จริงหรือ? อาการอกหักนั้น เข้าใจได้ง่าย ทว่าทำใจได้ยาก


ความขมขื่นจากอาการอกหัก เปรียบเสมือนยา แต่เป็น “ยาถ่าย” ที่ถ่ายถอนความโง่...ความหลง...

         
เพื่อน ๆ ที่ทำงานมักบอกว่าดิฉันเป็นคน
อ่อนหวาน อย่าเพิ่งเข้าใจว่าดิฉันอยู่ในประเภทผ้าพับไว้ พูดจาไพเราะ มีกริยามารยาทชดช้อย ดั่งกุลสตรีนะคะ เพราะที่จริงนั้นตรงกันข้าม แต่ที่บอกว่าเป็นคน อ่อนหวาน นั้นจริง

          คุณเคยทานขนมหวานที่หวานน้อยมาก ๆ ไหมคะ สำหรับคนชอบทานหวานจะบอกว่าไม่อร่อยเสียเลย รสชาติอ่อนหวานไปหน่อย ... นั่นแหละค่ะ .... ดิฉันอยู่ในประเภทนี้ เพราะปกติเป็นคนพูดจาตรง โผงผาง ไม่ค่อยจะไพเราะนัก จนเพื่อน ๆ มักบอกว่าพูดจา
อ่อนหวาน แบบนี้นี่เองถึงได้รอดพ้นมาจนถึงวัยนี้ได้

          แต่งานนี้น่าแปลกใจ ที่พูดจาน่าฟัง กลายเป็นประโยคโดนใจของมิตรหน้าใหม่ท่านหนึ่งใน
G2K แห่งนี้ จนเป็น ถ้อยคำกระทบใจ ของท่าน เมื่อครั้งที่ดิฉันไปแสดงความคิดเห็นในบันทึกของท่าน และท่านได้กรุณาพูดถึงดิฉันว่า

     
    ทุกครั้งที่อาจารย์แวะมาทักทายแลกเปลี่ยนเพียงถ้อยประโยคสั้น ๆ ไม่กี่ใจความ ผมรู้สึกราวกับว่าเป็น "เรื่องยาว" ที่อัดแน่นด้วยแง่คิดที่งดงามเสมอ จนบางทีคิดจะเก็บวลีต่าง ๆที่อาจารย์กล่าวไว้ไปเขียนเป็นลำนำเกี่ยวกับโลกและชีวิต

          บันทึกที่กล่าวถึงดิฉันนั้น เป็นบล็อกที่มีเจ้าของใช้นามว่า แผ่นดิน ซึ่งดิฉันมักเรียกท่านว่า คุณพนัส วันนี้ดิฉันหันกลับมาสนใจคำพูดของตัวเองอีกครั้ง เมื่อตามไปอ่านคำตอบของท่านซึ่งดิฉันได้ไปแสดงความคิดเห็นไว้

           
คำชมของท่าน อ.พนัส ไม่ได้ปรากฏอยู่ในคำตอบที่มีให้ดิฉัน แต่ไปปรากฏอยู่ในคำตอบของ คุณสมพร ความว่า แต่วรรคทองจริง ๆ ก็ต้องยกให้อาจารย์ปวีณานะครับมีวาทกรรมที่ชวนคิดและชวนให้ท่องขึ้นใจเป็นอย่างยิ่ง

          เห็นมั๊ยว่า ยังมีคนซาบซึ้งกับคำพูดของดิฉันอยู่นะคะ คำพูดเหล่านี้มาจากมุมมองของชีวิตที่ผ่านประสบการณ์
อกหัก ซ้ำ ๆ กันอย่างแรงมาแล้วถึงสามครั้งนั่นเอง จึงทำให้ดิฉันเข้าใจตัวเอง เข้าใจคนอื่น และเข้าใจชีวิตมากขึ้น

          ดิฉันผ่านสถานการณ์ย่ำแย่ในความรักมาได้ เป็นเพราะวาทกรรมสอนใจในเรื่องของความรักให้กับตัวเองบทนี้ ความว่า...

