรู้รอดไปซะ พ้นความทรมาน- -"

เรื่องพิมพ์อะไรในคอมพิวเตอร์แล้วลบออกตัวสองตัว เพื่อจะได้พิมพ์ใหม่ เพื่อความมั่นใจว่าเราไม่ได้พิมพ์อะไรที่ไม่สมควรลงไป ก็เป็นเหมือนกัน เห็นความเห็นก่อนหน้าเป็น เออ มีคนเป็นเหมือนเราด้วยแฮะ นี่ ก็ลบมาหลายตัวแล้ว กว่าจะมาถึงตรงนี้- -"

เวลารินน้ำ ก็จะรินจนแทบจะล้นแก้ว คือ ทำอะไรจะล้นๆ เกินๆ ตลอด ไม่มีขาด เหมือนที่ความเห็นก่อนหน้าความเห็นนึงบอกว่า ให้คิดเป็นข้อดีก็ได้ คือ คนย้ำคิดย้ำทำมักจะไม่ทำอะไรผิดพลาด หรือ ขาดตกบกพร่อง ใช่เลย เพราะเราทำเกิน ทำล้น ตลอด- -" เราเป็นประเภท Perfectionism ด้วย ทำอะไรทุกอย่างต้องให้สมบูรณ์พร้อมที่สุด ถ้าไม่เพอร์เฟ็คท์แล้วมันคาใจ มันไม่ได้- -" สงสัยว่า คนเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำส่วนใหญ่น่าจะเป็นคนประเภทเพอร์เฟ็คชั่นนิสม์ สมบูรณ์นิยม มั๊ง เดาเอา- -"

เข้ามาอ่านแล้ว ก็สบายใจขึ้นหน่อย ว่า ตรูไม่ได้บ้าอยู่คนเดียว คิดมานานตั้งแต่เด็กแล้ว ว่า เราเป็นโรคประสาทแบบนี้อยู่คนเดียวในโลก- -"

อยากไปรักษาอยู่เหมือนกันนะ แต่ไม่มีเวลา อายคนด้วย ไม่มีใครรู้ว่าเป็น อยู่ข้างนอก ถ้ามีอาการ ก็จะย้ำทำแบบเนียนๆ อายคนปรกติเค้า มีแต่คนที่บ้านรู้ว่าเป็น แต่ไม่รู้ว่า อาการหนัก จนกระทบกับการดำเนินชีวิตและสุขภาพ บั่นทอนจิตใจและความสุขในชีวิตมากช่วงนี้ เลยเข้ามาอ่าน เพื่อได้หนทางแก้ดูมั่ง- -"

อยากเป็นปรกติแบบคนทั่วไป ระบายไปบ้างก็ดีขึ้นหน่อย- -"

             สวัสดีครับทุกคน ผมอายุสิบสี่กว่าครับ เป็นโรคนี้เหมือนกันเลย อาจจะแตกต่างจากคนอื่นหน่อยๆ คือ

-หลังเลิกเรียนทุกวัน กลับมาบ้านผมจะเข้ามาในห้องตัวเองแล้วเอาเชือกขาวมาพันรอบโต๊ะทำการบ้านกับกระเป๋าตัวเอง จากนั้นก็ลงมือเช็คตามตู้เสื้อผ้า เตียง ใต้เตียง แม้กระทั่งพื้นปล่าวๆ เสดแล้วเอาไม้กวาดพื้นหลายครั้งมากครับ ประมาณว่าผมต้องการให้ส่วนอื่นในห้องนอกจากโต๊ะทำการบ้าน สะอาดเป็นระเบียบครับ เพราะกลัวว่าจะมีของตกหล่น ทำไปหลายรอบๆ แล้วค่อยมาจัดการที่โต๊ะทำงานต่อ ตอนแรกไม่ได้เป็นอะไร แต่หลังๆมาอาการหนักมากครับแบบว่า ผมต้องทำทุกอย่างให้เป็นระเบียบ รื้นค้นออกมาแล้วจัดเรียง (ในใจก็คิดว่า เอ.. อันนี้ต้องใช้ทำงานอะไรที่โรงเรียนพรุ่งนี้รึป่าวนะ) ออกนอกบ้านก็ต้องเช็คของที่พกมาว่าครบไหม ส่วนเรื่องอื่นก็มีเยอะ แต่หลักๆคือเรื่องความเป็นระเบียบครับ บางครั้งผมทนไม่ไหว เวียนหัวมาก อยากจะร้องไห้ด้วยซ้ำบางครั้ง จนผมได้ปรึกษาพ่อครับ พ่อผมบอกว่า วิธีแก้ที่ดีสุดคือต้องมีสติกับสิ่งที่ตนเองทำตลอดเวลา อย่าสนใจเรื่องอื่น แล้วเรื่องการจัดห้อง เช็คความสะอาด พ่อผมบอกว่าเคยเป็นเหมือนกัน แต่แก้ได้ ด้วยการจดครับ จดว่าตอนนี้เดวเราต้องทำอะไร เช่น จัดที่นอน ล้างมือ แปรงฟัน พอทำเสดก็เช็คถูกซะว่าทำแล้ว เมื่อทุกที่เราตั้งใจจะทำแล้ว เราก็ปล่อยวางครับ ให้เรานึกถึกเรื่องที่เราอยากจะทำแล้วเรามีความสุข แต่ต้องเป็นเรื่องสบายๆนะครับ เช่น ดูทีวี อ่านนิยาย ฟังเพลง ครับ เรื่องที่เราได้ทำแล้วเช็คถูกแล้วก็อย่าสนใจมันอีกครับ ให้คิดว่าเราทำวันนี้ได้ดีเยี่ยมไปเลย ตอนก่อนนอนให้นึกถึงสิ่งที่เราทำหรือจัดการไปแล้ว แล้วนอนครับ พอผมทำแล้วก็ โว้วโอ้วว รุ้สึกดีขึ้นมากครับ มีเวลาทำสิ่งที่ตนเองทำแล้วมีความสุข

