วันที่ ๒๑ กค. ๔๙ ในงานมหกรรม KM ราชการไทย ก้าวไกลสู่ LO ผมไปนั่งฟังท่านอธิบดีนัทธี จิตสว่าง แห่งกรมราชทัณฑ์, คุณวารุณี เกษกาญจน์ ผอ. สถาบันพัฒนาข้าราชการราชทัณฑ์ และคุณสุรสิทธิ์ จิตรชอบใจ ผบ. เรือนจำ จ. สระบุรี เล่าเรื่อง KM ในกรมราชทัณฑ์ด้วยความสนใจ และได้เรียนรู้มาก
ผมเห็นความงดงามของ KM หน่วยราชการที่ ซีอีโอ เป็นผู้ออกมานำเอง ด้วยเหตุนี้ KV ในระดับ ความรู้หลักที่ต้องการ จึงชัดเจน คือมีการปรึกษาหารือกันว่าต้องการจัดเก็บและยกระดับความรู้ที่เป็นทักษะสำคัญ ในด้านไหนบ้าง แล้วดำเนินการ ลปรร. อย่างมีรูปแบบ เพื่อจัดเก็บความรู้ฝังลึกของผู้มีประสบการณ์ยาวนาน ไว้เป็นความรู้แจ้งชัด ความงดงามของ KM กรมราชทัณฑ์จึงอยู่ที่การจัดเก็บ เป็นคลังความรู้ ที่มีการตรวจสอบความถูกต้องแม่นยำด้วย
แต่ผมไม่เห็นกระบวนการ re-use ความรู้ที่ได้นั้นแล้วนำมา ลปรร. ซ้ำแล้วซ้ำอีก ในหลากหลายบริบท จนเกิดการยกระดับความรู้ขึ้นไปสู่กระบวนทัศน์ใหม่ ที่เป็น new order ผมไม่เข้าใจลักษณะงานของกรมราชทัณฑ์ดีพอที่จะเข้าใจว่าความรู้ในการปฏิบัติงานที่นี่สามารถทำให้มีพลวัตได้มากสักเพียงใด หรือรอบของการยกระดับความรู้ทำหลายๆ ปีครั้งก็ได้
ใจผมมองว่าถ้าเรามองความรู้ค่อนข้างคงที่ และการ ลปรร. ทำเฉพาะเมื่อมีผู้ใหญ่มาจัดเวทีให้ การ ลปรร. ก็ไม่เนียนอยู่กับเนื้องาน การเปลี่ยนความสัมพันธ์ระหว่างคนก็จะไม่เกิด การ "เปิด" ใจคนก็จะไม่เกิด การใช้ศักยภาพของคนก็จะไม่เต็มที่ นี่คือข้อสงสัยที่ทีม สคส. คงต้องไป "จับภาพ" KM ของกรมราชทัณฑ์ต่อไป
ผมเห็นด้วยอย่างยิ่งที่กรมราชทัณฑ์สร้าง "คุณอำนวย" จำนวนมาก ขึ้นในกรม เพื่อไปทำหน้าที่กระตุ้น จุดประกาย ให้เกิด CoP ด้านต่างๆ ตรงนี้น่าจะเป็นช่องทาง re-use ความรู้ที่จัดเก็บไว้ได้ และถ้า CoP ได้ช่วยให้มีการสร้างนวัตกรรมในการทำงานได้ ก็จะน่ายินดีมาก
ผมมองว่าหากกรมราชทัณฑ์ ลองพิจารณาใช้ AI สำหรับขับเคลื่อนสู่นวัตกรรมด้านต่างๆ ที่กรมฯ ตั้งเป้าหรือวาดฝันไว้ ก็จะเป็นลู่ทางไปสู่ความสำเร็จได้ง่ายขึ้น สคส. ยินดีให้คำแนะนำการประยุกต์ใช้ AI เพื่อการนี้
วิจารณ์ พานิช
๒๒ กค. ๔๙
ไม่มีความเห็น