         
ในวงกลมของความรักประกอบด้วยสิ่งที่ละเอียดอ่อน ความหยาบกระด้าง อาการเปี่ยมสุข ความไม่แน่ใจ ความสิ้นหวัง ความคับแค้น การเกิด การตาย ฯลฯ วงกลมนี้ใหญ่โตมาก รวบรวมผู้คนเข้าไปไว้ข้างในแล้วก็คลายออกมา จากนั้นก็จับเข้าไปไว้อีก เมื่อเกิดอุบัติเหตุทั่ว ๆ ไป คนจะกลัวและจำ สำหรับความรักนั้น อุบัติเหตุของมันทำให้กลัว แต่ไม่จำ พอมีรักครั้งใหม่ก็พร้อมที่จะเลิกกลัว ความรักจึงทำให้กล้าหาญและเข้มแข็ง ขณะเดียวกันก็ทำให้อ่อนแอและขี้ขลาดได้

          วาทกรรมสอนใจนี้ทำให้ดิฉันเข้าใจธรรมชาติของความรักมากขึ้น  และเลิกเจ็บปวดกับบาดแผลที่เกิดในใจซ้ำ ๆ กัน เมื่อเจอกับวาทกรรมบทต่อไป ที่ว่า
ความขมขื่นจากอาการอกหัก เปรียบเสมือนยา แต่เป็น ยาถ่าย ที่ถ่ายถอนความโง่...ความหลง...ที่คนอีกหลายคน เขาก็อาจจะยังไม่โชคดีมีโอกาสได้ลิ้มรส

          เจอกับวาทกรรมนี้เข้า รู้สึกดีขึ้นมาก กลายเป็นว่าเราโชคดีนะที่
อกหัก โชคดีกว่าหลายคนที่เขายังโง่...ยังหลงอยู่ เมื่อสติกลับมา อารมณ์ก็สงบลง และมุมมองความรักของดิฉันเริ่มเปลี่ยนไป เมื่อไปพบเจอกับวาทกรรมบทนี้เข้า...

         
ความรักที่พัฒนาแล้ว จะเป็นรักที่มีการให้มากกว่าการรับ แต่พอถึงขั้นนั้นก็จะข้ามความรักแบบหนุ่มสาวไปสู่ความรักที่ใหญ่โตกว่า นั่นคือ...ความรักที่เสียสละ

          ดิฉันมีความสุขมากขึ้นในการ
รักแบบให้ ไม่ใช่ รักแบบรับ เช่นเดิม และเลือกให้ความรักแก่คนหลาย ๆ คน ไม่เลือกรอคอยความรัก โดยเฉพาะคาดหวังการได้รับจากคน ๆ เดียว หลาย ๆ คนที่ดิฉันพูดถึง คือ ลูกศิษย์ตัวน้อย ๆ ในห้องเรียนของดิฉันนั่นเอง เมื่อมุมมองในความรักของดิฉันเปลี่ยนไป ทำให้ดิฉันได้เรียนรู้ความรักที่แท้จริงมากขึ้น...ความรักที่เสียสละ...เสียสละให้กับเด็ก ๆ

          ดิฉันมีความสุขกับความรักที่ใจค้นพบในครั้งนี้ และอีกวาทกรรมหนึ่งที่ย้ำเตือนให้ใจสุขอย่างแท้จริงกับความรักมากขึ้น คือ

      
  อย่าลังเลที่จะบอกรักใคร เพราะเมื่อความรักทำงาน ความเกลียดก็จะกันออกนอกทาง อย่ากลัวที่จะบอกคนในบ้านว่าคุณรักเขาขนาดไหน เพราะพวกเราจำนวนมากไม่กล้าเปิดเผยความรู้สึก ไม่กล้าแสดงออก หลายบ้านพ่อแม่จะพูดว่าตนเองรักลูกนาน ๆ ครั้ง หรือลูก ๆ ไม่กล้าบอกว่าตนเองรักพ่อแม่เพียงใด การบอกจะนำความชื่นใจมาให้เสมอ โดยเฉพาะความรักในบ้าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง

          โชคดีที่ดิฉันพบพานกับอาการ
อกหัก มาถึงสามครั้งสามครา ไม่เช่นนั้นอาจยังโง่...อาจยังหลง...และอาจยังมองเห็นรักแท้ได้ไม่เร็วนัก

         
หมายเลขบันทึก: 75175เขียนเมื่อ 29 มกราคม 2007 22:26 น. ()แก้ไขเมื่อ 17 เมษายน 2012 23:37 น. ()สัญญาอนุญาต: จำนวนที่อ่านจำนวนที่อ่าน:


ความเห็น (25)
  • เหนือสิ่งอื่นใด..ความรักก็ยังคงงดงามเสมอ
  • จริง ๆ วันก่อนแวะเข้ามาที่ Blog ของอาจารย์, ไม่พบบันทึกใหม่  ตอนแรกก็กะจะเขียนแซว ๆ ในทำนองว่า "หายไปไหนครับ..รออ่าน รอซึมซับความคิดอยู่นะครับ" ...แต่ก็ไม่วายกล้าเขียนถึงเช่นนั้น  วันนี้โชคดีครับได้อ่านบันทึกของอาจารย์อย่างสาสมใจ
  • อันที่จริง อ่านบันทึกของอาจารย์ทุกครั้งผมจะต้องขบคิดค่อนข้างมาก  เพราะดูเหมือนอาจารย์จะ "ห้วน ตรง"  อยู่มาก  แต่เนื้อในของบันทึกคือความนุ่มเนียนของความคิดที่ทำให้ผมกล้าที่จะอ่าน กล้าที่จะซึมซับและกล้าที่จะเขียนบันทึกโต้ถาม, ทั้ง ๆ ที่บ่อยครั้งเรื่องที่ผมโต้ถามนั้นอาจไม่เกี่ยวข้องหรือสัมพันธ์กันเลยกับบันทึกของอาจารย์,   แต่ก็พึงใจที่จะปฏิบัติเช่นนั้น
  • ความรักในบ้าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่ง”
    วันนี้ผมพาคุณแผ่นดินตัวจริงในวัย 4 ขวบไปดูหนังเรื่องพระนเรศวรฯ ...โดยมีเจ้าแดนไทตัวเล็กไปนั่งชม นอนดูอยู่ข้าง ๆ  ตลอดทั้งเรื่องเขาจะถามว่า "ใครที่ชื่อพระเจ้าแผ่นดิน"  ผมก็บอกว่าท่ายยังไม่โต  และบอกกับเขาว่า ผมรักแผ่นดิน พอ ๆ กับพระเจ้าแผ่นดิน
  • เจ้าแผ่นดินตัวน้อยบอกกับผมว่า..เขารักชื่อของเขามาก..และถามผมว่า  ชื่อ "แดนไท" กับ "แผ่นดิน" อันไหนใหญ่กว่ากัน ..ผมก็ตอบว่าเท่ากัน และรักเขาทั้งสองเท่ากัน ...เท่ากันกับที่รัก "แผ่นดินไท" ...คราวนี้แกงง...แต่ผมยิ้ม ๆ ๆ
  • นี่เป็นความรักในบ้าน ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งที่นำมาบอกเล่ากับอาจารย์สด ๆ ร้อน ๆ หลังหนังปิดโรงเมื่อ 3 ทุ่มครึ่งที่ผ่านมาเมื่อครู่นี่เอง


ตั้งใจวันนี้

ต้องบอกรักทันที ที่รู้สึก

ขอบคุณ อ ปวีณา คุณแผ่นดิน2 คนและคุณแดนไทที่ ถอดบทเรียน น่าคิด น่าอ่าน มาเผยแพร่ค่ะ