             อะไรที่ท่านเบื่อที่จะต้องทำซ้ำไปซ้ำมาเพราะกลัวเรื่องเรื่อยเปื่อยสารพัดขอให้จดเป็นสิสต์แล้วทำตามจากนั้นก็เช็คถููกเป็นนัยว่าเราตั้งใจทำสิ่งนี้แล้วนะ จากนั้นก็อย่าสนใจมันอีกครับ ให้ทำสิ่งที่เราอยากทำหรือต้องการทำจริงๆเช่นทำการบ้าน ทำงาน เป็นต้น    ตอนนี้ครูสั่งให้ผมทำแผ่นพับเรื่องโรคที่ตนต้องการศึกษาครับ ผมนึกได้ว่าผมเคยเป็นโรคนี้ก็เลยมาแวะที่นี่ครับ  สุดท้ายขอเป็นแรงใจให้ทุกคนครับ  พยายามคิดในแง่ดีและมีเหตุผลให้มากๆๆ   สุดท้ายก็จะดีขึ้นเองครับ

ดิฉันป่วยเป็นย้ำคิดย้ำทำมาก็10ปีแล้วค่ะ รุ้ดีว่าโรคนี้มันทรมานมาก ทำเอาขาดความมั่นใจไปเลย ดิฉันขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่เป็นนะคะ เราต้องอดทนกับมันค่ะ แล้วก็หาเรื่องอื่นทำเพื่อลืมมันไปนะคะ หรือไม่ก็เขียนระบายความรู้สึกที่เป้นหรือที่คิดออกมาให้หมด มันจะทำให้เราสบายใจได้ในระดับนึงค่ะ

สามีป่วยเป็นโรคนี้แบบขนาดไม่รู้สึกตัวเลยค่ะ บังคับให้ทุกคนทำนั่นนี่ตลอดจัดของจัดร่างกานตัวเองท่านั่งท่าไหว้ถ้าไม่ทำตามเค้าจะกระวนกระวายถึงขนาดก้มกราบเราสุดท้ายนี่ถงขนาดเกร็งไปทั้งตัว รักษามาสองเดื่อนแล้วแต่อาการหลงลืมเลอะเทอะก็มีอยู่พูดเองเออเอง อธิบายไงก็ไม่ฟังถามคำถามซ้ำไปมาแต่ไม่เชื่อสิ่งที่เราตอบ งมงายเรื่องไสยศาสตร์มาก บางทีแอบยกมือไหว้ไม่ให้เราเห็น กลุ็มใจมากค่ะยาก็แพงถ้าเค้าไม่สามารถกลับไปประกอบอาชีพได้ครอบครัวคงลำบากมาก รักษาอยู่สถาบันประสาทค่ะ มีอะไรแนะนำด้วยนะค๊ะ ขอบคุณค่ะ

