คืนนี้พักแรมที่มุกดาหารเป็นคืนที่สอง หลังจากที่เมื่อวานเดินทางมาจากสกลนครถึงที่พักราวสองทุ่ม
เมื่อเช้าไปเยี่ยมพี่น้องไทโซ่ที่ห้วยบางทราย ได้รับการต้อนรับ การทักทายอย่างคนคุ้นเคยเหมือนเป็นพี่น้องไทโซ่คนหนึ่ง ดีใจที่ยังเข้าใจภาษาโซ่ได้(บางประโยค) แม้จะไม่ได้ฟังมาเกือบครึ่งปี เช่น
"กวยตะดังความ" คือ คนที่พูดกันคนละภาษา ก็มีทั้งภาษาญี่ปุ่น ภาษาลาว ภาษาไทกลาง ภาษาโซ่
"ตะแกงเจี่ยป็อง" คือ วัวกินใบมัน ต้องระวังให้ดีวัวที่กินใบมันสำปะหลังช่วงนี้ตายได้ง่ายๆ เพราะใบมันเริ่มแตกยอดใหม่ มีไซยาไนด์สูง สงสารพี่น้องที่วัวตัวละหลายพันบาทต้องมาตายไป
ไม่ค่อยได้พูดคุยเป็นส่วนตัวกับพี่น้องเท่าไร ต้องทำหน้าที่ฟาร์ในการประชุมกลุ่ม แล้วก็แปลแปลและแปล
ไว้พรุ่งนี้มีนัดคุยกันเรื่องปลูกมันสำปะหลังอีกรอบ ไม่รู้ว่าพี่น้องจะสนใจในเงื่อนไขมากน้อยเพียงใด บอกตัวเองไว้ว่าจะต่อรองให้พี่น้องได้ประโยชน์สูงสุด
เย็นนี้ไปนั่งทอดอารมณ์ที่ชายโขงยามตะวันโพล้เพล้ มองเห็นบ้านเมืองฝั่งสะหวันนะเขด เห็นเรือหาปลาลำเล็กๆ และเห็นกอสวะไหลมาตามน้ำ
"สวะเอย...เจ้าลอยมาแต่หนใด
จากที่ใกล้หรือแดนไกลสุดหล้า
ล่องไหลตามกระแสธารา
ไร้หางเสือนำพาไร้จุดหมาย
หากเปรียบชีวิต...เป็นสวะ
ไร้สาระไร้ทิศทางไร้ความหมาย
เอื่อยเอื่อย เรื่อยเปื่อย รอวันตาย
ความหมายของชิวิตคือสวะ"
ไม่มีความเห็น