คราวที่แล้วเราได้ชมปราสาท ตาพรหมที่มีต้นสะปงใหญ่ขึ้นเต็มปราสาทเป็นเอกลักษณ์ไปแล้ว คราวนี้เราออกจากเขตเมืองโบราณนครธม มาไม่ไกลนักก็จะได้ชมปราสาทอีกแห่งหนึ่งคือ ปราสาทบันทายศรี สร้างขึ้นระหว่าง ค.ศ. 944-968 ในสมัยพระเจ้าราเชนทราวรมัน ปราสาทแห่งนี้แตกต่างจากปราสาทอื่นๆ ตรงที่ไม่ได้สร้างโดยกษัตริย์ แต่สร้างโดยพราหมณ์ปุโรหิต ซึ่งก็คงจะมีอิทธิพลสูงใช่ย่อยอยู่ เพราะตามธรรมเนียมกษัตริย์เท่านั้นที่จะสร้างปราสาทได้
ปราสาทบันทายศรีสร้างด้วยหินทรายสีชมพู จะเห็นตัวปราสาทเป็นสีออกส้มต่างจากปราสาทบายนและปราสาทตาพรหมที่ได้ชมมาแล้ว เป็นปราสาทขนาดเล็ก มินิ มินิ น่ารัก ถ้าเดินดูแบบไม่ละเอียดมากแค่ครึ่งชั่วโมงก็ทั่ว แต่การสลักนั้นประณีตบรรจง ลวดลายละเอียดอ่อนช้อยงดงาม จนได้ชื่อว่าอัญมณีเม็ดงามแห่งศิลปะเขมร
มีตำนานเล่าประกอบว่าปุโรหิตผู้สร้างปราสาทนั้นหลงรักเจ้าหญิงเขมรองค์หนึ่ง แต่โดยสถานะและขนบธรรมเนียมแล้วรักนี้คงมิอาจสมหวัง จึงได้สร้างปราสาทนี้อย่างสวยงาม เพื่อเป็นที่ระลึกถึงนางอันเป็นที่รักยิ่ง โรแมนติคม้าก...มาก สุดซึ้งเสียนี่กระไร !
ลวดลายบนปราสาทนั้นเล็กแต่สวยงามละเอียดอ่อนจริงๆ สมกับฉายาที่ได้จึงมีใบสั่งต้องการโบราณวัตถุจากปราสาทนี้ เราได้เห็นที่ทับหน้าหรือทับด้านไหนก็จำไม่ได้แล้ว รูปสลักพระอิศวรไม่มีพระเศียร น่าเสียดายยิ่ง ก็เหมือนโบราณสถานทั่วโลกนั่นแหละที่ต้องเผชิญกับการลักลอบตลอดเวลา
เชิญดูรูปปราสาทบันทายศรีอันสวยงาม ช่วงบ่ายเราจะได้ชมปราสาทเขมรอันสุดจะยิ่งใหญ่นั่นคือ นครวัด เช่นเคยนะจ๊ะ…….ตามไปชมด้วย
ปราสาทบันทายศรีด้านหน้า
ภายในปราสาท โบราณสถานต่างๆ อยู่ใกล้ๆกัน
โคปุระแห่งหนึ่งในปราสาท
ปราสาทองค์กลางของปราสาทบันทายศรี
รูปสลักพระศิวะที่พระเศียรหายไป
เอื้อเฟื้อภาพโดยคุณ Black Willy...Thanks !
ไม่มีความเห็น