ทำไงดี พรุ่ง นี้ จะ ขึ้นเวทีแล้ว ครั้งแรกที่ ขึ้นแสดงเพื่อ สอบ วัดระดับกีต้า (คือผมเรียนกีต้าร์ คลาสสิค มา 4 เดือน แล้ว ครับ)  เครียดมากๆ เพราะ กลัว อาการ หลุกหลิก กำเริบ หรือ ไม่ก็ ตื่นเวที ลืมโน้ตเพลงหมด  หรือไม่ก็ หวาดระแวงคนดูไปทั่ว และ อื่นๆ อีก  ใครอยากแชร์ประสบการเรื่องขึ้นเวที ช่วยแชร์ได้ น่ะครับ หรือไปที่  wattana korat   เฟสบุ๊ค น่ะครับ  และ ผม เข้าโรงบาลจิตเวช รักษา ocd มา  1 ปี แล้ว ทาน ยาทุกวัน ครับ

เป็นโรคนี้ตั้งแต่ ป 4 เลยค่ะ และเป็นหนักมากช่วงนั้น เวลาคิดอะไรคิดลบหลู่โน้นนี่นั่น ในหัวคิดมั่วๆๆมากมาย แล้วตอนนั่นเด็กเราคิดอะไรเราก็จะพูดออกมาอย่างนั้น ต้องคอยตบปากตัวเองตลอดเวลา เป็นบุคลิกที่ไม่ดีมากค่ะ พูดมั่วแล้วใช้คำว่าล้อเล่นแล้วตบปากตัวเอง คิดดูสิ มันน่าดูที่ไหนกัน แล้วนั่นคือเริ่มต้นค่ะ เป็นมาเรื่อยๆ รู้สึกสมองช้าลงมาก ปกติเป็นคนหัวดี แล้วเนื่องจากแม้กระทั่งอ่านหนัวสืออยู่หัวก็ไปคิดเรื่องอื่นมั่วไปหมด มองเห็นพัดลมก็จ้องพัดลมนานมากแล้วคิดไปต่างๆนาๆ มันทรมารมากค่ะ บาวทีถึงกลับตบหน้าตัวเองลงโทษให้เหมือนคนปกติที บอกใครไปเค้าก็ไม่เข้าใจ เหมือนเรามีตัวมารอยู่ในหัวมาคอยพาเราคิดโน่นนี่นั่น พ่อแม่อาก็ไม่รู้ว่าเราเป็นโรคนี้มานาน แรกๆนึกว่าเราเป็นคนเดียว เพิ่งมารู้ว่ามีคนเป็นแบบนี้ด้วย แต่ตอนนี้ควบคุมตนเองได้มากขึ้นกว่าเดิมแต่ก็ทรมารไม่ต่างกันเลย ไม่อยากไปรักษาที่โรงบาลเลยค่ะ ไม่อยากกินยาตอนนี้อยู่ปีหนึ่งค่ะ แล้วมันต้องเรียนหนักไง เวลาอ่านหนังสือนี่เหมือนใช้งานสมองหนักเป็นสองเท่าของคนปกติ เหนื่อยกับโรคนี้ด้วย ทำให้พลาดทุนไปเมืองนอกอีก เนื่องจากสัมภาษณ์ดุกดิกดุ๊กดิกอ่าค่ะ โรคมันกำเริบเป็นมากขึ้นทุกวัน แต่ทำไมทุกคนไม่มีใครรู้เลยว่าเราเป็นโรคนี้ เป็นโรคที่คนไม่ค่อยรู้จัก เราก็ไม่กล้าบอกใครด้วย บอกไปก็ไม่เข้าใจเลย ทรมานมากค่ะ

TTT^TTT ช่วงอ่านหนังสือสอบยิ่งทรมารเข้าไปใหญ่เลยอ่ะ ทรมานจนไม่อยากอยู่แล้ว

 สวัสดีครับ  ผมก็เพิ่งรู้ตัวว่าเป็นโรคนี้เหมือนกันครับ...ก่อนอื่นก็ต้องขอเล่าเรื่องของผมให้ท่านที่ได้อ่านได้ตัดสินว่าผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำจริงหรือไม่..สำหรับผมถ้าเป็นจริงก็อยู่ในขั้นหนักพอสมควร

