บันทึกการประชุมเครืยข่าย ครั้งที่ 2 อ่านที่นี่ (click)
การประชุมครั้งที่ 3 จัดเมื่อวันที่ 18 ก.ย.50 ที่สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน (PDA - www.pda.or.th) ที่สุขุมวิท ซ.12 โดยเน้น ลปรร. เรื่อง "ธุรกิจเพื่อสังคม"
ผมขอบันทึกความปรับทับใจจากการประชุมโดยย่อ
- วิธีการพัฒนาเยาวชนของ PDA ให้เยาวชนพึ่งตนเองและมุ่งทำประโยชน์ให้แก่ชุมชน โดยโครงการ อบย. (องค์การบริหารหมู่บ้านเยาวชน) เน้นการทำธุรกิจเลี้ยงตัวเอง และสร้างความเข้มแข็งให้แก่ชุมชน ทำประโยชน์ให้แก่ชุมชน
เป็นวิธีการสร้างคนให้แก่หมู่บ้านโดยเน้นที่เยาวชน ให้เยาวชนรวมตัวกันเรียนรู้จากการทดลองทำโครงการเล็ก ๆ เชื่อมโยงกับ อบต.และผู้นำชุมชนในหมู่บ้าน ผมมองว่าจะเป็นกลไกสร้างความเข้มแข็งของชุมชนอย่างยั่งยืน
ความสำเร็จอยู่ที่การกำหนดเงื่อนไขของโครงการอย่างแยบยล ให้เยาวชนที่มาร่วมโครงการได้ใช้ศักยภาพร่วมกัน และเป็นกลไกขับเคลื่อนความเข้มแข็งของชุมชนระดับหมู่บ้าน
เมื่อ อบย. หลาย อบย. ในตำบลรวมตัวกันเป็นเครือข่ายทำงานร่วมกับ อบต. ก็เกิดความเข้มแข็งของชุมชนระดับตำบล
- มีเยาวชนในโครงการ อบย. จาก จ.บุรีรัมย์ 1 คน และจาก จ.กระบี่และพังงา 7 คน มาเล่าเรื่องความสำเร็จที่ตนภาคภูมิใจสะท้อนให้เห็นผลสำเร็จของโครงการ อบย. ที่น่าชื่นชมยิ่ง
- การพัฒนาเยาวชนโดยการตั้งโรงเรียน ชื่อ โรงเรียนลำปลายมาศพัฒนา ที่ อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ เป็น รร.ระดับประถม คุณภาพเทียบเท่าโรงเรียนนานาชาติ มีมาตรฐานระดับสากล จากการประเมินภายนอกโดยคณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยทัสมาเนีย ประเทศออสเตรเลีย สรุปได้ว่า บรรลุผลตามวิสัยทัศน์ "ผู้เรียนเรียนรู้อย่างมีความสุข เต็มศักยภาพ เป็นคนดีและเก่ง สอดคล้องกับวิถีชีวิต และกลมกลืนกับวิทยากรสมัยใหม่สู่ความเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ พร้อมด้วยคุณธรรม ภูมิปัญญาและสำนึกในความเป็นพลเมืองดี"
- เห็นโอกาสสร้างความร่วมมือระหว่างองค์กรที่ทำงานพัฒนาเยาวชนหลากหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการสร้างความเข้มแข็งของการจัดการภายในองค์กร เพื่อให้องค์กรทำงานสร้างคุณค่าให้แก่สังคม เกิดการยอมรับนับถือจากสังคมมากขึ้น
องค์กรเหล่านี้เป็น NGO ผมมองว่า "ทุน" ในการดำเนินการนอกเหนือจากทุนที่เป็นเงินแล้ว ทุนที่เป็นขีดความสามารถในการบริหารจัดการให้เกิดกิจกรรมที่มีคุณค่าต่อสังคม มีความสำคัญไม่น้อยกว่าทุนที่เป็นเงิน
