วันนี้ได้รับโทรศัพท์จากแผนกบ้านเด็ก..มีเด็กอายุขวบกว่า ถูกแม่ตีมาเขียวช้ำ
เมื่อไปดู..แทบน้ำตาตก..เด็กผู้หญิงตัวเล็กนิด..มีรอยช้ำเป็นจ้ำๆ เห็นเป็นรอยฝ่ามือชัดเจน..เกือบครึ่งหนึ่งของแผ่นหลัง
ซักถามได้ความว่า เมื่อได้เห็น.. ครูโทรฯ ถามแม่ จึงได้ความว่า ตีลูกเมื่อเช้านี้
ทั้งครูทั้งพยายาบาลถาม..จะต้องแจ้งศูนย์ช่วยเหลือเด็กไหม..
วูบหนึ่งคิด..ทำไมแม่ช่างใจร้าย..ทำได้อย่างไร
แต่เมื่อชั่งใจแล้ว..จึงขอให้ครูพาแม่ไปพบในเวลาที่มารับลูก
ยามเย็น..ครูพาแม่ในชุดนักศึกษามหาวิทยาลัยปีหนึ่งมาหา พร้อมด้วยน้ำตา
เมื่อพูดคุยพบว่า..แม่แบกรับปัญหา เหน็ดเหนื่อยกับภาระ จนเจอฟางเส้นสุดท้ายในเช้านี้
หนูตีลูกแล้ว..หนูก็ทายาให้ลูกแล้ว..ลูกเห็นหนูร้องไห้..ก็ยังมาปลอบหนู..
วันนี้หนูสอบด้วย..เลยต้องไปเรียน.. แต่พอถึงบ่ายก็ทนไม่ไหว..ขออนุญาตอาจารย์กลับมาหาลูกก่อน
บอกแม่ไปว่า..ทุกครั้งที่ตีลูก..คือการปลูกความแข็งกระด้างเย็นชาในใจเด็ก..ชวนให้คิดหาวิธีผ่อนเบาภาระและความเครียด และบอกให้หาผู้ช่วยรับฟังความทุกข์ ทั้งฝ่ายแนะแนวที่สถาบัน และครูของลูก
เลือกใช้วิธีรับฟังอย่างเข้าใจ และไม่พยายามตัดสินความผิดหรือถูก
ความทุกข์ของผู้คนช่างซับซ้อน..เกินกว่าจะใช้วิธีของตนเองแนะนำ หรือตัดสิน..
ยังมีความหวังว่า..หากได้รับกำลังใจ..หากได้รับการช่วยเหลือให้เลือกวิธีแก้ปัญหาให้เหมาะกับสภาพของตน.. แม่..คนนี้คงจะก้าวเดินต่อไปได้อย่างถูกทาง
เป็นเรื่องที่ช่างกระทบใจ..เหลือเกิน..ในวันนี้
ไม่มีความเห็น