        ผมเป็นข้าราชการครับ.....วันหนึ่งผมไปอบรมงานในหน้าที่มีอยู่วันหนึ่งเขาให้ผู้มาอบรมไปรายงานตัวหน้าแถว..อยู่ดีๆผมก็ไม่รู้คิดอะไรขึ้นมาเกิดอาการประหม่าตื่นเต้นตัวเนื้อสั่นไม่เป็นท่า หลังจากวันนั้นมา พอถึงเวลาที่เราจะต้องไปแสดงออกต่อหน้าใครไม่ว่าจะน้อยคน หรือมากคน ก็จะคิดไปก่อนเลยว่าเมื่อเวลานั้นมาถึงแล้วมันจะสั่นอีกไหมหนอ ก็จะคิดไปเรื่อย และแล้วก็สั่นจริงๆ แม้กระทั่งการไปหาหมอ เวลาหมอให้นั่งรอคิวเพื่อเข้าตรวจ ก็จะคิดว่า เดี๋ยวจะถึงคิวผมแล้ว ยิ่งไกล้เข้ามาก็จะคิดหนักใจเต้นเร็ว มือเย็น แล้วสุดท้ายก็สั่น ผมพยายามที่จะหยุดอาการเหล่านั้นโดยการเกร็ง...กลั้นหายใจเข้าออก หรือหายใจเข้าให้ลึก แล้วปล่อยออกเพื่อให้หายตื่นเต้น สั่น บางครั้งก็ได้ผล แ่ต่สวนใหญ่ไม่ได้ผล แต่ถ้าเจอเหตุการณ์แบบเดิมๆไปสักพัก (ประมาณ ๒ ถึง ๓ นาที ) ก็จะคลายความตื่นเต้น และอาการก็จะหายไป โดยเฉพาะเวลาเจอเหตุการณ์ที่เป็นการเฉพาะหน้าที่ไม่ต้องไปเข้าคิวต่อใครอาการก็จะไม่ค่อยมีเพราะไม่มีเวลาให้คิด....ผมพยายามที่จะแก้ปัญหานี้โดยศึกษาหาข้อมูลจากทางอินเตอร์เน็ต แต่ในตอนแรกไมุ่รู้จักโรคย้ำคิดย้ำทำ คงหาเพียงแค่วิธีใหนที่จะทำให้ลดความตื่นเต้น ผมพยายามที่จะคิดว่าผมอยู่คนเดียวเวลาแนะนำตัว หรือพูดต่อหน้าผู้คน ไม่สนใจใคร ไปแคร์คนอื่นทำไม่ ปล่อยให้เป็นธรรมชาติ คนอื่นเขาทำได้ ทำไมเราทำไม่ได้ พยายามคิดในทางบวกเพื่อเอาชนะ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะมันได้ ผมเครียดมาก กลุ้ม ผมเป็นโรคกระเพาะอยู่เดิมแล้ว พอมาเจอแบบนี้อีก ทำให้ผมผอมมาก จนเพื่อนทักว่าเป็นโรคอะไรที่เขาเป็นกันหรือป่าว ยิ่งทำให้ผมเคียดไปอีก ขอวอนผู้ที่รู้ช่วยบอกหน่อยครับว่าผมเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำหรือไม่ แล้วจะรักษาอย่างไร จึงจะได้ผลครับ และขอขอบคุณล่วงหน้าสำหรับผู้ที่ให้คำแนะนำมา ณ ทีีี่นี้ด้วยครับ

สวัสดีครับ โดยส่วนตัวผมคิดว่าผมก็เป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกันนะครับ โดยที่สังเกตมาผมเป็นตั้งเเต่เด็กๆเเล้วครับ 

คือแบบว่า ถ้าผมจะทำอะไร จะคุยกับใคร ไม่ว่าอะไรก็เเล้วเเต่ ทุกๆอย่างผมคิดว่ามันต้องสมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยล่ะครับ เเต่ถ้าผมไม่สามารถทำในสิ่งที่ผมตั้งความหวังไว้ได้สำเร็จ ผมก็จะรู้สึกผิดอย่างมากเลยล่ะครับ แบบว่า วันๆนั้นผมจะไม่เป็นอันทำอะไรเลย ทั้งๆที่มันเป็นเเค่เรื่องเล็กๆน้อย อย่างเช่น ผมไปลองกินอาหารในร้านที่ไม่เคยไปกิน ถ้าอาหารไม่อร่อยผมก็จะผิดหวังมากเลยล่ะครับ ภายในวันๆนันผมจะฆ่าเวลาในการทำในสิ่งที่ไร้สาระ อย่างเช่น  พาลใส่คนอื่นแบบไม่ไมีเหตุผล อารมณ์จะเสียบ่อย เเละหงุดหงิดง่าย เป็นต้น เเล้วกว่าจะกลับมาเป็นคนเดิมได้ต้องใช้เวลาเป็น วันถึงสองวันหรือมากกว่านั้นครับ เเล้วผมก็ชอบคิดไปเองว่า เวลาผมเดินคนเดียวในที่คนเยอะ เหมือนมีคนมาจ้องดูที่ผมเหมือนคอยจับผิดบุคลิกในตัวผมอย่างไงอย่างงั้นเลยล่ะครับ ทุกวันนี้ผมรู้สึกอึดอัดมาก ทรมานมาก บอกไม่ถูก จนไม่รู้จะเเก้ยังไงเเล้วครับ ตอนนี้ผมอายุ 18 ปี ผมเริ่มมีอาการตั้งเเต่ 10 ปีเเล้วครับ คือเหมือนทุกๆอริยาบท ทุกๆท่าทางของผมนั้นเหมือนผมรู้ตัวอยู่ตลอดเวลาเลยล่ะครับ รู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมชาติเลยครับ เหมือนเรากำลังฝืนๆน่ะครับ จะนั่ง จะเดิน จะนอน ผมรู้สึกว่ามันไม่เป็นธรรมาชาติเลยครับ ทำอะไรผมก็ต้องการความสมบูรณ์แบบทุกอย่างเลยครับ ทำยังไงดีครับ ผมถึงจะหาย