  • ขอบพระคุณ P
  • เช่นเดียวกันค่ะ ปลื้มใจที่ได้เห็นอาจารย์เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นคนแรก ขอบพระคุณสำหรับการเป็นกระจกเงาและเป็นแรงบันดาลใจให้เกิดบันทึกนี้
  • ชอบใจสำหรับคำนิยามว่า "ห้วนตรง" บอกความเป็นตัวตนของตัวเอง
  • ประทับใจและชื่นชมภาพความงดงามอันเกิดจากความรักในบ้านของอาจารย์
  • เชื่อว่าความละเมียดละไมในอารมณ์ของอาจารย์ที่สัมผัสได้จากการส่งผ่านตัวอักษรในบันทึกของอาจารย์ คงส่งผลต่อสัมพันธภาพรักที่ดีระหว่างพ่อกับลูกอย่างแน่นอน
  • คนเป็นพ่อเป็นแม่นั้น มีภารกิจใหญ่หลวงต่อการดูแลลูก เนื่องจากเป็นการดูแลเพื่อภาพในอนาคต ซึ่งเราไม่อาจคาดเดาได้อย่างแม่นตรง แต่คนเป็นลูกดูแลพ่อแม่ได้ง่ายกว่า เพราะดูแลเพื่อภาพที่เกิดขึ้นแล้วในอดีต ไม่ต้องคาดเดา เพราะเป็นภาพชัดแล้วและแม่นตรง
  • แต่ดูเหมือนว่ายังมีผู้คนบางส่วน ไม่นึกถึงอดีตเท่าไรนัก หรือนึกถึงก็เพียงผิวเผิน จึงมีคนแก่คนเฒ่า ถูกทอดทิ้งทางกายบ้าง ถูกทอดทิ้งทางใจบ้าง อย่างที่เราเคยพบเห็นในสังคม
  • ความรักในบ้านยังเป็นจุดเริ่มต้นเสมอค่ะ
  • ขอบพระคุณ P
  • ได้ติดตามอ่านเรื่องราวของอาจารย์หมอ ทำให้ทราบว่าอาจารย์หมอเป็นผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญต่อการสร้างความรักในบ้าน
  • การบอกรักทำได้หลายวิธีค่ะ ไม่เพียงเอ่ยเป็นคำพูดเท่านั้น อาจบอกรักด้วยการกระทำ เหมือนอย่างเราชักชวนให้ผู้คน กระทำความดี เพื่อแสดงว่าเรารักพระเจ้าอยู่หัว นั่นล่ะค่ะ
  • เราจึงสามารถบอกรักผู้คนได้มากมาย ทุกที่ ทุกเวลา ทันทีที่เรารู้สึกค่ะ
  • การมีลูก  ช่วยทำให้ผมกล้าแสดงความรักที่มีต่อพ่อและแม่ได้ง่ายขึ้น หลังจากที่ไม่เคยที่จะกล้าแสดงออกต่อท่านทั้งสอง
  • ขอบคุณเจ้าแผ่นดิน และแดนไท ผู้มาทลายกำแพงน้ำแข็งออกจากตัวผม...ผมรู้และตระหนักว่ารักคุณพ่อและคุณแม่มากนัก..และรักมานานแล้ว เพียงแต่ที่ผ่านมาไม่กล้าแสดงออกเท่านั้นเอง

 

  • บันทึกนี้ หอมกรุ่น สีชมพูหวานแหววนะคะ
  • มีความสุขทุกๆ วัน ค่ะ แต่วันวาเลนไทน์เป็นวันพิเศษนะคะ

 

 P

  • อาจารย์คะ.... หลายครอบครัวมักเขินอายในการแสดงความรักต่อกัน ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการสัมผัส โดยเฉพาะคนในรุ่นก่อน ๆ
  • พ่อแม่ของดิฉันก็เช่นกัน จำได้ว่า ตอนเด็ก ๆ พ่อไม่เคยอุ้มลูกผู้หญิงเลย แต่มักเล่นกับลูกชาย ขึ้นบ่าขี่คอกันบ่อย แม่บอกว่าพ่อไม่ค่อยอยากได้ลูกผู้หญิง เพราะคนจีนเขาชอบมีลูกหลานผู้ชาย
  • ส่วนแม่เองก็ยุ่งอยู่กับการทำมาหาเลี้ยงชีพ ค้าขายไม่มีเวลามานั่งคลอเคลียอยู่กับลูก ตอนเด็ก ๆ ดิฉันกับน้อง ๆ ถูกแม่ดุบ่อย ๆ เวลานัวเนียอยู่กับแม่ แม่จะตะเพิดแล้วบอกว่ารำคาญ
  • ในบ้านจะไม่มีคำบอกรักในเวลาปกติ แต่ดิฉันมักได้ยินท่านสองคนบอกรักก็ตรงเวลาที่ตีลูก ตีไปแล้วก็บอกว่าที่ตีนี่เพราะรักนะ จำได้ว่าขึ้นมัธยมฯ ก็ไม่ถูกตีแล้ว เลยอดยินคำว่ารักอีก
  • ดิฉันรับรู้ความรักของท่านทั้งสองในรูปแบบของความห่วงใย หลาย ๆ เหตุการณ์ที่ผ่านมาดิฉันรู้ซึ้งได้ และตีค่าความห่วงใยนั้นแปรเปลี่ยนเป็นความรักได้มากมายมหาศาลทีเดียว
  • ถ้าท่านไม่กอดดิฉัน ดิฉันก็จะเป็นฝ่ายกอดท่านเอง ถ้าท่านไม่บอกรักดิฉัน ดิฉันก็จะบอกรักท่านเอง
  • เราก็ทำตัวเป็นไม้อ่อน โน้มเข้าหาไม้แก่เสียเองไงคะ...

