เรื่องเล่าจากคุณทองดี งามเสริฐ ที่เล่าในงานตลาดนัดความรู้..ขององค์กรแห่งการเรียนรู้" มรภ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2549 (ลิงค์อ่าน) ต่อจากคุณสายัณห์ ปิกวงค์(ลิงค์อ่าน) และคุณเชิงชาย เรือนคำปา (ลิงค์อ่าน)
คุณทองดี งามเสริฐเล่าว่า
" เป็นการเล่านะครับในพื้นที่นั้น คือคุณเอื้อและคุณอำนวยนั้นมีพร้อมหมดอยู่แล้วในระดับจังหวัดอำเภอ/ตำบล ก็มาจนถึงชุมชนหมู่บ้าน อย่างผมท่านเกษตรอำเภอ/จังหวัด บางครั้งอยากรู้ว่าเมื่อเพาะออกมาข้าวจะได้กี่รวง กี่เมล็ด แล้วใช้กี่เมล็ดจะได้หนึ่งถัง ตอนแรกผมก็ไม่รู้ แต่จากความอยากรู้ ความอยากว่าเราทำนาคือเกษตรกรที่ทำนาอย่างเรา การทำนาแบบยั่งยืนต่อไปในอนาคต ซึ่งเราต้องมองย้อนเมื่อ10-20 ปี ชุมชนของเราไม่เคยใช้สารเคมี ไม่เคยใช้ปุ๋ยเคมี ไม่เคยฉีดพ่นสารฆ่าแมลง บรรพบุรุษของเราทำไร่ทำนา ทำให้เราทำสืบเนื่องต่อมา หลานท่านอาจประสบความสำเร็จจาก การทำไร่ทำนา สามารถส่งลูกเล่าเรียนสูงๆ จนได้ทำงาน เป็นอาจารย์บ้าง เป็นเจ้าหน้าที่ต่างๆ
สำหรับของผมเองฐานะทางครอบครัวของผมค่อนข้างจะขาดแคลน ความรู้เราก็อยู่ในชนบทของเราเอง แล้วเราจะทำอย่างไรให้คนที่เขาไม่รู้ รู้ได้ คนชนบทเป็นคนทำนา เป็นคนที่ใช้แรงงาน ก็ได้มีการร่วมกัน ถือเป็นการร่วมกัน ชุมชนผมมีประมาณ 2-3 พันคน แต่มีแค่ 40 รายสนใจที่จะทำ อาหารปลอดภัยและเข้าร่วมโครงการ ให้มีความปลอดภัย ได้ไหม ซึ่งอย่างพี่สายัณห์ผมถือว่าเป็นอาจารยน์ สอนผมมาตั้งแต่ปี 2543 ผมเข้าร่วมโครงการโรงเรียนเกษตรกรในพระราชดำริห์ ตอนนั้นสอนนะครับ ก็มีการใช้ปุ๋ยใช้สารเคมี แต่ต้องใช้ในระยะที่เหมาะสม
แต่ช่วงหลังๆ ก็เกิดความคิดว่าเมื่อก่อนเราก็ไม่เคยใช้สารเคมีไม่ฉีดยาเราก็ยังอยู่ได้ เราก็เลยปรับเปลี่ยนมาจนทุกวันนี้ในระดับการทำนาในชุมชนของบ้านหนองกองหรือทั้งตำบลนาบ่อคำเลยก็ว่าได้ ก็คือจะลดการใช้สารเคมี คือ1 ดิน เราต้องมองว่ามีดิน - น้ำ เมื่อ 20 ปีก่อนดินอุดมสมบูรณ์ วัตถุอินทรีย์ต่างๆ มีความสมบูรณ์มาก ใช้จอบเล่มเดียวทำนานะครับก็สามารถที่จะเก็บผลผลิตได้ข้าวพียงพอและได้ข้าวกิน แต่เดี๋ยวนี้ทำกัน 20 – 30 ไร่ บางคนไม่กล้ากินข้าวตนเอง เอาไปจำหน่ายแล้วก็ซ้อข้าวจากในท้องตลาด จริงๆ ผมเคยไป พี่ๆ ทำนาพี่เก็บข้าวไว้กินไหมผมจะเก็บข้าวไว้กินเอง พอถึงฤดูกาลเก็บเกี่ยวผมจะเก็บข้าวไว้บริโภคเอง 2-3 เกียวน เพราะผมไม่ต้องกลัวสารเคมี เพราะความคิดริเริ่มจากส่วนกลางลงมาถึงพื้นล่าง มันจะประสานกัน เอื้ออำนวย