ไปพบแพทย์ค่ะ เราพยายามมาทุกวิถีทางแล้ว กินยาไปแล้วก็นั่งสมาธิช่วยได้น่ะค่ะ

คืออาการที่เกิดขึ้นก็คือดูหนังผีแล้วชิบเก็บนำมาคิดทั้งทีไม่ใช่เรื่องตัวเองชอบพูดอะไรที่ซ้ำสามครั้งจะมีวิธีแก้ยังไงดีค่ะตอบด่วน

ผมเป็นโรคนี้ เมื่อประมาน ม 2 และเป็นมาเรื่อยๆ จนถึงจุดสุดขีด คือ  ปี1 คือทนไม่ไหวจริงๆ คือตอนแรกผมไม่รู้ว่าสิ่งที่ผมเป็น คิอโรคย้ำคิดย้ำทำ   เพราะผมไม่เคยรู้จักโรคนี้มาก่อน จนผมอยู่ปี1 ผมทนไม่ไหว จนหาข้อมูล ไปเรื่อยๆ ว่าผมเป็นอะไร จนได้รู้ว่าตัวเองเป็นโรคนี้ และผมไม่ลังเล เรย ที่ เข้าพบ จิตแพทย์ โดยทันที  เมื่อผมเข้าพบจิตแพทย์ หมอเค้าก็จะพูดคุยกับเรา โดยการรักษา แบ่งการออกเป็น สองส่วน หลักๆ คือ ยา กับ การฝึกฝน

ยา   ช่วงแรกๆ เห็นผลค่อนข้างดี จนถึงจุดที่ โอเคเรย  พอถึงจุดๆนึงมันจะเริ่ม อิ่มตัว  และยังเหลืออาการอยู่บ้าง แต่ก็ถือว่า ดีจากตอนก่อน พบหมอ มาก แต่ย้ำว่า ยารักษาได้แค่ประมาน หนึ่ง คือ 50 -75 % หรืออาจถึง 85 %

สอง การฝึก ตรงส่วนนี้ สำคัญมาก เพราะมันจะทำให้เราเหมือนมีภูมิต้านทาน เพราะการรักษาด้วยยานั้น เมื่อเราหยุดยา อาการ ก็อาจจะ กลับ มาบ้าง แต่ก็คงไม่กลับคืนตัว เหมือน ก่อนพบหมอ หมอบอกคับ แต่อาการมีการ return บ้างแน่นอน ต้องทำใจครับ แต่การ ฝึกฝนนั้นจะสร้างภูมิต้านทาน รวมถึง ก็เป็นยาด้วยส่วนหนึ่งครับ

รายละเอียด ก็จะประมานนี้ ครับ ข้อสำคัญคือ  เมื่อรู้ว่าเป็นโรคนี้   หาจิตแพทย์ทันทีครับ !!!!!!  ไม่ว่าอาการจะอยู่ในขั้น น้อยนิดก็ตาม  และ คุณหมอ จะชี้ทางให้เราเองครับ

ส่วนตัวผม ตอนนี้ ควบคุม การใช้ชีวิตตัวเอง ได้ โอเค แล้วครับ ถือ ว่า ผม พอใจ เรยทีเดียว เมือเทียบกับเมื่อก่อน