          สวัสดีค่ะ คุณอร P ชิงบันทึกถึงความรัก ก่อนหน้าวันแห่งความรักเสียได้!! ก็เป็นเพราะมีความรักอยู่ในหัวใจอยู่เสมอค่ะ วันนี้จึงเอ่ยถึงความรักได้อย่างมีความสุข

          รักอย่างมีความสุข คือ แต่ละนาทีที่ผ่านไปของความรัก ควรจะดีที่สุด อย่ามัวไปมองหรือคาดหวังอะไรที่อยู่ข้างหน้า เพราะข้างหน้ามีแต่ความไม่แน่นอน ขอให้มีความสุขอยู่กับความรักในปัจจุบัน ใจเราก็เป็นสุขค่ะ

         
ขอให้คุณอรมีความสุขกับความรักเช่นเดียวกันค่ะ

         

  • อิ่มสุข..ไม่รู้จบ ความรักในบ้านยังเป็นจุดเริ่มต้นเสมอ
  • ขอบคุณบันทึกดี ๆ ที่แตกยอดผลิบานในใจและแผ่กิ่งใบห่มคลุมบ้านพ้นแดดฝน

เห็นหัวข้อ ตอนแรกตกใจ นึกว่าคุณ ปวีณา  อกหัก ^_^

 ชอบคนคิดคำ คำว่า "อ่อนหวาน" จังเลยค่ะ ต้องใช้สำนวนอุทานว่า "คิดได้ไง"  ลึกล้ำๆจริงๆค่ะ วันหลังต้องขอยืมไปใช้มั่งได้มั้ยคะ ^^

สารภาพว่า ที่คลิกเข้ามาอ่าน ไม่ใช่เห็นตรง ชื่อ บันทึกรอกนะคะ  แต่เข้ามาทางชื่อ ปวีณา เพราะคิดถึง "เจ้าของชื่อ" ต่างหาก อยู่ๆก็คิดถึง ทำไมก็ไม่รู้นะคะ

แล้วก็ได้อ่านบันทึกดีๆ เรื่องนี้เป็นรางวัลเลย

^___^

  • คำว่า " อ่อนหวาน " เหมาะกับเขาที่สุด(ปวีณา)  เพราะหาความหวานไม่ค่อยเจอในคำพูด 
  • แต่ต้องเพิ่มคำว่า"จริงใจ"ไปด้วย เพราะขณะที่พูดหวานไม่เป็น แต่ทุกครั้งที่เราได้ฟังน้องเขาพูดเราจะรู้สึกได้ถึง"ความจริงใจ" อย่างเต็มเปี่ยม
  • ขอบคุณอาจารย์พนัส ( แผ่นดิน )ที่แวะมาทายทัก
  • เข้าใจว่าพยายามกระตุ้นให้ดิฉันเขียนบันทึกใหม่ขึ้นมาเรื่อย ๆ
  • รับทราบค่ะ
  • ขอบพระคุณนะคะ
  • ขอบคุณคุณk-jira ค่ะ
  • ที่จริงเมื่อ 3-4 วันก่อนตอนค่ำ ๆ ยังเข้าไปอ่านบันทึกของคุณอยู่ แต่เป็นเพราะสัญญาณ Net ไม่ค่อยดี แสดงความคิดเห็นแล้ว แต่พอคลิ๊กบันทึก ก็หายไปหมดเลย และล่มเข้าไม่ได้อีก จึงไม่ได้ทิ้งรอยไว้
  • ไม่รู้ว่ากระแสจิตของตัวเองส่งถึงคุณk-jira หรืออย่างไร ดิฉันจึงได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณในวันนี้
  • คิดถึงเช่นกันค่ะ และสุขใจเมื่อทราบว่ามีคนคิดถึงเราอยู่
  • จะแวะไปเยี่ยมนะคะ...มีเรื่องข้องใจในการใช้บล็อกมากมายที่จะไปขอความกรุณาให้คุณช่วยตอบน่ะค่ะ.....ขอบคุณล่วงหน้าค่ะ
  • ขอบคุณหัวหน้า ลำดวน ค่ะ
  • ตั้งแต่ทำงานมาก็เพิ่งได้เจอหัวหน้าที่มีลีลาหลากหลายก็คนนี้ล่ะค่ะ เป็นทั้งนาย - พี่ - เพื่อน - คล้าย ๆ แม่ในบางครั้ง และคล้าย ๆ น้องในบางเรื่อง ครบทุกรสชาติจริง ๆ
  • ไม่รู้ว่าบางทีคำพูด "อ่อนหวาน" ของตัวเองจะทำให้หัวหน้าไม่พอใจบ้างหรือเปล่านะคะ แต่ถ้าตีความว่าในนั้นแฝงไว้ด้วย "ความจริงใจ" ก็ถือว่าไม่โกรธกัน ก็แล้วกันเนาะ....
  • รักหัวหน้าค่ะ

เคยเป็นศิษย์เก่า GOTOKNOW ขอศน.ปวีณา  ..อยู่สำนักงานฯเดียวกันแต่ไม่ค่อยเจอหน้ากัน แทบจะไม่มีเวลาพูดคุยกัน   เข้าใจแล้วว่าทำไมไม่ค่อยพูดคุยกัน ปซีณามีโลกส่วนตัวที่มีเพื่อนที่ไม่ต้องมาจ้องหน้าพูดคุย แต่มกด้วยความรู้ และประสบการณ์  ..หลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิต   มันผ่านมาอีกไม่นานก็ผ่านไป อ่านบทความของเพื่อนแล้ว  บอกอาการไม่ถูก รู้สึกอบอุ่น ปลาบปลื้ม   ณ วันนี้ และตลอดไปของมาเป็นนสมาชิกด้วยคนนะจ๊ะ

  • ต้องกลับไปรำลึกว่าศิษย์เราที่เป็นเพื่อนรุ่นพี่นี่ใครหนอ? มาแบบไม่แสดงตัวด้วยนะคะ...แต่ก็ต้องขอขอบพระคุณ สำหรับแง่คิดที่จารึกไว้ให้
  • ..หลายอย่างผ่านเข้ามาในชีวิต   มันผ่านมาอีกไม่นานก็ผ่านไป
  • เป็นธรรมดาของโลกค่ะ สิ่งใด ๆ ที่เกิดขึ้น ถ้าเรา "เข้าใจ" ในสิ่งนั้น เราก็จะเห็นเป็นเรื่องธรรมดาได้ในที่สุด
  • จะ "เข้าใจ" ได้ต้องไม่ "พาใจ" ไปคลุกอยู่กับความรู้สึก ก้าวออกมาแล้วพิจารณาสิ่งที่เกิดขึ้น ซึ่งแต่ละคนอาจใช้เวลาไม่เท่ากัน....มากบ้าง....น้อยบ้าง...
  • เมื่อเรา "ทำใจ" ได้เราก็จะ "สุขใจ" เมื่อนั้น
  • ขอบพระคุณ "เพื่อน(รุ่นพี่)เก่า" อีกครั้งหนึ่งค่ะ
  • ขอสนับสนุนคำพูดของหัวหน้าลำดวนด้วยนะคะ
  • น้องเขาอ่อนหวานแต่จริงใจ  จริงจัง  พอได้ฟังเขาพูดทุกครั้งเป็นเหตุเป็นผล ต้องหยุดคิดตามตลอดเวลา
  • บางทีเขาพูดดูเหมือนจะว่าแต่มีเหตุผลสนับสนุนเลยดูดี
  • โถอายุแค่นี้อกหักมาแล้วตั้ง 3 ครั้ง เนื้อคู่คงยังไม่เกิดมั้ง  รออีกหน่อย
  • ความรักที่แท้จริงคือการเสียสละ  การให้  และการที่เห็นคนที่เรารักมีความสุข
  • ความรักต่างจากความหลง  และความใคร่
  • ที่น้องเคยว่าพี่โง่ ถูกเขาหลอกใช้  คงเข้าใจแล้วใช่ไหม  (ต่อว่าเสียหน่อย) ว่าที่จริงพี่กำลังทำอะไร
  • ความรักทำให้เกิดคติเตือนใจมากมาย เช่น

ถ้ากลัวผิดหวัง ก็อย่าตั้งความหวัง  ถ้าหันหน้าให้เงา เงาจะเดินหนี ถ้าหันหลังให้เงา เงาจะเดินตาม   เมื่อฝุ่นกำลังฟุ้งกระจาย   จงใช้ความสงบสยบความเคลื่อนไหว

"สิ่งสำคัญที่สุดเหลือเวลาอีกไม่มากนักสำหรับการแสดงความรักต่อกัน อย่ารอช้าแล้วจะเสียใจที่ยังไม่ได้เริ่ม "

"ความรักไม่ใช่เรื่องน่าอาย  มีคนรักดีกว่ามีคนเกลียด"

 


สุมาลี พิเชฏฐ์พงษ์

ปากบอกว่าไม่             แต่ใจต้องการ

ไม่รักสักนิด                 แต่กลับคิดถึง
ไม่คิดคำนึง                 ใยจึงนอนฝัน
ไม่หึงไม่หวง               แต่ห่วงทุกวัน
ไม่คิดผูกพัน               แต่ยังเฝ้าคอย

ความรักเป็นพลัง ความหวังเป็นตัวเพิ่มพลัง ถ้าคิดได้อย่างนี้แล้วจะไม่มีวันอกหัก (ฮะ ๆๆๆ ขำกลิ้ง!!!!!!!!)

อ่านแล้วมีความสุข งดงามอยู่ในบันทึกค่ะ  เยี่ยมจริงๆ

คุณปวีณามีความจริงใจและละเมียดละไมในการคิด..จะมีความอบอุ่นใจและสบายใจทุกครั้งที่ได้มาอ่าน/ตามชื่นชมความคิด

..."ความรักแบบให้"เป็นความรักที่กว้างขวางและอบอุ่น...

ความรักในบ้านเป็นเหมือนขุมกำลังแห่งหัวใจค่ะ...เชื่อว่าอาจารย์กุ้งมีขุมกำลังแห่งหัวใจที่แข็งแกร่ง

แม้จะมีขาดๆหายๆไปบ้างแต่ก็ไม่เคยหมดใจที่จะรักและดูแลตัวเองและคนใกล้ชิด...

  • แวะมาเติมเต็มความรักก่อนวันวาเลนไทน์ค่ะ
  • คนที่ผ่านการ อกหัก มาจะเรียนรู้เรื่องความรักเป็นอย่างดี  
  • ถ้าเขาเฝ้าแต่โหยหาความรัก  รักนั้นก็จะหลุดลอยไปทุกที   แต่ถ้าเขา"รักที่จะให้"  ความรักนั้นก็จะกลับมาห่อหุ้มตัวเขาในที่สุด
  • มีความสุขในวันวาเลนไทน์และทุกวันนะคะ

                            

สุมาลี พิเชฏฐ์พงษ์

          ตัวเองเลือกที่จะไม่คาดหวังค่ะ เพื่อจะได้ไม่ต้องพบกับความผิดหวัง....จำได้ไหมว่า พี่สุขอเป็น "คนแรก" แต่น้องกุ้งชอบ "คนสุดท้าย" (เมื่อคราวไปอบรมที่ รพ.บางปลาม้า)

         เพราะความต่างเราจึงอยู่ด้วยกันได้ไง....เกี่ยวมั๊ยเนี่ย!!!

seangja

  • ขอบคุณคุณขวัญค่ะ ที่ห่วงใยกันอยู่เสมอ
  • เรื่องไม่สบายใจคงมีอยู่บ้าง เรามันก็คนธรรมดา ๆ คนหนึ่ง แต่ยิ่งพูดถึงก็พาลทำให้ไม่สบายใจกันไปเปล่า ๆ ทั้งเราและคนอื่น
  • ตัวเองเป็นคนขี้ลืม ก็ลืม ๆ มันไปซะ พูดแต่เรื่องดี ๆ จะได้มีกำลังใจค่ะ
  • ทำการเปิดเผยความลับ 5 ข้อไปแล้วตามคำขอของคุณขวัญนะคะ
  • ขอบคุณมากค่ะ

อ.ลูกหว้า

  • ที่คิดว่าตัวเองเคยเข้าใจความรักนั้น บางเวลาชักไม่แน่ใจค่ะ
  • คงมีแง่มุมที่ให้เราได้เรียนรู้อยู่เรื่อย ๆ นะค่ะ
  • คงหาบทสรุปของความรักได้ยาก เอาเป็นว่าเข้าใจระดับหนึ่งก็แล้วกัน
  • ขอบพระคุณสำหรับการเติมเต็มความรักค่ะ

 

พบปัญหาการใช้งานกรุณาแจ้ง LINE ID @gotoknow
ClassStart
ระบบจัดการการเรียนการสอนผ่านอินเทอร์เน็ต
ทั้งเว็บทั้งแอปใช้งานฟรี
ClassStart Books
โครงการหนังสือจากคลาสสตาร์ท