- มูลนิธิสยามกัมมาจลจะต้องค่อย ๆ พัฒนาทักษะด้านการทำงานเชื่อมโยงเครือข่ายพัฒนาเยาวชนไทย เพื่อสร้าง synergy ระหว่างองค์กรที่ทำงานด้านนี้ซึ่งมีผู้เตือนในที่ประชุมว่า องค์กรเหล่านี้ร่วมมือกันยาก เพราะเป็น "คู่แข่ง" แย่งทุนจาก donor ซึ่งกันและกัน
- มูลนิธิสยามกัมมาจลมีความท้าทายที่จะดำเนินการเพื่อให้คุณค่าหลักของตนต่อสังคมไทย ไม่ใช่อยู่ที่เงินที่จะให้ในฐานะ donor แต่คุณค่าหลักอยู่ที่การเป็นผู้จัดการเครือข่ายองค์กรที่ทำงานพัฒนาเยาวชนเพื่อสร้าง synergy ระหว่างกิจกรรมขององค์กรเหล่านี้ ไปสู่การพัฒนาเยาวชนไทยที่ได้ผลอย่างกว้างขวาง
คุณค่าของพลังเครือข่าย สูงส่งกว่าคุณค่าของเงิน
- มูลนิธิสยามกัมมาจล เน้นการทำหน้าที่ Network Coordinator ทำหน้าที่ empower เครือข่าย ไม่เน้นการเป็น donor
- การประชุมเครือข่ายครั้งที่ 4 กำหนดวันที่ 17 ธ.ค.50 ที่ธนาคารไทยพาณิชย์ ในหัวข้อ "การสื่อสารกับสังคม"
- ประเด็นที่มูลนิธิสยามกัมมาจลจะเสริมความเข้มแข็งของเครือข่ายได้แก่
- ฐานข้อมูล
- การพัฒนาศักยภาพของภาคี
- เวที ลปรร. และขยายผลกิจกรรมของเยาวชน
บรรยากาศในห้องประชุมตอนเช้า คุณมีชัย กำลังเล่าความสำเร็จของ PDA
ส่วนหนึ่งของผู้เข้าร่วมประชุม
อีกส่วนหนึ่งของผู้เข้าร่วมประชุม
เยาวชนจากกระบี่ ในโครงการ อบย.
วิจารณ์ พานิช
18 ก.ย.50
สวัสดีครับคุณอาวิจารณ์ ^^
เสียดายที่วันประชุมไม่ได้มีโอกาสสนทนากับคุณอาครับ
หลังการได้ฟังการทำงานและแนวความคิดของคุณมีชัย รู้สึกว่าได้กำลังใจและแรงบันดาลใจในการทำงานขึ้นเยอะเลยครับ
เคยมีแนวความคิดคล้ายๆคุณมีชัยแล้วไปปรึกษาอาจารย์ด้านส่งเสริมSMEs (ซึ่งตอนนั้นไม่รู้จัก ไม่เคยได้ยินว่า CSR มันคืออะไร) โดยมีแนวความคิดที่ว่าจะสร้างเศรษฐจริยธรรมให้เกิดขึ้น หากมีหน่วยงานของรัฐเช่น สสว.หรือ สถาบันส่งเสริมSMEs ช่วยสนับสนุน
คำตอบที่ได้รับคือ ธุรกิจก็ส่วนธุรกิจ การกุศลก็ส่วนการกุศล ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้นในมุมมองของคนส่วนใหญ่ ตอนนั้นรู้สึกเหมือนตัวประหลาดในสายตาของเขาเหล่านั้น พอได้มาฟังคุณมีชัยและทราบถึงการทำงานเพื่อสังคมตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง PDA รวมถึงการไม่รอหรือหวังการช่วยเหลือจากหน่วยงานของทางราชการแล้ว (ซึ่งท่านก็พูดเองว่า ลองไปคุยกับธนาคารไทยพานิชย์ดูสิ เขาจะบอกว่าคุณมีชัยมันบ้า)
ความในใจตอนนี้ที่อยากจะพูดก็คือ ขอบคุณ...ขอบคุณที่มีคนบ้าแบบคุณมีชัย .....ที่ไม่หยุดแค่ความคิด แต่ลงมือทำทันที
หากสร้างกระแสและอาศัยความร่วมมือจากองกรค์ธุรกิจที่ไม่ใช่ทำเพื่อสร้างภาพ เราคงจะหยุดยั้งวิกฤตสังคมจากกระแสบริโภคนิยมได้บ้าง