มีปัญหาทางจิต ลองไปปรึกษา www.fb.com/psytu นะจ๊ะ นะจ๊ะ

ถึงคนมันเครียด ครับ ผมเป็นเหมือนคุณตอนแรกไม่อยากแต่ที่อยู่เพราะพ่อแม่และครอบครัวเพราะเราเกิดมามีร่างกาย32ประการเราต้องสู้นะครับทรมานมากแค่ไหนที่ต้องมาด่าในสิ่งที่เราเคารพรักมากเราไม่เคยด่าเขาเลยต้องมาด่าในคำที่เลวทรามผมก็ทุกข์มากบางทีนอนร้องไห้ตลอดเลยไม่มีความสุขเลยสวดมนต์เพื่อขอขมาว่าเราไม่ได้ตั้งใจคิดแบบนี้เลย

ถึงคุณ ที่มีความทุกข์

ผมก็เป็นเหมือนกับคุณอ่ะแหละเป็นได้มาแค่2เดือนกว่าๆเองทรมานมากๆร้องไห้ตลอดไปหาหมอมาแล้วให้ยามากินเพิ่งกินเลยยังไม่รู้ว่าเป็นไงลองไปหาหมอดูสิอย่าไปอายตอนแรกผมก็ไม่กล้าไปหรอกแต่ทนไม่ไหวเลยต้องไปมันเกินไปกับความคิดอะไรแบบนี้มันไม่ใช่ความคิดของเราเลยผมเพิ่งอายุ24เองทรมานทั้งด่าในลากมกมั้งแช่งมั้งเปรียบอย่างนู้นอย่างงี้จินตนาการบ้างไรบ้างมันหนักมากๆ0859459540โทรปรึกษากันอ่านแล้วทรมานมากเลยผู้ป่วยเป็นโรคนี้เยอะมากๆ


รบกวน ผู้ใจดีช่วยหน่อยนะค่ะ 

น้องชายเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ค่ะ 
อาการของน้องชาย จะคล้าย ๆ  ความคิดเห็นท่านอื่นเลยค่ะ  ตอนนี้น้องชายอายุ  18 ปีค่ะ มีอาการดังนี้


1.  เวลาเดินไปเปิดประตูก็จะเปิดเข้าเปิดออก ประมาณ 3-4 ครั้ง

2.  เดินถอยหน้าถอยหลังตลอดเวลา

3.  เวลาเดินทางไปมหาลัยเค้าเดินทางออกจากบ้านครึ่งทาง แล้วเค้าก็นั่งรถกลับมาบ้านใหม่ ซึ่งน้องชายบอกว่า

มันไม่ใช่ตัวเค้า  เลยต้องกลับ แล้วก็นึกถึงว่าเป็นตัวเองกำลังเดินทางถึงจะไปมหาลัยได้

4.  น้องชาย กลัวที่จะเดินมากค่ะ  เช่น เมื่อเค้าเจอสิ่งเส้นหรือจุดอะไรดำนิดหน่อยเค้าจะเดินกระโดดข้ามเลย หรือเดินเลี่ยง  หรือบางครั้ง ไม่มีอะไรเลยก็กระโดนข้าม หรือว่าเดินเลี่ยงเลยค่ะ 

5.  เค้าชอบคิดแต่เรื่องเดิม ๆ ซึ่งเค้าไม่อยากคิด แต่ก็อดคิดไม่ได้  ชอบนั่งเฉย ๆ แล้วก็คิด
     เราก็บอกให้ดูหนัง เล่นเน็ท ก็ได้ น้องชายไม่เอาเลยค่ะ เค้ากลัวคิดมาก ค่ะ

6.  เวลากินข้าวน้องชายจะกินข้าวไม่ได้ ชอบนึกว่าตัวเองเป็นคนอื่น (ตอนนี้น้องชายผอมมาก)

 

***  อยากจะบอกว่าอาการน้องชายเยอะมากค่ะ นี้เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น  เลยพาน้องชายไปหาหมอจิตเวช  หมอบอกว่าเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำ ต้องกินยาซึ่งตอนนี้ก็ให้น้องกินยาอยู่ค่ะ สงสารแม่มาก ต้องคอยดูแลน้องซึ่งแม่ก็อายุมาก แล้วเราก็ต้องทำงานหนักมาก 


หนูเป็นโรคย้ำคิดย้ำทำเหมือนกันค่ะไม่กล้าบอกพ่อแม่อ้ะ จิตมันชอบบนบาน สาบาน สาปแช่ง ด่า สิ่งศักสิทธิ์แล้วหนูจะมาย้ำคิดว่าคำบนบานนั้นถ้าไม่แก้เราจะตายมั้ยหรือฆ่าตัวตายดีกว่า แล้วคำสาปแช่งนี่ก็ย้ำคิดเหมือนกันว่าคำสาปแช่งนี่มันจะเข้าตัวเรามั้ย