ตอนแรกเริ่มการเรียนรู้การคัดเลือกเมล็ดพันธุ์ เมื่อก่อนเกษตรกรเขาก็ไม่รู้ ศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืชก็ไม่มี พอเก็บเกี่ยวก็จะเก็บไว้ทำพันธุ์ หลังๆ เริ่มรู้ว่าจริงๆ เราไม่ต้องเก็บเองเราไปซื้อเมล็ดพันธุ์จากพ่อค้าหรือศูนย์ขยายเมล็ดพันธุ์พืช เขาก็มีจำหน่ายอยู่ทุกหนทุกแห่ง แต่จริงๆ เลย ข้าวก็มาจากการทำและใช้สารเคมี ทำจากปุ๋ยจากสารเคมีนั่นแหละ เราก็สามารถจะรู้ได้เพราะเราเป็นคนทำ แต่เขาเป็นคนจำหน่าย เราจำหน่ายให้เขาถังละ 50 บาท แต่เขาจำหน่ายให้เราถังละ ร้อยกว่าบาท ผมเคยไปซื้อที่เชียงใหม่-ลำปางซึ่งเป็นเมล็ดพันธุ์หลัก ถึง 150 บาท ก็ซื้อเอาไปทำ
ในชุมชนของผมในเรื่องการใช้เมล็ดพันธุ์ยังคงต้องเสาะแสวงหาพันธุ์ที่จะมาจำหน่ายในชุมชน คือร่วมกันมาประมาณ 6 ปี แล้วครับ ผมก็รู้แล้วว่าไม่จำเป็นต้องใช้สารเคมี เราไม่ต้องไปบอกปุ๋ยสูตรโน้นสูตรนี้ ถ้ามันจำเป็นเราก็ใช้เพียงเล็กน้อย เราต้องมองด้วยว่าที่ของเราเป็นอย่างไร ก็เหมือนอย่างกรมพัฒนาที่ดินก็เคยช่วย พื้นที่ของเราเสื่อมสภาพแล้วเราต้องปรับปรุงบำรุงดิน เราก็ทำปุ๋ยหมัก ในส่วนนี้ 1 เราก็จะได้อาหารปลอดภัย ข้าวปลอดภัย แล้ว 2 เราก็จะลดต้นทุนการผลิต ซึ่งตัวเกษตรกรเองจะรู้ดีว่าข้าวปลอดภัย ก่อนเก็บเกี่ยวข้าว 15 วันเขาก็ยังฉีด เพราะถ้าไม่ฉีดเขาไม่ได้เกี่ยวเขาเกี่ยวเสร็จเขาก็เอาไปขาย ขายเสร็จก็แพ็คถุงเราก็ซื้อกลับมา แต่จริงๆ แล้ว เกษตรกรที่ขายไปแล้วซื้อกลับมาก็ข้าวตัวเองนั่นแหละ ถ้ามีเคมี ตัวเองนั่นแหละเป็นคนกิจ ถ้าอย่างเกษตรกรมั่นใจว่าปลอดภัย เราเก็บไว้กินเองเราก็สามารถที่จะอยู่ได้ด้วยการพึ่งพาตนเอง
ที่ผมเข้ามาร่วมในจุดนี้ ตอนแรกก็มีหลายคนเห็นผมทำแปลง ไปทำน้ำ ไปทำการจดบันทึก อันนี้ข้าวได้ 5 วัน สูงเท่าไร ข้าวกี่วันจะตั้งท้อง ข้าวกี่วันจะออกรวง กี่วันจะได้เกี่ยว เราต้องศึกษา แช่น้ำกี่วัน แล้วเอามาเพาะกี่วันถึงจะงอก อย่างกระถางที่นำมาโชว์ในวันนี้นะครับ ข้าวตัวนี้จะเป็นข้าวสาร ซึ่งแกะออกจากเปลือก แล้วก็นำมาเพาะ มาเพาะเป็นต้น
ตอนแรกเหมือที่พี่เชิงชายบอก ทองดีตอนนี้เขามีการทำแกะข้าวสารเพาะเมล็ด เกษตรกรตำบลนาบ่อคำเขาไม่เชื่อหรอกครับ ใครเขาเอาข้าวสารมาเพาะเป็นต้นข้าวได้ ผมก็ตอบว่าเดี๋ยวผมจะพาไปดู คุณเอื้อ คุณอำนวยเขาก็รู้แต่ไม่ได้ทำ แต่คนที่เขาทำอยู่อีกที่หนึ่งพอดีช่วงนั้นงบประมาณของ อบต.และจังหวัดยังไม่มี เราก็เอาตังค์สำรองของกลุ่มของเรา พันสองพัน ค่าอาหารค่าน้ำมันรถนิดหน่อยช่วยกันประหยัดๆ หน่อย ไปดูที่พิจิตรกลับมาตอนเย็นผมก็ลงมือปฏิบัติเลย ข้าวตอนนี้อายุได้ 75 วัน เริ่มตั้งท้อง
นี่ก็คือการประสานงานกับกรมส่งเสริมการเกษตรจนมาถึงพื้นล่าง ขอคุยไว้เพียงแค่นี้ก่อนครับ ชุมชนมีความรู้เพราะเป็นคนทำ เพราะได้ทำมาแล้ว ขณะเดียวกันก็มีการบันทึกนะครับ"
เป็นอีกประสบการณ์หนึ่งของคุณกิจของเรา ซึ่งขณะนี้ได้ยกระดับเป็นนักจัดการความรู้ท้องถิ่นไปแล้ว สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
คุณทองดี งามเสริฐ
กลุ่มศูนย์ข้าวชุมชนบ้านหนองกอง
หมู่ที่ 4 ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมือง
จังหวัดกำแพงเพชร 62000