ผม อายุ 22 ปี ครับ มีอาการยำคิดย้ำทำมากครับ บางทีชอบลบหลู่สิ่งศักดิ์สิทธ์ก็มีครับทั้งๆที่ไม่ได้คิด มันผุดขึ้นมาเอง บางทีก็ ล้างมือแล้วกลัวไม่สะอาด ต้องล้างๆซ้ำๆบ่อยๆ ผมเกิดอาการเคลียดมากครับ ทำให้การใช้ชีวิตประจำวันลำบากขึ้น จากที่ผมมีสังคมเยอะ ตอนนี้กลับเหลือสังคมอยู่น้อยเดียวครับ แล้วก็เวลาผมจะทำอะไรสมองมันก็จะสั่งต้องแบบนั้นต้องแบบนี้ แล้วก็ต้องคิดวนไปวนมาตลอดเลยครับ ทำให้เสียเวลามากเลยครับ ขนาดผมพิมนี่ยังมีอาการย้ำคิดอยู่ตลอดเลยครับ ผมคงต้องไปปรึกษาแพทแล้วหละ หรือว่าถ้าใครพอมีวิธีรักษาหรือว่า วิธีอะไรก็ได้ที่ทำให้โรคบ้าๆๆนี้หายไปช่วย ตอบมาที่อีเมวผมด้วยนะครับ ขอบคุณมากๆครับ



มีอาการควบคุมความคิดไม่ได้ค่ะ ทรมานกับความคิด อ่านหนังสือซ้ำๆ ท่องซ้ำๆ หยุดไม่ได้ อยากคุยกับคนที่เป็นโรคเดียวกันค่ะ แอดไลน์มาได้นะคะ Id: gapmizu ค่ะ

สวัสดีครับ ผมเองก็เคยเป็นตั้งแต่อายุ 15 นะครับ เป็นประมาณปีครึ่งก็หายครับ แต่ไม่ใช่ด้วยยาครับ เป็นการฝึกคิด และเอาชนะ "ความกลัว" ในจิตใจเราเองครับ ผมหายจากอาการเหล่านี้ได้หลายปี แต่ก็กลับมาเป็นอีกเมื่อตอนอายุ 21 และเป็นเรื่อยมาหลายปี ปัจจุบันผมอายุ 32 ตั้งแต่อายุ 21 สาเหตุจากการกลับมาเป็นอีก ก็เกิดจากความเครียดและ "ความกลัว" ผมเป็นหนักๆ ตอนอายุ 26 - 30 ปีครับ แต่ปัจจุบันดีขึ้นมากครับ ก็เหมือนเดิม ไม่ใช่เพราะยา แต่เป็นเพราะการ "ปล่อยวาง" และเอาชนะความกลัวครับ ผมเขียนเพื่อบางทีอาจจะเป็นประโยชน์เผื่อคนที่เป็นอาจจะได้อ่านและเก็บไปคิดนะครับ ผมขอไม่เล่าอาการที่เป็น แต่ก็มีบางอย่างที่คล้ายกับผู้เขียนท่านบน การเอาชนะอาการเหล่านี้ผมเองก็เชื่อว่ายาเองก็มีส่วน ผมเองก็เคยกินยา แต่ไม่หาย ผมเองก็ลองมาหลายวิธีครับ จึงรู้ว่าการจะหายได้ น่าจะขึ้นอยู่กับ "ตัวเราเอง" (ซึ่งผมเชื่อว่าเกินกว่า 80 %) ผมอยากให้ลองเอาชนะ "ความกลัว" ในใจเราเองก่อนนะครับ เช่น ท่านที่กลัวว่าจิตใจจะผุดความคิดต่างๆไปในทางไม่ดี ลองไม่ต้องไปใส่ใจมันซะ มันจะคิดก็ช่าง แต่เราก็ไม่กลัวว่าจะมีอะไรเกิดขึ้น ก็ปล่อยมันครับ ให้มันคิดไป คิดซะว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยากทำอะไรก็ทำ ชีวิตคงไม่แย่ไปกว่านี้ เราจะรู้สึกว่าอยากทำให้ชีวิตมันดีขึ้น ส่วนอาการอื่นๆ ผมมองว่าส่วนใหญ่ก็เกิดมาจาก "ความกลัว" ครับ กลัวผลที่ตามมา ต่อให้ผลที่ตามมานั้นมันอาจจะเป็นเรื่องมีสาระ หรือฟุ้งซ่านไปเองก็ตาม อยากให้เอาชนะ "ความกลัว" นั้น คิดซะว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด อยากทำอะไรที่เป็นความสุขก็ทำไปครับ แค่มันไม่เดือดร้อนคนอื่นก็พอครับ

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

สวัสดีค่ะ หนูอายุ 14 ค่ะ หนูพึ่งมารู้ว่าตัวเองมีอาการย้ำคิดย้ำทำตั้งแต่ ประถมต้นค่ะ ประมาณครึ่งชีวิตของหนูเลยก็ว่าได้ แล้วพอเวลาหนูนั่งอยู่เฉยมันจะชอบมีคำด่าขึ้นมาจนหนูต้องหาอะไรทำ พอได้ดูทำอะไรบางอย่างรู้สึกมันจำติดตา แล้วก็เอาไปคิดวิตกกังวลตั้งแต่ไหนแต่ไร ทุกครั้ง หนูก็จะกัดเล็บไปนึกฟุ้งซ่านไปซึ่งหนูหยุดไม่ได้ พอกัดเสร็จก็ล้างมือถูสบู่นิ้วเป็นแผลเลือดออกก็เอานิ้วไปจุ่มสบู่ พอแม่บอกอย่าทำอย่าทำอย่างนั้นเดี๋ยวมันแซบ คำแรกที่หลุดออกจากหนูก็คือก็มือมันสกปรก แล้วหนูก็ล้างมือต่อ ก็เป็นอย่างที่บอกเกือบทุกอย่างคือชอบจัดโต๊ะตลอดเวลา ใครมารื้อโต๊ะนี้จะโกธรเป็นฝืนเป็นไฟเลย ชอบเก็บถุงพลาสติกนี้ตลอดเลยไม่อยากทิ้งด้วย ก็เลยลองไปออกกำลังกายดูปรากฏว่าเป็นหนักกว่าเดิมเพราะหนูเป็น"โรคหัวใจ"ทำไมถึงเป็นกับหนู หนูไม่เค้าใจ มันทำให้หนูฟุ้งซ่านกว่าเดิมเรื่องที่เกิดมาไม่ปกติจะลองคบเพื่อน พอเพื่อนไม่ชอบเราก็ฟุ้งซ่านหนักกว่าเดิมอีกว่าเราผิดเราผิดเราผิดจนเพื่อนไม่ชอบ ชอบคิดตลอดเวลาจนไม่ได้เรียน บางทีก็คิดจนเม่อไปเลยการเม่อของหนูมันหน้ากลัวอย่างนึงคือไม่สนใจอะไรเลย ครูตียังไม่รู้สึกเพื่อนพูดก็ไม่ได้ยิน โดนผลักเบาๆก็ล้มหน้าทิ่ม ถึงงั้นก็ไม่ได้หวังว่าจะมีใครอ่านแต่แค่รู้ว่ายังมีคนที่เป็นเหมือนหนู ถึงแม้จะไม่ได้เป็นแต่เด็กแบบหนูก็ยังดีที่หนูไม่ได้อยู่คนเดียว

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

หรือว่าหนูจะเป็นนานเกินไปจนแก้ไม่ได้ เหงาจัง การอยู่ตัวคนเดียวเนี้ย แต่ก็ยังดีที่ได้เจอเพื่อนที่นี้ ถึงจะช้าไปจนแก้ไม่ทันก็เถอะ แต่ก็ไม่อยากหยุดแค่นี้ เรื่องแบบนี้ต้องสู้ชีวิตสิถึงจะถูก หวังว่าจะมีกำลังใจขึ้นมาบ้างนะคะ^ ^

เด็กคนนี้ที่รอวันนั้นมาเยือน

เคยบอกพ่อแม่นะคะ บอกมาตลอดหลายเดือน แต่คำที่ได้กลับมามันทำให้หนูไม่กล้าบอกเรื่องจริงกับใครอื่นอีกเลย คือ ลูกคิดไปเอง เป็นเด็กเป็นเล็ก อยากเป็นมากรึไง นี้คือคำที่ทำให้หนูไม่กล้าที่จะบอกอะไรกับใครอีกแล้วก็เอากลับมาคิดว่าเราโกหกหรือทำผิดอะไรเค้าถึงไม่เชื่อ

อย่าไปสนใจความคิด
  • ผมหายไป2ปีกว่าสุดท้ายต้องกลับมากินยาอีกมีไรโทรมาปรึกได้0859459540มียาหมอที่ดีไม่ได้นายหน้าอะไรทั้งนั้นครับ.

เป็นเหมือนกันต้องทำไงบ้างคับทรมารมาก

เป็นเหมือนกันคับทรมารมากต้องทำแบบนัยคับ ทักไลน์ผมน่อย mankimoee

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท